อยู่สบาย ตายสงบ จากไปไม่คิดค้างใคร แง่บๆ

<<
กันยายน 2552
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 กันยายน 2552
 

เื่มื่อโต๊ะครูอิสลาม ชี้หน้า ขี้เมาชาวพุทธว่า...คนบาป

กระทาชายขี้เมานายหนึ่้งเดินสะเงาะสะแงะ
ผ่านกลุ่มอะเหล่ม(เคร่งศาสนา)ชาวมุสลิม
โต๊ะครูจึงชี้ให้ศิษดูว่า
"ดูเถอะพวกคนนอกศาสนา มอมเมาในสิ่งหะรอม(ต้องห้าม) คนบาป"
ขี้เมาจึงแหงะหน้ามาถามด้วยสภาพย่ำแย่
"โต๊ะครับ ถ้าผมเอาขวดเหล้าไล่ตี ผมจะฟาดพวกท่านได้ครบรึไม่"
เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังลั่น
"สภาพนี้ท่านจะรักษาร่างกายยังไมไ่ด้เลยจะมีแรงอะไร"
ขี้เมาถามต่อ
"แล้วคำพูดของโต๊ะละสามารถชี้นำความเชื่อของพรรคพวกท่านได้รึไม่"
โต๊ะยิ้มอย่างสะใจ
"ใช่ซิพวกนี้เป็นมะมูม(ผู้ตาม)ของฉัน เขาต้องเชื่อฉันซิ"
ขี้เมาสะอึกเฮือกแล้วกล่าวว่า
" แล้วโต๊ะชี้ผมบาป ด้วยจิตใจเช่นไรละ เดียดฉันเหยียดหยัน รึว่า เมตตา"
ว่าแล้วขี้่เมาก็.. อ๊วกกกก....
"เห็นม๊ะ ผมกินแล้วยังใจดีเผื่อหมาเลย(ถึงมันจะไม่กินก็เหอะ)
โต๊ะละเที่ยวเดินไล่เก็บค่าผ่อนทอง เนี่ยหรือ?"


แนวทางยอดนิยม หรือแม้แต่มุสลิมส่วนมาก
เชื่อในการตัดสินจากภายนอกสำคัญกว่า
พูดกันแต่ว่าส ตามซุนนะห์นบี
สิ่งที่จดไว้มีมาก ตแ่ที่ยังไมไ่ด้จด และเข้ามาใหม่
มีได้อีกเกินประมาณ
ต่างจากพุทธที่ยึดเจตนาเป็นหลัก
เพราะกายกรรม หรือวจีกรรม อาจจะเกิดโดยไม่เจตนาได้
แต่เจตนามักสร้าง กายกรรมและวจีกรรมได้เสมอๆ
ทางพุทธจึงมีคำกล่าวว่า
ทำน้อยบาปมาก ทำมากบาปน้อยอยู่ที่ใจ
ใจดั่งถ้วยชาหยดเกลือเม็ดเดียวก็เค็ม
ใจดั่งคงคาเทเกลือทั้งนาก็หาเจอรสเค็มไม่

ผู้ฝึกใจได้ดีกว่าจึงเป็นผู้ที่อยู่ในฐานะที่สูงกว่าเสมอๆ
แต่นั่นแหละ
ออ้ยปลูกดินทรายก็ยังหวาน
บรเพ็ดปลูกดินดีก็ยังขม

Ps;) อิสลามห้ามการกินดอกเบี้ย บางคนจึงใช้วิธีว่า
ทองราคา 10,000 บาทขายผ่อนอาจจะ 12,000
แล้วซื้อคืนทันทีในราคา 10,000 เค้าว่าไม่นับเป็นดอกเบี้ย แง่บๆ
*1 เพิ่มเติมแถมไว้ให้อ่านเตือนสติ
//www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=718.0




 

Create Date : 03 กันยายน 2552
55 comments
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 15:42:02 น.
Counter : 1763 Pageviews.

 
 
 
 
สุดท้าย ทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ใจ

เปรียบเหมือนเราพุ่งหลาวลงน้ำไปถูกปลาตายถามว่าเราบาปมั้ย

ตอบว่า บาปเกิดแต่เราไม่รับรู้เพราะไม่มีเจตนาให้ถูกปลาตาย

ดังนั้นบาปนี้ไม่ได้ทำให้จิตใจเราขุ่นมัวเพราะเราไม่ได้รับรู้ถึงการตายของปลา

สรุป......อยู่กับโลกให้เหมือนกับน้ำกลิ้งบนใบบัว ยึดถือแต่อย่าให้มั่น
พร้อมทิ้งทุกอย่างเมื่อถึงเวลา อย่าให้ค้างคาอยู่ที่ใจ....
 
