มะเร็งปากมดลูก (Cancer of cervix)
มะเร็งปากมดลูกคืออะไร มะเร็งปากมดลูกเป็นโรคที่เซลล์มะเร็งเกิดขึ้นในเนื้อเยื่อของปากมดลูก ปากมดลูกเป็นส่วนล่างของมดลูก ซึ่งมดลูกเป็นอวัยวะรูปลูกแพร์คว่ำที่มีช่องว่างอยู่ข้างใน ช่องข้างในมดลูกนั้นเป็นบริเวณที่อยู่ของเด็กทารกในขณะตั้งครรภ์ ปากมดลูกนั้นมีรูตรงกลางซึ่งเชื่อมระหว่างช่องว่างข้างในมดลูกกับช่องคลอด มะเร็งปากมดลูกตามปกติจะเกิดขึ้นอย่างช้าๆ โดยก่อนหน้าที่จะเกิดมะเร็งปากมดลูกนั้น เซลล์ของปากมดลูกจะมีการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ที่ผิดปกติ เรียกการเปลี่ยนแปลงนี้ว่า ดีสเพลเชีย (Dysplasia) หลังจากนั้นเซลล์ที่ผิดปกติหรือเซลล์มะเร็งนี้จะโตขึ้นและขยายลึกลงสู่ปากมดลูกและบริเวณรอบๆปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกที่เกิดขึ้นในเด็กนั้นพบได้น้อยมาก การติดเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิโลม่า ( Human papilloma virus HPV ) เป็นปัจจัยหลักในการเกิดมะเร็งปากมดลูก การติดเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิโลม่าที่ปากมดลูกเป็นสาเหตุที่พบมากที่สุดในการเกิดมะเร็งปากมดลูก แต่ไม่ใช่ผู้หญิงทุกคนที่ติดเชื้อไวรัสนี้แล้วจะเป็นมะเร็งปากมดลูก ผู้หญิงที่ไม่ได้ตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกด้วยการทำแป๊บอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งเป็นการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสฮิวแมน แปบปิโลม่านี้หรือตรวจหาเซลล์ผิดปกติที่บริเวณปากมดลูกนั้น จะทำให้ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูกเพิ่มขึ้น ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก ได้แก่ - การให้กำเนิดลูกหลายคน - มีเพศสัมพันธ์กับคนหลายคน - มีเพศสัมพันธ์ครั้งแรกตอนอายุน้อย - การสูบบุหรี่ - การกินยาคุมกำเนิด - การมีระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอ การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกระยะแรกๆ นั้นจะไม่สามารถสังเกตเห็นได้แต่ตรวจพบได้โดยการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกทุกปี มะเร็งปากมดลูกระยะแรกๆนั้นอาจจะไม่มีอาการหรืออาการแสดงใดๆเลยก็ได้ ดังนั้นผู้หญิงทุกคนจึงควรตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกทุกปีเพราะถ้าตรวจพบมะเร็งปากมดลูกตั้งแต่ระยะแรกๆ จะมีโอกาสในการหายจากโรคมะเร็งปากมดลูกได้มากกว่า อาการที่อาจจะพบในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกคือ การมีเลือดออกทางช่องคลอดและอาการปวดท้องน้อย อาการที่อาจจะพบในผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกนั้นพบว่าอาจจะพบในผู้ป่วยโรคอื่นได้เช่นกัน ผู้ป่วยที่มีอาการเหล่านี้จึงควรที่จะไปปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่แน่ชัด อาการดังกล่าวนั้น ได้แก่ - การมีเลือดออกทางช่องคลอด - การมีสารคัดหลั่งผิดปกติออกจากช่องคลอด เช่น ตกขาว - อาการปวดท้องน้อย - อาการเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ การตรวจที่สามารถวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกได้ ได้แก่ - การตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกโดยการทำแป๊บ ( Pap smear ) เป็นการเก็บเซลล์จากบริเวณพื้นผิวของปากมดลูกและช่องคลอดโดยใช้สำลีพันปลายไม้ แปรง หรือ แท่งไม้เล็กๆ ขูดเบาๆบริเวณปากมดลูกและช่องคลอดแล้วป้ายลงบนแผ่นสไลด์จากนั้น แพทย์จะส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อดูเซลล์ดังกล่าว และหาความผิดปกติของเซลล์เหล่านั้น การตรวจวิธีนี้ เรียกว่า การตรวจแป๊บ ( Pap test ) - การตรวจคอลโปสโคป ( Colposcopy ) เป็นการตรวจปากมดลูกและช่องคลอดโดยการส่องกล้องขยาย ตรวจหาบริเวณที่ผิดปกติจากนั้นอาจจะมีการเก็บเนื้อเยื่อไปตรวจโดยการใช้อุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายช้อนเล็กๆขูดบริเวณที่ผิดปกติ แล้วนำไปส่องกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาความผิดปกติต่อไป - การตัดชิ้นเนื้อ ( Biopsy ) เป็นการตัดชิ้นส่วนเล็กๆของเนื้อเยื่อออกมาจากปากมดลูกที่ผิดปกติ จากนั้นพยาธิแพทย์จะนำมาตรวจดูด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อตรวจหาเซลล์มะเร็ง โดยปกติจะทำการตัดชิ้นเนื้อเมื่อมีการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกโดยการทำแป๊บแล้วผิดปกติ การตัดชิ้นเนื้อในบางรายอาจทำเป็นการตัดชิ้นเนื้อรูปโคน ( Cone biopsy ) ซึ่งจะได้ชิ้นเนื้อจากปากมดลูกขนาดใหญ่กว่า - การตรวจภายใน (Pelvic exam) เป็นการตรวจช่องคลอด ปากมดลูก มดลูก ท่อนำไข่ รังไข่ และทวารหนัก โดยการใช้นิ้วมือหนึ่งหรือสองนิ้วของมือข้างหนึ่งใส่ถุงมือและหล่อลื่นด้วยน้ำยาหล่อลื่นสอดเข้าในช่องคลอด และวางมืออีกข้างหนึ่งที่บริเวณท้องน้อยของผู้ป่วยเพื่อจะได้รู้ถึงขนาด รูปร่าง และตำแหน่งของมดลูกและรังไข่และยังมีการตรวจอีกอย่างหนึ่ง คือการใช้เครื่องมือซึ่งเรียกว่า สเปคคูลัม (Speculum) ซึ่งเป็นเหล็กที่มีรูปร่างคล้ายปากเป็ด สอดเข้าไปในช่องคลอดเพื่อดูความผิดปกติของช่องคลอดและปากมดลูก โดยอาจจะทำการตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูก โดยการทำแป๊บในขณะใส่เครื่องมือนี้ด้วย นอกจากนี้อาจจะมีการตรวจทางทวารหนัก โดยการใช้นิ้วมือซึ่งใส่ถุงมือและหล่อลื่นแล้ว สอดเข้าในทวารหนัก เพื่อตรวจหาก้อนหรือบริเวณที่ผิดปกติได้ - การขูดเนื้อเยื่อบริเวณด้านในของปากมดลูก (Endocervical curettage) เป็นการใช้อุปกรณ์ซึ่งมีลักษณะคล้ายช้อนอันเล็กๆ ขูดเซลล์หรือเนื้อเยื่อที่อยู่ในรูของปากมดลูก จากนั้นเนื้อเยื่อตัวอย่างที่ได้จากการขูดออกมานั้นจะถูกส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาเซลล์มะเร็งการขูดมดลูกนี้ ในบางครั้งอาจทำพร้อมกันกับการตรวจคอลโปสโคปด้วย ปัจจัยที่มีผลต่อโอกาสในการหายจากมะเร็งปากมดลูกและทางเลือกในการรักษา โอกาสในการหายจากมะเร็งปากมดลูกนั้นขึ้นกับ - ระยะของมะเร็งปากมดลูก ( Stage of the cancer ) ซึ่งการบอกระยะของมะเร็งได้นั้นจะต้องตรวจดูว่ามะเร็งนั้นลามไปถึงไหนมีการกระจายไปต่อมน้ำเหลืองหรือไม่ หรือมีการกระจายไปส่วนอื่นๆของร่างกายหรือไม่ - ชนิดของเซลล์มะเร็งปากมดลูก - ขนาดของก้อนมะเร็ง ทางเลือกในการรักษามะเร็งปากมดลูกนั้นขึ้นอยู่กับ - ระยะของมะเร็ง (Stage of cancer) - ขนาดของก้อนมะเร็ง - ผู้ป่วยต้องการมีบุตรหรือไม่ - อายุของผู้ป่วย สำหรับการรักษามะเร็งปากมดลูกในขณะตั้งครรภ์นั้นขึ้นกับระยะของมะเร็งปากมดลุกและระยะของการตั้งครรภ์ ในผู้ป่วยที่ตรวจพบมะเร็งปากมดลูกในระยะแรกๆ หรือตรวจพบในระยะหลังของตั้งครรภ์หรือใกล้คลอด การรักษามะเร็งอาจจะรอหลังจากทำคลอดเรียบร้อยแล้ว การกลับเป็นซ้ำของมะเร็งปากมดลูก ( Recurrent cervical cancer ) การกลับเป็นซ้ำของมะเร็งปากมดลูกนั้น คือ การที่มะเร็งกลับมาเป็นซ้ำหลังจากได้รักษามะเร็งปากมดลูกเรียบร้อยแล้ว โดยการกลับเป็นซ้ำของมะเร็งปากมดลูกอาจเกิดที่ปากมดลูกหรือส่วนอื่นๆของร่างกายก็ได้ ระยะของมะเร็งปากมดลูก ( Stages of cervical cancer ) หลังจากวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว จะมีการตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาว่าเซลล์มะเร็งกระจายไปที่ส่วนอื่นๆ ของร่างกายหรือไม่ ข้อมูลที่ได้มาจากการตรวจเพิ่มเติมจะนำมาใช้ประกอบการจำแนกระยะของโรคได้ เพื่อใช้ในการวางแผนการรักษาต่อไป การตรวจเพิ่มเติมเพื่อหาว่ามะเร็งอยู่เฉพาะในปากมดลูกหรือกระจายไปส่วนอื่นๆของร่างกายนั้น ได้แก่ - การถ่ายภาพเอ็กซเรย์ปอด เป็นการเอ็กซเรย์ของอวัยวะที่อยู่ในช่องอก เช่น ปอด หัวใจ และกระดูกเป็นต้น การเอ็กซเรย์ คือ การส่งลำพลังงาน ชนิดหนึ่งผ่านร่างกายของคนไปตกลงบนฟิล์ม ทำให้เกิดรูปภาพของอวัยวะต่างๆของร่างกาย - การถ่ายเอ็กซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT scan) เป็นการสร้างชุดของภาพที่มีรายละเอียดของอวัยวะต่างๆของร่างกาย ซึ่งถูกถ่ายมาจากมุมที่แตกต่างกัน รูปภาพที่ได้มานั้นถูกสร้างขึ้นจากคอมพิวเตอร์ซึ่งเชื่อมต่อกับเครื่องเอ็กซเรย์ นอกจากนี้อาจมีการฉีดสารทึบรังสีเข้าสู่เส้นเลือดดำหรือกลืนสารทึบรังสีเพื่อช่วยในการมองดูภาพของอวัยวะหรือเนื้อเยื่อต่างๆได้อย่างชัดเจนมากขึ้น - การถ่ายภาพระบบน้ำเหลือง ( Lymphangiogram ) เป็นการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ของระบบน้ำเหลือง โดยจะมีการฉีดสารทึบรังสีเข้าไปในหลอดน้ำเหลืองที่เท้า แล้วสารทึบรังสีนั้นจะเคลื่อนที่ขึ้นผ่านต่อมน้ำเหลืองและหลอดน้ำเหลืองต่างๆ และจากนั้นก็จะมีการถ่ายภาพเอ็กซเรย์ภาพที่ได้จะบอกถึงการอุดกั้นของระบบน้ำเหลือง ซึ่งจะบอกได้ว่ามะเร็งกระจายไปยังที่ต่อมน้ำเหลืองใดบ้าง - การผ่าตัดเพื่อประเมินระยะของโรคก่อนการรักษา (Pretreatment surgical staging) เป็นการผ่าตัดเพื่อหาว่ามะเร็งนั้นอยู่เฉพาะที่ปากมดลูกหรือกระจายไปยังส่วนอื่นของร่างกายในบางรายมะเร็งปากมดลูกอาจถูกตัดออกไปทั้งหมดในขณะเดียวกันนี้ด้วยการผ่าตัด เพื่อประเมินระยะของโรคนี้มักจะทำในส่วนหนึ่งของการทดลองเท่านั้น - การตรวจอัลตราซาวน์ ( Ultrasound exam ) เป็นการตรวจที่ใช้เสียงที่มีพลังงานสูงผ่านเข้าไปในเนื้อเยื่อหรืออวัยวะภายใน จากนั้นจึงมีการสร้างออกมาเป็นภาพการถ่ายภาพจากการสั่นพ้องพลังแม่เหล็ก หรือ เอ็ม อาร์ ไอ ( MRI ) เป็นการใช้แม่เหล็ก คลื่นวิทยุ และคอมพิวเตอร์ในการสร้างชุดของรายละเอียดของภาพของร่างกาย ผลของการตรวจต่างๆจะถูกนำมาแปลผลร่วมกับผลของการตัดชิ้นเนื้อ เพื่อจะบอกถึงระยะของมะเร็งปากมดลูก การกระจายของมะเร็งปากมดลูกนั้นมี 3 วิธี 1.กระจายผ่านเนื้อเยื่อ มะเร็งจะลุกลามเข้าไปในเนื้อเยื่อปกติที่อยู่รอบๆ 2.กระจายผ่านระบบน้ำเหลือง มะเร็งจะลุกลามเข้าในระบบน้ำเหลืองแล้วจากนั้นจะเคลื่อนที่ผ่านหลอดน้ำเหลืองไปสู่ส่วนอื่นๆของร่างกาย 3.