Bloggang.com : weblog for you and your gang
มะลิไทยแลนด์
Location :
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [
?
]
Group Blog
จอร์แดน อียิปต์
ล่องแม่น้ำปิงจากเขื่อนภูมิพลถึงดอยเต่า
เที่ยวสงขลา หาดใหญ่ ดูงานโคมไฟ สีสันเมืองใต้
Bagpack ตาลี่ ลี่เจียง แชงกรีลา
ท่องชวา บาหลี
เที่ยวเขาค้อ ภูเรือ เชียงคาน ภูเวียง และเขาใหญ่
เขาค้อ ภูเรือ เชียงคาน หนองคาย เวียงจันทร์ ภาค ๒
แบ๊กแพ็คตุรกี
แบ๊กแพ็คเซี่ยงไฮ้ หางโจว เขาหวงซาน
เที่ยวฟาร์มจิมทอมสัน แวะ a cup of love ดูตะวันตกดิน ณ ผาเก็บตะวัน พักที่สวนห้อมล้อมโอโซน
เที่ยวเกาะช้าง พักผ่อนสบายๆ ในรีสอร์ทที่มีชายหาดส่วนตัว
เที่ยวอัมพวา แวะพิพิธภัณฑ์รถโบราณ และหุ่นขึ้นผึ้งสยาม
เที่ยวภูเก็ต เกาะลังกาวี ถ้ำเลเขากอบ unseen Thailand ตรัง และอ่าวพังงา
ลุยเมืองน้ำหมากกระจาย. ผู้ชายนุ่งโสร่ง...ย่างกุ้ง พุกาม มัณฑะเลย์
เที่ยวญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสี
แบกเป้ไปญี่ปุ่นกันอีกดีกว่า
เที่ยวญี่ปุ่นตอนใต้ ฟูกูโอกะ นางาซากิ เบบปุ ยูฟุอิน
mission complete ที่ซีอาน-ลั่วหยาง-เจิ้งโจว
จอร์เจีย อารยธรรมแห่งเทือกเขาคอเคซัส
อินเดีย ทั้งรักทั้งชัง
เที่ยวสุขใจ... ไปชูโกกุ
สิงหาคม 2553
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
13 สิงหาคม 2553
วันที่แปดเก้า เที่ยวบาหลีอีกวันก่อนกลับ
วันที่เจ็ด เดินเที่ยวในอูบุด
วันที่หก เที่ยวในบาหลี
วันที่ห้า ตะลุยภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน
วันที่สี่จากโบรโมสู่บันยูวางี
วันที่สาม เดินทางสู่ภูเขาไฟโบรโม
วันที่สองเที่ยวบูโรพุทโธ
วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพ-จาการ์ตา-ยอร์คจาการ์ตา
All Blogs
วันที่แปดเก้า เที่ยวบาหลีอีกวันก่อนกลับ
วันที่เจ็ด เดินเที่ยวในอูบุด
วันที่หก เที่ยวในบาหลี
วันที่ห้า ตะลุยภูเขาไฟคาวาอีเจี้ยน
วันที่สี่จากโบรโมสู่บันยูวางี
วันที่สาม เดินทางสู่ภูเขาไฟโบรโม
วันที่สองเที่ยวบูโรพุทโธ
วันแรกของการเดินทาง กรุงเทพ-จาการ์ตา-ยอร์คจาการ์ตา
Friends' blogs
Webmaster - BlogGang
[Add มะลิไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
BlogGang.com
วันที่สี่จากโบรโมสู่บันยูวางี