 

โดย: งี IP: 125.26.170.151 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:22:23:27 น.  

 
 
 
มือถือสาก
ปากถือศีล
.....รึเปล่าเนี้ย
พระแขก.....ก็อยากใช่คำนี้
ผิดรึเปล่า
 
 

โดย: ช้านเอง IP: 112.142.55.3 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:22:24:11 น.  

 
 
 
มันช่างคมจิงๆ
 
 

โดย: ... IP: 124.121.2.90 วันที่: 3 กันยายน 2552 เวลา:22:26:53 น.  

 
 
 
อะนะ ไม่หรอก
แค่ได้ยินมุสลิมชอบพูดกันบ่อยๆ
ตามซุนนะห์นบีๆ
อะไรก็ตามแบบอย่างที่นบีมูฮัมหมัดทำ
เลยเทียบๆ กับทางพุทธว่า กายกรรม วจีกรรม
และ มโนกรรมนะครับ
บางตอนก็เลยของยืมมาจาก พระไตรปิฏก
เช่นเรื่องออ้ยก็มาจาก อปราเอกธัมมาทิปาลิ
เรื่อง โทษของกรรมก็มาจาก อุปาลิว่าทสูตรํ
ที่ตรัสสอนนิครนาฎบุตร มีอีกหลายสูตรที่
โดนยกมาใส่ในเรื่องนี้นะครับ
เช่นเรื่องของวัชะ(โทษ) ซึ่งมี
ทิฏธฐธัมกิกวัชชะ (เห็นโทษแล้วกลัวแต่โทษ)
และ
สัมปรายิกวัชชะ (เห็นโทษและวิถีของโทษจึงกลัวโทษนั้น)
แง่บๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 4 กันยายน 2552 เวลา:12:44:22 น.  

 
 
 
ดีชั่วอยู่ที่ตัวทำ สูงต่ำอยู่ที่ทำตัว
 
 

โดย: เอ็ม IP: 118.172.224.165 วันที่: 14 กันยายน 2552 เวลา:17:11:34 น.  

 
 
 
ทุกศาสนาสอนให้ทุกคนเป็นคนดี มีศีลธรรม
ศาสดาทุกศาสนา ย่อมมีบารมีมาก
จึงสามารถทำให้คนนับถือและคล้อยตาม
และปฏิบัติตามคำสั่งสอน ของท่านได้เป็นเวลานาน
แต่คนที่นับถือท่าน จะปฏิบัติตามคำสั่งสอนตามที่ท่าน
ศาสดาประกาศเจตจำนงค์ไว้แต่เดิมได้หรือไม่
ก็อยู่ที่คน ปัจเจกบุคคลนั้น จะตีความเข้าข้างตนไปอย่างไร
จะมีสักกี่คน ที่สามารถเข้าใจอย่างแท้จริง และตีความได้
ตรงกับเจตนารมณ์ของศาสดาตน

ถ้าไม่นับถือศาสดาคนใดเลย ก็ลองตีความตนในตน
ดูว่าตัวตนของตนเองว่า จริงแล้วเราทำตามเจตนารมณ์
ของเราได้ถูกหรือยัง หรือยังทำไปด้วยความแย้งกับตนเอง
เสมอๆ
 
 

โดย: k.kwan IP: 124.122.148.64 วันที่: 2 ตุลาคม 2552 เวลา:14:36:43 น.  

 
 
 
ทุกกลุ่มชน ย่อมมีทั้งดี และชั่วครับ ( ไม่แตกต่าง ) การกระทำในสิ่งที่ดี และชั่วนั้น เป็นเรื่องของตัวบุคคล ไม่เกี่ยวกับศาสนา

" แต่ " มีคำกล่าวว่า " จงมองในสิ่งที่เค้าพูด อย่าได้มองที่ตัวผู้พูด "

อะไร : เป็นสิ่งที่ดี ที่ถูกตามหลักการ ก็ควรเก็บไว้ และอะไร ที่ผิดจากหลักการ ก็ควรตักเตือน ( ศาสนา คือการตักเตือนครับ )

 
 

โดย: มุสลิม IP: 58.8.50.169 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:11:51:24 น.  

 
 
 
ผมนับถือศาสนาอิสลามนะครับ ( จะรบกวนถามเป็นความรู้ ว่า )

จริงแล้ว ในความเชื่อของพุทธศาสนา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ( คือพระเจ้า หรือ คือศาสนฑูต -- ผู้นำสาสน์ ) ครับ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 58.8.50.169 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:11:54:28 น.  

 
 
 
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





เจ้าของบล็อกมันบอกว่า



"Ps;) อิสลามห้ามการกินดอกเบี้ย บางคนจึงใช้วิธีว่า
ทองราคา 10,000 บาทขายผ่อนอาจจะ 12,000
แล้วซื้อคืนทันทีในราคา 10,000 เค้าว่าไม่นับเป็นดอกเบี้ย แง่บๆ"




เฮ้ย ไมโง่จังอ่ะ ทองน่ะ อิสลามเค้าห้ามขายผ่อนเฟ้ยยย



//www.mureed.com/mr_talk/bview.asp?id=12693

//www.mureed.com/mr_talk/bview.asp?id=9054





เจ้าของบล็อกจะเขียนอะไรก็ระมัดระวังบ้าง อย่าซ่าให้มาก เดี๋ยวจะโดนล่าตัวเข้าตารางเหมือนเจ้าของบล็อกทำลายอิสลามคนก่อน


*** ยิ่งเป็นสมาชิกเว็บพันทิพย์ ก็ลากคอเข้าตารางได้ง่ายกว่าไอ้แสบคนก่อนอยู่แล้ว ข้อมูลเข้าถึงตัวจริงได้เลย


จริงมั้ย เจ้าของบล็อก?


/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
/////////////////////////////////////////////////////
 
 

โดย: มีอคติกับอิสลาม ก็อย่าโง่เรื่องอิสลามขอร้อง IP: 180.183.192.35 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:13:38:32 น.  

 
 
 
ด้วยความรักและหวงแหนศาสนาอิสลาม
และเกรงว่าท่านเจ้าของกระทู้จะเลยเถิด และถลำลึกไปมากกว่านี้

เกรมว่าท่านจะมีอคติ จนริดรอนปัญญา
จนไม่สามารถเขียนอะไรที่จะสร้างสรรค์ไปกว่านี้ได้อีกแล้ว

ประเด็นแรก
ท่านที่นับถือศาสนาพุทธนั้นต้องยอมรับก่อนนะว่าเหล้าและสิ่งมึนเมานั้นเป็นที่ต้องห้าม
ในเมื่อตัวทำผิด ก็อย่าคิดหาเหตุผลต่างๆนาๆมากลบเลื่อนความผิดของตน
เหมือนอย่างโรงงานน้ำเมาหลายยี่ห้อนิยมกระทำ(ขายเหล้าขายเบียร์อากาศหนาวแจกผ้าห่ม)ซึ่งหาได้กินกับปัญญาไม่

ประการต่อมา
อย่าพยามแต่งเรื่องที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่าสับสนระหว่างแขก(คนอินเดียหรือชาวซิก)ที่โพกผ้าขายทองเงินผ่อนขายผ้าขายถั่ว
อันนั้นไม่ใช่อิสลาม
ส่วนถ้าจะเอากันตามหลักการนั้น อิสลามห้ามค้าทองเงินผ่อนนะครับ
****ศึกษาอีกนิดนะครับ เผื่อว่าปัญญาจะเกิด*****

พยามเอาเรื่องจริงมาพูดซิครับ อย่างเช่นจ้าวอาวาสมั่วสีกาที่มักจะเป็นข่าวอยู่บ่อยๆหนะครับ
เผื่อมันอาจจะเป็นกระจกสะท้อนให้เห็นถึงความตกต่ำของบางสิ่งบางอย่าง

พอแค่นี้ดีกว่านะครับ
แต่ก็ชื่นชมนะครับ ที่อุส่าคิดพล็อดเรื่องได้ดีมาก
โดยการนำเอาคนขี้เมาของพุทธ ไปเปรียบเทียบกับระดับหัวหน้าของมุสลิม
ยังไงก็ให้กำลังใจนะครับ ขยันผลิตผลงานนะครับนั่งเทียนน้อยๆหน่อยศึกษาให้เยอะๆเผื่อจะได้รางวัลซีไรส์

อยากุยกันต่อโทรมานะครับยินดีต้อนรับครับ
0866673253 อรัช หรือ อนุรักษ์ มีล่าม

 
 

โดย: อนุรักษ์ มีล่าม เป็นชาวมุสลิม IP: 118.173.164.236 วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:19:44:00 น.  

