Group Blog
 
<<
มิถุนายน 2561
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
13 มิถุนายน 2561
 
All Blogs
 
ล่องกัลปาลัย - หมอกมุงเมือง




ผู้เขียน: หมอกมุงเมือง
สำนักพิมพ์ ณ บ้านวรรณกรรม
ปีที่พิมพ์: 2555
สองเล่มจบ

ผู้เขียนให้หนังสือเล่มนี้มาหลายปีแล้ว แต่เพิ่งมีโอกาสได้ไปเอามาจากเมืองไทยเมื่อปีกว่าที่ผ่านมานี่เองตอนที่ไปเมืองไทย ก็เลยเพิ่งจะได้อ่าน

เป็นเรื่องเกี่ยวกับนักเขียนสาวชื่อปีระกาที่นับแต่เล็กๆ มาแล้วมีใครคนหนึ่งคอยช่วยเหลือและดูแล ปีระกาไม่เคยเห็นตัวตนของคนๆ นั้นเลย รู้ก็แต่ว่าชื่อธาม และได้ยินแต่เสียงที่พูดด้วยหรือคอยเตือนเวลามีเหตุร้าย 

ปีระกาเป็นนักเขียน เริ่มจากเขียนนิยายวัยรุ่นที่ไม่ประสบความสำเร็จเลย จนธามพาเอาวิญญาณของคนตายมาเล่าเรื่องราวความตายของตัวเองให้ฟัง แล้วปีระกาเอามาเขียน เริ่มจากคดีเสทือนขวัญที่มีคนพบศพคนจมน้ำตาย ปีระกาเอามาเขียนเป็นนิยายเรื่อง เล่ห์สังหาร ปรากฏว่าประสบความสำเร็จท่วมท้นเพราะเป็นเรื่องที่สมจริงมาก จนต่อมาเป็นเรื่องของพี่น้องในตระกูลหนึ่งที่ทยอยกันถูกฆ่าตายทีละคน หลายๆ อย่างที่ปีระกาเขียนในหนังสือเป็นเรื่องที่สาธารณชนไม่ควรรู้เพราะคดียังไม่คลี่คลาย จนนายตำรวจที่รับผิดชอบคดีนั้นสงสัยว่าปีระกาได้ข้อมูลมาจากไหน และเพราะดูเหมือนปีระกาจะรู้เกี่ยวกับคดีเหล่านั้นมากเกินไป การณ์ก็เลยกลายเป็นว่าในที่สุดปีระกาเองกลายเป็นเป้าหมายของคนร้าย และอยู่ดีๆ คุณกรรณนิการ์ เหยื่อคนล่าสุดของคนร้ายที่เป็นวิญญาณมาเล่าเรื่องที่ตัวเองตายให้ปีระกาฟังเกิดหายตัวไปเพราะได้เวลาไปเกิดใหม่ ปีระกาก็เลยเขียนเรื่องล่าสุดไม่จบเพราะไม่รู้จะเขียนต่อว่ายังไง

อีกอย่างคือปีระกาได้รับจดหมายบอกว่าตัวเองเป็นทายาทมรดกคฤหาสต์ของย่าทวดที่หมู่บ้านตรงชายแดนไทย-พม่าชื่อปางงิ้วดำ ไปเห็นว่าบ้านของปู่ทวด-ย่าทวดที่ตอนแรกคิดว่าคงเป็นบ้านเก่าๆ ในชนบท กลับกลายเป็นปราสาทชื่อทับสนธยา ตามคำบรรยายต้องเรียกว่าปราสาทแหละค่ะ ไม่ใช่คฤหาสต์เลยด้วยซ้ำ เพราะมีหอคอย มีห้องใต้ดิน ขนาดก็คงใหญ่มาก ย่าทวดของปีระกาชื่อคุณผอบแก้วเพิ่งตาย ทับสนธยาก็เลยมีเหลือก็แต่คนดูแลบ้านชื่ออาตม์กับเด็กรับใช้อีกคนคอยดูแล 

