อ่านบทความนี้แล้วร้องไห้เกือบตาย แงๆ....


ลองอ่านดูนะจ๊ะ... ซึ้งมั่กๆๆๆ..



ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่ามกลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ดหน้าที่เพื่อนๆ

ของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ไผ่อยู่หนึ่งก้าน

'ใครขโมยเงินไป' พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

'ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ'

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทันใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า

'ผมขโมยเองครับ'

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลงบนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลงบนเก้าอี้

และด่าว่าน้องชายของฉัน

' ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย'

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้

หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

' พี่ครับ ไม่ต้องร้องไห้นะมันผ่านไปแล้ว'

ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัวเองไม่ได้

ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับพ่อ



หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้องชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8ปี ส่วนฉันอายุ 11ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉันใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจากมหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

' ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียนดีมากนะ'

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ข้างๆ พ่อ ได้พูดว่า

'แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน'

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

' ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่านหนังสือมามากพอแล้ว'

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้มของน้องของฉันฉาดใหญ่

'ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทานข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจนจบให้ได้'

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

' ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้'

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิดอยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ .......


วันต่อมาในตอนเช้ามืด

น้องชายของฉันได้ออกจากบ้านไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

' พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่งเงินมาให้พี่'

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วยน้ำตานองหน้า .......

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17ปี ส่วนฉันอายุ 20ปี .....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉันได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่าเรือ .......

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสืออยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

'มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้างนอกแน่ะ'

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง
...

ฉันถามเขาว่า

'ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่าเป็นน้องชายพี่ล่ะ'

น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

'ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่างนี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี'

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

' พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม'

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า

'ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง'

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี .

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็นครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้นมาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

'แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ'

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

' แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้องชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความสะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอกเหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลังเปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ'

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้องนอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่างเบามือที่สุด 'เจ็บมากไหม'

ฉันถาม

'ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไปหมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิดเลิกทำงานหรอกนะ

และ...'

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีกครั้ง

'เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ครับ'

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน...

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตในหมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

เขาบอกกับฉันว่า

'พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของสามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง'

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัทของ ครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
...
แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่งนี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่งพนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้าเฝือกที่ขา

... ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

' ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงานเสี่ยงๆอย่างนี้

ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้าง'

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้าเคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

'พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็มไปหมด'

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามีของฉันด้วย .....

ฉันบอกกับน้องว่า

'แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็เพราะพี่...'

'ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้วด้วยล่ะครับ'

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...



เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขาได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

' ใครคือคนที่คุณรักที่สุดในชีวิตนี้'

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ลังเล 'พี่สาวของผมครับ' .....

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

'ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง

เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลาถึง 2ชม.

เพื่อเดินไปเรียน...และเดินกลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนักผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้างเดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะอากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าวได้ด้วยซ้ำ .......นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ'

เสียงปรบมือดังกึกก้องไปทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหันมาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

'ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉันรู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ'

ในวาระที่มีความสุขที่สุดเช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสองตาของฉันอีกครั้ง...

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมีความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

.. ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม


จบบริบูรณ์....


ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

'ซัมซุง'

และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่รี่ย์ โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ

บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง





รักกันมากๆน่ะจ๊ะ...และขอให้ทุกคนมีความสุข.....ทุกๆวัน


Create Date : 19 มีนาคม 2552
Last Update : 19 มีนาคม 2552 18:16:42 น. 25 comments
Counter : 21860 Pageviews.

 
Arrh that is so sweet.


โดย: CrackyDong วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:18:41:50 น.  

 


ซึ้งมากง่ะพี่รา

พี่ราสบายดีนะ คิดถุงอย่างเคย ค่ะ


โดย: nattawara วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:18:43:43 น.  

 
อ่านแล้วน้ำตาจะไหลจริง ๆ พี่รา เพราะพักนี้หนูก็ต่อมน้ำตาตื้นอยู่แล้วด้วย


โดย: Lilac Girl วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:20:26:57 น.  

