ชนะคนอื่นเป็นร้อย ยังไม่ยากเท่าชนะตนแค่คนเดียว...

ตามัว ตาพร่า

ตามัว

     ตามัวเป็นภาวะที่ตาเห็นไม่ชัด
หมายถึง การมองเห็นภาพพร่า ไม่แจ่ม การจะตัดสินว่าตาเห็นชัดเป็นปกติ หรือสายตาปกติหรือเปล่ามีวิธีการวัด

     นั่นก็คือการวัดสายตาแบบทั่วๆไปที่ท่านผู้อ่านบางท่านอาจจะเคยเห็นและเคยถูกวัดมาแล้ว ได้แก่การใช้แผ่นวัดสายตาที่เรียกว่า สเน็ลเล่น (Snellen’s Chart) ประกอบด้วยตัวอักษรมีขนาดใหญ่จากแถวบนและขนาดเล็กถัดลงมาตามลำดับ จนถึงแถวล่างสุดซึ่งมีขนาดตัวเล็กเกือบจิ๋ว แต่ละแถวจะมีตัวเลขกำกับไว้เป็นอัตราส่วนของสายตาคนผิดปกติต่อคนปกติ

     การบันทึกสายตาที่ท่านเคยเห็นจะเขียนว่า 6/6 หมายความว่า ระยะห่าง 6 เมตร ตามมาตรฐานการวัดคนปกติ ยืน ที่หกเมตรก็เห็นตัวเลข เมื่อเทียบกับคนไข้ที่มาวัดก็เห็นที่ระยะเดียวกัน ต่างคนต่างยืนที่ 6 เมตร เห็นอักษรแถวล่างด้วยกัน ถือว่าสายตาไกลปกติ หรืออีกนัยหนึ่ง สายตามาตรฐาน บางสถาบันจะเอาระยะทางเป็นฟุต จะเขียนอัตราส่วนของสายตาเป็น 20/20

     การที่จะบอกว่าตามัว หรือสายตาผิดปกติ ต้องอาศัยตัวเลขที่ปรากฏออกมาจากการที่ผู้นั้นอ่านแผ่นตัวเลขสเน็ลเล่นได้ ครบถ้วนทุกตัวทุกแถวถูกต้องหมดหรือเปล่า

     ถ้าอ่านไม่ครบ หรือเห็นแถวล่างถัดลงมาไม่ชัด ไม่หมดทั้งแถว เห็นเฉพาะบางตัว หรือเห็นเป็นจุด อ่านตัวเลขหรืออักษรผิดๆถูกๆ การบันทึกผลการวัดสายตาจะไม่เป็นไปตามมาตรฐาน อาจเป็น 6/18 หรือ 6/24 (หรือ 20/70 หรือ 20/200)

     บางคนเมื่อจับมาวัดสายตาดังกล่าว มองไม่เห็นตัวเลขหรืออักษรบนแผ่นสเน็ลเล่นเลยแม้แต่ตัวบนสุดซึ่งตัวโตเด่น เห็นได้ชัด แสดงว่าสายตามัวมากหรือต่ำมากๆ นี้แหละที่คนไข้จำเป็นต้องมาหาแพทย์

     บางรายตามัวอยู่ข้างเดียวยังไม่ รู้ตัว เพราะใช้ตาอีกข้างซึ่งเห็นปกติดีชดเชยตลอดเวลา ไม่ทราบเลยว่าตัวเองใช้ตาข้างเดียว จนวันหนึ่งไปหัดยิงปืนหลับตาซ้ายเล็งด้วยสายตาขวา (ถนัดขวา) หรือหลับตาขวาเล็งศูนย์หน้าตาซ้าย (ถ้าถนัดซ้าย) ไหงมองไม่เห็นเป้า? จึงรู้ตัวว่าตาตัวเองมัวเสียข้างหนึ่งแล้วมั้ยล่ะ

เรียกได้ว่า...มาหนึ่งตัว (มัวหนึ่งตา)
อีกประเภท...มาสองตัว (มัวสองตา) ประเภทนี้พบบ่อยเพราะรำคาญตัวเอง อาการบอกชัด ของเคยเห็นดันไม่เห็น เคยมองชัดกลับพร่า หงุดหงิด