กระจายผ่านระบบเลือด มะเร็งจะลุกลามเข้าไปในเส้นเลือดดำและเส้นเลือดฝอย แล้วจากนั้นจะเคลื่อนที่ผ่านเส้นเลือดไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย เมื่อเซลล์มะเร็งกระจายจากก้อนมะเร็งต้นกำเนิดผ่านไปทางหลอดน้ำเหลือง หรือเส้นเลือดต่างๆ ไปยังส่วนอื่นๆของร่างกายนั้น อาจจะเกิดการสร้างตัวเป็นก้อนมะเร็งขึ้นมาใหม่ในที่อื่นๆ การกระจายของก้อนมะเร็งดังกล่าวนั้น เรียกว่า เมแทสเตสิส ( metastasis ) หรือ การกระจายของมะเร็ง ก้อนมะเร็งที่กระจายนั้นจะมีเซลล์ชนิดเดียวกันกับมะเร็งต้นกำเนิด ยกตัวอย่างเช่น ถ้ามะเร็งเต้านมกระจายไปยังกระดูก เซลล์มะเร็งที่พบที่กระดูกจะเป็นเซลล์มะเร็งเต้านม ไม่ใช่มะเร็งของกระดูก ระยะของมะเร็งปากมดลูกแบ่งได้ดังนี้ ระยะที่ 0 ( พบเซลล์ผิดปกติแต่ไม่ใช่มะเร็ง Carcinoma in situ ) ระยะที่ 0 คือการตรวจพบเซลล์ที่ผิดปกติบริเวณผิวนอกสุดของปากมดลูกโดยยังไม่ใช่เซลล์มะเร็ง แต่เซลล์ผิดปกตินี้อาจจะกลายเป็นเซลล์มะเร็ง ในเวลาถัดมาและอาจกระจายไปยังเนื้อเยื่อปกติบริเวณนั้นได้ ระยะที่ 0 เรียกอีกชื่อหนึ่งว่า Carcinoma in situ ระยะที่ 1 ระยะที่ 1 คือการตรวจพบมะเร็งอยู่ในปากมดลูกเท่านั้น ในระยะที่ 1 นี้แบ่งออกเป็น ระยะ 1 เอ (1A) และ ระยะ 1 บี (1B) ซึ่งแบ่งโดยขนาดของมะเร็งที่ตรวจพบ ระยะ 1A เป็นระยะที่พบมะเร็งน้อยมาก สามารถเห็นได้ด้วยกล้องจุลทรรศน์เท่านั้น ระยะนี้ยังสามารถแบ่งออกเป็นระยะ 1 เอ 1 (1A1) และระยะ 1 เอ 2 (1A2) โดยแบ่งจากขนาดของมะเร็ง ระยะ 1A1 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกน้อยกว่าหรือเท่ากับ 3 มิลลิเมตร และ ความกว้างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 7 มิลลิเมตร ระยะ 1A2 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกมากกว่า 3 มิลลิเมตร แต่ไม่มากกว่า 5 มิลลิเมตร และ ความกว้างน้อยกว่าหรือเท่ากับ 7 มิลลิเมตร ระยะ 1B เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งที่มีความลึกมากกว่า 5 มิลลิเมตร หรือ ความกว้างมากกว่า 7 มิลลิเมตร หรือสามารถมองเห็นมะเร็งได้ด้วยตาเปล่า โดยมะเร็งจะยังคงอยู่ในปากมดลูกเท่านั้น ระยะนี้สามารถแบ่งออกเป็น ระยะ 1 บี 1 (1B1) และระยะ 1 บี 2 (1B2) โดยแบ่งจากขนาดของมะเร็ง ระยะ 1B1 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งขนาดเล็กกว่าหรือเท่ากับ 4 เซนติเมตร ระยะ 1B2 เป็นระยะที่ตรวจพบมะเร็งขนาดใหญ่กว่า 4 เซนติเมตร ระยะที่ 2 ระยะที่ 2 คือการตรวจพบมะเร็งกระจายออกไปจากปากมดลูกแล้วแต่ยังไม่ถึงเนื้อเยื่อของผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน ( pelvic wall ) หรือมีการกระจายไปยังช่องคลอดแล้วแต่ยังไม่ถึงหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด ระยะที่ 2 นี้ยังแบ่งออกเป็น ระยะ 2 เอ (2A) และ 2 บี (2B) ซึ่งแบ่งโดยความไกลในการกระจายของมะเร็ง ระยะ 2A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูกไปยังสองในสามส่วนบนของช่องคลอด แต่ยังไม่มีการกระจายเข้าไปในเนื้อเยื่อข้างตัวมดลูก ระยะ 2B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากปากมดลูกไปยังเนื้อเยื่อข้างตัวมดลูก ระยะที่ 3 ระยะที่ 3 คือการตรวจพบว่ามะเร็งกระจายออกไปยังหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด โดยอาจจะมีการกระจายไปยังผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน และ/หรือ ทำให้ไตทำงานได้แย่ลง ในระยะที่ 3 นี้แบ่งออกเป็น ระยะ 3 เอ (3A) และ ระยะ 3 บี (3B) ซึ่งแบ่งโดยความไกลในการกระจายของมะเร็ง ระยะ 3A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังหนึ่งในสามส่วนล่างของช่องคลอด แต่ยังไม่มีการกระจายไปยังผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน ระยะ 3B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังผนังด้านข้างของอุ้งเชิงกราน และ/หรือ มะเร็งขยายตัวไปกดบริเวณท่อไต (Ureter) ทำให้เกิดการอุดตันของระบบปัสสาวะทำให้ไตมีขนาดใหญ่ขึ้น หรือทำงานได้แย่ลง ในระยะนี้อาจจะพบว่า เซลล์มะเร็งกระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง ภายในอุ้งเชิงกราน ระยะที่ 4 ระยะที่ 4 คือการตรวจพบว่ามะเร็งกระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะ ทวารหนัก หรือส่วนอื่นๆของร่างกาย ในระยะนี้จะแบ่งออกเป็นระยะ 4 เอ (4A) และ ระยะ 4 บี (4B) ซึ่งแบ่งจากตำแหน่งที่มะเร็งกระจาย ระยะ 4A เป็นระยะที่มะเร็งกระจายไปยังกระเพาะปัสสาวะหรือทวารหนัก ระยะ 4B เป็นระยะที่มะเร็งกระจายออกจากอุ้งเชิงกราน ไปยังส่วนอื่นๆของร่างกาย เช่น ช่องท้อง ตับ ลำไส้ หรือปอด เป็นต้น ทางเลือกของการรักษามะเร็งปากมดลูก มะเร็งปากมดลูกนั้นมีทางเลือกในการรักษาแตกต่างกันหลายวิธี ทางเลือกในการรักษามะเร็งปากมดลูกนั้นมีแตกต่างกันหลายวิธี บางวิธีเป็นที่ใช้กันทั่วไป และยอมรับจากสถาบันทั่วโลกและบางวิธียังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาทดลอง ซึ่งการศึกษาทดลองนั้นมีส่วนช่วยในการปรับปรุงการรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน หรือเพื่อให้พบวิธีการรักษาแบบใหม่เมื่อการศึกษาทดลองแสดงว่าการรักษาใหม่ดีกว่าการรักษาที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน การรักษาใหม่นั้นอาจจะกลายเป็นการรักษาที่ยอมรับและใช้เป็นมาตรฐานการรักษาในเวลาต่อมา ถ้าเป็นไปได้ ผู้ป่วยน่าจะตัดสินใจเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทดลองเพื่อการพัฒนาทางการแพทย์ในบางการศึกษาทดลองนั้นจะเปิดรับเฉพาะผู้ป่วยที่ยังไม่เริ่มการรักษาเท่านั้น การรักษาที่เป็นมาตรฐานมี 3 วิธี คือ 1. การผ่าตัด คือการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกไปจากร่างกาย การผ่าตัดในมะเร็งปากมดลูกมีหลายวิธี ดังนี้ 1) การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปโคน ( Conization ) เป็นการตัดส่วนหนึ่งของเนื้อเยื่อของปากมดลูกและช่องภายในปากมดลูกออกเป็นรูปโคน หลังจากนั้นพยาธิแพทย์จะนำเนื้อเยื่อที่ได้มาส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์เพื่อหาเซลล์มะเร็ง การผ่าตัดออกเป็นรูปโคนนี้อาจจะใช้ในการวินิจฉัยหรือการรักษามะเร็งปากมดลูกก็ได้ การผ่าตัดวิธีนี้อาจะเรียกว่าการตัดชิ้นเนื้อรูปโคน (Cone biopsy) 2) การผ่าตัดมดลูก ( Total hysterectomy ) เป็นการผ่าตัดมดลูกรวมทั้งปากมดลูกออกจากร่างกาย ถ้ามดลูกและปากมดลูก ถูกตัดออกโดยใช้เครื่องมือผ่าตัดผ่านทางช่องคลอดจะเรียกการผ่าตัดนั้น ว่าการผ่าตัดมดลูกผ่านช่องคลอด (Vaginal hysterectomy) ถ้าผ่าตัดมดลูกและปากมดลูกออกผ่านทางหน้าท้องซึ่งจะมีรอยแผลที่หน้าท้องขนาดใหญ่ จะเรียกการผ่าตัดนั้นว่า การผ่าตัดมดลูกผ่านหน้าท้อง (Total abdominal