ตีสามนาฬิกาปลุกตื่นมาล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ต้องอาบน้ำกันหละ สักพักพนักงานโรงแรมก็มาเคาะประตูเรียก เราบอกว่ารู้แล้ว เขาก็ยังเคาะอีก ที่แท้ก็จะให้เราเปิดประตู้เพื่อจะได้เสนอให้เราเช่าเสื้อกันหนาว แต่เราก็ปฏิเสธไปบอกว่ามีแล้ว แต่เขาก็ยังตื้ออยู่อีกโดยบอกว่าอากาศหนาวมากนะ แค่ที่มีไม่พอหรอก เราก็ยังยืนยันว่าไม่เอา ในที่สุดเค้าก็ยอมแพ้ไป เราออกไปรอรถจี๊ปหน้าโรงแรม แต่ยังไม่มีใครมา คันหนึ่งต้องนั่ง 6 คนราคาคนละ 90,000 (ถ้าเหมาคันราคา 350,000 ต่อคัน) ต้องรอคนครบก่อนจึงจะขึ้นรถได้ ประมาณตีสี่เกือบครึ่งก็เริ่มทยอยมากัน ในที่สุดก็ได้ออกเดินทาง ช่วงแรกเป็นทางเรียบ ประมาณสัก 15-20 นาที ก็เริ่มเป็นทางไต่ขึ้นเขาและเส้นทางไม่ค่อยดี แถวยังเป็นทางโค้งเหมือนภาคเหนือบ้านเราเลย เราสองคนนั่งหน้าคู่กับคนขับ ผ่านไปประมาณเกือบ 20 นาที แหม่มที่นั่งข้างหลังร้องบอกว่าขอเปลี่ยนที่นั่งกับเราได้ไหมเพราะเธอรู้สึกคลื่นไส้ สามีเราเลยไปนั่งข้างหลังแทน แล้วหล่อนมานั่งหน้าคู่กับเรา แม่เจ้า หล่อนช่างตัวใหญ่เสียจริง ๆ เหลือที่นั่งให้เรานิดเดียว แต่ก็เอาน่าคงนั่งอีกไม่นาน แล้วนั่งไปได้ประมาณ 5 นาที รถก็จอดต่อขบวนกัน ให้เราลงเดิน ตอนนั้นเวลาประมาณ ตีห้านิด ๆ คนขับนัดให้กลับมาที่รถหกโมงเช้า จากตรงที่ลงรถเดินไปอีกไม่ไกลก็จะถึงจุดชมวิว แต่ตอนที่เราไปถึงมีคนจับจองเต็มไปหมดแล้ว ทั้งด้านซ้ายและด้านขวา แต่เราพยายามเน้นหาที่ด้านขวา เพราะพระอาทิตย์จะขึ้นด้านซ้าย แต่สิ่งที่เราต้องการเห็นคือแสงอาทิตย์ที่ตกกระทบภูเขาไฟ จึงต้องไปหาจนได้ที่หนึ่งค่อนข้างใช้ได้ พอได้ที่แล้วห้ามขยับไปไหน เพราะมีผู้กระหายที่จำนวนมากคอยเสียบอยู่ รอประมาณ 6 โมง จึงได้เห็นภาพที่ต้องการเห็น แต่ก็ไม่นานนัก เมื่อเมฆบังพระอาทิตย์ แสงก็หายไป ประมาณ 6 โมงสิบห้าเราเลยตัดสินใจลงจากจุดชมวิวไปที่รถ ไปถึงรถ มีเพียงฝรั่งสองคนมารออยู่ ส่วนอีกสองคนไม่รู้ไปไหน รอจนกระทั่ง ใกล้7 โมง ยังไม่ยอมมา เราเลยต้องไปสื่อสารกับคนขับรถว่าถ้าไม่ออกเดินทางตอนนี้ไปที่ปากปล่อง เราจะกลับโรงแรมไปไม่ทันเวลารถตู้เข้าเมือง probolingo เพราะรถจะออกเวลา 9 โมงเช้า ในที่สุดคนขับรถก็โทรศัพท์ไปถามใครสักคนแล้วเรียกให้เรา 4 คนขึ้นรถ ไปที่ปากปล่อง ระหว่างทางคนขับรถจอดให้ถ่ายรูปโบรโม่ตรงจุดชมวิวอีกแห่งหนึ่งที่เห็นภูเขาไฟทั้งสามลูกได้ชัดเจน ไปถึงปากปล่องประมาณ 7.15 น. คนขับรถบอกให้เวลา 1 ชม. เราประมาณดูคิดว่าแค่เดินไปกลับก็ 1 ชม. แล้ว แต่ก็ต้องทำเวลา