จะให้ดีที่สุดก็ได้แก่...ไม่มาสักตัว (ไม่มัวสักตา) เป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา อยากมี อยากให้เป็น และเป็นนานๆ เป็นไปตลอดกาลเป็นไปได้หรือ จะให้ไม่มาสักตัวตลอดกาล

     ท่านหยุดอายุได้หรือไม่ ? ถ้าหยุดได้ ไม่มาสักตัวจะอยู่กับท่านตลอดไป
     เส้นผมยังหงอก ฟันยังผุโยกคลอนง่อนแง่นเรื่อยไปจนกระทั่งปวดเข่า ปวดข้อ ปวดหลัง ปวดเอว ฯลฯ สารพัดเป็นสิ่งที่เลี่ยงกาลเวลา หรือ “ความชรา” ไม่ ได้ ถึงเวลาสิ่งดังกล่าวมาเยือนเอง มาแน่ๆ ไม่เว้นสักคนเดียว ช้าหรือเร็วต่างกันเป็นรายบุคคลเท่านั้น ขึ้นอยู่กับการปฏิบัติตนการใช้งานของมัน (อวัยวะนั้นๆ) สม่ำเสมอและถูกต้องตามวิถีแห่งธรรมชาติที่ควรจะทำเพียงใด

     ภาวะตามัว จึงเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้แล้วจะทราบได้อย่างไร หรือน่าจะมีข้อสังเกตประการใดบ้างว่า ภาวะที่ทำให้ตาเห็นไม่แจ่ม มาจากอะไรได้บ้าง เป็นการประดับความรู้ หรือแนวทางว่าตนเองเข้าข่ายอันไหน

ตามัวมีสาเหตุได้หลายประการ เพียงแต่บ่นว่า “ตามัว” คำเดียว กว่าจะทราบว่ามัวได้อย่างไร หมอตาเหนื่อยแทบตา
พอจะแบ่งสาเหตุออกเป็น 2 ข้อใหญ่ๆ คือ