เรื่องราวอีกเรื่องเกิดขึ้นที่นั่นเมื่อปีระกาได้เรียนรู้ถึงความเป็นมาของทับสนธยา รู้ว่าปู่ทวดผู้สร้างบ้านหลังนั้นชื่อหลวงอนุรักษ์วนาดร ชื่อเดิมเศาร์ มีการเล่าย้อนเหตุการณ์ในอดีต เรื่องความเป็นมาของหลวงอนุรักษ์และภรรยา ผอบแก้ว หลวงอนุรักษ์เรียนจบด้านการป่าไม้จากอินเดีย ตอนที่อยู่อินเดียได้หนังสือเล่มหนึ่งมา หนังสือเล่มนั้นชื่อกัลปาลัย ซึ่งจริงๆ คือทางนำไปสู่สถานที่ในจินตนาการชื่อเมืองวิเทหะนคร ซึ่งพอหลวงอนุรักษ์รู้ว่าอะไรเป็นอะไรก็เดินทางเข้าๆ ออกๆ หรือจรดลจากโลกขณะนั้น ซึ่งก็คือสมัยสงครามโลก กับเมืองในจินตนาการแห่งนั้น ได้พบเจ้าหญิงมณีเรขา ซึ่งหลวงอนุรักษ์หลงรัก ในขณะที่แต่งงานกับผอบแก้วตามความต้องการของพ่อของผอบแก้วซึ่งเป็นเจ้านายของตัวเองโดยไม่มีความรักต่อกัน 

เมืองวิเทหะนครในเวลานั้นกำลังถูกสิงหเมฆินทร์เข้ายึด สิงหเมฆินทร์จับตัวพระราชาและพระมเหสีซึ่งเป็นพ่อและแม่ของเจ้าหญิงมณีเรขาไว้เป็นตัวประกัน บังคับให้เจ้าหญิงมณีเรขาแต่งงานกับตัว มีอยู่คราวหนึ่งที่หลวงอนุรักษ์จรดลกลับมาโลกปัจจุบันจากวิเทหะนคร สิงหเมฆินทร์ตามติดมาด้วยโดยที่เศาร์ไม่รู้ สิงหเมฆินทร์ข่มขืนผอบแก้ว แล้วติดอยู่ในโลกปัจจุบัน หรือที่ในเรื่องเรียกอิสรภพอยู่ระยะหนึ่ง ช่วงเวลานั้นทำให้สิงเมฆินทร์รู้ว่าเวลาติดอยู่อิสรภพ ความทรงจำของตัวเองจะค่อยๆ ลบเลือน จึงต้องหาทางกลับไป 

เรื่องเล่าย้อนไปในอดีตในโลกจินตนาการอีกว่าเจ้าหญิงมณีเรขามีน้องชายฝาแฝดชื่อธามบดี ซึ่งถูกเผาเป็นบรรณาการจนไม่มีร่างเหลืออยู่ และต้องตามหาคนที่มาปลดปล่อย เรื่องคลี่คลายในที่สุดว่าธามก็คือธามบดีนั่นเอง และการที่ธามคอยปกป้องดูแลปีระกาก็เพราะปีระกาคือผู้ปลดปล่อยคนนั้น เหตุที่ปีระกาเป็นอย่างนั้นก็เพราะจริงๆ แล้วเศาร์ไม่ใช่ปู่ทวดของปีระกา แต่เป็นสิงหเมฆินทร์ที่ข่มขืนผอบแก้ว ซึ่งก็ทำให้ปีระกาเป็นผลผลิตของอิสรภพกับภพในจินตนาการ 

