ชนะคนอื่นเป็นร้อย ยังไม่ยากเท่าชนะตนแค่คนเดียว...
โรคเบาหวาน (Diabetes Millitus)

น.อ. ปิติ ลักษิตานนท์
อายุรแพทย์ กองอายุรกรรม
ร.พ. ภูมิพลอดุลยเดช พอ.บนอ.

10 คำถามที่พบบ่อยครั้งที่คนไข้มักจะถาม หรือคนไข้ควรจะรับทราบเพื่อประโยชน์ในการดำรงชีวิตอยู่กับโรคเบาหวาน

เบาหวาน เกิดจากอะไร ?
“ ภาวะไม่สมดุลของฮอร์โมนอินซูลิน ผลลัพธ์ คือ น้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ ”

    เบาหวานเป็นโรคที่พบตั้งแต่โบราณ ท่านอาจเคยได้ยินได้ฟังมาก่อนว่า ถ้าชิมปัสสาวะคนไข้เบาหวานจะมีรสหวานก็เป็นเรื่องจริง เนื่องจากมีปริมาณน้ำตาลปนออกมาจากภาวะที่น้ำตาลในเลือดสูงท่วมท้น การกรองของไตออกมาแต่คงไม่ต้องลงทุนทำถึงขนาดนั้นนะครับ
    โรคเบาหวาน คือ ภาวะการไม่สมดุลของฮอร์โมน ชื่อ อินซูลิน ซึ่งมีหน้าที่นำน้ำตาลในเลือดเข้าสู่เซลใช้เป็นพลังงานต่อไป ที่ว่าไม่สมดุลก็คือมีน้อยไม่พอกับความต้องการ หรือมีไม่น้อย (อันที่จริงมากกว่าปกติเสียอีก) แต่ไม่สามารถออกฤทธิ์ต่อผนังเซลได้เต็มที่ ผลก็ออกมาเหมือนกับน้อย คือพาน้ำตาลเข้าไปในเซลไม่ได้ ผลลัพธ์สุดท้าย คือ ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงผิดปกติ อันเป็นภาวะเป็นพิษ ต่อเนื้อเยื่อทั่วไปในร่างกายเมื่อต้องผจญกับภาวะน้ำตาลสูงอยู่เป็นเวลานาน ผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะบ่อย หิวน้ำบ่อย สุขภาพอ่อนเพลีย

    เบาหวานมีกี่ชนิด ?
    “เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลินมักเกิดขึ้นในเด็ก เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลินมักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ การรักษาแตกต่างกัน”
        ถ้าแบ่งกันง่าย ๆ ก็อาจพูดได้ว่า มี 2 ชนิด ชนิดที่ต้องพึ่งอินซูลิน และชนิดไม่ต้องพึ่งอินซูลิน และชนิดไม่ต้องพึ่งอินซูลิน
        เบาหวานชนิดพึ่งอินซูลิน มักเกิดขึ้นในเด็ก รูปร่างผอม เนื่องจากตับอ่อนไม่สามารถสร้างฮอร์โมนอินซูลิน ไม่สามารถใช้ยาเม็ดรับประทานได้
        เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน มักเกิดขึ้นในผู้ใหญ่ รูปร่างอ้วน เนื่องจากอินซูลินไม่สามารถออกฤทธิ์ต่อผนังเซลล์ได้ดี ทำ ให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูง การรักษาอาจเริ่มต้นด้วยการออกกำลังกาย ลดน้ำหนัก และใช้ยาเม็ดชนิดทานในขั้นต่อมา คนไข้ในกลุ่มนี้อาจต้องใช้ยาฉีดอินซูลินบางครั้งหรือตลอดไป ถ้าไม่สามารถคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยยาเม็ด