1. มีความผิดปกติที่ตรวจเห็นได้ชัดเจน
    สาเหตุแห่งตามัวอันนี้อาจแบ่งย่อยออกเป็น 2 ลักษณะที่มาได้อีก คือ
         ก. เป็นความผิดปกติแต่กำเนิด (Congenital)
มีได้หลายอย่างดังจะยกตัวอย่างได้ทราบ เพราะบางคนอาจจะมีความผิดปกติตาข้างใดข้างหนึ่ง หรือพร้อมกันทั้ง 2 ข้าง ตั้งแต่แรกเกิด จนกระทั่งโตเป็นหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ จนถึงคนแก่ สิ่งเหล่านั้นก็ติดตัวเองมาตลอด ได้แก่
          - สาเหตุจากกระจกตาดำ (corned) ตาดำเป็นผ้าขาวมีแผลเป็น กระจกตาดำมีความหนาไม่สม่ำเสมอ
ตา ดำโค้งผิดปกติอาจเป็นรูปกรวยแหลม มองดูเผิน ๆ ดูไม่ออกต้องตรวจด้วยวิธีพิเศษหรือเครื่องมือพิเศษจึงจะเห็นความผิดปกติอัน นี้ ยิ่งโตขึ้น เข้าวัยหนุ่มสาว หรือผู้ใหญ่ อาการจะแสดงออกชัดมากคือตามัว วัดแว่นตาไม่สามารถประกอบแว่นได้ดี หรือกระจกตาดำเล็กผิดปกติ หรือโตเกินไปได้แก่พวกต้อหินแต่กำเนิด
          - สาเหตุจากม่านตาและหรือรูม่านตา (Iris and Pupil) รูม่านตาอาจตีบแคบเหมือนรูเข็มมีการติดรั้งเป็นเส้นเป็นใยบริเวณรูม่านตา เหมือนมีม่านมาขวางทางแสงที่ผ่านเข้ารูม่านตา หรืออีกประเภทตรงข้ามไปเลยคือ ไม่มีม่านตา พวกเหล่านี้เมื่อโตขึ้นมา สายตาจะผิดปกติ การเห็นไม่ชัดเจนตามมาตรฐาน
          - สาเหตุจากเลนส์ตา (Lens) ได้แก่ การมีต้อกระจกชนิดแต่กำเนิด จะมีสาเหตุมาจากอะไรก็ตามที เมื่อคลอดออกมาพบว่าเลนส์ตาไม่ใสเริ่มมีต้อกระจกเห็นเป็นจุดขาว ๆ เล็ก ๆ หรือขาวทั้งเลนส์ตาก็ได้ ถ้าเป็นต้อกระจกชนิดหัดเยอรมันจะขาวโพลนออกมาพร้อมการคลอดเลย ถ้าชนิดอื่นอาจเริ่มเป็นจุดเล็ก ๆ ค่อย ๆ เจริญขยายวงกว้างออกไปเมื่อโตขึ้น ภาวะเลนส์ตาขาวขุ่นจะทวีมากเมื่อวันเวลาผ่านไป ในบางรายตรวจพบเอาเมื่อเด็กโตเป็นหนุ่มสาว หรือเป็นผู้ใหญ่วัยเริ่มต้น (อายุ 20 ถึง 40 ปี)
           -สาเหตุจากน้ำวุ้นลูกตา (Vitreous) น้ำวุ้นลูกตาซึ่งเป็นส่วนของลูกตาที่มีลักษณะเป็นวุ้นใสบรรจุภายในลูกตา เกือบเต็มนับจากด้านหลังเลนส์ตาไปมีลักษณะใสแจ๋ว บางคนมีความผิดปกติมาแต่กำเนิด อาจพบว่าขาวขุ่นได้ ทำให้เข้าใจผิดคิดว่าเป็นต้อกระจกแรกเกิด
ภาวะผิดปกติของวุ้นลูกตาขุ่น นี้ แก้ไขค่อนข้างยาก มักจะตาเสีย กล่าวง่าย ๆ ก็หมายถึงว่าโตขึ้นมาตาก็บอดนั่นแหละ มิทันได้มัวหรือพร่าข้ามขั้นไปบอดเลย
          - สาเหตุมาจากประสาทตา (Optic Nerve) ประสาทตาอาจจะพิการ คือฝ่อขาวซีดมาแต่แรกเกิด พวกนี้อาจต้องค้นหาสาเหตุว่ามีความผิดปกติของสมองด้วยหรือไม่ เด็กสมประกอบหรือเปล่า?
          - สาเหตุจากจอรับภาพในลูกตา (Retina) มีได้มากมายหลายอย่าง ที่พบเสมอขอกล่าวไว้ให้ทราบคือโรคเซลล์ประสาทตาชนิดมีสี (Pigmented cell) มีสภาพเสื่อม คนพวกนี้เมื่อยังเล็กอยู่จะไม่แสดงอาการตามัว ครั้นอายุเข้าวัยหนุ่มสาว หรือเริ่มเป็นผู้ใหญ่บรรลุนิติภาวะตาจะมัว ที่น่าสังเกตคือเมื่อมีแสงสลัวหรือค่อนข้างมืด ตาจะมัวพร่ามากขึ้นมองวัตถุแทบไม่เห็น มีชื่อว่าโรคเรติไนติสปิกเมนต์โตซ่า (Retinitis Pigmentosa) ตาจะมัวลงทีละน้อยตามวันเวลาที่ผ่านไป ถ้าไม่ตรวจด้วยวิธีพิเศษจะไม่ทราบว่าเป็นโรคนี้

     คนไข้ที่เป็นโรคนี้ เมื่อมีอาการจะไปร้านแว่นตาก่อน คิดว่าตนเองมีความผิดปกติทางสายตา ขอประกอบแว่น การวัดแว่นหรือพยายามใส่แว่นจะไม่ได้ผล เพราะความผิดปกติไม่อยู่ที่ภาวะสายตาสั้นหรือยาวหรือเอียง แต่เป็นที่ตัวเซลล์ประสาทตาเสื่อม การรักษาค่อนข้างยาก มักจะมืดลง ๆ จนมองแทบไม่เห็น
นอกจากโรคที่จอประสาทตาดังกล่าว อาจพบภาวะอื่น ๆ ได้อีกหลายอย่างไม่ขอนำมากล่าว เพราะกล่าวไปก็คงไร้ประโยชน์ต่อท่านผู้อ่าน เนื่องจากศัพท์แสงภาษาของหมอตามากมายจนอ่านไม่รู้เรื่อง

     ทั้งหมด ที่กล่าวมาแล้วเป็นภาวะที่นำมาซึ่งตามัวได้ตั้งแต่แรกเกิด หรือแต่กำเนิด ทั้งนี้อาจจะไม่เห็นมาตั้งแต่อุแว้ เรื่อยไปจากมัวทีละน้อย ๆ จนกระทั่งเติบโตเป็นผู้ใหญ่ การที่จะทราบว่าตนเองตาพร่ามัวหรือเปล่า ควรไปตรวจวัดสายตาดูก่อน แล้วจึงจะตรวจขั้นต่อไปได้ว่าต้นเหตุอยู่ตรงจุดไหน เป็นตั้งแต่เมื่อไร ควรจะดำเนินการแก้รักษาอย่างไรต่อไปได้ ขึ้นชื่อว่าผิดปกติแต่กำเนิดแล้ว การแก้ขอเรียนให้ทราบตามตรงว่า...ค่อนข้างยาก

       ข. เป็นขึ้นภายหลัง (acquired)
ตามัวที่เกิดภายหลังกำเนิดมาแล้ว อาจจะแบ่งเป็นข้อ ๆ หรือขั้นตอน ให้อ่านเข้าใจง่ายได้พอสังเขปดังนี้
           1. ตาเข หรือตาเหล่ ภาวะตาเขหรือตาเหล่อยู่กึ่งกลางระหว่าง แต่กำเนิดหรือเกิดขึ้นภายหลังก็ได้ แท้ที่จริงภาวะตาเข อาจมีตั้งแต่แรกคลอดเลยก็ได้หรือจะมาเกิดภายหลังคลอดไปแล้วประมาณ 6 เดือนหรือ 1 ขวบก็ได้ ขึ้นอยู่กับหลาย ๆ ภาวะ แต่ที่แน่ ๆ คือตาเขมักจะพบในเด็กเล็ก ๆ ประมาณตั้งแต่ 1 ขวบขึ้นไป จนกระทั่งเด็กโต เลยไปถึงผู้ใหญ่
ตาเขอาจจะเป็นชนิดใดชนิดหนึ่งก็ได้ คือเขเข้าใน (ตาดำมุดเข้าหาหัวตา) หรือเขออกนอก (ตาดำเบนออกไปทางหางตา) หรือแม้แต่เขขึ้นบนหรือลงล่างได้ทั้งนั้น ผู้มีตาเขจะทำให้ตาข้างนั้นมัวลงสายตาจะด้อยกว่าตาข้างที่ตรง
           2. สายตาผิดปกติ คือสายตาสั้น, สายตายาวหรือสายตาเอียง พวกนี้ตาจะมัว จะตรวจพบได้เสมอในเด็กก่อนวัยเรียน หรือวัยที่กำลังเรียนประถมต้น เด็กจะบ่นว่ามองครูเขียนตัวหนังสือบนกระดานไม่ชัด หรือชอบอ่านหนังสือใกล้ชิดตา ดูทีวีใกล้มาก บ่นปวดศีรษะ ปวดกระบอกตาให้บิดามารดาผู้ปกครองฟังเสมอ ๆ หรือเรียนหนังสือไม่ค่อยรู้เรื่อง เพราะมองไม่ค่อยเห็นการบ้านบนกระดานดำ และอีกหลาย ๆ อย่าง ควรนำไปตรวจวัดสายตาดู แว่นตาจะช่วยได้
           3. อุบัติเหตุ ภาวะอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่กระทบกระทั่งนัยน์ตามีผลทำให้ตามัวลงได้ทันที ตั้งแต่อุบัติเหตุชนิดแผ่วเบาจนถึงรุนแรงลูกตาแตก บอดสนิทในทันที
           4. มีความผิดปกติ เกิดการอักเสบติดเชื้อ มีแผลทีกระจกตาดำ หรือเกิดการอักเสบที่ม่านตา วุ้นลูกตาอักเสบมีหนอง จอประสาทตาอักเสบ ฯลฯ เป็นต้น
           5. เป็นผลมาจากโรคทางร่างกาย อวัยวะส่วนอื่นกระทบมาถึงตา ยกตัวอย่างเป็นต้นว่าโรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวานที่เป็นมานาน ๆ ห้าปีหรือสิบปี โรคทางเนื้อเยื่ออื่น ๆ โรคเกี่ยวกับข้อต่อ วัณโรคเรื้อรัง โรคซิฟิลิส รวมไปถึงโรคภูมิแพ้ โรคระบบประสาทสมอง เช่น ก้อนมะเร็ง หรือหลอดเลือดโป่งพองโตกดบริเวณใดบริเวณหนึ่งที่ใกล้ชิดติดกับประสาทตาทำให้ ตามัว ลานสายตาผิดปกติ
           6. มะเร็งลูกตา ใครเป็นแล้ว น่ากลัว เมื่อเป็นชิ้นส่วนหนึ่งส่วนใดแล้วมีอันตรายถึงตาบอด หรือเสียชีวิตได้ก่อนจะบอด ตาจะมัวมาก่อนถ้ามะเร็งเกิดบริเวณแนวของลานสายตา