เรื่องนี้จบเมื่อเหตุการณ์หลายๆ เรื่องที่ในเล่มแรกเหมือนไม่เกี่ยวข้องกันมาสรุปเกือบจะร่วมกันในที่สุด เป็นเรื่องที่มีปมเยอะมาก แต่ไม่งงเลยค่ะ แล้วปมทั้งหมดก็ไม่ใช่ว่าไปเปิดเผยรวดเดียวในตอนจบด้วย แต่เป็นแบบค่อยๆ เปิดเผยด้วยวิธีการต่างๆ กัน มีตั้งแต่ย้อนไปในอดีต หรือมีตัวละครเป็นผู้เล่า แต่ถึงจะค่อยๆ คลื่คลายไปเรื่อยๆ ก็ยังมีปมชวนให้ติดตามต่อไปอีก 

เป็นเรื่องที่แสดงให้เห็นถึงจินตนาการของผู้เขียนที่บรรเจิดมากค่ะ เป็นแฟนตาซีที่ผสมผสานกับความเป็นจริงได้ลงตัวดีเลย ภาษาที่ใช้ก็สวยมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษาที่ใช้กับฉากในโลกจินตนาการ ตอนท้ายๆ เรื่องนี่ลุ้นมาก ลุ้นที่สุดคงเป็นบทสรุปความสัมพันธ์ระหว่างธามกับปีระกา เมื่อธามได้รูปของตัวเองกลับคืนมาแล้วกลายเป็นธามบดี ก็ลุ้นให้ได้กับปีระกาเพราะต่างก็แสดงออกว่ารักกัน อยากรู้ว่ากรณีสองคนนี้จะจบยังไง แต่แล้วก็...เฮ้อ ผิดหวัง

มีข้อสงสัยค่ะ เผื่ออาจารย์หนุ่ม (ผู้เขียน) มาอ่าน เป็นคำถามที่ไม่เข้าท่าเท่าไหร่ แต่คาใจน่ะค่ะถ้าไม่ถาม

ข้อแรกคือหลังจากเศาร์ตาย แล้วผอบแก้วมีชีวิตอยู่ยังไง ผอบแก้วไม่ได้ทำงาน มีลูกชายต้องเลี้ยงดู มีปราสาทใหญ่ขนาดนั้นต้องดูแล คือตามประสาคนทำงานมาแทบจะทั้งชีวิต ก็เลยสงสัยว่าผอบแก้วเอาเงินมาจากไหนมาใช้เพื่อการคงอยู่ในชีวิตประจำวัน ในเมื่อเศาร์ผู้เป็นสามีหายไปกะทันหัน คงไม่ได้ทิ้งเงินไว้ให้มากมาย พ่อแม่ก็ตายเกือบพร้อมกันไปก่อนหน้านั้นแล้ว ย้อนไปอีกนิดค่ะ เศาร์เอาเงินมาจากไหนเพื่อมาสร้างบ้านใหญ่ขนาดนั้น เศาร์เป็นข้าราชการป่าไม้ ถึงตำแหน่งจะใหญ่พอสมควรนะคะ แต่บ้านหลังขนาดนั้น คงหลายตังค์อยู่

อีกข้อคือเมืองวิเทหะนครเป็นเมืองที่เกิดจากจินตนาการของเศาร์ หมายความว่าเพราะกัลปาลัยใช่ไหมคะที่ช่วยให้เศาร์จินตนาการเมืองนั้นขึ้นมาได้ และคงเมืองนั้น รวมทั้งคนที่นั่นไว้ ในตอนจบของเรื่องเมื่อกัลปาลัยสลายตัวไป คือค่อยๆ เปื่อยยุ่ยไป แต่เศาร์ยังคงติดอยู่ในวิเทหะนคร แล้ววิเทหะนครจะยังคงอยู่หรือคะถ้าที่นั่น รวมทั้งทุกคนที่นั่นมีกัลปาลัยเป็นตัวสร้างและ sustain ให้คงอยู่ได้ ถ้าวิเทหะนครสลายตัวไปด้วยแล้วเศาร์ไปอยู่ตรงไหน หรือถ้ารู้ว่าไม่มีหนังสือเล่มนั้นแล้วทุกอย่างจะดับสูญ ทำไมไม่มาอยู่ในอิสรภพกันล่ะค่ะ ทั้งธามด้วย ธามก็จะได้อยู่กับปีระกาด้วย 