 
 
 
เคยสังเกตุไหมครับ ท่านเจ้าของกระทู้ว่าผู้ที่ประกอบการ ในสาขาอาชีพ จะไม่ค่อยทะเลาะเบาะแวงกัน...ยิวคริสต์และมุสลิมผ่านการรบราฆ่าฟันในสาเหตของศาสนา มานับพันปี ทั้งที่ในใจของพวกยิวคริสต์และมุสลิมเชื่อในพระเจ้าผู้สร้างโลกพระองค์เดียวกัน...แน่นอนการค้าขายในพวกยิวคริสต์และมุสลิมทำกันอยู่ตลอดเวลา อะไรคือความต้องการของเจ้าของกระทู้ ต้องการส่งเสริมคนทานเหล้า ว่าดีกว่าผู้สอนศาสนา ด้วยการยกระดับจิตใจของผู้ทานเหล้าดีกว่าจิตใจของผู้สอนศาสนา....ผมมั่นใจว่าไม่มีผู้สั่งสอนในศาสนาใดที่จะสอนให้คนไปลงนรก หากทานเหล้าแล้วมีจิตใจงดงามท่านก้อทำไป...ในพวกมุสลิมกันเองที่ปฎิบัติเช่นนี้ก็รังเกียจพฤตอกรรมดังกล่าวแล้ว แต่กระทู้ของท่านทำให้ศาสนาอื่นเสื่อมเสียก็ด้วยเพราะความตกต่ำของจิตใจท่าน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ศาสนาของท่านเสื่อมเสียไปด้วย ท่านอาจภาคภูมิใจด้วยการให้ร้ายผู้อื่นเพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจว่าสิ่งที่ท่านเชื่อนนั้นดีงาม มันจะไปได้อย่างไรหากท่านประพฤติเช่นนี้ ก็ด้วยผลจากความเชื่อในศาสนาของท่าน...
 
 

โดย: น่าเสียดาย IP: 58.8.135.143 วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:2:13:45 น.  

 
 
 
มุสลิม: ถูกต้องครับ ... ประเด็นของเนื้อเรื่องเลย
ต่อให้คนเมาถ้าสิ่งที่พูดถูกก็คือถูก
และต่อให้อิม่ามถ้าเจตนา(เนียต)ในการพูดผิดก็คือผิด
เพราะเนียตผิดการกระทำก็ล่อลวงไปในทางที่ผิด
การชี้ผิดถูกใครจึงควรตั้งเจตนาตนเองให้ดีก่อนเสมอ
และหากเป็นมุสลิมก็ควรทำด้วยความอิคคลาส
(รึความบริสุทธิ์ใจต่ออัลเลาะห์) ไม่ใช่สักแต่ว่า ชี้ๆ
เพราะนั่นเราอาจจะกำลังโดนนัฟซูไซตอนเข้าครอบงำ
ให้ลุ่มหลงตนเองเฉกเช่นมันที่ถือว่า สูงกว่านบีอาดัมครับ

หากจะพูดเรื่องพระพุทธเจ้าคือใครก็ต้องแยกมาว่า
พุทธไมได้ให้ความสำคัญในสิ่งกำหนดอื่นๆ
(แต่ไม่ได้ปฏิเสธ) พุทธเน้นที่การกระทำในปัจเจกบุคคล
โดยหลักใหญ่อยู่ที่เจตนา ต้องตั้งเจตนาให้ดีเป็นหลัก
(แม้แต่ในกรุอ่านเองก็ชัดเจนว่า
พระองค์จะตอบสนองเราตามการไข่วคว้า)
ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่พระเจ้าแน่นอน
และจะกล่าวว่าเป็นศาสนฑูตรึเปล่า ไม่ทราบได้
เพราะการคิดถึงเรื่องผู้สร้างท่านจัดเป็นเรื่องไม่ควรคิดถ้ารู้ไม่ถึง
ศึกษาและปฏิบัติไปจะรู้เอง
 
 

โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:58:28 น.  