2. แปรตามความเสื่อมของร่างกาย
ตามัวชนิดนี้พบได้ในผู้ที่มีอายุเลยวัยหนุ่มสาวไปแล้ว ตามัวที่พบได้ คือ
     1. สายตายาว (Presbbyopia) ผู้ที่มีอายุใกล้ 40 ปี หรือ 40 ปีขึ้นไป การอ่านหนังสือหรือทำงานระยะใกล้ ๆ ประมาณ 1-2 ฟุตไม่ค่อยถนัด ไม่ชัด ทำนาน ๆ รู้สึกปวดกระบอกตา เมื่อยล้านัยน์ตา แสบตา น้ำตาไหลมาก ๆ อยากอาเจียน พาลหงุดหงิด ใกล้ถึง ป.ส.ด. ในบางราย
     2. โรคนัยน์ตาบางชนิด เช่น
         (ก) ต้อหินชนิดมุมเปิด หรือเรียกอีกชื่อว่า ต้อหินเรื้อรัง
         (ข) โรคต้อกระจกชนิดวัยชรา หรือก่อนชรา มีอาการตาพร่ามัว มองเห็นเป็นสีรุ้งรอบดวงไฟในบางครั้ง อาจมีปวดกระบอกตา มึนศีรษะเป็นครั้งคราว ผสมผสานกับตาพร่า กลุ่มคนไข้พวกนี้ค่อนข้างอันตราย ถ้าปล่อยปละละเลยคิดว่าอาการดังกล่าวเป็นสิ่งไม่สำคัญ มองข้ามไปนาน ๆ อาการจะเพิ่มมากขึ้น จนอาจเข้าระยะสายเกินแก้
         (ค) จอประสาทตาเสื่อมตามวัย พบได้ค่อนข้างบ่อย คนไข้พวกนี้มีอาการตามัวข้างใดข้างหนึ่ง หรืออาจสองข้าง ส่วนมากพบเพียงข้างเดียวนำมาก่อน จากการดูเผิน ๆ ภายนอกบอกไม่ได้เลย คนไข้จะไปพึ่งร้านแว่นตามาแล้วแทบทั้งนั้น พยายามคิดว่าตนเองสายตาผิดปกติต้องเปลี่ยนแว่นใหม่ ช่างแว่นบางร้านที่ไม่ใช่พ่อค้าคิดหากำไรเกินไปจากการขายแว่น จะรู้สึกเอะใจว่าวัดแผ่นอย่างไร ๆ ก็ไม่เห็นดีไปกว่าเดิม มักแนะนำไปหาจักษุแพทย์เพื่อตรวจละเอียดถึงสาเหตุที่แน่นอนเสียก่อน แล้วจึงจะพบว่าอาการดังกล่าวมาจากโรคนี้ได้

