เครือข่ายสังคมออนไลน์

Smileyความหมายของเครือข่ายสังคมออนไลน์ (Social Network)Smiley
แนวคิดเรื่อง (Social Network) หรือ เครือข่ายสังคมออนไลน์ มักปรากฎให้เห็นในลักษณะของการนำมาใช้เพื่อดำเนินงานหรือกิจกรรมต่างๆ โดยมีตัวบุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ร่วมกันเป็นเครือข่าย เพื่อให้สามารถใช้ทรัพยากรร่วมกัน แลกเปลี่ยนแบ่งปันทรัพยากร ข้อมูลข่าวสาร ฯลฯ แต่ปัจจุบันคำว่า (Social Network) จะหมายถึงระบบเครือข่ายบนโลกออนไลน์ หรือการติดต่อสื่อสารถึงกันผ่านอินเทอร์เน็ตนั่งเอง Wikipedia (2009) ให้ความหมาย(Social Network) ว่า เป็นโครงสร้างสังคมที่ประกอบด้วยโหนด (Node) ต่างๆ เชื่อมต่อกัน ซึ่งแต่ละโหนดที่เชื่อมโยงกันก็อาจมีความสัมพันธ์กับโหนดอื่นๆ ด้วย โดยอาจมีระดับของความสัมพันธ์กัน มีความซับซ้อน มีเป้าหมาย







(Social Network) จึงหมายถึงการที่มนุษย์สามารถเชื่อมโยงถึงกัน ทำความรู้จักกัน สื่อสารถึงกันได้ ผ่านทางระบบอินเทอร์เน็ต ซึ่งหากเป็นเว็บไซต์ที่เรียกว่าเป็นเว็บ (Social Network) ก็คือเว็บไซต์ที่เชื่อมโยงผู้คนไว้ด้วยกันนั่งเอง โดยเว็บไซต์เหล่านี้จะมีพื้นที่ให้ผู้คนเข้ามารู้จักกัน มีการให้พื้นที่ บริการเครื่องมือต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการสร้างเครือข่าย สร้างเนื้อหาตามความสนใจของผู้ใช้ ปัจจุบันมีเว็บไซต์ประเภท (Social Network) เกิดขึ้นจำนวนมาก ทั้งที่มีเป้าหมายเชิงพาณิชย์ และไม่แสวงหากำไร
เครือข่ายสังคมออนไลน์ หมายถึง สังคมออนไลน์ที่มีการเชื่อมโยงกันเพื่อสร้างเครือข่ายในการตอบสนองความต้องการทางสังคมที่มุ่งเน้นในการสร้างและสะท้อนให้เห็นถึงเครือข่าย หรือความสัมพันธ์ทางสังคม ในกลุ่มคนที่มีความสนใจหรือมีกิจกรรมร่วมกัน บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จะให้บริการผ่านหน้าเว็บ และให้มีการตอบโต้กันระหว่างผู้ใช้งานผ่านอินเทอร์เน็ต
ทุกวันนี้มีคนใช้ชีวิตอยู่กับสังคมออนไลน์มากขึ้นทุกวัน และมีการใช้ Social Mediaที่ผู้ใช้เป็นผู้สื่อสาร หรือเขียนเล่า เนื้อหา เรื่องราว ประสบการณ์ บทความ รูปภาพ และวิดีโอ ที่ผู้ใช้เขียนขึ้นเอง ทาขึ้นเอง หรือพบเจอจากสื่ออื่นๆ แล้วนามาแบ่งปันให้กับผู้อื่นที่อยู่ในเครือข่ายของตน ผ่านทางเว็บไซต์ Social Network ที่ให้บริการบนออนไลน์ ปัจจุบันการสื่อสารแบบนี้ทาผ่านทาง Internetและโทรศัพท์มือถือ เช่น กระดานความคิดเห็น เว็บบล็อก วิกิ (wiki)Podcast รูปภาพ และวิดีโอ โดยมีเทคโนโลยีที่รองรับเนื้อหา (content) เหล่านี้ ได้แก่ เว็บบล็อก เว็บไซต์ที่แชร์รูปภาพ แชร์เพลง แชร์วิดีโอ เว็บบอร์ด อีเมล์ IM (Instant Massage) เครื่องมือที่ให้บริการ เช่น Voice over IP ส่วนเว็บไซต์ที่ให้บริการ Social Network ได้แก่ Google GroupFacebookMySpaceหรือ Youtubeเป็นต้น



