Bloggang.com : สมาชิกหมายเลข 4149951 : การหายใจแบบ Cheyne

การหายใจแบบ Cheyne – Stokes

ขอบคุณของแต่งบล็อกโดย...

ไลน์สวยๆโดย...ญามี่ / ภาพกรอบ กรอบ goffymew / โค๊ตบล็อกสำหรัมือใหม่ กุ๊กไก่ / เฮดบล็อก เรือนเรไร /ไอคอน ชมพร / สีแต่งบล็อก Zairill /ภาพไอคอนRainfall in August / แบนด์..การ์ตูน ไลน์น่ารักๆๆจาก... oranuch_sri Mini Icon goragot

เครดิตภาพบีจี เรือนเรไร

เครดิตภาพไลน์ ญามี่

เพลงรักเปียโนที่สวยงามตลอดกาล - เพลงรักบรรเลงเปียโนที่ดีที่สุด

ไอคอน oranuch_sri

การหายใจแบบ Cheyne – Stokes เป็นรูปแบบการหายใจที่ผิดปกติโดยมีลักษณะการหายใจลึกขึ้นเรื่อย ๆ และบางครั้งก็เร็วขึ้นตามด้วยการลดลงทีละน้อยซึ่งส่งผลให้หยุดหายใจชั่วคราวเรียกว่าภาวะหยุดหายใจขณะ รูปแบบจะเกิดขึ้นซ้ำ ๆ โดยแต่ละรอบมักใช้เวลา 30 วินาทีถึง 2 นาที เป็นการสั่นของการช่วยหายใจระหว่างภาวะหยุดหายใจขณะหยุดหายใจและภาวะ hyperpnea ด้วยรูปแบบ crescendo-diminuendo และเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงความกดดันบางส่วนของออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ในซีรัม

การหายใจแบบ Cheyne – Stokes และการหายใจเป็นระยะเป็นสองบริเวณที่มีความรุนแรงของปริมาตรน้ำขึ้นน้ำลง ความแตกต่างอยู่ที่สิ่งที่สังเกตได้ที่รางระบายอากาศ: การหายใจแบบ Cheyne – Stokes เกี่ยวข้องกับการหยุดหายใจขณะหยุดหายใจ apnea (เนื่องจากภาวะหยุดหายใจเป็นลักษณะเด่นในคำอธิบายดั้งเดิม) ในขณะที่การหายใจเป็นระยะเกี่ยวข้องกับภาวะ hypopnea (หายใจน้อยผิดปกติ แต่ไม่ขาด)

ปรากฏการณ์เหล่านี้สามารถเกิดขึ้นได้ในระหว่างการตื่นนอนหรือระหว่างการนอนหลับซึ่งเรียกว่ากลุ่มอาการหยุดหายใจขณะหลับส่วนกลาง (CSAS)

อาจเกิดจากความเสียหายของศูนย์ทางเดินหายใจหรือความผิดปกติทางสรีรวิทยาในภาวะหัวใจล้มเหลวและยังพบได้ในทารกแรกเกิดที่มีระบบทางเดินหายใจที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะและในผู้ที่เพิ่งขึ้นสู่ที่สูง ตัวอย่างหนึ่งคือรูปแบบการหายใจใน Joubert syndrome และความผิดปกติที่เกี่ยวข้อง

พยาธิสรีรวิทยา
สาเหตุอาจรวมถึงภาวะหัวใจล้มเหลวไตวายพิษจากสารเสพติดและความดันในกะโหลกศีรษะสูงขึ้น พยาธิสรีรวิทยาของการหายใจแบบ Cheyne – Stokes สามารถสรุปได้ว่าภาวะหยุดหายใจที่นำไปสู่การเพิ่มขึ้นของ CO2 ซึ่งทำให้เกิด hyperventilation มากเกินไปซึ่งจะทำให้ CO2 ลดลงซึ่งเป็นสาเหตุของภาวะหยุดหายใจขณะเริ่มวงจรใหม่

ในภาวะหัวใจล้มเหลวกลไกของการสั่นคือการตอบสนองที่ไม่เสถียรในระบบควบคุมการหายใจ ในการควบคุมระบบทางเดินหายใจตามปกติการตอบสนองเชิงลบจะช่วยให้สามารถรักษาระดับความเข้มข้นของก๊าซในถุงได้อย่างคงที่และระดับออกซิเจนและคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในเนื้อเยื่อจึงคงที่ ที่สภาวะคงที่อัตราการผลิต CO2 จะเท่ากับอัตราสุทธิที่มันถูกหายใจออกจากร่างกายซึ่ง (สมมติว่าไม่มี CO2 ในอากาศแวดล้อม) เป็นผลมาจากการระบายอากาศในถุงและความเข้มข้นของ CO2 ในตอนท้าย เนื่องจากความสัมพันธ์นี้ชุดของสถานะคงที่ที่เป็นไปได้จึงก่อให้เกิดไฮเพอร์โบลา:

การระบายอากาศในถุง = การผลิต CO2 ของร่างกาย / เศษส่วน CO2 ในน้ำขึ้นน้ำลง
ในรูปด้านล่างความสัมพันธ์นี้คือเส้นโค้งที่ตกลงจากด้านซ้ายบนไปด้านล่างขวา เฉพาะตำแหน่งตามแนวโค้งนี้เท่านั้นที่อนุญาตให้การผลิต CO2 ของร่างกายได้รับการชดเชยอย่างแน่นอนโดยการหายใจออกของ CO2 ในขณะเดียวกันก็มีเส้นโค้งอีกเส้นหนึ่งที่แสดงในรูปเพื่อความเรียบง่ายเป็นเส้นตรงจากล่างซ้ายไปขวาบนซึ่งเป็นการตอบสนองของการระบายอากาศของร่างกายต่อระดับต่างๆของ CO2 โดยที่เส้นโค้งข้ามคือสถานะคงที่ที่เป็นไปได้ (S)

ผ่านปฏิกิริยาตอบสนองการควบคุมการหายใจการลดลงเล็กน้อยในการช่วยหายใจ (A) นำไปสู่การเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่สอดคล้องกัน (A ') ในความเข้มข้นของ CO2 ในถุงซึ่งรับรู้โดยระบบควบคุมการหายใจเพื่อให้มีการช่วยหายใจเพิ่มขึ้นเล็กน้อยตามมา (B) สูงกว่าระดับสถานะคงที่ (S) ซึ่งช่วยกู้คืน CO2 กลับสู่ค่าสถานะคงที่ โดยทั่วไปการรบกวนในการระบายอากาศชั่วคราวหรือต่อเนื่องระดับ CO2 หรือออกซิเจนสามารถต่อต้านได้โดยระบบควบคุมการหายใจด้วยวิธีนี้

อย่างไรก็ตามในสถานะทางพยาธิวิทยาบางอย่างการตอบกลับมีพลังมากกว่าที่จำเป็นในการคืนระบบให้กลับสู่สภาวะคงที่ แต่การระบายอากาศจะมากเกินไปและอาจก่อให้เกิดการรบกวนตรงข้ามกับสิ่งรบกวนเดิมได้ หากการรบกวนทุติยภูมิมีขนาดใหญ่กว่าเดิมการตอบสนองครั้งต่อไปจะยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าการสั่นที่มีขนาดใหญ่มากจะพัฒนาขึ้นดังแสดงในรูปด้านล่าง

เงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง
รูปแบบการหายใจที่ผิดปกตินี้ซึ่งการหายใจขาดหายไปเป็นระยะเวลาหนึ่งและเร็วเป็นช่วงเวลาหนึ่งสามารถเห็นได้ในผู้ป่วยที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวโรคหลอดเลือดสมองภาวะ hyponatremia การบาดเจ็บที่สมองและเนื้องอกในสมอง ในบางกรณีอาจเกิดขึ้นได้กับคนที่มีสุขภาพดีในระหว่างการนอนหลับที่ที่สูง สามารถเกิดขึ้นได้กับโรคสมองจากการเผาผลาญที่เป็นพิษทุกรูปแบบ มันเป็นอาการของพิษคาร์บอนมอนอกไซด์พร้อมกับอาการหมดสติหรือโคม่า การหายใจประเภทนี้แตกต่างจากภาวะซึมเศร้าทางเดินหายใจซึ่งมักพบเห็นได้บ่อยหลังจากการให้มอร์ฟีน

โรงพยาบาลบางครั้งบันทึกการปรากฏตัวของ Cheyne – Stokes การหายใจในขณะที่ผู้ป่วยใกล้จะเสียชีวิตและรายงานว่าผู้ป่วยที่สามารถพูดได้หลังจากตอนดังกล่าวจะไม่รายงานความทุกข์ใด ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการหายใจแม้ว่าบางครั้งจะเป็นการรบกวนคนในครอบครัวก็ตาม

รูปแบบที่เกี่ยวข้อง
การหายใจของ Cheyne – Stokes ไม่เหมือนกับการหายใจของ Biot ("การหายใจแบบคลัสเตอร์") ซึ่งกลุ่มของการหายใจมักจะมีขนาดใกล้เคียงกัน

พวกเขาแตกต่างจากการหายใจของ Kussmaul ตรงที่รูปแบบ Kussmaul เป็นหนึ่งในการหายใจลึก ๆ ที่สม่ำเสมอในอัตราปกติหรือเพิ่มขึ้น

ประวัติศาสตร์
อาการนี้ได้รับการตั้งชื่อตาม John Cheyne และ William Stokes ซึ่งเป็นแพทย์ที่อธิบายครั้งแรกในศตวรรษที่ 19

คำนี้กลายเป็นที่รู้จักและใช้กันอย่างแพร่หลายในสหภาพโซเวียตหลังจากการเสียชีวิตของโจเซฟสตาลินในปี 2496 เนื่องจากสื่อมวลชนของสหภาพโซเวียตประกาศว่าสตาลินที่ป่วยมีการหายใจแบบเชย์น - สโตกส์

จาก Wikipedia สารานุกรมเสรี

Create Date : 19 เมษายน 2564

Last Update : 19 เมษายน 2564 8:26:07 น.

0 comments

Counter : 729 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณSweet_pills