มะลิไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
7 พฤศจิกายน 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 
วันที่ 17 ตุลาคม 2551 เที่ยวนครเพตรา

ตื่นนอนกันตั้งแต่ตีห้า เพราะได้ยินเสียงสวดมนต์จากสุเหร่าของหมู่บ้าน ลงมากินอาหารเช้าตอน 6.30 น. อาหารเช้าของเราเป็น โรตีแข็ง ๆ ซึ่งถามจากพนักงานโรงแรม เรียกว่า “ค่อม” ไข่ต้ม แยม ชีส และชา เสร็จแล้วลุงเจ้าของโรงแรมไปส่งเราที่ทางเข้าเพตรา ซึ่งห่างจากโรงแรมประมาณ 1 กม.กว่า เราไปถึงประมาณ 7 โมงเช้า เข้าไปซื้อตั๋วราคา 21 JD /คน/วัน เสร็จแล้วแวะเข้าไปดูข้อมูลที่ visitor center หน่อยนึงก่อนเดินเข้านครเพตรา เพื่อดูแผนที่ของนครเพตรา ตอนเช้าอากาศเย็นมาก สำหรับเราเรียกว่าหนาวทีเดียว จากปากประตูทางเข้า ข้างทางเดินเข้าจะเป็นลักษณะของภูเขาหินที่มีลวดลายและสีสันสวยงาม สลับกับหินที่ถูกเจาะเข้าไปทำเป็น tomb เดินไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงสะพานที่อยู่ตรงประตูทางเข้านครเพตรา ซึ่งปัจจุบันเหลือเพียงร่องรอยบางส่วนที่พอบอกได้ว่าบริเวณนั้นเคยเป็นซุ้มประตูรูปโค้งซึ่งเป็นทางเข้านครมาก่อน ซึ่งถูกสร้างโดยชาวนาบาเทียน อ่านจากหนังสือที่เขียนเกี่ยวกับเพตราน่ะ


อาหารเช้าแบบจอร์แดน


ซื้อตั๋วเข้าเพตรา


แผนที่นครเพตรา




ทางเดินเข้า

เราต้องเดินบนถนนระหว่างช่องโขดหิน (The Siq) ซึ่งเป็นหินทราย เข้าไปอีกประมาณ 1-2 กิโลเมตร กว่าจะถึงตัวนคร แต่สองข้างทางก็มีสิ่งที่ทำให้เราเพลิดเพลิน และอัศจรรย์ใจได้ตลอด จนไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เพราะลักษณะของภูเขาหินที่มีขนาดใหญ่ มีสีออกชมพู และลวดลายที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ สวยงามมาก ประกอบกับอากาศที่เย็นสบายด้วย นอกจากนี้หากเราสังเกตดี ๆ จะพบสิ่งที่เกิดจากฝีมือของมนุษย์ในยุคนั้น ไม่ว่าจะเป็นระบบประปาโบราณทางด้านซ้ายมือ ซึ่งอยู่สูงจากพื้นดีประมาณครึ่งเมตร ทางส่งน้ำดื่มสำหรับคนในชุมชนทางด้านขวามือ รูปแกะสลักเทพดูชารา เทพีอะโลซ่า หินที่สึกกร่อนตามธรรมชาติจนเกิดเป็นรูปคล้ายหัวช้าง ภาพแกะสักของกองคาราวานการค้าในสมัยโบราณ ที่บอกถึงอารยธรรมของคนในสมัยโบราณ จนทำให้เรามั่นใจได้ว่าเราตัดสินใจถูกแล้วที่มาเที่ยวที่นี่ ทั้ง ๆ ที่ก่อนมามีเพื่อนหลายคนถามว่า “ไปจอร์แดน อียิปต์ ไปดูอะไร” บางคนก็ว่า “เสียเงินตั้งหลายหมื่นเพื่อไปดูก้อนหินเหรอ” แต่การท่องเที่ยวในสถานที่แบบนี้ หากเราได้ศึกษาข้อมูล มาก่อนก็จะทำให้เราเที่ยวอย่างสนุก ได้รู้เรื่องราว และความหมายของ “ก้อนหิน” มากกว่าการดูเพียง “ก้อนหิน” เท่านั้น