 
 
 
มีอคติกับอิสลาม ก็อย่าโง่เรื่องอิสลามขอร้อง :
ครับ.. ขอบคุณในความรู้ แต่เกิดความสงสัย
แล้ว ธนาคารอิสลามละ ... ต่างอะไร

คงต้องยอมรับว่า โง่ แต่ปฏิเสธว่า .. มันไม่มีไม่ได้
เพราะมุสลิมหลายๆคนก็ทำกันจริงๆ
และผมก็ได้เขียนไว้ตอนท้ายแล้วหากคุณจะอ่าน
ว่าการผ่อนทอง ก็"ผิด"
คนโง่.... คือคนไม่รู้ รึว่า
คนที่รู้ว่ามีแล้วยังปฏิเสธว่ามันไม่มี
และคนที่แย่กว่าคนโง่คือคนที่
รู้แล้วว่าสิ่งที่มีไม่ดี แล้วยังพูดให้สิ่งไม่ดีเป็นสิ่งดี
เพียงเพื่อพวกพ้องตนเองอย่างดักดาน
อิสลามไม่มีทางโดนทำลายจากภายนอกได้หรอก
ยกเว้นจากภายในกันเองนั่นแหละ หึหึ
แล้วแต่ท่านจะไตร่ตรอง
 
 

โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:05:28 น.  

 
 
 
อนุรักษ์ มีล่าม เป็นชาวมุสลิม :
แน่ใจหรือครับว่าที่เขียนไม่เกิดขึ้นจริง?

จะผ่อนทอง จะเล่นแชร์ อย่าบอกว่า สังคมมุสลิมไม่มีเลยนะ
และผู้รู้หลายๆคนก็ใช้กรรมวิธีหลบเลี่ยง
ทั้งที่จริงๆ ก็ไม่ถูกนั่นแหละ แต่คนจะทำก็หาข้ออ้างหลบไปได้เรื่อย
กลายเป็นข้อขัดแย้งที่น่าจับ อ.มูรีดมานั่งคุยกับ
ธนาคารอิสลามนะ หึหึ

แต่ก็แค่เรื่องเปรียบเทียบให้เห็นภาพ
หากคุณจะเอาเรื่องแบบไม่ใส่ไข่เลย
ก็คงต้องอีกส่วนของบล็อคครับ
ต้องขอบคุณที่ยังเข้าใจว่านี่เป็นส่วนของเรื่องเขียน
ไม่ใช่ภาพข่าว เหมือน ความเห็นด้านบน
และะที่สำคัญบางทีขี้เมาที่ผมว่าอาจจะไม่ใช่คนพุทธก็ได้?
...
เรือ่งเบอร์โทร ผมจึงคิดว่า
การติดต่อกันทางนี้น่าจะดีกว่า
หากเป็นการนำความรู้มาเผยแพร่ต่อกัน
คนอื่นย่อมได้ประโยชน์ด้วย
 
 

โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:26:43 น.  

 
 
 
น่าเสียดาย :
ผมบอกตอนไหนหรือว่า การกินเหล้ามันดี?
แต่ผมบอกว่าคนดีๆ ก็อย่าไปชี้อะไรง่ายๆตามนัฟซูซะนัก
เพราะสุดท้ายคนเราง่ายๆ
"ทำในสิ่งให้ทำ ไม่ทำในสิ่งห้าม"
การหลงตนว่าสูงกว่าผู้อื่นจึงเป็นเรื่องควรระวังอย่างนึงเช่นกัน
ดังเช่นกรณีดังกล่าว

แล้วจิตใจคือเรื่องไม่เห็น ใส่ใจด้วยหรือครับ
ในเมื่อ ตัดสินกันที่การกระทำไปแล้วนิ?

และ.... อย่างที่เคยเกริ่น .... ขี้เมาอาจจะไม่ใช่ พุทธก็ได้
แต่นี่แค่เรื่องใส่ไข่จึงมีการปรับภาพให้ดูชัดเจนขึ้น
เรื่องจริงอาจจะชวนหัวกว่านี้เยอะ แง่บๆ

การมองคนอื่นว่าเจตนาร้าย
ไม่ก่อให้เกิดการมองโลกในแง่ดีเลยนะครับจะขัดกับคำว่า
ทุกอย่างล้วนดีและเหมาะแก่เราเสมอๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:38:40 น.  

 
 
 
เจ้าของบล็อกจะเขียนอะไรก็ระมัดระวังบ้าง อย่าซ่าให้มาก เดี๋ยวจะโดนล่าตัวเข้าตารางเหมือนเจ้าของบล็อกทำลายอิสลามคนก่อน


*** ยิ่งเป็นสมาชิกเว็บพันทิพย์ ก็ลากคอเข้าตารางได้ง่ายกว่าไอ้แสบคนก่อนอยู่แล้ว ข้อมูลเข้าถึงตัวจริงได้เลย

โดย: มีอคติกับอิสลาม ก็อย่าโง่เรื่องอิสลามขอร้อง IP: 180.183.192.35 วันที่: 30 ตุลาคม 2552 เวลา:13:38:32 น.
..................
กร้ากก เป็นไรมากรึเปล่าครับคุณ
สำเนียงส่อภาษากริยาส่อสลุกที่มาจริงๆนะเนี่ย เอิ๊กๆ
กลัวจังเลยครับคุณ...
อ่านแล้วตอบผมซิว่าที่ อ.บรรจงกับ อ.มูรีดตอบมันต่างกันตรงไหน
//www.oknation.net/blog/print.php?id=129220

 
 

โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:11:43 น.  