SmileyFacebookSmiley



เฟซบุ๊กเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้ที่ยังคงเฟื่องฟูและได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจึงส่งผลให้สถานศึกษาต่างๆ นำ เฟซบุ๊กไปประยุกต์ใช้เป็นศูนย์แห่งการ เรียนรู้ในสถานศึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแบ่งปันข้อมูลด้านวิชาการในการเรียนการสอนรวมถึงการส่งเสริมความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างครูผู้สอนกับครูผู้สอน ระหว่างครูผู้สอนกับผู้เรียน และผู้เรียนกับผู้เรียน
จะเห็นได้ว่า เฟซบุ๊กเป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้และเป็นห่วงโซ่การศึกษาขนาดใหญ่ที่ทรงประสิทธิภาพในการเรียนรู้แบบไร้ขีดจำกัด ซึ่งครูผู้สอนและผู้เรียนสามารถเข้าถึงได้จากทุกที่ ทุกเวลา ตลอดวันละ24 ชั่วโมง สัปดาห์ละ วัน ฉะนั้น ผู้บริหารการศึกษาจึงควรกำหนดแนวปฏิบัติในการใช้เฟซบุ๊กอย่างเหมาะสมเพื่อช่วยลดความเสี่ยงด้านการใช้เฟซบุ๊กไปในทางที่ผิดหรือด้านการก่อให้เกิดความเสื่อมเสียชื่อเสียงแก่สถานศึกษา ยิ่งกว่านั้น ผู้บริหารการศึกษาจำเป็นต้องพัฒนานโยบายการใช้เฟซบุ๊กที่มีอยู่เป็นระยะๆ เพื่อให้เข้ากับสถานการณ์และยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปด้วย

ข้อดีขอเสียของการเล่นFacebook

ข้อดี

1.FaceBook จะเป็นการสร้างเครือข่ายและจุดประกายด้านการศึกษาได้อย่างกว้างขวาง หากใช้ได้อย่างถูกวิธี

2.ทำให้ไม่ตกข่าว คือทราบความคืบหน้า เหตุการณ์ของบุคคลต่างๆและผู้ที่ใกล้ชิด

3.ผู้ใช้สามารถสร้างเครือข่ายทางสังคม แฟนคลับหรือผู้ที่มีเป้าหมายเหมือนกัน และทำงานให้สำเร็จลุล่วงไปได้

4.สามารถสร้างมิตรแท้ หรือเพื่อนที่รู้ใจที่แท้จริงได้

5.FaceBook เป็นซอฟแวร์ที่เอื้อต่อผู้ที่มีปัญหาในการปรับตัวทางสังคม ขาดเพื่อน อยู่โดดเดี่ยว หรือผู้ที่ไม่สามารถออกจากบ้านได้ ให้มีเครือข่ายทางสังคม และเติมเต็มชีวิตทางสังคมได้อย่างดี ไม่เหงาและปรับตัวได้ง่ายขึ้น

6.สร้างเครือข่ายที่ดี สร้างความเห็นอกเห็นใจ และให้กำลังใจที่ดีแก่ผู้อื่นได้

ข้อเสีย

1.FaceBook เป็นการขยายเครือข่ายทางสังคมในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นการมีเพิ่มเพื่อนเครือข่ายที่ไม่รู้จักดีพอ จะทำให้เกิดการลักลอบขโมยข้อมูล หรือการแฝงตัวของขบวนการหลอกลวงต่างๆได้