        คนตั้งครรภ์ก็มีสิทธิเป็นเบาหวานแทรก ?
        “คุณแม่เหล่านี้ต้องทนฉีดยาอินซูลินทุกวันเนื่องจากเบาหวานมีผลต่อเด็กในท้อง หลังคลอดคุณแม่ส่วนใหญ่จะหายจากเบาหวาน”
        สภาพนี้ท่านคงต้องแยกความหมายของคนไข้เบาหวานแล้วตั้งครรภ์ออกจากที่กำลังจะกล่าวคือ ไม่ได้เป็นเบาหวานมาก่อน แต่ตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะเบาหวานขึ้น
        ภาวะนี้เกิดขึ้นได้เนื่องจากฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลงไปในคนท้อง ผลลัพธ์คือ ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ภาวะเบาหวานในคนท้องมีผลต่อเด็กในท้องอย่างยิ่ง คือ ทำให้เด็กไม่แข็งแรง พิการ หรือตัวเล็กกว่าปกติ รกไม่สมบูรณ์เกิดการแท้งได้ง่าย หรือเด็กอาจได้ผลกระทบจากภาวะน้ำตาลสูง ตัวโตกว่าปกติ คลอดลำบาก พอคลอดออกมาอาจมีภาวะแทรกซ้อน น้ำตาลในเด็กต่ำหรือมีภาวะปอดไม่แข็งแรง หายใจลำบาก ดังนั้น เพื่อเห็นแก่เด็กในท้องแม่ทุกคนต้องยอมทนลำบาก ควบคุมอาหารถูกฉีดยาเบาหวานอินซูลินทุกวัน เนื่องจากไม่สามารถใช้ยาเม็ดเบาหวานได้ในคนท้อง เนื่องจากมีผลต่อเด็ก
        ภาวะเบาหวานนี้ส่วนใหญ่จะหายไปหลังจากคลอดแล้ว แต่คุณแม่เหล่านี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นเบาหวานเมื่อแก่ตัวมากขึ้น

        คนไทยเป็นเบาหวานมากน้อย แค่ไหน ?
        “เบาหวานเป็นโรคเรื้อรังไม่หายขาด ถ่ายทอดทางพันธุกรรม โดยสิ่งแวดล้อมมีส่วนสำคัญในการเกิดโรค”

        ประมาณการณ์กันว่ามีประมาณ 4-7% ในช่วงอายุ 30-60 ปี และเนื่องจากเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดจะพบสะสมมากขึ้นเป็น 10-15% ในกลุ่มประชากรอายุเกิน 60 ปี
        เบาหวานเป็นโรคทางพันธุกรรม พ่อแม่ที่เป็นเบาหวานมีโอกาสถ่ายทอดไปยังลูกหลานให้เกิดโรคเบาหวาน นอกเหนือจากพันธุกรรมแล้ว สิ่งแวดล้อม วิธีการดำเนินชีวิต การรับประทานอาหาร การออกกำลังกาย ก็มีส่วนสำคัญต่อการเกิดเบาหวานด้วย

        มาตรการรักษาเบาหวาน ?
        “นอกจากยาเบาหวานแล้วการควบคุมอาหาร การออกกำลังกายไม่ให้อ้วน ก็มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการรักษา”

        เริ่มต้นของคนไข้เบาหวานทุกคนก่อนได้รับการรักษาด้วยยาต้องควบคุมเรื่องอาหาร ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และอย่าให้มี รูปร่างอ้วน ต่อจากนั้นถึงมาตรการใช้ยา ซึ่งมี 2 พวกใหญ่ ๆ คือ ยาเม็ดเบาหวาน และยาฉีดอินซูลิน
        คนไข้เบาหวานทั่วไปมักละเลยเรื่องของการคุมอาหาร การออกกำลังกาย โดยคิดว่าเมื่อทานยาแล้วก็คงหายจากโรค เหมือนโรคทั่วไปอย่างอื่น ซึ่งเป็นความเข้าใจผิด โรคเบาหวานเป็นโรคเรื้อรัง ไม่หายขาด แต่ถ้าควบคุมให้ดีคนไข้จะปราศจากโรคแทรกซ้อนหรือชะลออาการเกิดโรคแทรกซ้อนได้

