<<
พฤศจิกายน 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
9 พฤศจิกายน 2551
 

/*-*/*-*/*-*/ Charice pemPengco กับแรงบันดาลใจ ระดับผู้ใหญ่สะดุ้ง /*-*/*-*/*-*/

3.47 น.
ผมเพิ่งดูการแสดงสดของ Charice Pempengo ผ่านทาง Youtube.com จบลง

อันที่จริง ผมรู้จักชื่อของสาวน้อยคนนี้มานานนักหนาแล้ว เริ่มจากน้องๆบางคน ส่งคลิป
ที่โพสต์ทาง Youtube.com ให้ดู
ความสามารถ และพลังเสียงของเด็กสาว วัย 14
ในรายการทีวีท้องถิ่นที่เธอเข้าร่วมแข่งขันตอนนั้น
แม้ว่า จะแพ้ผู้ชนะอันดับ 1 อย่างมีข้อกังขา และดูเหมือนว่าน่าเสียดาย
แต่ พลังเสียงของเธอนั้น...นอกจากจะ ทำเอาผมอึ้งไปเลย แล้ว
ยังทำให้เจ้าของเสียงทรงพลังและควบคุมเสียงได้ดีมากๆคนนี้
อึ้งหนักเข้าไปเรื่อยๆ จากหลายสิ่งหลายอย่างที่เริ่มถาโถมเข้ามา
ขณะที่นาฬิกา ยังคงทำหน้าที่ของมัน

คืนนี้ น้องเป้ นักร้องสาวซึ่งรับงานร้องเพลงตามที่ต่างๆ เพิ่งจะส่ง พัฒนาการล่าสุดของ แชริซ
ที่มีฝรั่งมังค่า เอาไปแปะไว้บน Youtube.com มาให้ผมดู...นานแล้วที่ผมไมได้ติดตามเธอ
คืนนี้เอาซะหน่อย

และคราวนี้ ไม่แค่อึ้ง แต่เล่นเอา นิ่งเหวอ เอ๋อ รับประทานไปเลย!

ด้วยความสามารถของเธอ กระจายความดังไปบน Youtube ทำให้หลายๆรายการโทรทัศน์
ในฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ แคนาดา อังกฤษ เนเธอร์แลนด์ อิตาลี และสหรัฐอเมริกา เชิญเธอไปออกอากาศ
และร้องโชว์พลังเสียงสดๆ อย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่รายการทีวี ในเกาหลีใต้
โชว์แรกของเธอในสหรัฐอเมริกาโดยรายการของ Ellen Degeneres ไปจนถึง
เจ้าแม่ทอล์กโชว์ Oprah Winfrey ผู้ที่ชอบสานฝันชาวบ้านให้เป็นจริง

แล้วฝันของเธอ ก็ถูกสานต่อให้กลายเป็น...ความจริง....เข้าจริงๆ และอย่างต่อเนื่อง

โชคชะตาของเธอ พัดพาความสามารถอันยากจะมีใครในวัยเดียวกันทาบรัศมีเธอติด ให้เข้าตาใครบางคน
จนคนคนนั้น ถึงกับส่ง คลิป ของ แชริซ บน ยูทิวบ์ ให้ David Foster สุดยอดโปรดิวเซอร์ระดับโลก ได้ชม
David ถึงกับอึ้ง ช็อค และเชื้อเชิญให้มาร่วมแสดงคอนเสิร์ต ครั้งล่าสุด ที่เพิ่งจัดขึ้น ใน Las Vegas!
เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ร่วมกับสารพัดศิลปินระดับโลก ตั้งแต่ Kenny G ไปจนถึง Michael BuBle !!!

หลังจาก สิ้นเสียงสุดท้ายของแชริซ ในเพลง Am I telling you อันเป็นเพลงโชว์เพาเวอร์ ต้นฉบับแต่งโดย David เอง
และร้องโดย Jennifer Hudson จบลง ผู้ชมทั้งหมด ลุกขึ้น Standing Ovation กันอีกครั้งอย่างต่อเนื่องและยาวนาน

David ถึงกับพูดบนเวทีเลยว่า "Oh My God! ดาวจรัสแสง เกิดขึ้นแล้วอีกหนึ่งดวง บนเวทีในค่ำคืนนี้!!"

