ฟังก์ชัน Excel (Part 2)
6. ฟังก์ชัน DATE

คำอธิบาย

ฟังก์ชัน DATE จะส่งกลับเลขลำดับต่อเนื่องที่แสดงถึงวันที่หนึ่งๆ ตัวอย่างเช่น สูตร

=DATE(2008,7,8)

ส่งกลับค่า 39637 เป็นเลขลำดับที่แทน 7/8/2008

หมายเหตุ   ถ้ารูปแบบของเซลล์เป็น ทั่วไป ก่อนที่จะใส่ฟังก์ชัน ผลลัพธ์ที่ได้จะถูกจัดรูปแบบเป็นวันที่แทนตัวเลข ถ้าคุณต้องการจะดูเลขลำดับ หรือถ้าคุณต้องการจะเปลี่ยนแปลงการจัดรูปแบบวันที่ ให้เลือกรูปแบบตัวเลขในกลุ่ม หมายเลข ของแท็บ หน้าแรก

ฟังก์ชัน DATE จะมีประโยชน์มากที่สุดในกรณีที่สูตรหรือการอ้างอิงเซลล์มีข้อมูลเกี่ยวกับปี เดือนและวัน ตัวอย่างเช่น คุณอาจมีแผ่นงานที่มีวันที่ในรูปแบบที่ Excel ไม่รู้จัก เช่น YYYYMMDD คุณสามารถใช้ฟังก์ชัน DATE ร่วมกับฟังก์ชันอื่นเพื่อแปลงวันที่ให้เป็นเลขลำดับที่ Excel รู้จักได้ ดูสเปรดชีตในส่วนตัวอย่างของบทความนี้สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม

ไวยากรณ์

DATE(year,month,day)

ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน DATE มีอาร์กิวเมนต์ดังต่อไปนี้

  • Year    (ต้องระบุ) ค่าของอาร์กิวเมนต์ year สามารถเป็นตัวเลขตั้งแต่หนึ่งถึงสี่ตัว Excel จะแปลอาร์กิวเมนต์ year ตามระบบวันที่ที่คอมพิวเตอร์ของคุณใช้อยู่ ตามค่าเริ่มต้น Microsoft Excel สำหรับ Windows จะใช้ระบบวันที่แบบ 1900

    เราขอแนะนำให้ใช้ตัวเลขสี่หลักสำหรับอาร์กิวเมนต์ year เพื่อป้องกันมิให้เกิดผลลัพธ์ที่ไม่ต้องการ ตัวอย่างเช่น "07" อาจหมายถึง "1907" หรือ "2007" ตัวเลขปีแบบสี่หลักจะช่วยป้องกันความสับสน

    • ถ้า year มีค่าตั้งแต่ 0 (ศูนย์) ถึง 1899 (นับตัวเลขนี้ด้วย) Excel จะบวกค่านี้ด้วย 1900 เพื่อคำนวณปี ตัวอย่างเช่นDATE(108,1,2) จะส่งกลับ 2 มกราคม 2008 (1900+108)

    • ถ้าค่า year อยู่ระหว่าง 1900 ถึง 9999 (นับตัวเลขนี้ด้วย) Excel จะใช้ค่านั้นเป็นปี ตัวอย่างเช่น DATE(2008,1,2) ส่งกลับวันที่ 2 มกราคม ค.ศ. 2008

    • ถ้าค่า year น้อยกว่า 0 หรือเท่ากับ 10000 หรือมากกว่า Excel จะส่งกลับ #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด เป็นค่าความผิดพลาด

  • Month    (ต้องระบุ) จำนวนเต็มบวกหรือจำนวนเต็มลบที่แทนค่าเดือนของปีตั้งแต่ 1 ถึง 12 (มกราคมถึงธันวาคม)

    • ถ้า month มีค่ามากกว่า 12 ค่าของ month ที่เกินจาก 12 จะถูกนับทบขึ้นเป็นเดือนแรกของปีที่ระบุ ตัวอย่างเช่นDATE(2008,14,2) ส่งกลับเลขลำดับที่แสดงวันที่ 2 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009

    • ถ้าค่า month น้อยกว่า 1 month จะลบจำนวนเดือนนั้น บวกหนึ่ง จากเดือนแรกของปีที่ระบุ ตัวอย่างเช่นDATE(2008,-3,2) จะส่งกลับเลขลำดับที่แสดง September 2, 2007

  • Day    (ต้องระบุ) จำนวนเต็มบวกหรือจำนวนเต็มลบที่แสดงวันของเดือนตั้งแต่ 1 ถึง 31

    • ถ้า day มีค่ามากกว่าจำนวนวันในเดือนที่ระบุ ค่าของ day ที่เกินจากค่าจำนวนวันนั้นจะถูกนับทบขึ้นเป็นวันแรกของเดือนต่อไป ตัวอย่างเช่น DATE(2008,1,35) ส่งกลับเลขลำดับที่แสดงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2008

