ลุยกลาเซียที่ ฟราน โจเซฟ จริงๆ


อาหารเช้าที่นี่ฟรี มีขนมปัง เนย แยม กาแฟ ชา เท่านั้น เราเลยต้องทำบะหมี่สำเร็จรูปกินเพิ่ม บะหมี่นี่เวลามาต่างบ้านต่างเมืองกลายเป็นอาหารชั้นเลิศ กินได้ทุกมื้อ แต่อยู่เมืองไทยไม่เคยแล

เช้านี้เราจะไปดูธารน้ำแข็งกัน แม้จะไปไม่ไกล จะเดินก็เกรงใจเท้า เราเลยเลือกใช้บริการรถตู้ บอกให้เจ้าของบ้านจองให้ เขาคิดคนละ 12 เหรียญ ไป-กลับ รับ-ส่งที่ที่พักเลย ประมาณ คนละ 300 บาท ดูเป็นตัวเงินตามค่าครองชีพที่นี่ไม่แพง แต่ถ้าเทียบกับระยะทางแพงทีเดียว

รถมาแล้ว มีแต่เรา 5 คนนี่แหละ คนขับบอกว่าที่เมืองนี้คนจะหนาแน่นก็หน้าหนาว มาเล่นสกี ดูธารน้ำแข็ง ตอนนี้เริ่มร้อน คนน้อยลง เขามาสนุกกับกิจกรรมอื่นๆ แทน

ทางเดินไปดูธารน้ำแข็งเดิมมี 2 ทาง เขาว่าทางหนึ่งสวยกว่า แต่ปิดไปเพราะเมื่อปีที่แล้วหิมะจากธารน้ำแข็งมันถล่มลงมาและมีคนตาย 2 คน เป็นเด็กวัยรุ่นฝรั่ง พี่น้องกันมากับพ่อแม่ ด้วยความที่ไม่เชื่อป้ายเตือนที่เขาติดไว้ จึงไปอยู่ในจุดที่อันตราย ทำให้โดนหิมะถล่มทับเสียชีวิตทั้งคู่ นอกจากนี้เส้นทางของธารน้ำแข็งจะเปลี่ยนบ่อยๆ การมาดูแต่ละปีอาจไม่ใช่เส้นทางเดียวกัน

รถพาเราไปส่งที่จุดที่เขาเตรียมไว้ให้รถจอดรอ เราต้องเดินเข้าไป ก่อนเดินเข้าไปเจอะเด็กอังกฤษแฟนกันในกลุ่มเราเดินมาพอดี เขาบอกว่าที่จะซื้อทัวร์ไปปีนเขา ไปไม่ได้เพราะอากาศไม่ดี เขาเลยไม่จัดให้ เดินไปอีกพักเจอะเด็กเยอรมันที่เคยพักห้องเดียวกับเราที่เมือง Abel เขาก็จะซื้อทัวร์เหมือนเด็กอังกฤษ แต่ไปไม่ได้เลยมานี่แทน โชคดีของเขาที่เจอะคนใจดีรับขึ้นรถจากในเมืองมาด้วย เลยไม่ต้องเสียค่ารถ ได้เดินคุยกันไป เขาจบโทฟิสิกส์แล้ว กำลังทำปริญญาเอกสาขาเดียวกัน ชมเขาว่าเก่ง เขาบอกว่าเหรอ เขาไม่คิดว่าตัวเองเก่งเลย คนเก่งจริงมักจะเป็นแบบนี้

ใช้เวลาเดินจากจุดที่รถปล่อยลงไปถึงธารน้ำแข็งจุดที่เขาให้เข้าไปถึง ก็ประมาณ 20 นาที อากาศไม่เย็น กำลังสบายๆ 2 ข้างทางเป็นเขาล้อมรอบ ด้านซ้ายถัดจากเขามาเป็นธารน้ำ ทางขวามีน้ำตกเล็กๆ สายเล็กสายน้อย เยอะแยะที่เกิดจากน้ำแข็งที่ละลายตัวตลอดทาง เราเข้าไปใกล้ธารน้ำแข็งไม่ได้มาก แต่ก็เห็นถึงความไม่สะอาดเพราะหิมะที่ละลายชะดินลงมาด้วย