2.เพื่อนทุกคนในเครือข่ายสามารถเขียนข้อความต่างๆลง Wall ของ FaceBook ได้แต่หากเป็นข้อความที่เป็นความลับ การใส่ร้ายกัน หรือแฝงไว้ด้วยการยั่วยุต่างๆ จะทำให้ผู้อ่านที่ไม่มีวุฒิภาวะพอ หลงเชื่อ เกิดความขัดแย้ง และปัญหาตามมาในภายหลังได้

3.Facebook อาจเป็นช่องทางในการสร้างสังคมแห่งการนินทา หรือการยุ่งเรื่องส่วนตัวของผู้อื่นโดยใช่เหตุ โดยเฉพาะสังคมที่ชอบสอดรู้สอดเห็น

4.การเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวทั้งหมดให้กับบุคคลภายนอกที่ไม่รู้จักดีพอ เช่นการลงรูปภาพของครอบครัวหรือลูก อาจนำมาเรื่องปัญหาการปลอมตัว หรือการหลอกลวงอื่นๆที่คาดไม่ถึงได้

5.เด็กๆที่ใช้เวลาในการเล่น Facebook มากเกินไป จะทำให้เสียการเรียน

6.ในการสร้างความผูกพันและการปรับตัวทางสังคมเป็นการพบปะกันในโลกของความจริง มากกว่าในโลกอินเตอร์เนต ดังนั้นผู้อยู่ในโลกของไซเบอร์มากเกินไปอาจทำให้มีปัญหาทางจิต หรือขาดการปรับตัวทางสังคมที่ดี โดยเฉพาะผู้ที่ชอบเล่น FaceBook ตั้งแต่ยังเด็ก

7.FaceBook อาจเป็นแรงขับให้มีการพบปะทางสังคมในโลกแห่งความเป็นจริงที่น้อยลงได้ เนื่องจากทราบความเคลื่อนไหวของผู้ที่อยู่ในเครือข่ายอย่างตลอดเวลา

8.นโยบายของบางโรงเรียน บางมหาวิทยาลัย บางครอบครัวหรือในบางประเทศมีปัญหามากมายที่เกิดจากFaceBook ทำให้ FaceBook ไม่ได้รับการอนุญาตให้มีในหลายพื้นที่



SmileyTwitterSmiley





ชื่อ Twitter มาจากคำว่า Twit หมายถึงเสียงนกร้อง สื่อความหมายถึงการสื่อสารด้วยคำพูดสั้นๆ แต่ถี่ๆ ทั้งวัน ซึ่งเป็นจุดต่างจุดเด่นที่ทำให้มันต่างจากวิธีสื่อสารอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นอีเมล แชต เว็บบล็อก หรือทุกอย่างที่มีมาก่อนนี้ทั้งหมด

Twitter สามารถตอบโจทย์พฤติกรรมการพูดคุยปกติของมนุษย์ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพูดสั้นๆ แต่บ่อยๆทั้งวัน ก่อนจะมี Twitter นั้น อินเทอร์เน็ตได้เปิดช่องว่างนี้ไว้ เพราะปกติแล้วคงไม่มีใครที่ส่ง Email บรรทัดเดียววันละหลายๆ ครั้ง หรือเขียน Blog สั้นๆ ประโยคเดียววันละหลายๆ หน เพื่อบอกว่ากำลังทำอะไร คิดอะไร หรือไปที่ไหนอยู่ ส่วนการ Chat ก็ทำได้แค่เมื่อออนไลน์ตรงกันเท่านั้น Twitter จึงขึ้นมาเป็นที่นิยมรวดเร็ว เพราะเป็นคล้าย Blog แต่สั้นไม่เกิน 140 ตัวอักษร และรองรับการส่งขึ้นถี่ๆ วันละหลายสิบครั้งร้อยครั้งได้ง่าย