hysterectomy) แต่ถ้าผ่าตัดมดลูกและปากมดลูกออกโดยใช้กล้องเล็กๆผ่านทางรอยผ่าตัดเล็กๆ ที่หน้าท้อง จะเรียกการผ่าตัดนี้ว่า การผ่าตัดมดลูกโดยการส่องกล้อง (Total laparoscopic hysterectomy) 3) การผ่าตัดรังไข่และท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้าง ( Bilateral salpingo-oophorectomy) เป็นการผ่าตัดเพื่อตัดเอารังไข่และท่อนำไข่ทั้ง 2 ข้างออก 4) การผ่าตัดมดลูกแบบถอนราก ( Radical hysterectomy ) เป็นการผ่าตัดเพื่อตัด มดลูก ปากมดลูก และส่วนหนึ่งของช่องคลอดออกจากร่างกาย นอกจากนี้รังไข่ ท่อนำไข่ หรือต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ๆ อาจถูกผ่าตัดออกไปด้วยเช่นกัน 5) การผ่าตัดอวัยวะในอุ้งเชิงกรานแบบกว้าง (Pelvic exenteration) เป็นการผ่าตัดลำไส้ใหญ่ส่วนล่าง ทวารหนัก และกระเพาะปัสสาวะออก การผ่าตัดนี้ในผู้หญิงนั้นจะตัดเอาปากมดลูก ช่องคลอด รังไข่ และต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ใกล้ๆ ออกไปด้วยเช่นกัน ช่องทางที่จะใช้เพื่อขับถ่ายทั้งปัสสาวะและอุจจาระจะถูกสร้างขึ้นเพื่อนำของเสียออกจากร่างกายไปยังถุงเก็บ นอกจากนี้หลังจากการผ่าตัดนี้อาจมีการผ่าตัดเพื่อจะสร้างช่องคลอดขึ้นมาใหม่ด้วย 6) การผ่าตัดปากมดลูกโดยใช้ความเย็น ( Cryosurgery ) เป็นการรักษาที่ใช้อุปกรณ์ที่แช่แข็งนำไปทำลายเนื้อเยื่อที่ผิดปกติใช้ในระยะที่พบว่ามีเซลล์ผิดปกติแต่ยังไม่เป็นมะเร็ง ( Carcinoma in situ ) 7) การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ ( Laser surgery ) เป็นการผ่าตัดที่ใช้แสงเลเซอร์เป็นมีด เพื่อทำให้มีเลือดออกน้อย หรือใช้ตัดเอาเฉพาะส่วนพื้นผิวของก้อน 8) การผ่าตัดปากมดลูกโดยใช้วงขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้า ( LEEP ) เป็นการรักษาที่ใช้วงของลวดเส้นเล็กๆที่มีกระแสไฟฟ้าผ่านอยู่ภายในเป็นเหมือนมีด ใช้ตัดส่วนของเนื้อเยื่อที่ผิดปกติหรือเนื้อเยื่อมะเร็งออก 2. การรักษาโดยการฉายรังสี เป็นการรักษามะเร็งที่ใช้รังสีเอ็กซเรย์พลังงานสูง หรือรังสีชนิดอื่นๆ เพื่อทำลายเซลล์มะเร็งหรือทำให้หยุดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง การฉายรังสีมี 2 ชนิด ได้แก่ 1) การฉายรังสีจากภายนอก ( External radiation therapy ) เป็นการใช้เครื่องมือที่อยู่ภายนอกร่างกายส่งรังสีเข้าในร่างกายผ่านก้อนมะเร็ง 2) การฉายรังสีจากภายใน หรือ การใส่แร่ ( Internal radiation therapy ) เป็นการใช้สารที่ปล่อยรังสีได้ซึ่งอยู่ภายในเข็ม ก้อนเล็กๆ ขดลวด หรือท่อ ใส่เข้าไปภายในหรือใกล้ๆบริเวณของก้อนมะเร็งโดยตรง การเลือกวิธีที่ใช้ในการฉายรังสีนั้นขึ้นกับชนิดและระยะของมะเร็งที่จะรักษา 3. การรักษาโดยการใช้ยาเคมีบำบัด เป็นการรักษามะเร็งที่ใช้ยาในการหยุดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง หรือทั้งทำลายเซลล์มะเร็งและหยุดการขยายตัวของเซลล์มะเร็ง เมื่อรับประทานยาเคมีบำบัดหรือฉีดยาเคมีบำบัดเข้าในหลอดเลือดดำหรือกล้ามเนื้อ ยาจะเข้าไปในกระแสเลือดและไปมีผลกับเซลล์มะเร็งทั่วร่างกาย (Systemic chemotherapy) ผู้ป่วยน่าจะเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทดลองหรือไม่ ในผู้ป่วยบางคน การเข้าเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทดลองอาจจะเป็นทางเลือกในการรักษาที่ดีที่สุด