        อาการเบาหวาน ?
        “ปกติคนไข้เบาหวานถูกห้ามการทานของหวานโดยเด็ดขาด ยกเว้นกรณีฉุกเฉิน มีอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ คือ รู้สึกหัวใจสั่น มือสั่น ความคิดสับสน”

        อาการเบาหวานแบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
        1. ประเภทที่ 1 ห้ามรับประทาน ได้แก่ น้ำตาลทุกชนิดรวมทั้งน้ำผึ้ง ขนมหวาน และขนมเชื่อมต่าง ๆ เช่น ทองหยิบ ฝอยทอง ขนมชั้น ผลไม้กวน ผลไม้แช่อิ่ม หรือเชื่อมน้ำตาล ของขบเคี้ยวทอดกรอบ ถ้าจะดื่มน้ำอัด ให้ดื่มชนิดที่ใส่น้ำตาลเทียม เช่น เป๊ปซี่แม็กซ์ ไดเอทโค๊ก
        2. ประเภทที่ 2 รับประทานได้ไม่จำกัดจำนวน ได้แก่ ผักใบเขียวทุกชนิด เช่น ผักคะน้า ผักกาด ถั่วฝักยาว ผักบุ้ง ทำเป็นอาหาร เช่น ต้มจืด ยำ สลัด ผัด ผัก เป็นต้น
        3. ประเภทที่ 3 รับประทานได้ แต่จำกัดจำนวนทานมากน้อยแค่ไหนขึ้นกับรูปร่างว่า ขณะนั้นอ้วนหรือผอมเกินไปหรือไม่ หรือค้นไข้ทำงานหนักใช้แรงงานมากหรือไม่อย่างไร อาหารในกลุ่มนี้ แบ่งออกเป็น 6 หมวด
       
        หมวดนม                    วันละ 2-3 ส่วน
        หมวดเนื้อสัตว์              วันละ 2-3 ส่วน
        หมวดข้าวและแป้ง         วันละ 6-11 ส่วน
        หมวดผัก                     วันละ 3-5 ส่วน
        หมวดผลไม้                 วันละ 2-4 ส่วน
        หมวดไขมัน                 น้อยที่สุด
       
        
หมวดที่ 1 นม
        นม 1 ส่วน คือ 240 cc. หรือ นมผง 1/4 ถ้วยตวง
       
       
หมวดที่ 2 เนื้อสัตว์
        เนื้อสัตว์ 1 ส่วน เท่ากับ 30 กรับ
        หรือไข่เปิดไข่ไก่ปริมาณ 50 กรัม
       
        หมวดที่ 3 ข้าวและแป้ง 1 ส่วน ได้แก่
        ข้าวสุก                1/2  ถ้วยตวง (1 ทัพพี)
        มะกะโรนีสุก          90  กรัม
        ขนมปังปอนด์         1  แผ่นใหญ่
        ขนมจีน                2  จับ
        ก๋วยเตี๋ยว              1/2  ถ้วยตวง
        มันเทศ                 85  กรัม
        วุ้นเส้นแช่น้ำ          1/2  ถ้วยตวง
       
       
หมวดที่ 4 ผัก
        ประเภท ก ทานได้ไม่จำกัด
        ผักกาดหอม   ผักกาดขาว  ผักบุ้งจีน
        ผักกวางตุ้ง    ผักตำลึง      แตงกวา
        ผักเขียว        แตงร้าน      บวบ
        น้ำเต้า          สายบัว
        ประเภท ข 1 ส่วนเท่ากับ 100 กรัม
        ถั่วฝักยาว     ถั่วลันเตา    ดอกกะหล่ำ
        หอมหัวใหญ่  บรอกโคลี่  ใบขี้เหล็ก
        ดอกกุ่ยช่าย   ชะอม        พริกหวาน
        สะเดา          แครอท     สะตอ
        เห็ด             ผักกะเฉด  ข้าวโพดอ่อน
        ฝักทอง        มะเขือเทศ
       