ความเรียบง่ายและและทำอะไรได้ไม่มากนักของ Twitter กลับกลายเป็นเสน่ห์และจุดแข็งมากกว่าจะเป็นจุดด้อย เพราะทำให้เรียนรู้ง่าย ใช้ง่าย เร็ว และที่สำคัญที่สุดคืออ่านได้ทั้งบนคอมพิวเตอร์และมือถือยุคนี้ทุกรุ่นทุกแบบด้วยหน้าจอและความรู้สึกที่ไม่ต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหน้า Profile ของเพื่อน ของดารา ของแบรนด์สินค้า หรือของนายกรัฐมนตรี

นอกจากจะอ่านง่ายแล้ว หน้าจอเรียบๆ ไม่ซับซ้อน ยังเขียนง่าย ทำให้บริษัทองค์กรต่างๆ รวมถึงนักการเมืองสามารถสร้างหน้า Twitter เอง ส่งข้อความ Tweet เองได้ทุกขั้นตอนโดยไม่ต้องมีความรู้ทางกราฟิกหรือการเขียนโปรแกรมแม้แต่น้อย ไม่ต้องอาศัยเอเยนซี่โฆษณาหรือผู้เชี่ยวชาญเว็บไซต์เหมือนการทำเว็บไซต์ปกติทั่วไป

โทรศัพท์มือถือเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญ เพราะในโลกทุกวันนี้มีมือถืออยู่ราว 3 พันล้านเครื่อง แต่มีคอมพิวเตอร์เพียงประมาณ 8 ร้อยล้านเครื่องเท่านั้น และการเขียนข้อความสั้น “Tweet” ขึ้นไปบน Twitter ก็ทำได้ง่ายด้วยความเคยชินแบบเดียวกับการส่ง SMS ทีละสั้นๆ ไม่เกิน 140 ตัวอักษร ทำให้ง่ายต่อการเล่นจากทุกที่ทุกแห่งผ่านมือถือที่เข้าอินเทอร์เน็ตได้โดยไม่ต้องเป็นเน็ตความเร็วสูงแต่อย่างใด

อีกจุดเด่นสำคัญ คือ ผู้ใช้ยังสามารถเลือกที่จะ Follow เฉพาะจากแหล่งที่ตัวเองสนใจได้ ทำให้มีหน้าจอส่วนตัวที่แสดงเฉพาะ Feed ข่าวหรือข้อความจากเพื่อนหรือสำนักข่าว หรือแบรนด์สินค้าที่ตัวเองสนใจเท่านั้น และผู้ใช้เองก็สามารถที่จะสื่อสารออกไปสู่ผู้อื่นได้ด้วยทั้งจากทางเว็บไซต์และโทรศัพท์มือถือ

อิทธิพลมหาศาลที่แท้จริงของ Twitter อยู่ที่การเข้ามาเปลี่ยนวิธีที่ผู้คนสื่อสารถึงกันบนอินเทอร์เน็ตอย่างสิ้นเชิง เพราะเมื่อ Twitter ดัง ช่องตัวอักษรที่ใช้บอกว่า “ทำอะไรอยู่”, “คิดอะไรอยู่” หรือ “เกิดอะไรขึ้น” ก็ถูกสร้างขึ้นบ้างโดยทั้ง Facebook, hi5 และอีกหลายเว็บที่แม้จะซับซ้อนทำได้หลายอย่างมากกว่า แต่ Twitter ที่ทำได้อย่างเดียวคือการรับส่งข้อความสั้น ก็ยังมาแรงเติบโตได้ต่อไปบนความเรียบง่ายที่แตกต่าง