 
 
 
" สวัสดีครับผม " ท่านเจ้าของ Block และทุกท่าน
" อัสลามมุอาลัยกุม " พี่น้องมุสลิมทุกท่านครับ
-------------------------------

" เรื่องของอคิ ที่ถูกโน้มเอียง " ในการนำเสนอของท่านเจ้าของเว็ปนี้ ( ผมขอติงว่ามากไปนะครับ )

อย่างที่บอกไว้ในอัลฮาดีส ( บันทึก แนวทางแห่งท่านนบีฯ )

" ชัยตอน ( ความชั่วร้าย ) วิ่งอยู่ในกระแสเลือดของมนุษย์ "

ในนัยยะนี้ " ส่วนตัว " ท่านนบีฯ ได้เปรยไว้เกี่ยวกับมนุษย์ว่า มีทั้งสิ่งที่ดีในตัว และชั่วในตัว

แน่นอนครับ ( อิสลาม ) จักต้องเชื่อในความดี และชั่วนั้น อัลลอฮฺ เป็นผู้กำหนด

ในนัยยะนี้ " ส่วนตัว " คือ เอกองค์อัลลอฮฺ บอกว่า อะไร คือดี และจะได้ผลในสิ่งที่ดี และอะไร คือชั่ว และจักได้รับในผลที่ชั่วนั้น ๆ แล้วให้มนุษย์ เราเลือกในมัน

เพราะฉะนั้น : ความโน้มเอียงในการนำเสนอของท่านเจ้าของเว็ป น่าจะพิจารณาก่อนนำเสนอครับ
เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่โยงในส่วนของศาสนาว่าดี และไม่ดีครับ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.178.215 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:00:02 น.  

 
 
 
โดย: itoursab วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:58:28 น.

( ผมขออนุญาตนำคำพูดของท่าน itousab ขึ้นมานำเสนอครับ )

หากจะพูดเรื่องพระพุทธเจ้าคือใครก็ต้องแยกมาว่า

พุทธไมได้ให้ความสำคัญในสิ่งกำหนดอื่นๆ
(แต่ไม่ได้ปฏิเสธ) พุทธเน้นที่การกระทำในปัจเจกบุคคล
โดยหลักใหญ่อยู่ที่เจตนา ต้องตั้งเจตนาให้ดีเป็นหลัก
(แม้แต่ในกรุอ่านเองก็ชัดเจนว่า
พระองค์จะตอบสนองเราตามการไข่วคว้า)
ดังนั้นพระพุทธเจ้าจึงไม่ใช่พระเจ้าแน่นอน
และจะกล่าวว่าเป็นศาสนฑูตรึเปล่า ไม่ทราบได้
เพราะการคิดถึงเรื่องผู้สร้างท่านจัดเป็นเรื่องไม่ควรคิดถ้ารู้ไม่ถึง
ศึกษาและปฏิบัติไปจะรู้เอง
-----------------------------------------------------------------------------------------

ผมขออนุญาต นำเสนอก่อนว่า ปัจเจกบุคคล คือ บุคคลแต่ละคน " ครับ "

ผมต้องขอบอกว่า จริง ๆ แล้วพุทธศาสนา ไม่ใช่ความเชื่อในส่วนของปัจเจกบุคคล เพราะเมื่อมีการกระทำหนึ่ง ๆ ที่เป็นหมู่คณะ ในทัศนะ หรือแบบอย่างเดียวกันนั้น ไม่ถือเป็นปัจเจกบุคคลครับ
และในเงื่อนไขเกี่ยวกับศาสนานี่เอง เกิดความเป็นศาสนาครับ

ส่วนในเรื่องของการที่บอกว่า ( พระพุทธเจ้า ไม่ใช่พระเจ้า ) ตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนานี้ " โดยส่วนตัว ผมเองก็ไม่คิดเช่นกัน " เพราะหลัก ๆ คือ ท่าน ไม่เคยนิยามตนเองว่า ตนเป็นพระเจ้า

แต่ในทางกลับกัน ( พุทธศาสนา ) ก็นำรูปจำลองเป็นตัวของท่านขึ้นมา และนำมากราบไหว้ โดยหวังในผลตอบรับที่ดีในทางพุทธคุณต่าง ๆ นั้นแสดงว่า เป็นการขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิงครับ

-------------------------------------------------------------------------------------
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.178.215 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:10:43 น.  