        หมวดที่ 5 ผลไม้ 1 ส่วนได้แก่
        กล้วยน้ำว้าสุก        1 ผลเล็ก                 อินทผาลัม 2 ผล
        กล้วยหอม            1/2 ผล                   ลูกแพร์ 1 ผลเล็ก
        กล้วยไข่              1 ผล                      น้อยหน่า 1 ผลเล็ก
        ส้มเขียวหวาน        1 ผล                      มะม่วง 1/2 ผล
        มะละกอ              6 ชิ้นคำ                   พุทรา 2 ผล
        สับปะรด              6 ชิ้นคำ                   องุ่น 10-12 ผล
        แตงโม                10 ชิ้นคำ                 เงาะ 3 ผล
        แคนตาลูป            8 ชิ้นคำ                  มังคุด 2 ผล
        แตงไท                1 ถ้วย                    ละมุด 1 ผล
        ลางสาด               5 ผล                     ลิ้นจี่ 3 ผล
        ฝรั่ง                    1 ผล                      ทุเรียน 1 เม็ดเล็กเนื้อบาง ๆ
        ลำไย                  8 ผล                      แอปเปิ้ล 1/2 ผล
        ลูกพรุน               2 ผล                       ชมพู่ 5 ผล
        ส้มโอ                 1/5 ผล                    สตอเบอรี่ 1 ถ้วย
        น้ำมะพร้าวอ่อน      1 ถ้วย                     เนื้อมะพร้าวอ่อน 1/2 ถ้วย
       
       
หมวดที่ 6 ไขมัน
        ควรเป็นไขมันจากพืช แทนไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันรำ น้ำมันฝ้าย ยกเว้นน้ำมันมะพร้าว และน้ำมันปาล์ม ควรงด

        โรคแทรกซ้อนเบาหวาน ?
        “โรคไตวาย โรคหัวใจ อัมพาต ล้วนเป็นโรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในคนไข้เบาหวาน”

        - มักเป็นข้อสงสัยในคนไข้เบาหวานว่าทำไมต้องรักษาระดับน้ำตาลในเลือดให้ปกติในเมื่อทุกวันนี้ คนไข้ก็ไม่มี อาการอะไรมากมาย คำตอบก็คือ เพื่อลดการเกิดโรคแทรกซ้อนใน 5-10 ปีข้างหน้า เนื่องจากจะไปรักษาเมื่อเกิดโรคแทรกซ้อนแล้วก็สายเกินไปเสียแล้ว ไม่สามารถแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วได้ โรคแทรกซ้อนที่พบบ่อยในคนไข้เบาหวาน แบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
        1. เกิดในพยาธิสภาพระดับเส้นเลือดเล็ก ได้แก่ โรคไตวาย ปลายประสาทอักเสบตาบอด
        2. เกิดในพยาธิสภาพระดับเส้นเลือดใหญ่ ได้แก่ โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตันอัมพาต เส้นเลือดแดงเลี้ยงแขนหรือขาตีบตัน

        ควบคุมเบาหวาน น้ำตาลในเลือดเท่าไรดี ?
        “ระดับน้ำตาลในเลือดตอนเช้า 80-120 มก.% นับว่าดี”