และหลังจากนั้น โอปรา (ในฐานะผู้จัดการส่วนตัวของแชริซ ไปซะแล้ว) ก็ทำเซอร์ไพรส์ ให้แชริซ อีกครั้ง
ด้วยการเปิดโอกาสให้แชริซ พูดคุยกับ Celine Dion สุดยอด นักร้องคุณแม่ยังสาว ที่โด่งดังจากสารพัดซิงเกิลฮิต
เดยเฉพาะ My heart will go on จากภาพยนตร์ เรื่อง TITANIC กลางรายการของโอปรา!
ซึ่ง ซีลีน เชิญแชริซร่วมแสดงคอนเสิร์ตของตน ที่ Medison Square Garden ใน New York!!

เฮ่ย นี่มันคือสถานที่ ซึ่งมักถูกใช้ในการจัดคอนเสิร์ต ขนาดใหญ่ ที่ดูเหมือนจะมีแต่ศิลปินระดับโลก เท่านั้นที่คู่ควร

ค่ำคืนนั้น แชริซ ร้องเพลง Because You Love Me อันเป็น เพลงประกอบภาพยนตร์ ที่ผมจำไม่ได้ดื้อๆว่าเป็นเรื่องอะไร
แต่ที่แน่ๆ เพลงนี้คือเพลงโปรดของผมเพลงหนึ่ง และแชริซ ร้องเพลงนี้ ให้กับแม่ของเธอ ซึ่งชมการแสดงอยู่ที่นั่นด้วย!
โดย ซีลิน เจ้าของเพลง ช่วยร้อง Duet (แต่เท่าที่ฟังดูแล้ว เหมือนจะเป็น Backup ที่ไลน์ประสานให้เสียมากกว่า)

ผู้ชมกว่าหลายหมื่นคนในค่ำคืนนั้น ไม่อาจสะกดกลั้นต่อความตื่นตะลึงจนขนลุก
ในพลังน้ำเสียงอันกึกก้องกังวาลราวกับระฆังขนาดมหึของเธอ
ทุกคนที่นั่น ลุกขึ้นยืนปรบมือ STANDING OVATION อย่างนาวนานและต่อเนื่อง
ซึ่งถือเป็นการให้เกียรติสูงสุด สำหรับการแสดงที่ประทับใจผู้ชมได้มากที่สุด ตามธรรมเนียมสากล

แน่ละ มันเป็น Because You Love Me ที่ผมว่า ไพเราะที่สุด ชนิดที่เจ้าของเพลง ยังร้องได้ไม่น่าฟังเท่า!!!

ทุกเพลงที่เธอร้อง มันโคตรจับใจคนฟังอย่างถึงแก่นแท้ในห้วงความรู้สึก!!

ก็เพราะว่าเธอร้องด้วยหัวใจ เธอทำทุกสิ่งออกมาด้วยความรู้สึกที่ดี
และแค่หวังให้คนดู มีความสุขในทุกครั้งที่ดูเธอ

.....SPIRIT.....

..........แล้วทุกอย่าง ก็ยังคงดำเนินต่อไป.....ตอนนี้ เธอเริ่มดัง และเริ่มถูกเชิญไปร่วมงานสังคมของ celebrities ต่างๆ
มากขึ้นเรื่อยๆ เธอพบกับผู้คนมากมายหลากหลาย ตั้งแต่ Mariah Carey ไปจนถึง มหาเศรษฐีอย่าง Donald Trump!! .....

เอาละ...

การที่ใครสักคนจะลุกขึ้นมาฝึกร้องเพลงเองตั้งแต่อายุ 4 ขวบนั้น ใครๆอาจจะบอกว่า ธรรมดา ไม่เห็นแปลก

แต่ ถ้า เด็กคนนั้น เป็น แชริส ในวันนี้ คุณว่า มันมหัศจรรย์ไหมละ!!

ถ้าผมจะบอกว่า ชีวิตของเธอนั้น ตอนเริ่มต้น
มันเต็มไปด้วยเรื่องราวเลวร้าย น่าหดหู่
ไม่แพ้กับเรื่องราวอื่นใดที่คุณเคยได้ยินมา

เธอเกิดเมื่อ 10 พฤษภาคม 1992
บ้านของแชริซอยู่ในย่าน Cabuyo เมือง Laguna ห่างจากกรุง Manila ใน Philipines ประมาณ 2 ชั่วโมง
เธอเคยพักอาศัยอยู่กับพ่อ แม่ที่ชื่อ Racquel และน้องชายที่ชื่อ Carl ฟังดูอบอุ่นดี แต่ไม่ใช่เช่นนั้น

