Bloggang.com : โอเล่ คุง : Blue Label King George V วิสกี้แห่งราชสำนักอังกฤษ

Blue Label King George V วิสกี้แห่งราชสำนักอังกฤษ

Blue Label King George V Edition

การเปิดตัวของ Blue Label King George V วิสกี้ระดับซุปเปอร์พรีเมี่ยมกลายเป็นเรื่องฮือฮาในวงการคอวิสกี้อย่างมาก ทั้งนี้ค่าย DIAGEO แห่งสก๊อตแลนด์ผู้ผลิตเหล้า Johnnie Walker และวิสกี้อื่น ๆ อีกกว่า 72 แบรนด์ ได้ถือโอกาสเฉลิมฉลองในวาระที่ Johnnie Walker and sons ได้รับพระบรมราชานุญาตให้ผลิตสก็อตวิสกี้เพื่อใช้ในวโรกาสต่าง ๆ ภายในราชสำนักอังกฤษตั้งแต่ปี ค.ศ.1934 ซึ่งตรงกับรัชสมัยพระเจ้าจอร์จที่ 5 อันได้ชื่อว่าเป็นยุคทองของวิสกี้และวิสกี้สูตรนี้พระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงโปรดมาก

การนำสูตรวิสกี้ที่เคยผลิตเมื่อ 70 กว่าปีก่อนมาผลิตขึ้นใหม่นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ แต่ก็ไม่เกินความพยายามของค่ายยักษ์ใหญ่แห่งนี้ที่ต้องการสร้างเพชรเม็ดงามมาประดับให้แก่วงการสก็อตวิสกี้

ในเรื่องสูตรของวิสกี้นั้นได้มีการค้นจากบันทึกเก่าแก่ของบริษัท จากนั้นจะต้องใช้เวลาถึง 2 ปีเพื่อสรรหาวิสกี้ที่หายากมากจำนวนหนึ่งจากโรงกลั่นหลาย ๆ แห่งที่ปิดดำเนินการไปแล้ว อาทิ การใช้วิสกี้จาก Port Ellen Islay Single Malt Scotch Whisky ซึ่งเป็นโรงกลั่นที่ปิดดำเนินการไปนานแล้ว และมอล์ทวิสกี้ที่ผลิตจากโรงกลั่นแห่งนี้ที่ยังเหลืออยู่ก็ได้ถูกเก็บรักษาไว้อย่างดีที่สุดเนื่องจากคุณค่าที่หาไม่ได้อีกแล้ว

พื้นที่ไฮแลนด์ที่มีแม่น้ำสเปย์ไหลผ่านเป็นแหล่งผลิตสก็อตวิสกี้แหล่งใหญ่

เรียกได้ว่าทุกหยาดหยดของของการดื่ม Blue Label King George V Edition จะทำให้วิสกี้ตัวนี้หมดลงไปเรื่อย ๆ จากพื้นพิภพนี้

การนำ Port Ellen Islay Single Malt Scotch Whisky มาเป็นหนึ่งในส่วนผสมนั้นจะช่วยให้ความเข้มและกลิ่นที่หอมลึกซึ้งกว่า Islay Whisky ทั่วไป ผลที่ได้คือ Blue Label King George V Edition จะมีรสชาติที่มีเอกลักษณ์แตกต่างจาก จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ บลู เลเบิ้ล ธรรมดา

มร.โจนาห์ธาน ไดร์เวอร์ แบรนด์แอมบาสเดอร์กล่าวว่าวิสกี้ตัวนี้จะมีรสชาติเฉพาะตัวที่ผ่านการบ่มหมักอันยาวนานโดยปราศจากรสชาติของแทนนินที่มักจะปนมากับถังไม้โอ๊คที่มีอายุการใช้งานไม่มากนัก จึงเป็นรสชาติเฉพาะตัวที่เข้มข้น ให้ความหลากหลายแต่นุ่มนวล พร้อมด้วยกลิ่นหอมที่อวลอยู่ในปากหลังการดื่มเข้าไป

โรงกลั่นที่เก่าแก่

จากการที่เป็นวิสกี้ที่หายากจึงทำให้สนนราคาของ Blue Label King George V Edition แพงตามไปด้วย ซึ่งเปิดตัวกันที่ขวดละ 24,000 บาท หรือชอตละ 1,500 บาท (หนึ่งขสดมีประมาณ 16 ชอต ) ผลิตในจำนวนจำกัดเสียด้วย แถมยังต้องแบ่งโควต้าขายในแต่ละประเทศ เอเชียเป็นทวีปแรกที่ได้รับเกียรติให้ได้สัมผัสกับรสชาติอันสุดยอดของวิสกี้ตัวนี้ โดยประเทศไทยได้ทำการเปิดตัวไปเป็นประเทศแรกของเอเชียที่ได้โควต้ามาจำหน่ายเพียง 150 ขวด

แต่ขณะนี้บรรดาเศรษฐีและนักสะสมวิสกี้ไทยได้แห่มาจองกันเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์เลิศ ใบหยก เจ้าของโรงแรมใบหยกที่จองถึง 6 ขวด เพื่อจะเปิดกินบ้าง แจกบ้างแล้วก็เก็บบ้าง หรือบางคนแอบมากระซิบให้ฟังว่าแค่ซื้อไปประกาศขายในEbayก็มีคนให้ราคาสูงขึ้นเกือบเท่าตัว เพราะความที่วิสกี้ตัวนี้มีน้อยและโอกาสที่จะหามาเป็นเจ้าของนั้นค่อนข้างยากเสียด้วย

ผู้จัดการออนไลน์

Create Date : 08 ธันวาคม 2549

Last Update : 8 ธันวาคม 2549 20:57:07 น.

0 comments

Counter : 7637 Pageviews.