 
อ่านแล้ว ซึ้งดี แต่ไม่ได้ร้องไห้จ้ะ


โดย: Febie วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:20:43:18 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่รา ฝนได้รับแบบนี้จาก fw เมล์ด้วยล่ะ

ช่วงนี้อากาศดีมากๆ เลยค่ะ ฝนพาน้องกรานต์ไปหาหมอฟันมา ทุกอย่างโอเค อิอิ อนาคตคิดว่าถ้าฟันไม่สวยคงต้องให้ดัดฟันน่ะ เผื่อจะส่งไปเป็นนักร้องได้มั่ง

ส่วนน้องเล็กนี่จะส่งไปประกวดนางงามค่ะ ป้าดด ฝันไกลเนอะหนู

สะกิดให้หนูตื่นจากฝันหน่อยพี่


คิดถึงน๊า


โดย: Namfon (CeciLia_MaLee ) วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:20:58:29 น.  

 
อ่านแล้วซึ้งความรักที่น้องมีต่อพี่จัง
จ้ะรา พี่สาวโชคดีมากๆ เลยเนอะ

คิดถึงราเสมอนะจ๊ะ


โดย: วิสกี้โซดา วันที่: 19 มีนาคม 2552 เวลา:22:41:15 น.  

 
เดี๋ยวจะแวะไปหาน๊า...ทุกๆคน...


โดย: Katja วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:0:26:47 น.  

 
น้ำตาไหลตอนท้ายๆค่ะ
น้ำมูกไหลตามอีกตอนจบ

สบายดีนะคะ


โดย: forenoon IP: 76.233.69.199 วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:1:13:56 น.  

 
เคยอ่านจ้ะ ใช้แล้วเศร้ามากเลย แต่เขาก็ประสบความสำเร็จดีนะ จากความอดทนช่วยเหลือกันมา


โดย: Nok (nokjeffus ) วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:2:15:06 น.  

 
สวัสดีจ้า รู้สึกว่าพลอยจะเคยอ่านแต่นานแล้วค่ะ อ่านอีกทีก็น้ำตาไหลอีกครั้งค่ะ คนดีทำดีก็ต้องได้ดีอยู่แล้วค่ะ พลอยเชื่ออย่างนั้น
รักษาสุขภาพจ้า


โดย: พลอย (blomster ) วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:3:06:32 น.  

 
เคยอ่านเหมือนกันค่ะพี่รา เล่นเอาน้ำหูน้ำตาไหลพราก ๆ เลยค่ะ


โดย: Picike วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:5:10:00 น.  

 
พี่ราวันนี้มาเศร้าจัง ต่อมนําตาออยแตกเลย พี่ราสบายดีนะจ๊า ออยแวะมาหาด้วยความมิสๆๆๆๆๆๆจ๊า


โดย: Borken วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:16:32:19 น.  

 
ตะเองเค๊าร้องไห้ไม่หยุดอ่ะ มันซึ้งเหลือเกิน..


โดย: Why England วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:17:20:00 น.  

 
บอกได้คำเดียวว่า "ซึ้งค่ะซึ้ง"


โดย: moomi55 วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:22:05:06 น.  

 
พี่รา ออยไปเที่ยวมาแล้วจ๊า
แต่ว่าโรคขี้เกียจมันเข้าสิงอะพี่ ขี้เกียจอัพบล๊อคอะพี่รา

เด่วมีอารมณ์เมื่อไหร่ ค่อยอัพนะพี่รา คิดถุงเช่นเคย ฝันดีนะพี่รา จุ๊บๆๆ


โดย: Borken วันที่: 20 มีนาคม 2552 เวลา:22:16:25 น.  

 
โห.. อ่านแล้วน้ำตาซึมเลยนะคะ ปกติเป็นคนอินกับอะไรง่ายมาก ว่าแล้วเชียวว่าน่าจะเป็นเรื่องจริง แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องของชาวเกาหลี

พี่น้องเค้ารักกันดีจริงๆนะ นับถือจริงๆ


โดย: amskye วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:1:54:14 น.  