ร่องรอยประตูเมือง



เส้นทาง The Siq


หลักฐานอันหนึ่งที่บอกว่าหุบเขานี้เคยอยู่ใต้ทะเลมาก่อน


หินรูปช้าง


ส่วนหนึ่งของรูปแกะสลักกองคาราวาน

จากนั้นทางเดินจะเริ่มแคบขึ้นเรื่อย ๆ จนเมื่อเราพ้นจาก The Siq ไปก็จะพบกับสิ่งที่เรียกว่า The treasure อยู่เบื้องหน้าเรา ซึ่งเป็นภาพที่เราคุ้นเคย เพราะมักจะได้เห็นตามหน้าหนังสือและสื่อต่าง ๆ มันอลังการและสวยงามมาก ๆ สิ่งก่อสร้างที่อยู่ข้างหน้าเราบ่งบอกถึง ความเชื่อและความศรัทธาอย่างแรงกล้าของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง มันถูกสร้างอย่างประณีต ผนวกกับสีสันตามธรรมชาติของหิน ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์ต่อสายตาผู้พบเห็น เราปล่อยให้สามีถ่ายรูปในทุกมุมของ The treasure ซึ่งเชื่อว่านักท่องเที่ยวทุกคนก็คงคิดเหมือนเราว่า ไม่ว่ามองมุมไหน The treasure ก็ดูสวยงามอลังการ ช่วงที่เราไปถึงนักท่องเที่ยวยังไม่เยอะมากนัก เราจึงมีโอกาสนั่งชมความงามของ The treasure และบรรยากาศรอบตัวได้อย่างสบาย ส่วนข้างใน The Treasure นั้นไม่มีอะไร เป็นห้องสี่เหลี่ยมห้องเดียว ที่ไม่ลึกมาก และไม่ซับซ้อนด้วย เพราะเป็นเพียงสถานที่ ๆ ใช้เป็นที่อยู่ของผู้ที่เสียชีวิตแล้วเท่านั้น


The Siq ที่แคบลงเรื่อย ๆ




The Treasure ที่ค่อย ๆ เผยโฉมให้เห็น


โฉมงาม The Treasure




มุมอื่น ๆ ของ The Treasure


มุมย้อนกลับของ The Siq

จาก The treasure เราเดินต่อเข้าไปข้างในยังพบว่าชาวนาบาเทียนเค้าสร้างบ้านโดยการสลักเข้าไปในหน้าผาหินลักษณะเหมือนถ้าจำนวนมากมาย และการได้เห็นทั้ง The treasure ,The royal tomb , The palace tomb ทำให้สะท้อนถึงความเชื่อเกี่ยวกับชีวิตหลังความตายของพวกเขา เมื่อเทียบสิ่งก่อสร้างเหล่านี้กับสิ่งที่เขาเรียกว่าบ้าน ความใหญ่โต โอ่อ่า และสวยงาม ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน นอกจากนี้ยังมีโรงมหรสพรูปครึ่งวงกลม ที่สามารถจุคนได้ถึง 7,000 คน จากจุดนี้ไปเราจะเริ่มเห็นมีร้านค้าขายของที่ระลึกและหนังสืออยู่ตลอดทาง รวมทั้งมีจุดที่ให้เราแวะเข้าห้องน้ำได้อีกด้วย ซึ่งความสะอาดก็นับว่าใช้ได้ที่เดียว เรายังได้เดินขึ้นไปบนยอดเขา ซึ่งจำชื่อไม่ได้ ตอนแรกที่ขึ้นไปก็ยังไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีอะไรให้ดู แต่เท่าที่สังเกตมีนักท่องเที่ยวเดินสวนกับเราไม่ถึง 10 คน แสดงว่านักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ไม่ค่อยนิยมขึ้นกัน แต่เมื่อเราขึ้นไปบนยอดถึงได้รู้ว่าเป็นบริเวณที่สามารถมองเห็นนครเพตราได้ทั้งหมด ทำให้เรารู้ว่านครเพตรากินบริเวณกว้างใหญ่เพียงใด


Obelisk Tomb












The Royal tomb


ภายใน The Royal tomb


ทางขึ้นจุดชมวิว


โรงมหรสพจากจุดชมวิว




Tomb แบบครอบครัว


The High Place




ที่อยู่ของชาวนาบาเทียน

เพียงใด เสร็จแล้วเราก็เดินลงจากยอดเขาข้ามไปอีกด้าน ซึ่งเป็นสิ่งก่อสร้างที่เรียกว่า The Great Temple ที่ดูแล้วเหมือนซากปรักหักพังของเมืองแบบโรมัน ซึ่งเป็นสถานที่ ๆ เข้าใจกันว่าเป็นอาคารรัฐสภาของเมืองเพตรา ไม่ใช่วัดตามชื่อ ที่ขณะนี้ได้รับการบูรณะให้อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี หลังจากนั้นพักกินเสบียงที่เตรียมไปด้วย เพราะถ้าซื้อที่ร้านอาหารในเพตราราคาคงแพงมาก ขนาดเราซื้อน้ำขวดใหญ่เพิ่มยังคิดตั้ง 2 JD แน่ะ เสร็จเรียบร้อยเราเดินไปต่อในส่วนของ The Monastery หรือที่ภาษาท้องถิ่นเรียกว่า Al-Deir ซึ่ง นักท่องเที่ยวจำนวนมากไปไม่ถึง เนื่องจากต้องขึ้นเขาไปอีก 1 ลูก ซึ่งต้องใช้เวลาเดินทางไปกลับประมาณ 1 ชม. กว่า ๆ แต่หากใครที่อยากไปแต่ไม่อยากเดินก็มีลาให้เช่าขี่ขึ้นไป แต่เราเลือกที่จะเดินขึ้นไปเอง ถึงแดดช่วงบ่ายจะร้อนจัด แต่อากาศยังเย็นและมีลมเย็น ๆ พัดมาให้ชื่นใจอยู่ตลอดเวลา พอไปถึง ก็รู้สึกคุ้มค่า เพราะสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเรา มีความสวยงามและอลังการไม่ยิ่งหย่อนไปกว่า The treasure เลย เพียงแต่สีสันอาจจะไม่สวยเท่าเพราะจะมีสีออกเทา ๆ แต่เมื่อคิดถึงความอุตสาหะของคนที่สร้างสิ่งนี้ขึ้นมาก็อดประทับใจไม่ได้ เราใช้เวลาเก็บภาพ และนั่งชื่นชมความงดงามอลังการของ The monastery ประมาณ 30 นาที ก็เดินกลับลงไปข้างล่างแล้วเดินกลับตามเส้นทางเดิม พร้อมกับเก็บภาพความประทับใจช่วงเย็นซ้ำอีกครั้ง