    • ถ้า day น้อยกว่า 1 day จะลบจำนวนวันนั้นออก บวกหนึ่ง จากวันแรกของเดือนที่ระบุ ตัวอย่างเช่น ตัวอย่างเช่นDATE(2008,1,-15) จะส่งกลับเลขลำดับที่แสดง December 16, 2007

หมายเหตุ   Excel จะเก็บวันที่เป็นเลขลำดับต่อเนื่องเพื่อให้สามารถนำมาใช้ในการคำนวณได้ 1 มกราคม 1900 มีเลขลำดับเป็น 1 และวันที่ 1 มกราคม 2008 มีเลขลำดับเป็น 39448 เพราะอยู่ห่างจากวันที่ 1 มกราคม 1900 ไป 39,447 วัน

ตัวอย่าง

สมุดงานด้านล่างจะแสดงตัวอย่างของฟังก์ชันนี้ ให้ตรวจสอบ เปลี่ยนสูตรที่มีอยู่ หรือใส่สูตรของคุณเองเพื่อศึกษาวิธีการทำงานของฟังก์ชัน

คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของแผ่นงาน Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าจำเป็น คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้

Year

Month

Day

2011

1

1

ข้อมูล

20111125

สูตร

คำอธิบาย

ผลลัพธ์

=DATE(A2,B2,C2)

เลขลำดับวันที่สำหรับวันที่ซึ่งได้จากการใช้เซลล์ A2, B2 และ C2 เป็นอาร์กิวเมนต์สำหรับฟังก์ชัน DATE

40544

=DATE(YEAR(TODAY()),12,31)

เลขลำดับวันที่ของวันสุดท้ายของปีปัจจุบัน

41274

=DATE(LEFT(A4,4),MID(A4,5,2), RIGHT(A4,2))

สูตรที่จะแปลงสตริงข้อความใน A4 (20111125) ที่แสดงวันที่ในรูปแบบ "YYYYMMDD" เป็นวันที่

11/25/2011



7. ฟังก์ชัน RANK
คำอธิบาย

ส่งกลับลำดับของตัวเลขในรายการตัวเลข โดยลำดับของตัวเลขคือขนาดของตัวเลขที่สัมพันธ์กับค่าอื่นๆ ในรายการ (ถ้าคุณเรียงลำดับรายการ ลำดับของตัวเลขก็คือตำแหน่งของตัวเลข)

สิ่งสำคัญ   ฟังก์ชันนี้ได้ถูกแทนที่ด้วยฟังก์ชันใหม่อย่างน้อยหนึ่งฟังก์ชัน ซึ่งอาจให้ความถูกต้องมากขึ้น รวมทั้งชื่อก็แสดงถึงการใช้งานได้ดีกว่า ฟังก์ชันนี้ยังคงทำงานร่วมกับ Excel รุ่นก่อนหน้าได้ อย่างไรก็ตาม ความเข้ากันได้กับรุ่นก่อนหน้าไม่ใช่สิ่งจำเป็น คุณควรเริ่มใช้ฟังก์ชันใหม่เนื่องจากฟังก์ชันเหล่านั้นแสดงถึงการทำงานที่ถูกต้องมากกว่า

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟังก์ชันใหม่ ให้ดูที่ ฟังก์ชัน RANK.AVG และ ฟังก์ชัน RANK.EQ

ไวยากรณ์

RANK(number,ref,[order])

ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน RANK มีอาร์กิวเมนต์ดังต่อไปนี้:

  • Number    (ต้องระบุ) คือ ตัวเลขที่มีลำดับที่คุณต้องการค้นหา

  • Ref    (ต้องระบุ) คือ อาร์เรย์ของรายการตัวเลขหรือการอ้างอิงถึงรายการตัวเลข ค่าที่ไม่ใช่ตัวเลขใน ref จะถูกละเว้น

  • Order    (ระบุหรือไม่ก็ได้) คือ จำนวนที่ระบุว่าจะจัดลำดับตัวเลขอย่างไร

    ถ้า order เป็น 0 (ศูนย์) หรือละไว้ Microsoft Excel จะจัดลำดับ number โดยถือว่า ref เป็นรายการที่เรียงลำดับจากมากไปหาน้อย

    ถ้า order เป็นค่าอื่นที่ไม่ใช่ศูนย์ Microsoft Excel จะจัดลำดับ number โดยถือว่า ref เป็นรายการที่เรียงลำดับจากน้อยไปหามาก