กลุ่มผู้ใช้ Twitter ยุคแรกคือกลุ่มผู้เชี่ยวชาญไอที มักจะเป็นกลุ่มที่นิยมทดลองโปรแกรม หรือ บริการใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ จากนั้นก็เป็นที่รู้จักในวงกว้างเมื่อมีคนดังอย่าง Barack Obama, Ashton Kutcher, Oprah Winfrey เข้ามาใช้

เช่นเดียวกับในไทยที่เริ่มจากผู้เชี่ยวชาญและคนในวงการไอที เช่น สุกรี พัฒนภิรมย์, อภิศิลป์ ตรุงคกานนท์, ปรเมศวร์ มินศิริ ต่อด้วยดาราหลายคน เช่น กิ๊บซี่ วนิดา เติมธนาภรณ์, เจ มณฑล, พอลล่าเทเลอร์ ก่อนที่จะดังเป็นข่าวไปทั่วทันทีเมื่อนักการเมือง เช่น กรณ์ จาติกวณิ, อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะและทักษิณ ชินวัตร กระโดดเข้าสู่กระแส Twitter

ภาคธุรกิจทั้งแบรนด์สินค้าและองค์กรต่างๆ ก็พากันทำการตลาดบน Twitter ด้วยแคมเปญที่หลากหลายเป้าหมาย ซึ่งนอกจากจะ Feed ข่าวกระจายออกไปแล้ว ยังมุ่งความสัมพันธ์ระยะยาวหรือตลอดไป แบบ “Foreverism” ทางตรงสู่กลุ่มเป้าหมายอย่างใกล้ชิดแบบ Interactive ถึงกัน

รวมศัพท์ Twitter
(ที่มา : keng.com)

Tweet = การเขียนข้อความขึ้น Twitter
Retweet = การเอา Tweet ของคนอื่นมาเขียนใหม่ใน Twitter โดยมากมักใช้คำย่อว่า RT แทน
Follow = การเพิ่มเพื่อนในรายชื่อ Twitter Account ของคุณ เพื่อจะได้ติดตามได้ทุกครั้งที่เขามีการอัพเดต
Following = คนที่เราไปตามอ่าน Twitter ของเขาอยู่
Follower = คนที่มาตามอ่าน Twitter ของเรา
# = เครื่องหมาย Hashtag มักใช้ร่วมกับคำบางคำเพื่อเป็นการกำหนด Tag ใน Twitter เช่น #Hashtag
Tweeps = เพื่อนใน Twitter
Twirt = การจีบกัน (Flirt) ใน Twitter
Twittersphere หรือ Twitterverse = โลกของ Twitter หรือจักรวาลของ Twitter


SmileyYoutubeSmiley





Youtube เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการแลกเปลี่ยนภาพวิดีโอระหว่างผู้ใช้ได้ฟรี โดยนำเทคโนโลยีของ Adobe Flash มาใช้ในการแสดงภาพวิดีโอ ซึ่งยูทูบมีนโนบายไม่ให้อัปโหลดคลิปที่มีภาพโป๊เปลือยและคลิปที่มีลิขสิทธิ์ นอกเสียจากเจ้าของลิขสิทธิ์ได้อัปโหลดเอง
เมื่อสมัครสมาชิกแล้วผู้ ใช้จะสามารถใส่ภาพวิดีโอเข้าไป แบ่งปันภาพวิดีโอให้คนอื่นดูด้วย แต่หากไม่ได้สมัครสมาชิกก็สามารถเข้าไปเปิดดูภาพวิดีโอที่ผู้ใช้คนอื่น ๆ ใส่ไว้ใน Youtube ได้ แม้จะก่อตั้งได้เพียงไม่นาน (youtube ก่อตั้งขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005) Youtube เติบโตอย่างรวดเร็วมาก เป็นที่รู้จักันแพร่หลายและได้รับความนิยมทั่วโลก ต่อมาปี ค.ศ.2006 กูเกิ้ลซื้อยูทูบ ตอนนี้ยูทูบจึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิ้ลแล้ว