ลายหินที่เพดานห้องน้ำ


Qasr al bint




ซากอาคารรัฐสภา




ถนนหน้าอาคารรัฐสภา


ทางขึ้น The Monastery


The Monastery




นั่งชม The Monastery จากบ้านชาวนาบาเทียน

จนกระทั่งเมื่อถึง The treasure ก็พบว่าบริเวณนั้นมีนักท่องเที่ยวมากมายมหาศาล หากถ่ายรูปเวลานี้ก็จะติดภาพคนไปด้วยเยอะแยะเลย เราเดินผ่าน The Sig ช่วงเย็นนี้บรรยากาศดีมาก และขณะที่เราเดินมีนักท่องเที่ยวบางส่วนใช้บริการรถม้าเพื่อกลับไปบริเวณประตูทางเข้า ทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศการใช้ชีวิตของคนในสมัยโบราณดีจัง เรามาถึงบริเวณที่นัดจากโรงแรมมารับเวลา 17.50 น. นั่งรอประมาณ 10 นาที รถจากโรงแรมก็มารับเรา เราขอให้เขาจอดส่งเราที่หน้าร้านอาหารเดิม เพื่อรับประทานอาหารเย็นก่อนกลับโรงแรม วันนี้เรารับประทาน chicken shawerna กันคนละอัน สลัดทูน่า 1 จาน ซึ่งผักเยอะดี และลองสั่ง Kabab แกะมาด้วย ปรากฏว่าเรากินไม่ได้ เพราะได้กลิ่นเหม็นสาบ แต่สามีบอกไม่ได้กลิ่นอะไร ก็เลยให้ he กินไปคนเดียว แต่ในที่สุดก็กินไม่หมด เพราะแค่ chicken shawerna อันเดียวก็อิ่มแล้ว มื้อนี้จ่ายค่าอาหารไป 7 JD แต่อิ่มและอร่อยด้วย เราเดินกลับโรงแรมเพื่ออาบน้ำ พักผ่อน เตรียมเดินทางสู่ King’s highway วันพรุ่งนี้




ชาวเบดูอินขายของที่ระลึกในเพตรา


เด็กชาวเบดูอิน


รถม้าในเพตรา











Create Date : 07 พฤศจิกายน 2551
Last Update : 13 พฤศจิกายน 2551 22:00:49 น. 4 comments
Counter : 1216 Pageviews.

 
เห็นชื่อ นครเพตรา รีบเข้ามาเลยก่อนเลย น่าเที่ยวมากๆค่ะ
ไปอิยิปต์มาด้วย เดี๋ยวตามไปอ่านบล๊อคอื่นด้วยนะค่ะ


โดย: แมวขี้อ้อน (แมวขี้อ้อน ) วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:22:56:39 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยคนค่ะ เก่งจังไปเองด้วย
ใจก็อยากไปเอง แต่ไม่กล้า..กลัวโดนหลอกค่ะ
เลยซื้อทัวร์ไปเดือนหน้านี้แหละค่ะ

แล้วก็ ชอบค่ะ style นี้ ชอบมากเลยค่ะ ได้ความรู้ดีค่ะ


โดย: merecat วันที่: 8 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:03:37 น.  

 
ชอบชอบชอบ อยากไปอยากไปอยากไปค่ะ จองทัวร์ไปอียิปต์ ปีใหม่นี้ โชคดี ยังไม่ได้จ่ายค่าทัวร์ ลูกสุดที่รัก บอกแม่จ๋า ไม่อยากไปแล้ว ..........คิดอยู่เหมือนกันว่าคงไม่เหมาะกับเด็กอายุ 12 และติดสบาย ......ทนอีกนิด ไม่งั้น ก็จะหาจังหวะเหมาะ ฝากลูก แล้วไปตามลำพัง ........จะตามอ่าน อย่างกระชั้นชิดค่ะ


โดย: แม่ซานเดอร์ วันที่: 9 พฤศจิกายน 2551 เวลา:17:42:05 น.  

 





ตามมาเที่ยวจอร์แดนแบบกระโดเข้ามาเลยค่ะ
เป็นอีกที่หนึ่งที่อยากไปมากๆค่ะ

รูปสวยน่าตื่นตาตื่นใจมากๆ

Photobucket






โดย: Sweety-around-the-world วันที่: 11 พฤศจิกายน 2551 เวลา:1:54:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.