ข้อสังเกต

  • ฟังก์ชัน RANK จะให้ตัวเลขที่ซ้ำกันแก่ลำดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ตัวเลขซ้ำที่เกิดขึ้นจะกระทบถึงลำดับของตัวเลขตัวถัดมา ตัวอย่างเช่น ในรายการจำนวนเต็มที่เรียงลำดับจากน้อยไปหามาก ถ้ามีเลข 10 ปรากฏสองครั้งและอยู่ในลำดับที่ 5 แล้วเลข 11 จะเป็นลำดับที่ 7 (ไม่มีตัวเลขใดในลำดับที่ 6)

  • ในบางกรณี ผู้ใช้อาจต้องการให้การกำหนดลำดับพิจารณาถึงลำดับที่เท่ากันด้วย ในตัวอย่างข้างต้น ผู้ใช้อาจต้องการให้ตัวเลข 10 มีลำดับที่ปรับแล้วเป็น 5.5 ซึ่งทำได้โดยการเพิ่มค่าการแก้ไขต่อไปนี้ให้กับค่าที่ RANK ส่งกลับ ค่าการแก้ไขนี้เหมาะสำหรับทั้งในกรณีที่คำนวณลำดับจากมากไปหาน้อย (order = 0 หรือละไว้) หรือจากน้อยไปหามาก (order = ค่าที่ไม่ใช่ศูนย์)

    ค่าการแก้ไขสำหรับลำดับที่เท่ากัน=[COUNT(ref) + 1 – RANK(number, ref, 0) – RANK(number, ref, 1)]/2

    ในตัวอย่างต่อไปนี้ RANK(A2,A1:A5,1) จะเท่ากับ 3 ค่าการแก้ไขคือ (5 + 1 – 2 – 3)/2 = 0.5 และลำดับที่ปรับแล้วซึ่งพิจารณาถึงลำดับที่เท่ากันจะเป็น 3 + 0.5 = 3.5 ถ้าตัวเลขเกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวใน ref ค่าการแก้ไขจะเป็น 0 เนื่องจากไม่ต้องปรับ RANK สำหรับลำดับที่เท่ากัน

ตัวอย่าง

เวิร์กบุ๊กต่อไปนี้แสดงตัวอย่างของฟังก์ชันนี้ ตรวจสอบ เปลี่ยนสูตรที่มีอยู่ หรือพิมพ์สูตรของคุณเองเพื่อศึกษาวิธีที่ฟังก์ชันทำงาน

คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของเวิร์กชีต Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าต้องการ คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้

ข้อมูล

7

3.5

3.5

1

2

สูตร

คำอธิบาย (ผลลัพธ์)

ผลลัพธ์

=RANK(A3,A2:A6,1)

ลำดับที่ของเลข 3.5 ในรายการข้างบน (3)

3

=RANK(A2,A2:A6,1)

ลำดับที่ของเลข 7 ในรายการข้างบน (5)

5


8. ฟังก์ชัน BAHTTEXT

คำอธิบาย

แปลงจำนวนเป็นข้อความภาษาไทยและเพิ่มคำต่อท้าย "บาท"

คุณสามารถเปลี่ยนรูปแบบ บาท เป็นลักษณะอื่นได้โดยใช้ ตัวเลือกภูมิภาคและภาษา (ไปที่ เมนู เริ่ม ของ Windows จากนั้นไปที่แผงควบคุม)

ไวยากรณ์

BAHTTEXT(number)

ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน BAHTTEXT มีอาร์กิวเมนต์ดังต่อไปนี้

  • Number    (ต้องระบุ) คือตัวเลขที่คุณต้องการแปลงเป็นข้อความ หรือจะเป็นการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีตัวเลขอยู่ หรือเป็นสูตรที่ได้ประเมินค่าออกมาเป็นตัวเลขก็ได้

ตัวอย่าง

สมุดงานต่อไปนี้แสดงตัวอย่างของฟังก์ชันนี้ ตรวจสอบ เปลี่ยนสูตรที่มีอยู่ หรือพิมพ์สูตรของคุณเองเพื่อศึกษาวิธีที่ฟังก์ชันทำงาน

คัดลอกข้อมูลตัวอย่างในตารางต่อไปนี้ และวางในเซลล์ A1 ของแผ่นงาน Excel ใหม่ เพื่อให้สูตรแสดงผลลัพธ์ ให้เลือกสูตร กด F2 แล้วกด Enter ถ้าจำเป็น คุณสามารถปรับความกว้างของคอลัมน์เพื่อดูข้อมูลทั้งหมดได้

ข้อมูล

1234

สูตร

คำอธิบาย

ผลลัพธ์

=BAHTTEXT(A2)

แสดงจำนวนเงินในรูปข้อความ (หนึ่งพันสองร้อยสามสิบสี่บาท)

หนึ่งพันสองร้อยสามสิบสี่บาทถ้วน



9. ฟังก์ชัน SMALL

คำอธิบาย

ส่งกลับค่าที่น้อยที่สุดในลำดับที่ k ในชุดข้อมูล ใช้ฟังก์ชันนี้ส่งกลับค่าด้วยตำแหน่งสัมพัทธ์ที่ระบุในในชุดข้อมูล