แม่ของแชริซ ถูกยาย บีบบังคับให้แต่งงานกับ ชายผู้มีฐานะรวยกว่าซึ่งต่อมากลายเป็นพ่อของเด็กน้อยเสียงสวรรค์คนนี้
ทั้งที่หากแม่ของแชริซ ยังเรียนต่อ เธอจะสำเร็จการศึกษาออกมาเป็น นักออกแบบเสื้อผ้า หรือแฟชันดีไซน์เนอร์ไปแล้ว
ครอบครัวก็ระหองระแหงกันมาเรื่อยๆในพฤติกรรมที่ เฮงซวย ของฝ่ายสามี

วันที่ทุกสิ่งเริ่มต้นขึ้น ก็คงเป็นวันที่ ผู้เป็นสามี เดินเข้ามาล็อกประตูบ้าน
ตรงเข้าทำร้ายร่างกายแม่ของแชริซ บีบคอ และดูเหมือนเอาปืนจ่อยิงขู่บังคับ
ด้วยเหตุอันใดสักอย่าง เมื่อเพื่อนบ้านได้ยินเสียงกรีดร้องของแชริซ
พวกเขาเลยพังประตูบ้านเข้ามาช่วย สามแม่ลูก ตัดสินใจเก็บข้าวของ
ย้ายออกจากบ้านหลังนั้น และทุกวันนี้ เธอ ก็ไม่เคยเห็นพ่อของเธอ อีกเลย
เพราะบ้านทางนั้น กีดกัน แม้แต่ค่ารักษาพยาบาลลูกชายตัวเอง ก็ยังไม่เหลียวแล

แต่เมื่อย้ายออกมาอยู่บ้านยาย แถมยังต้องออกจากงาน ที่ โรงงาน
ก็ต้องพบกับความลำบากใจในพฤติกรรมรังเกียจเดียดฉันท์
และขาดความรักหรือแม้แต่เอาใจใส่ ขนาดแค่ว่า แม่ของ แชริซ เอาเศษผ้าเก่าๆของยาย
มาเย็บเป็นชุดคอสตูมให้ใส่ไปร้องเพลงประกวดยังโดนด่าเปิงและห้ามไม่ให้ใช้ชุดที่ว่านี้
ขึ้นเวทีเด็ดขาด แต่ ในที่สุด ชุดดังกล่าว ก็ได้รางวัลเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม ในการประกวด
ร้องเพลงครั้งแรกในชีวิตของแชริซ ครั้งนั้น เธอได้ที่ 3

สามแม่ลูกจึงตัดสินใจย้ายออก มาอยู่บ้านหลังปัจจุบัน และโรงเรียนปัจจุบัน
สถานที่ ที่ทำให้เธอได้พบปะกับทั้งเพื่อนบ้าน ครู เพื่อนร่วมห้อง ซึ่งเป็น แรงบันดาลใจในการร้องเพลงของเธอ

แชริซ รู้ตัวว่าไม่สวย แต่รู้ว่าตัวเองมีความสามารถ และควรใช้ให้เป็นประโยชน์
ก็เลยตระเวณตะลุยเข้าประกวดร้องเพลงตามสถานที่ต่างๆ อาจจะได้เงินมาคราวละไม่มากนัก
แต่มันก็เพียงพอที่จะช่วยแม่ของเธอ สร้างบ้านอันพอจะอบอุ่นขึ้นมาได้

นอกจากจะไม่ชนะที่ 1 ในการประกวดอยู่เรื่อยๆ แม้ว่าจะมีแม่คอยให้กำลังใจ
แต่เรื่องร้ายดูเหมือนจะยังไม่จบ วันหนึ่ง สามแม่ลูกกลับมาบ้านแล้วพบว่า
ข้าวของเงินทองที่มีอยู่น้อยนิด กลับโดนโจรโขมย งัดเข้าบ้านมาเอาไป
เงินที่ลูกสาวหามาได้ด้วยการประกวดต่างๆ ที่จะเก็บไว้เป็นค่าใช้จ่ายในการเรียน
และเรื่องอื่นๆ...เกลี้ยง...