        - พบว่าถ้าสามารถควบคุมให้น้ำตาลในเลือดเท่าคนปกติจะสามารถลดการเกิดโรคแทรกซ้อนได้ ดังนั้น ระดับน้ำตาลตอนเช้าควรอยู่ในระดับ 80-120 มก.% แต่ทั้งนี้คนไข้ไม่ควรมีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ (อาการก็คือความรู้สึกหิว ใจสั่น มือสั่น เหงื่อออกตัวเย็น ความคิดสับสน) ในการวัดผล ส่วนใหญ่แพทย์จะใช้การเจาะเลือดจากเส้นเลือดดำหาระดับน้ำตาลซึ่งให้ผลแน่นอน ละเอียดกว่าการ ตรวจน้ำตาลในปัสสาวะ ปัจจุบันมีเครื่องมือเจาะเลือดจากปลายนิ้วตรวจ นับว่าอำนวยความสะดวก และคนไข้สามารถวัดผลได้เองที่บ้าน แต่ข้อ ระวังคือเมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจต้องมีการปรับเครื่องเพื่อให้ได้ค่ามาตรฐาน

        จะต้องใช้ยาเบาหวานต่อหรือไม่เมื่อเจ็บป่วย ?
        “ส่วนใหญ่คนไข้เบาหวานมักมีภาวะน้ำตาลต่ำ เนื่องจากทานอาหารไม่ได้ ดังนั้นควรลดยาเบาหวาน”
        - ปัญหานี้ค่อนข้างตอบตรง ๆ ลำบาก เนื่องจากผลลัพธ์ในผู้ป่วยยามเจ็บป่วยอาจเกิดภาวะน้ำตาลสูง หรือภาวะน้ำตาลต่ำ เนื่องจากทานอาหารได้น้อยก็ได้ โดยทั่วไปขอแนะนำให้ลดยาที่ใช้ลงมาก่อน เพื่อป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ถ้าภาวะเจ็บป่วยติดต่อกันหลายวันต้องมาพบแพทย์เพื่อประเมินสภาพน้ำตาล และภาวะกรดเกินในเลือดมีหรือไม่

        คนไข้เบาหวานไม่ใช่คุมแต่ระดับน้ำตาล ?
        “นอกจากน้ำตาล ไขมันในเลือดสูง ความอ้วน โรคความดันโลหิตสูง การสูบบุหรี่ ก็ต้องได้รับความสนใจรักษา”

        - ระดับน้ำตาลในเลือดเป็นแค่ผลของความผิดปกติทางการใช้สารอาหารอันหนึ่งของร่างกาย ภาวะไขมันในเลือดสูงก็มักพบควบคู่กันมาด้วย ดังนั้นผู้ป่วยต้องสำรวจว่า
        1. ภาวะไขมันในเลือดสูงหรือไม่
        2. อ้วนหรือไม่
        3. มีโรคความดันโลหิตสูงด้วยหรือไม่
        4. สูบบุหรี่หรือไม่
        ถ้าคำตอบคือมี ท่านต้องรักษาโรค หรือภาวะเหล่านี้ด้วยจึงจะปลอดภัย และอยู่ในสภาพปกติเหมือนคนทั่วไป

ที่่มา : //web.ku.ac.th/saranaroo/chap22a.htm

Smiley ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ Smiley




Create Date : 01 พฤศจิกายน 2555
Last Update : 1 พฤศจิกายน 2555 10:30:42 น. 2 comments
Counter : 2472 Pageviews.

 
สวัสดีครับ ทักทาย ยามสายๆ







โดย: ต้นกล้า อาราดิน วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:10:53:58 น.  

 
เป็นโรคที่เป็นกันเยอะมากเลยนะคะสำหรับคนไทย
ขออนุญาตแชร์ไปที่แฟนเพจนะคะ ขอบพระคุณค่ะ


โดย: ณ ปลายฉัตร วันที่: 1 พฤศจิกายน 2555 เวลา:14:59:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

kitpooh22
Location :
ตรัง Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 27 คน [?]




สวัสดีครับ
..............................
ขอบคุณที่มาเยี่ยมชม และมาเม้นให้ครับ



ขอบคุณครับ :-)
THX


วันเกิดบล็อก 25/5/2009
Google+
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
1 พฤศจิกายน 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add kitpooh22's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.