ผู้คนทะยอยมากันเป็นระยะๆ คนแก่มากๆ เด็ก แม้คนพิการก็ยังมา นึกว่าจะเย็นมาก กลับไม่เย็น ยิ่งเดินก็ยิ่งอุ่นเพราะเราได้ใช้พลังงานหนัก

ได้เวลาพอสมควร คือหิวแล้ว เราก็เดินกลับออกมาทางเดิม ออกมาที่ลานจอดรถ ไม่เห็นรถของเรา แต่เจอะหนุ่มน้อยเยอรมันคนเดิม เขาบอกว่าก็ได้อาศัยรถคันเดิมกลับเข้าเมืองอีก ตาร้อนนะเธอ

เดินหารถ ที่จ้างมา ไม่เจอ เลยโทรไปตาม เขาบอกว่าอยู่ในเมืองให้รออยู่ที่นี่ แน่ล่ะต้องรอ เราคงไปไหนไม่ได้และก็ไม่คิดจะเดินกลับด้วย เงินก็จ่ายไปแล้ว

รออยู่นานมาก เขามาเราต่อว่า แต่เพื่อนห้ามปราม

ทำไมต้องโกรธ เพราะรู้ว่าจริงๆฝรั่งรักษาเวลา ยิ่งกับลูกค้า แต่นี่เขา due กับคนผิวเหลือง เขาคิดว่าไม่เป็นไร ยังงัยกับเราก็ได้ ฝรั่งดีมีอยู่ แต่ที่คิดว่าเขาเหนือกว่า(Superior) เผ่าพันธ์ใดๆเสมอก็เยอะอยู่

ระหว่างทางกลับเข้าเมือง เราเห็น David เดินอยู่ข้างทาง เราก็ไปหาข้าวกินแล้วไป shopping ของที่ระทึกกันอีกเล็กน้อย จึงกลับที่พัก

เพราะโทรศัพท์เพื่อนมีปัญหา ไม่สามารถใช้การใดๆได้ แม้จะถ่ายรูป เจ้าของบ้านช่วยแก้ไขให้ใช้ได้ปกติ ระหว่างเขาแก้โทรศัพท์ เลยมีโอกาสได้คุย สังเกตว่าสำเนียงการพูดและหน้าตาเขาไม่น่าจะใช่คนที่นี่ เลยถามเขาว่า “ Are you KIWI? ” เขาตอบว่า ไม่ใช่ เขาอพยพมาจากอเมริกาใต้

คนที่เลือกอพยพมาลงหลักปักฐานที่นี่ น่าอิจฉาจัง นิวซีแลนด์ สงบ สวย ไม่หนาวมาก ของกินอุดมสมบูรณ์ ประชากรไม่หนาแน่นจนน่าเวียนหัว และปลอดภัย แต่ญาติที่เคยมาถามว่า “อยู่ได้งั้ย เงียบอย่างนี้”

เสียดายจัง ที่ไม่สนใจจะลงรากที่นี่เมื่อ 22 ปีที่แล้ว ทั้งๆที่ใครๆก็ทำได้ง่ายๆในสมัยนั้น ... แต่นั่นแหละนะ ชีวิตคนถูกกำหนดมาแล้ว

วันอพยพมาอีกแล้ว วันนี้ David จะมารับเรา ก่อนกลุ่มอื่นตั้งแต่ 7.30

ยกกระเป๋าลงมาตั้งไว้ที่ระเบียงหน้าสำนักงาน ทำอาหารกลางวันและเช้า เสร็จสรรพเรียบร้อย ก็ออกไปรอรถ มีสมาชิกรถเราพักอยู่ YMCA ตรงข้ามเรา 2-3

มีคนมาเข้ากลุ่ม จากที่นี่เยอะ David เก็บคนส่วนใหญ่ที่เหลือจากที่พักปากทางออกจากเมืองและเราก็มีสาวน้อยสมาชิกใหม่เพิ่มอีกคน ระหว่างทาง(จุดรับส่ง)




Create Date : 18 พฤศจิกายน 2561
Last Update : 23 พฤศจิกายน 2561 12:14:20 น.
Counter : 534 Pageviews.

0 comments
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

สมาชิกหมายเลข 3444784
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



พฤศจิกายน 2561

 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
 
 
All Blog