หลังจากนั้น สามแม่ลูก ก็ยังคงหาทางมุ่งมั่นกับการประกวดต่อไป
โดนโกงรางวัลไปต่อหน้าต่อตาก็เยอะ เจอเด็กเส้น เด็กล็อค ฯลฯ
ไม่เว้นแม้แต่รายการทีวี รายการแรกที่แชริซไปสมัคร
จนกระทั่งรายการ Little Big Star อันเป็นรายการประกวดทางทีวี ที่มีชื่อเสียงของฟิลิปปินส์
เธอโชคร้าย ถูกโหวตออกด้วยคะแนนไม่ถึง แต่จู่ๆ ไม่นานหลังจากนั้น รายการดังกล่าว
กลับติดต่อเข้ามาหาเธอเอง ให้กลับเข้าร่วมในรายการใหม่อีกครั้ง
แต่สุดท้าย ก็ได้รางวัลที่ 3 อีกอยู่ดี เธอเกือบจะถอดใจ และได้แต่เรียนไปวันๆ

13 ปี หลังจากฝันร้าย แม้เธออาจะต้องเสียน้ำตา ยามที่กลับไปยังสถานที่เดิม
แต่วันนี้ ทุกสิ่ง ก็เปลี่ยนไป

วันหนึ่ง ในปี 2007 บริษัทบันทึกเสียงแห่งหนึ่งในสตอล์กโฮล์ม สวีเดน
เห็น คลิปการแสดงของแชริซ บน Youtube โดย มือโพสต์นิรนามชื่อ FalseVocie
เอาขึ้นไปโพสต์ ทุกอย่าง ก็เริ่มเปลี่ยนไป และมันก็เป็นอย่างที่ผู้คนทั่วโลกได้ประจักษ์

. . . .

โอปรา วินฟรีย์ พูดในรายการของเธอว่า
No matter what she faced in her life, She's never give'em up for the Dream or something better.
"ไม่ว่าชีวิตของเธอ(แชริซ) จะต้องพบเจอเรื่องราวมากมาย อย่างไร เธอไม่เคยยอมแพ้เพื่อความฝัน หรือสิ่งที่ดีกว่า"

นั่นคงเป็นข้อสรุปที่ดี

เรื่องราวของแชริซ นั้น ทำให้เราได้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ที่เกิดขึ้นในตอนนี้
และบางที ก็ทำให้ย้อนกลับมาดูตัวผมเองได้ด้วยเช่นเดียวกัน

ถ้าคุณชอบอะไร อยากคิดจะทำอะไร ต่อยอดจากสิ่งที่คุณรัก
นอกจากจะมีแรงบันดาลใจแล้ว สิ่งที่ไม่อยากให้ขาดหายไป นอกเหนือ
จากไอเดียเจ๋งๆ ก็คือ ความรัก

ถ้าปราศจากความรัก ในสิ่งที่คุณทำ

สิ่งที่จะสำเร็จออกมาเป็นผลงานนั้น
ใครก็รู้และสัมผัสได้เลยว่า ไม่ได้มีความรู้สึกจากใจของคุณ
ผลงานชิ้นนั้น รับประกันเถอะ มันมักออกมาไม่ดีนักหรอก

ไม่เชื่อ ก็ลองดู...




 

Create Date : 09 พฤศจิกายน 2551
3 comments
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2551 8:02:06 น.
Counter : 970 Pageviews.

 
 
 
 
คุณจิมมี่ครับ
ผมไม่สามารถติดต่อคุณทางหลังไมค์ได้ครับ
ขอรบกวนเวลาซักเล็กน้อยนะครับทาง MSN

vanosm3@hotmail.com

เกี่ยวกับการศึกษาของตัวผมเองครับ






เอิ๊ต CUD28
 
 

โดย: cud28 วันที่: 13 พฤศจิกายน 2551 เวลา:18:49:57 น.  

 
 
 
" แม่ของแชริซ ถูกยาย บีบบังคับให้แต่งงานกับ ชายผู้มีฐานะรวยกว่าซึ่งต่อมากลายเป็นพ่อของเด็กน้อยเสียงสวรรค์คนนี้
ทั้งที่หากแม่ของแชริซ ยังเรียนต่อ เธอจะสำเร็จการศึกษาออกมาเป็น นักออกแบบเสื้อผ้า หรือแฟชันดีไซน์เนอร์ไปแล้ว
ครอบครัวก็ระหองระแหงกันมาเรื่อยๆในพฤติกรรมที่ เฮงซวย ของฝ่ายสามี "

แม่เธอช่างโง่สิ้นดีจริงๆ
 
 

โดย: Privatepassion วันที่: 15 พฤศจิกายน 2551 เวลา:0:55:43 น.  

 
 
 
ไปดูใน youtube ได้ฟังได้ดูแล้ว ขนลุกเลยครับ
เก่งมากๆ แบบไม่น่าเชื่อ
 
 

โดย: civic_coupe วันที่: 23 มกราคม 2552 เวลา:10:19:58 น.  

Name
* blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Opinion
*ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet

JIMMY
 
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




[Add JIMMY's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com