เพราะการศึกษาทดลองเป็นการศึกษาเพื่อหาวิธีการรักษาใหม่ซึ่งอาจจะปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และดีกว่าการรักษาที่ใช้รักษาอยู่ปัจจุบันนี้ การรักษาที่ใช้รักษาอยู่ในปัจจุบันนี้นั้นขึ้นกับการศึกษาทดลองที่ได้ทำในอดีต ผู้ป่วยที่ตัดสินใจเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทดลองอาจได้รับการรักษาที่เป็นการรักษาที่เป็นมาตรฐานซึ่งใช้อยู่ในปัจจุบันนี้ หรือการรักษาใหม่ที่อาจจะดีกว่าการรักษาที่ใช้อยู่ปัจจุบันก็ได้ นอกจากนี้ ผู้ป่วยที่เป็นส่วนหนึ่งของการศึกษาทดลองยังมีส่วนร่วมในการช่วยศึกษาวิธีการรักษามะเร็งในอนาคตอีกด้วย และถึงแม้ว่าการรักษาวิธีใหม่ในการศึกษาทดลองจะไม่ประสบความสำเร็จในการใช้รักษา แต่ก็ยังสามารถใช้การศึกษาทดลองครั้งนี้ ในการตอบคำถามสำคัญต่างๆ และช่วยเป็นข้อมูลเพื่อให้มีการทดลองต่อไป ผู้ป่วยสามารถเข้าร่วมการศึกษาทดลองทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเริ่มการรักษาโรคมะเร็ง การศึกษาทดลองบางการศึกษานั้นรับเฉพาะผู้ป่วยที่ยังไม่ได้รับการรักษาใดๆเลย บางการศึกษารับผู้ป่วยที่ได้รักษามะเร็งไปแล้วแต่มะเร็งนั้นไม่ดีขึ้น นอกจากนี้ยังมีการศึกษาที่ทดลองรักษาวิธีใหม่เพื่อยับยั้งการกลับเป็นซ้ำมะเร็ง หรือการศึกษาเพื่อลดผลข้างเคียงของการรักษามะเร็ง การตรวจเพิ่มเติมขณะติดตามการรักษาอาจจำเป็น การตรวจเพิ่มเติมบางอย่าง ซึ่งเคยทำแล้วก่อนที่จะวินิจฉัยว่าเป็นโรคมะเร็งหรือทำเพื่อหาระยะของมะเร็ง อาจจะต้องทำซ้ำเพื่อดูว่าการรักษาที่ได้รับนั้นได้ผลดีหรือไม่ ซึ่งการตรวจดังกล่าวมีส่วนช่วยในการตัดสินใจว่าจะทำการรักษาวิธีเดิมต่อ เปลี่ยนวิธีการรักษาหรือหยุดการรักษานั้นๆ การตรวจวิธีนี้ เรียกว่า การประเมินระยะของมะเร็งซ้ำ (Re-staging) บางครั้งอาจมีการตรวจเพิ่มเติมบางอย่างที่ต้องทำต่อเนื่องหลังจากเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว ผลของการตรวจเหล่านี้จะแสดงถึง การเปลี่ยนแปลงหรือการกลับเป็นซ้ำของมะเร็ง การตรวจวิธีนี้ เรียกว่า การติดตามการรักษา (Follow up tests or check-ups) การเลือกวิธีรักษามะเร็งปากมดลูกโดยประเมินจากระยะของมะเร็งปากมดลูก ระยะที่ 0 (Carcinoma in situ) ทางเลือกของการรักษาในระยะที่ 0 มีดังนี้ 1. การผ่าตัดปากมดลูกโดยใช้วงขดลวดที่มีกระแสไฟฟ้า ( LEEP ) 2. การผ่าตัดโดยใช้เลเซอร์ ( Laser surgery ) 3. การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปโคน ( Conization ) 4. การผ่าตัดปากมดลูกโดยใช้ความเย็น ( Cryosurgery ) 5. การผ่าตัดมดลูก ( Total hysterectomy ) ทำในผู้ป่วยที่ไม่สามารถหรือไม่ต้องการมีบุตรแล้ว 6. การใส่แร่ ( Internal radiation therapy ) ทำในผู้ป่วยที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1A ทางเลือกของการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1A มีดังนี้ 1. การผ่าตัดมดลูก ( Total hysterectomy ) โดยอาจผ่าตัดรังไข่และท่อนำไข่ 2 ข้างด้วย 2. การตัดปากมดลูกออกเป็นรูปโคน ( Conization ) 3. การผ่าตัดมดลูกแบบถอนรากร่วมกับตัดต่อมน้ำเหลือง ( Radical hysterectomy and removal of lymph nodes) 4. การใส่แร่ ( Internal radiation therapy ) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1B ทางเลือกของการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1B