    ที่กล่าวมาทั้งหมดเป็น เพียงส่วนหนึ่งของสาเหตุที่พอจะบอกได้ว่าตามัว ตาพร่า มาจากอะไร ที่ตรวจพบได้เสมอ ๆ ทางคลินิกจักษุแพทย์อาจมีที่พิสดารไปกว่านี้คงไม่พบบ่อยนัก มีกับผู้ใดก็ถือว่าเป็นโชคของท่านไปก็แล้วกัน จะหมายถึงโชคที่ว่ามีโรคที่เขาไม่เป็นกัน แต่เราเป็น หรืออีกนัยหนึ่งคือ เป็นวิทยาทานที่แพทย์จะได้อาศัยโรคประหลาดของท่านใช้เขียนรายงานเพื่อตี พิมพ์เป็นบทความรายงานโรค (ประหลาด หรือพบได้น้อย) เป็นผลงานเชิงวิชาการประกาศความมีชื่อเสียงของแพทย์ผู้ตรวจพบท่านนั้นไปก็ ได้ จึงไม่ประหลาดใจเลยว่า การจะตรวจค้นหาว่าท่านที่มาบ่นกับจักษุแพทย์เพียงพยางค์เดียวว่า “ตามัว” แพทย์ ต้องตรวจเพื่อความหาสาเหตุกันขนาดไหน บางรายตรวจจนแพทย์ตาลายยังหาคำตอบไม่ได้เลยว่า อะไรคือสาเหตุ เพื่อความไม่ประมาท ผู้เขียนมักจะแนะนำให้ผู้ที่รู้จักมักคุ้น หรือแม้แต่นักศึกษาที่สอนอยู่ว่า คราใดก็ตามที่ท่านมีเวลาว่าง หรือจิตใจสบาย ๆ ลองเอามือบังตาข้างซ้ายแล้ว เอาตาขวามองดูวัตถุที่อยู่ห่างท่านประ-มาณ 6 เมตร หรือ 20 ฟุตซิว่า เห็นชัดแจ่มแจ้งดีหรือไม่ หรือสามารถอ่านตัวอักษรหรือตัวเลขที่มีขนาดสูงประมาณ 1-2 เซนติเมตร ได้หรือเปล่า จากนั้นเปลี่ยนเอามือบังตาขวาแล้วลองมองด้วยตาซ้ายดูบ้าง เปรียบเทียบว่าตาทั้ง 2 ข้างชัดเท่าเทียมกันไหม?

     กรุณาทำทุกครั้งที่ ท่านนึกถึงเรื่องนี้ได้ เป็นการตรวจสายตาหรือสมรรถภาพตาตัวเองไปในตัว ไม่ต้องเสียเวลา ไม่ต้องลงทุนและไม่ต้องพึ่งใคร จนกว่าจะสะดุดใจหรือสงสัยขึ้นมาทันทีที่ปิดตาสลับกันดังกล่าวแล้ว ถ้าตา 2 ข้างเห็นไม่เหมือนกัน กรุณารีบไปปรึกษาจักษุแพทย์ที่ใกล้ที่สุดเถอะครับ เพราะเรื่องที่ท่านบ่นเพียง “ตาพร่า” หรือ ”ตามัว” เท่านั้น แพทย์จะไม่ดูดายอาการของท่านแน่ ๆ


ที่มา : //www.doctor.or.th/article/detail/5413

Smileyขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชมครับSmiley




 

Create Date : 14 กรกฎาคม 2555
12 comments
Last Update : 14 กรกฎาคม 2555 9:42:10 น.
Counter : 71918 Pageviews.