ไวยากรณ์

SMALL(array, k)

ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน SMALL มีอาร์กิวเมนต์ดังต่อไปนี้

  • Array    (ต้องระบุ) คืออาร์เรย์หรือช่วงของข้อมูลตัวเลขที่คุณต้องการระบุค่าน้อยที่สุดลำดับที่ k

  • K    (ต้องระบุ) คือตำแหน่ง (นับจากค่าน้อยที่สุด) ในอาร์เรย์หรือช่วงข้อมูลที่จะส่งกลับ

ข้อสังเกต

  • ถ้า array ว่างเปล่า ฟังก์ชัน SMALL จะส่งกลับค่าความผิดพลาด #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด

  • ถ้า k ≤ 0 หรือถ้า k เกินกว่าจำนวนจุดข้อมูล ฟังก์ชัน SMALL จะส่งกลับ #NUM! เป็นค่าความผิดพลาด

  • ถ้า n เป็นจำนวนของจุดข้อมูลในอาร์เรย์ ฟังก์ชัน SMALL(array,1) จะเท่ากับค่าที่น้อยที่สุด และฟังก์ชัน SMALL(array,n) จะเท่ากับค่าที่มากที่สุด


10. ฟังก์ชัน TEXT

คำอธิบาย

ฟังก์ชัน TEXT จะแปลงค่าตัวเลขให้เป็นข้อความ และให้คุณกำหนดการจัดรูปแบบการแสดงโดยใช้สตริงรูปแบบพิเศษ ฟังก์ชันนี้จะเป็นประโยชน์ในสถานการณ์ที่คุณต้องการให้แสดงตัวเลขในรูปแบบที่อ่านได้ง่ายยิ่งขึ้น หรือเมื่อคุณต้องการรวมตัวเลขเข้ากับข้อความหรือสัญลักษณ์ต่างๆ ตัวอย่างเช่น สมมติว่าเซลล์ A1 มีตัวเลข 23.5 เมื่อต้องการจัดรูปแบบตัวเลขให้เป็นจำนวนเงินดอลลาร์ คุณสามารถใช้สูตรต่อไปนี้

=TEXT(A1,"$0.00")

ในตัวอย่างนี้ Excel แสดงผลเป็น $23.50

คุณยังสามารถจัดรูปแบบของตัวเลขโดยใช้คำสั่งในกลุ่ม หมายเลข บนแท็บ หน้าแรก ของ Ribbon อย่างไรก็ดี คำสั่งเหล่านี้จะใช้งานได้เฉพาะเมื่อเซลล์ทั้งหมดเป็นตัวเลขเท่านั้น แต่ถ้าคุณต้องการจะจัดรูปแบบตัวเลขและรวมข้อความไว้ด้วยกัน ฟังก์ชัน TEXTถือเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ตัวอย่างเช่น คุณสามารถเพิ่มข้อความลงในสูตรก่อนหน้าได้ดังนี้

=TEXT(A1,"$0.00") & " ต่อชั่วโมง"

Excel แสดงผลเป็น $23.50 ต่อชั่วโมง

ไวยากรณ์

TEXT(value, format_text)

ไวยากรณ์ของฟังก์ชัน TEXT มีอาร์กิวเมนต์ดังต่อไปนี้

  • value    (ต้องระบุ) ค่าตัวเลข สูตรที่ประเมินเป็นค่าตัวเลข หรือการอ้างอิงไปยังเซลล์ที่มีค่าตัวเลข

  • format_text    (ต้องระบุ) รูปแบบตัวเลขเป็นสตริงข้อความที่อยู่ภายในเครื่องหมายอัญประกาศ ตัวอย่างเช่น "m/d/yyyy" หรือ "#,##0.00" ให้ดูแนวทางการจัดรูปแบบในส่วนต่างๆ ดังต่อไปนี้

    แนวทางการจัดรูปแบบตัวเลข

    • แสดงตำแหน่งทศนิยมและเลขนัยสำคัญ    เมื่อต้องการจัดรูปแบบเศษส่วนหรือตัวเลขที่มีจุดทศนิยม ให้รวมตัวแทนตัวเลข จุดทศนิยม และตัวคั่นหลักพันในอาร์กิวเมนต์ format_text








Create Date : 13 กุมภาพันธ์ 2558
Last Update : 13 กุมภาพันธ์ 2558 1:04:10 น.
Counter : 2062 Pageviews.

1 comments
  
ความเป็นของ คาวมพิวเตอร์ + หน่อย

โดย: aloha IP: 110.77.201.87 วันที่: 3 สิงหาคม 2558 เวลา:12:11:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Khaotao
Location :
เชียงใหม่  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?]



กุมภาพันธ์ 2558

3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28