มีดังนี้ 1. การใส่แร่ร่วมกับฉายรังสีจากภายนอก ( A combination of internal radiation therapy and external radiation therapy) 2. การผ่าตัดมดลูกแบบถอนรากร่วมกับตัดต่อมน้ำเหลือง ( Radical hysterectomy and removal of lymph nodes) 3. การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด ( Radiation therapy plus chemotherapy) 4. การศึกษาทดลองของการใส่แร่ที่ให้รังสีปริมาณมากร่วมกับฉายรังสีจากภายนอก ( A clinical trial of high-dose internal radiation therapy combined with external radiation therapy) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2A ทางเลือกของการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2A มีดังนี้ 1. การใส่แร่ร่วมกับฉายรังสีจากภายนอก ( A combination of internal radiation therapy and external radiation therapy) 2. การผ่าตัดมดลูกแบบถอนรากร่วมกับตัดต่อมน้ำเหลือง ( Radical hysterectomy and removal of lymph nodes) 3. การฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด ( Radiation therapy plus chemotherapy) 4. การศึกษาทดลองของการใส่แร่ที่ให้รังสีปริมาณมากร่วมกับฉายรังสีจากภายนอก ( A clinical trial of high-dose internal radiation therapy combined with external radiation therapy) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2B การรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 2B คือ การใส่แร่ร่วมกับฉายรังสีจากภายนอกและร่วมกับเคมีบำบัด ( Internal and external radiation therapy combined with chemotherapy) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 การรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 3 คือ การใส่แร่ร่วมกับฉายรังสีจากภายนอกและร่วมกับเคมีบำบัด ( Internal and external radiation therapy combined with chemotherapy) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4A การรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4A คือ การใส่แร่ร่วมกับฉายรังสีจากภายนอกและร่วมกับเคมีบำบัด ( Internal and external radiation therapy combined with chemotherapy) มะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4B ทางเลือกของการรักษามะเร็งปากมดลูกระยะที่ 4B มีดังนี้ 1. การฉายรังสีเพื่อลดอาการซึ่งเกิดจากมะเร็ง และเพิ่มคุณภาพของชีวิต 2. เคมีบำบัด 3. การศึกษาทดลองของการใช้ยาต้านมะเร็งชนิดใหม่หรือการใช้ยาร่วมกันหลายชนิด ทางเลือกของการรักษาผู้ป่วยที่มะเร็งปากมดลูกกลับเป็นซ้ำ มีดังนี้ 1. การผ่าตัดอวัยวะในอุ้งเชิงกรานแบบกว้างตามด้วยการฉายรังสีร่วมกับเคมีบำบัด (Pelvic exenteration followed by radiation therapy combined with chemotherapy) 2. การใช้ยาเคมีบำบัดเพื่อลดอาการซึ่งเกิดจากมะเร็ง และเพิ่มคุณภาพของชีวิต 3. การศึกษาทดลองของการใช้ยาต้านมะเร็งชนิดใหม่หรือการใช้ยาร่วมกันหลายชนิด ขอบคุณข้อมูลจาก : //www.chulacancer.net/newpage/information/cervix_cancer01.html ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมครับ
Create Date : 12 มีนาคม 2556 |
Last Update : 12 มีนาคม 2556 10:00:36 น. |
|
0 comments
|
Counter : 8238 Pageviews. |
|
|