 
 
 
ที่นี้ เรามามองว่า ทำไมมุสลิมถึงเชื่อในพระเจ้า
-------------------------------------------------------------------------
( เป็นการนำเสนอ ให้พิจารณาแบบง่าย ๆ นะครับ ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรมากมาย )

ตามหลักการวิทยาศาส เชื่อว่า ทุกสิ่งย่อมมีผู้สร้าง และถูกสร้าง " แต่ " ตามแบบอย่างแห่งวิทยาศาสน์นี้ มักใช้นิยามแห่งความน่าจะเป็น หรือเป็นไป ขึ้นมา

เช่น ระบบสุริยะจักวาล โลก ดวงจันทน์ เกิดจากการแตก ( ระเบิด ) ของกลุ่มก๊าซ ขึ้นมาเป็นระบบ ระบอบ

แต่กระนั้นก็ตาม " วิทยาศาสน์ " ก็หาคำตอบไม่ได้กับความดำมืดที่ว่า แล้วก่อนจะเกิดเหล่านี้ขึ้นมา จากทั้งหมดนี้ "เสมือนหนึ่งกระดาษแผ่นหนึ่งที่ว่างเปล่า " แล้วเกิดจุด ๆ หนึ่งขึ้นมา โดยไม่ได้ใช้วัตถุใด หรือมีวัตถุใด ทำให้เกิดนี้ เหล่านี้เกิดมาได้อย่างไร

นี้เป็นการพิจารณา ในความมีอยู่จริงของพระเจ้าครับ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.178.215 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:16:47 น.  

 
 
 
สวัสดีครับคุณมุสลิม :)
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า
ผมไม่ได้บอกว่า อิสลามไม่ดี
และไม่ได้เขียนด้วยความรุ้สึกดูถูกอิสลามแต่ประการใด
แต่การกระทำของคนบางกลุ่ม และมารยาทของคนบางประเภท
้เช่นกรณีผ่อนทองกับอิม่ามท่านนี้ ซึ่งมีอยู่จริงในสังคม
(เรื่องการผ่อนทองขอยกไปตอบภายหลังถึงความแตกต่าง)
ก็ไม่เห็นต้องหลบไปไหนว่าไม่มี ถูกผิดว่ากันอีกที
ไม่ดีก็ตักเตือน...
ดังที่เคยตอบแรกๆของเรื่องนี้หากจะค้นอ่าน
เป็นเรื่องมุมมองความแตกต่างระหว่างคนส่วนมากของอิสลาม
ที่มักมองตามการกระทำของนบีเป็นหลัก
กับทางพุทธที่ตั้งเจตนามาก่อน

และแน่นอนยิ่งอยู่ในส่วนนี้ของบล๊อค
ซึ่งหากจะอ่านตั้งแต่หน้าแรก ก็จะทราบแล้วว่า
มันเป็นการแต่งเรื่องเปรียบเทียบ
เพื่ออ่านแล้วให้คิด
จะบอกว่ายกเมฆทั้งหมดก็คงไม่ใช่
แต่จะบอกว่าผมเขียนมาลอยๆ โดยไม่ได้ไปเจอมา
ผมก็ยืนยันว่า มีอยู่จริงในบางส่วน
ไม่ว่าท่านจะรับได้รึไม่ก็ตาม
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:59:28 น.  

 
 
 
คำว่าปัจเจกบุคคนในความหมายผมคือ
ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้ผลต่อผู้นั้นเอง
ตรงกับคำว่า "กรรมใคร กรรมมัน" ครับ
ซึ่งไม่มีใครสามารถไปแบกภาระกรรมของใครแทนกันได้
ซึ่งตรงกับอิสลามที่ในวันนั้น
แม้เราจะไม่รับแต่มือและเท้าก็จะพาเราไปเอง
ไม่มีใครแบกผลของคนอื่นได้