คำถามทั้งหมดนั้นรู้เลยค่ะว่าเป็นเพราะอ่านเรื่องแฟนตาซีน้อยมาก 



Create Date : 13 มิถุนายน 2561
Last Update : 13 มิถุนายน 2561 12:07:52 น. 1 comments
Counter : 1450 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณjackfruit_k


 
สวัสดีครับคุณไก่ ขอบคุณมากครับที่หยิบเรื่องนี้มารีวิว
เรื่องนี้เขียนมานานหลายปีเลยครับ ความทรงจำอาจจะเลือนๆไปบ้างนะครับผม

เรื่องผอบแก้ว ตอนที่เขียนเอง อาจจะไม่ได้ลงรายละเอียดตัวละครในเรื่องนี้มากนักครับ ตอนนั้นคิดแต่ว่า เมื่อมาอยู่ทับสนธยา และเศาร์เองเดินทางผ่านกัลปาลัยหลายครั้งในช่วงแรกๆ ซึ่งวัตถุที่อยู่ในโลกกัลปาลัย เมื่อผ่านเข้าสู่โลกแห่งความจริง จะกลายเป็นของมีค่า ขึ้นมา ซึ่งอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ เศาร์สามารถสร้างทับสนธยาขึ้นมาได้ รวมถึงเป็นทรัพย์สินที่ทำให้ ผอบแก้วสามารถใช้ชีวิตต่อมาได้ครับ

ส่วน ประเด็นการเสื่อมสลายของกัลปาลัย ในโลกปัจจุบัน ตอนเขียนมองว่า การล่องกัลปาลัย เป็นช่องทางเชื่อมต่อระหว่างสองโลก การเสื่อมสิ้นของสมุดกัลปาลัย เป็นเพียงการยุติหรือตัดขาดระหว่างการเดินทาง ระหว่างสองภพ เท่านั้นเอง โลกของกัลปาลัย ก็จะดำเนินต่อไป ในมิติเวลาของมันเอง เช่นเดียวกับโลกปัจจุบัน แต่การเชื่อมต่อสิ้นสุด เมื่อ "เครื่องมือ" คือกัลปาลัยนั้น จบสิ้นลง ครับ


โดย: สามปอยหลวง วันที่: 20 มิถุนายน 2561 เวลา:9:12:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kdunagin
Location :
South Carolina United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 25 คน [?]




จำหลักไว้ในสายลม
กุลธิดา
www.mebmarket.com
แม้เป็นรักที่แอบเร้น หากก็ขออย่าเลือนไปกับสายลม
บาเคอร์
กุลธิดา
www.mebmarket.com
ราณียิ้มขมขื่น คำนั้นมีความหมายอย่างที่สุด บาเคอร์…วันพรุ่งนี้…ตามการออกเสียงของคนอิรัก เป็นสิ่งที่เธออยากเก็บไว้กับตัวแต่เพียงผู้เดียวตลอดไป…หรือจนกว่าจะได้พบเขาอีก เพราะนั่นคือคำสุดท้ายที่เขาบอกก่อนจะจากกันในเช้าวันนั้น ที่บ้านย่าของเขา และเธอกำลังร้องไห้แทบขาดใจ ‘มีวันพรุ่งนี้เสมอนะราณี’ และเธอก็ยึดถือคำพูดนั้นของเขาเป็นสรณะนับแต่นั้นมา เป็นความหวังเดียวที่มี ว่าวันหนึ่งเธอและเขาจะได้พบกันอีก แม้อาจไม่ใช่ในโลกนี้ก็ตาม
Friends' blogs
[Add kdunagin's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.