เพราะไม่อย่างนั้นเราจะกลับไปไม่ทันเตรียมตัวขึ้นรถตู้ จากนั้นเดินไปที่ปากปล่อง ค่อนข้างไกลที่เดียว แล้วยังต้องขึ้นบันไดไปปากปล่องอีก เล่นเอาเหนื่อยเหมือนกัน ไปถึงปากปล่อง ดูเวลาที่ใช้ไป 25 นาที ขนาดเราเร่งเดินเต็มที่แล้วนะ มองลงไปในปล่องมีแต่ควัน และกลิ่นกำมะถัน สามีอยากเดินไปตรงที่ไม่มีรั้วกั้น เราห้ามไว้เพราะกลัวไม่อยากเสี่ยง หลังจากดูวิวและถ่ายรูปจนพอใจแล้วกะเวลาเดินกลับให้พอดีที่คนขับรถนัด ก็ลงจากปากปล่อง เดินไปถึงรถใช้เวลา 1 ชม. พอดีเลย พอไปถึงรถ คนขับรถบอกว่าฝรั่งอีก 2 คนที่มาด้วย ไม่ขึ้น และขอเดินกลับไปโรงแรมเองแล้ว เราเลยนั่งรถกลับกัน 2 คน ไปถึงโรงแรม 8.30 น. กินอาหารเช้าที่โรงแรมเตรียมไว้ให้ เป็นหมี่ผัด กับข้าวผัด น้ำส้ม และข้าวเกรียบ ตอนแรกเราไม่กินข้าวเกรียบ แต่ตอนหลังลองชิมดูแผ่นหนึ่ง ปรากฏว่าอร่อยดี เลยหยิบกินอีกหลายแผ่น ได้เวลาไปอาบน้ำเก็บของที่เหลือเตรียมขึ้นรถตู้กลับเข้า probolingo แล้ว ออกมาขึ้นรถตอน 9 โมงเช้า ขากลับมีคนโดยสารไป5-6 คน รถวิ่งยาวเลยใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ถึงเมือง เวลา 10.00 น. ตอนแรกคนขับรถพาเราไปลงที่ร้านนายหน้า แต่เราไม่ลงยืนยันว่าจะไปลงที่สถานีรถบัส ในที่สุดคนขับรถก็ยอมแพ้ เราขึ้นรถไปบันยูวางีตามช่องที่ดูไว้เมื่อวาน แต่เป็นรถไม่มีแอร์ ราคา 30,000 ต่อคน ถามคนที่นั่งไปด้วยบอกว่าใช้เวลา 4 ชม. กว่าจะไปถึงที่หมาย ไปถึงที่หมายเร็วกว่าปกติ เพราะช่วงแรกคนขับซิ่งมาก จนเราไม่ง่วงเลยเพราะต้องมองทางตลอดเวลา พอใกล้ ๆ ถึงที่หมาย จึงจะเริ่มขับช้ามาก ๆ ในที่สุดก็ถึงโรงแรมที่พักโดยใช้เวลาเพียง 3 ชม.ครึ่งเท่านั้น เราเลยได้ดูวิวทะเลตรงที่พัก เพราะที่พักติดทะเล และเป็นโรงแรมที่ใช้ได้ทีเดียว ราคา 300,000 ต่อคืน เย็นนี้ก็ฝากท้องไว้กับร้านอาหารของโรงแรมอีก รสชาติดี ราคาก็ไม่แพง ประมาณ 90 บาท/จาน โดยเรากินข้าวราดผัดผักเหมือนเดิม หลังจากนั้นเข้าห้องพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเวลา 5.00 น. โดยทัวร์คาวาอีเจี้ยนจะมารับตอน 5.30 น.
Create Date : 13 สิงหาคม 2553
Last Update : 13 สิงหาคม 2553 23:10:03 น.
0 comments
Counter : 486 Pageviews.
Share
Tweet
ชื่อ :
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
Pantip.com
|
PantipMarket.com
|
Pantown.com
| © 2004
BlogGang.com
allrights reserved.