 

ผมไปพบจักษุแพทย์มาแล้ว หมอบอกว่าสายตาปกติ (เพราะมีอาการพร่ามัว และสงสัยว่าตัวเองเป็นต้อลมหรือไม่) แต่ตอนนี้ก็ยังมีอาการพร่ามัว เป็นครั้งคราวแต่เป็นทุกวัน สังเกตตัวเองรู้สึกว่าความอึดในการทำงานลดลง เพลียง่ายกว่าแต่ก่อน ไม่รู้ว่าผลพวงมาจากร่างกายส่วนอื่นผิดปกติจนทำให้สายตาพร่ามัวไปหรือเปล่า ผมอายุ 34 ปีครับ เคยเป็นโรคภูมิแพ้ พวกไซนัสตอนเด็กๆ อ่อตอนนี้ผมจะมีอาการชาตามแขนขาง่ายถ้านั่งทับขาและแขน แถมเป็นตะคริวตามลำตัวง่ายเวลาเกร็งมากๆ ขอบคุณครับ

 

โดย: หนึ่ง IP: 113.53.13.75 15 สิงหาคม 2555 9:09:53 น.  

 

คุณหนึ่งลองไปตรวจเรื่อง โรคอ่อนเพลียเรื้อรังเนื่องจากภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
ที่เกิดจากการกินอาหารไม่ถูกต้อง กินแป้งขัดขาว และน้ำตาลมาก รวมถึงการขาดสารอาหารด้วยเช่นวิตามินBต่างๆ ทำให้เป็นเหน็บชาและเป็นตะคิวด้วย
ขอให้หายไวๆนะคะ

 

โดย: due IP: 183.89.18.92 28 ธันวาคม 2555 17:32:18 น.  

 

ตาพร่ามัวกินนํ้ามันตับปลาช่วยได้ไม๊

 

โดย: Lucky women IP: 27.145.39.4 4 มิถุนายน 2556 20:19:29 น.  

 

ลองปิดตาดูปรากฏว่าตาข้างหนึ่งมัวกว่าเหมือนกับ ข้างหนึ่งเลนส์สะอาด แต่อีกข้างหนึ่งเหมือนเลนส์ที่มีลอยนิ้วมือเลย
ไม่แน่ใจว่าเกิดจากการกินยาสเตียลอยด์หรือเปล่า เพราะก่อนหน้านี้ได้รับสเตียลอยด์ในปริมาณมาก ทำให้หน้าบวม มีหนอกขึ้นที่บริเวณต้นคอด้านหลัง แขนใหญ่ ขาไม่มีแรง ท้องกลม เรียกว่าบวมทั้งตัว น้ำหนักขึ้น แล้วก็เริ่มรับยาendoxen (ไม่แน่ใจว่าเขียนถูกมั้ย) แล้วก็เริ่มตาขวามัว ลืมบอกไปว่าปัจจุบันเป็นโรค เกล็ดเลือดต่ำ

 

โดย: ann IP: 125.24.180.161 16 กันยายน 2556 20:45:39 น.  

 

ตาข้างซ้าย..ชอบมองไม่เห็น..ตอนอาบน้ำเสร็จ..ใหม่ๆ..สักพัก...พอแต่งตัวเสร็จสักพัก..จึงค่อยหาย เป็นบ่อยมาก..ช่วงหลังเนี่ย..อยากทราบว่าเกิดจากอะไร...ขอบคุณครับ!!

 

โดย: ภูวดล วงษ์สกุล IP: 111.84.146.108 6 ตุลาคม 2556 17:49:18 น.  

 

หนูตามัวตั้งเเต่อายุ 14 เเล้วค่ะตาเริ่มมัวข้างซ้าย เเต่ตอนนี้ตาข้างซ้ายมัวมากๆเลยค่ะจนเเทบมองไม่ค่อยชัดเลยค่ะ ตาข้างขวาปกติดีค่ะ หนูกลัวว่าตาจะบอดมากๆเลยค่ะ ต้องทำไงคะ

 

โดย: ดรีม IP: 216.185.58.133 9 มกราคม 2557 18:31:00 น.  