 
ว่าแต่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงรึเปล่าตะเอง...ถ้าไม่จริงเขินแย่เลย อุตสาห์อินซ๊า...

มีความสุขมากๆจ๊า


โดย: Why England วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:2:32:33 น.  

 
แวะมาเยี่ยมค่ะ ไม่ค่อยได้เข้าบลอกแกงเลยอ่ะ สบายดีค่ะ พี่ละคะ เจ้ายูกิยังโสดค่ะ 555+


โดย: เจน IP: 84.248.37.247 วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:3:13:57 น.  

 
หวัดดีค่ะพี่รา คุณย่าค่ะ ไม่เคยเรียกคุณยายเลยค่ะ เสียชีวิตตั้งแต่วันที่ 7 มีนาแล้วค่ะ ตอนนี้เผาไปเรียบร้อย หนูอยู่กรุงเทพ แต่พรุ่งนี้จะกลับอเมริกาแล้วค่ะ ขอบคุณที่ถามค่ะ


โดย: Lilac Girl วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:8:59:14 น.  

 
ดีจ้าพี่รา แอร๊ย นึกว่าพี่ราเป็นทอมซะแล้ว กิ๊วๆๆ แอบน้องอริอัลมาหาพี่รา เทคแคร์จ้า


โดย: พลอย (blomster ) วันที่: 21 มีนาคม 2552 เวลา:19:10:28 น.  

 
พี่รา

โปแลนด์เป็นเล่มของเพื่อนค่ะพี่ นัทไม่ได้เขียน

พี่ราไปเที่ยวโปแลนด์มาแล้วเหรอคะ ชอบมั้ยคะ สวยมั้ยเอ่ย นัทยังไม่เคยไปเลยค่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้ไปบ้าง ได้แต่เที่ยวใกล้ ๆ นี่แหละค่ะ ไม่ได้ไปไหนไกลเลย


โดย: Picike วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:3:01:54 น.  

 
really nice story.Thank you for sharing naka


โดย: NLN วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:4:55:02 น.  

 
ซึ้งมากเลยค่ะ... สมแล้วที่ประสบความสำเร็จทั้งคู่


โดย: thaispicy วันที่: 22 มีนาคม 2552 เวลา:13:03:56 น.  

 
สวัสดีจ้าพี่รา พลอยแวะมาหาก่อนน้องอาดริอัลจะตื่น เพราะเด่วจะพาเค้าไปฉีดวัคซีนจ้า รักษาสุขภาพน่ะค่ะ


โดย: พลอย (blomster ) วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:18:59:29 น.  

 
สวัสดีค้าพี่รา หนูคุยกับญาติที่โคราชค่ะพี่ แล้วก็ทำงานบ้านเพิ่งเสร็จค่ะ วันนี้กับพรุ่งนี้มีเรียนภาษานอร์ส คงจะอยู่บ้านไม่ไปไหน พี่โทรหาหนูวันพรุ่งนี้ตอนสายๆ ได้ไม๊คะ?

ส่วนวันพุธ ถึง วันศุกร์ อาจจะแว๊บๆ ออกข้างนอกบ้างน่ะพี่

แต่ก็ต้องรีบกลับเพราะต้องไปรับน้องกรานต์ที่ โรงเรียนอนุบาล

ตอนนี้ที่นี่อากาศดีทุกวันเลยค่ะ อีกหน่อยดอกไม้คงออกดอกแล้ว

แล้วคุยกันนะคะ


โดย: Namfon... (CeciLia_MaLee ) วันที่: 23 มีนาคม 2552 เวลา:19:41:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Katja
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"คนใต้ตัวดำ แต่ใจไม่ดำน่ะจ๊ะ"

"คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะเป็นได้...อย่างน้อยก็เป็นคนดีของสังคม"

Online

Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
19 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add Katja's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.