YouTube (ยูทูบ) เป็นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนภาพวิดีโอที่มีชื่อเสียง(www.youtube.com) โดยในเว็บไซต์นี้ ผู้ใช้สามารถอัพโหลดภาพวิดีโอเข้าไป เปิดดูภาพวิดีโอที่มีอยู่ และแบ่งภาพวิดีโอ เหล่านี้ให้คนอื่นดูได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ  ใน YouTube จะมีข้อมูลเนื้อหารวมถึงคลิปภาพยนตร์สั้นๆ และคลิปที่มาจากรายการโทรทัศน์ มิวสิกวิดีโอ และวิดีโอบล็อกกิ้ง (ซึ่งเป็นการสร้างบล็อกโดยมีส่วนของข้อมูลที่เป็นภาพ วิดีโอเป็นส่วนประกอบ โดยเฉพาะเป็นภาพวิดีโอที่เกิดจากมือสมัครเล่นถ่ายกันเอง) คลิปวิดีโอที่เผยแพร่อยู่บนเว็บไซต์ YouTube ส่วนมากเป็นไฟล์คลิปสั้นๆ ประมาณ 1 - 10 นาที ถ่ายทำโดยประชาชนทั่วไป แล้วอัพโหลดขึ้นสู่เว็บไซต์ของ YouTube โดยมีการแบ่งประเภทและจัดอันดับคลิปเอาไว้ด้วย เช่น ไฟล์ล่าสุด, ไฟล์ที่มีผู้ชมมากที่สุด, ไฟล์ที่ได้รับการโหวตมากที่สุด ฯลฯ

YouTube เป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการวิดีโอผ่านอินเทอร์เน็ตที่มียอดผู้ชมวิดีโอของทางเว็บไซต์ทะลุหลัก 100 ล้านครั้งต่อวัน หรือคิดเป็นราว 29 เปอร์เซ็นต์ของยอดการเปิดดูคลิปวิดีโอทั้งหมดในสหรัฐฯ ในแต่ละเดือนมีผู้อัพโหลดวิดีโอขึ้นเว็บกว่า 65,000 เรื่อง

          สถิติจาก Nielsen/NetRatings ซึ่งเป็นผู้นำวิจัยการตลาดและสื่่ออินเตอร์ระดับโลกระบุว่า ปัจจุบัน YouTube มีสมาชิกเพิ่มขึ้นเดือนละ 20 ล้านคน นอกจากนี้ ในปี 2006 นิตยสารไทม์ ยกย่องให้เว็บไซต์ YouTube เว็บไซต์ให้บริการดาวน์โหลดไฟล์วิดีโอชื่อดัง เป็น "Invention of the Year" หรือรางวัลสิ่งประดิษฐ์แห่งปี อีกด้วย







SmileyPinterestSmiley



Pinterest มาจากคำว่า Pin+Interest แปลตรงตัวง่ายๆ ก็คือ การปักหมุด (Pin) รูปภาพที่เราสนใจลงบนบอร์ดของเรา เหมือนการปักหมุดไปบนบอร์ดสมัยประถมนั่นแหละ Pinterest จะเป็นเว็บที่มีแต่รูปภาพแต่อย่างเดียวในหน้าบอร์ด พร้อมกับคำบรรยายสั้นๆ ของรูปภาพที่เราสนใจ

ข้อดีของ Pinterest คือช่วยให้คุณจัดหมวดหมู่ความสนใจได้เป็นระเบียบโดยการสร้างบอร์ดขึ้นมา เช่น บอร์ดอาหาร อาจจะแบ่งย่อยเป็น ของคาว ของหวาน อะไรก็แล้วแต่ คุณสามารถปักหมุดรูปภาพที่ชื่นชอบได้จากเว็บต่างๆ มาลงไว้ในบอร์ดส่วนตัว หรือจะถ่ายรูปผ่านทาง Instragram แล้วนำมาปักหมุดเองก็ได้ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็มี repin ปักหมุดภาพที่ตัวเองสนใจ ปุ่มกด like กดชอบภาพที่ถูกใจ อีกทั้งยังดูได้อีกว่ารูปภาพมีที่มาจากไหน ฟังดูน่าสนใจใช่ไหมละ