 

ปัจจุบันอายุ 52 ปี จะมีอาการมุมหัวตาอักเสบทั้ง 2 ข้างบ่อยๆ และจะได้ยาหยอดตา Hista-Oph จากคุณหมอและซ้ือเองจากร้านขายยามาหยอดเป็นประจำ แต่ก่อนไม่มีอาการตามัวในระยะไกล อ่านหนังสือใส่แว่นสายตายาวก็อ่านได้เป็นปกติ แต่ตอนนี้เวลาขับรถมองไปไกลๆ แล้วความชัดเจนมันลดลง โดยเฉพาะถ้าขับรถตอนกลางคืน ไม่ทราบว่านอกจากอายุที่มากขึ้นแล้ว สายตาที่มีความชัดเจนลดลงมีปัจจัยจากการอักเสบที่มุมหัวตาที่บอกว่าเป็นต้อลม และการใช้ยาหยอดตาบ่อยๆ ด้วยหรือไม่ จะป้องกันและควรรักษาอย่างไร ขอบคุณครับ

 

โดย: พงษ์ IP: 202.28.46.116 18 เมษายน 2557 23:08:57 น.  

 

จอประสาทตาเสื่อมตามวัย จะมีวิธีรักษามั้ยครับ
อายุ 50ปี เมื่อประมาณปีกว่าๆ สังเกตุว่าตามัวข้างเดียว ไปพบแพทย์แล้ว ก็วัดสายตาแล้วก็ให้ยามาทาน แต่ก็ไม่ดีขึ้น หรือมีวิธีป้องกันก็ยังดี เพราะกลัวว่าอีกข้างจะมัวไปด้วย

ขอบคุณมากครับ

 

โดย: หนึ่ง IP: 1.0.171.3 18 มิถุนายน 2557 20:31:36 น.  

 

วัย 49 ปี อยู่กับ com ทุกวันมันไม่เสื่อมก็บ้าแล้วแต่เห็นคนวัย 55 ปีเค้าอึดมากไม่เป็นอะไรเครียดนะเนียกลัวตาบอดจังพี่สาวแม่งแช่งทุกวันอยากให้เลิกทำงานที่ใช้สายตามากเกินไปมันคงเสื่อมไปตามวัยจะปลูกต้นไม้แล้วพักสายตาสักพัก

 

โดย: jintana IP: 110.49.235.207 5 สิงหาคม 2557 19:07:34 น.  

 

ตามัว มาได้ ประมาณ น่าจะ เกือบ 1 เดือน ค่ะ ข้างขวา
ก่อนหน้านี้ ปกติ ค่ะ ไม่มีปัญหาอะไร ส่วนตาซ้าย ปกติ ค่ะ

เลยอยากทราบว่า มันเกิดจากอะไร ค่ะ

มีตรวจสุขภาพประจำปี ที่ บริษัท ตอนตรวจ เขาแนะนำให้พบแพทน์ แต่ พอเข้าไปพบแพทย์เขาแนะนำให้ตัดแว่น

แต่อยากรุ้ ที่แท้จริงว่า มันเกิดจากอะไร

มีใคร พอทราบบ้างไหม ค่ะ

ชอบตุณ ต่ะ

 

โดย: Apple IP: 180.183.106.146 18 สิงหาคม 2557 9:58:12 น.  

 

หนูอายุ 17 คะ อาการตาพร่ามัวมากๆๆ เวลาหลังตื่นนอน ประมาณ 1 ชั่วโมงคะ เกิดจากอะไรอะคะ ปกติเป็นคนชอบปวดหัวบ่อยๆ แต่ไม่มีไข้ ตอนนี้มีอาการวิงเวียนศรีษะแต่สายตาปกติแล้ว รู้สึกไม่อยากลืมตาคะ เกิดจากอะมีผลข้างเคียงไหมคะ

 

โดย: วราภรณ์ IP: 1.46.39.88 11 มกราคม 2558 11:18:51 น.  

 

สายตาปกติค่ะ แต่รุ้สึกว่าตามัว เวลามองอะไรสักพักภาพจะเบลอ มองไม่ค่อยชัด ไม่รุ้ว่าเป็นเพราะอะไรค่ะ

 

โดย: ปาวีนันท์ IP: 119.42.68.51 17 กันยายน 2559 19:18:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


kitpooh22
Location :
ตรัง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




สวัสดีครับ
..............................
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม และมาเม้นให้ครับ



ขอบคุณครับ :-)
THX


วันเกิดบล็อก 25/5/2009
Google+
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
14 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kitpooh22's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.