ยอดผู้ใช้ Pinterest ในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเว็บหน้าตาสวยงาม ใช้งานง่าย ทำให้ใครก็สามารถเล่น้ไม่ยาก อีกทั้งยังเชื่อมต่อกับ Twitter, Instagram, และ Facebook เวลาที่คุณปักหมุดภาพใหม่ๆ ลงไปในบอร์ดด้วย ทำให้ Pinterest ได้รับความนิยมอย่างกว้างขวาง 83% ของผู้เล่น Pinterest ในสหรัฐอเมริกาเป็นผู้หญิง ส่วนใหญ่จะใช้เก็บข้อมูลต่างๆ ตามความสนใจ เช่น วางแผนงานแต่งงาน เก็บรวบรวมทรงผมและแฟชั่นสวยๆ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการใช้ Pinterest ทำ marketing ด้วย

Pinterest มี concept คือ Happy Pinning! ปักหมุดกันให้สนุกกันไปเลย ในประเทศไทย Pinterest ยังไม่มีการใช้อย่างแพร่หลายสักเท่าไหร่นัก

เราจะใช้ Pinterest ทำอะไรได้บ้าง

1. สร้าง Pin Board หรือกระดาน Pinของเราไว้เก็บภาพและวิดีโอที่เราอยากเก็บไว้

2. สร้าง Pin Board เป็นหมวดหมู่ต่างๆ เช่น Travel, Fashion, Design, Antique  

3. ติดตาม Pinterest ของเพื่อน คนอื่น และแบรนด์สินค้า ได้ทั่วโลก ในขณะเดียวกัน คนอื่นทั่วโลกก็สามารถติดตามเป็น Follower Pinterest ของเราได้เช่นกัน

4. Pinterest มี Notification เหมือน Facebook ที่คอยแจ้งให้เราทราบว่ามีใครมา Follow หรือ Comment  Pin ของเรา หรือจะเลือกรับ Notificationผ่านทางอีเมล์ด้วยก็ได้เช่นกัน

5. สามารถ Repin หรือ Pin ภาพของคนอื่นมาไว้ที่กระดาน Pin (Board) ของเรา

6. Comment และ Like Pin ที่เราชอบได้ และคนอื่นก็ Comment และ Like Pin ของเราได้เช่นกัน

7. หากพบ Pin ที่น่าสนใจ เราสามารถส่งอีเมล์ให้เพื่อนได้

8. คลิกไปดูเว็บไซต์ซึ่งเป็นแหล่งที่มาของภาพและวิดีโอเพื่อดูเนื้อหาอื่นๆที่สนใจได้เพิ่มเติม

9. เชื่อมระบบสมาชิก Pinterest ของเรากับ Social Network อื่นๆได้ ทั้ง Facebookและ Twitter

10. สร้างความ Popular ให้กับ Pin ของเราได้ ด้วยการ Pin  เรื่องเกร๋ๆน่าสนใจ เพื่อให้คนมาติดตามเรามากขึ้น

11. เปิด Pin Board ของเราให้คนอื่นเข้ามาร่วม Pin ได้หรือจะปิดไม่ใช้ใครมา Pin ที่ Board เราก็ได้

12. เพิ่มปุ่ม Pin (Pin it) ไว้ที่ Web browser ทั้งคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะ และสมาร์ทโฟน เพื่อ Pin ภาพจากเว็บไซต์ได้อย่างรวดเร็ว





Smileyแหล่งอ้างอิงSmiley







Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2558 21:36:01 น.
Counter : 2978 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Khaotao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2558

3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28