เป็นที่แน่นอนว่าคุณย่อมไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระเจ้า
แต่เรื่องพระพุทธรูปหรือสิ่งเคารพเสมือนนั้น
ก็ย่อมแตกประเด็นออกไปอีกเรื่อง
เพราะในสมัยพระพุทธองค์นั้นก็มีการสั่งห้ามทำรูปเคารพอยู่แล้ว
แต่โดนศาสนาพราหม์และความเชื่อทางอาระยัน
เช่นแถวอัฟกานิสถานเข้ามาปน จึงเกิดการสร้างขึ้น
ดังนั้นโดยส่วนตัว พระพุทธรูปหรือรูปเสมือนเกจิต่างๆ
โดยหลักแก่นนั้นมีเพื่อให้รำรึกถึงแนวทางที่ถูกควร
เป็นเครื่องเตือนสติ
เหมือนที่คนพุทธพูดว่า "คนไม่ดีพระก็ไม่ช่วย"
การกราบไหว้พระพุทธรูปจึงมีเพื่อ รำลึกบุญคุญ
และคำสอน ... คนสำนึกบุญคุญ ผิดหรือครับ?
เมื่อเราเคารพสิ่งควรเคารพมองผ่าน อิฐ ปูน เหล็ก เข้าไป
ไมได้มายึดแต่สิ่งที่คนอื่นเห็น ซึ่งก็ไม่เห็นจะขัดแย้งตรงไหน

ส่วนเรื่องการหวังผลตอบแทนนั้น
ก็คนมีบัวตั้งสี่เหล่า จะแปลกอะไรถ้าบางกลุ่มยังต้องการสิ่งตอบแทน
จากการกราบไหว้ และพุทธคุณต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องต้องปฏิเสธ
หากเราประพฤติกรรมดี ไม่เบียดเบียนใครในเบื้องต้น
ไม่ต้องห้อยอะไรพระก็คุ้มครอง
กุรอ่านเองก็ยังบอก คนมีหลากหลายจำพวก
บางพวกทำเพราะกลัวนรก บางพวกทำเพราะหวังสวรรค์
แต่พวกที่เป็นเลิศคือ
ทำเพื่อความพึงใจต่ออัลลอฮ์(ซบ) โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ดังนั้น อย่าบอกว่า มุสลิมปัจจุบันมีแต่พวกหลังสุด
และอย่าคาดหวังว่าจะมี เอาแค่ตัวเรา
พยายามป็นพวกหลังสุดให้ได้ก็พอ

แต่เป็นคำถามในเชิงกลับ
คุณว่า ... ศีลทั้งห้านั้นเป็นสิ่งดีรึเปล่า?
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:26:38 น.  

 
 
 
( สวัสดีครับ ท่าน itoursab )

จริงแล้ว ผมเอง ไม่ได้มีนัยยะแอบแฝงใด ๆ ครับ ( อย่างที่ท่านนำเสนอ เมื่อเห็นผิด " เรา " ไม่ว่าจะเรียกตัวว่าอะไร มีหน้าที่ตักเตือนแก่กัน

( หากแต่ ) ต้องขออภัยที่อยากแนะนำว่า การนำเสนอในบางประการ " โดยเฉพาะเรื่องศาสนา " เป็นเรื่องละเอียดอ่อนครับ

หากท่านพิจารณา ( มุสลิม ) จะไม่ว่าหรือกล่าวหาในศาสนาหนึ่ง ๆ

เพราะมุสลิม ถูกสอนให้เคารพในความเชื่อนั้น ๆ

" ศาสนาของท่าน ๆ ก็พิจารณา ศาสนาของเรา เราก็พิจารณา " นี้เป็นคำสอนที่ถูกอ้างไว้มาตลอดครับ

-----------------------------------------------------------------------------------

หากถามว่า ( บุคคล ) ตามที่ท่านกล่าวนี้ " ไม่ใช่พิจารณาว่าโต๊ะครูนะครับ " มีอยู่จริงไม๊ ก็อาจจะมีอยู่ครับ

แต่อย่าลืมว่า ถึงเราจะได้ชื่อว่า " ผู้นับถือศาสนาอิสลาม " ก็ตาม แต่อิสลามที่เที่ยงตรงนี้ ( สำหรับหลาย ๆ คน ) ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากที่จะกระทำได้หมด นั้นเป็นเรื่องของตัวบุคคล และเป็นเรื่องของส่วน ๆ หนึ่ง

ในบางครั้ง ผู้รู้ท่านนี้ อาจจะนำเสนอในด้านที่ดี ที่ถูก ก็เป็นไปได้ ( ส่วนนั้น ๆ ) เราก็เก็บไว้
แต่ เมื่อเห็นส่วนที่ไม่ดี เราก็เก็บไว้ และไม่นำมาใช้ครับ

( อิสลาม ) สอนให้เรารู้จักเก็บในส่วนที่ไม่ดีของผู้หนึ่งเอาไว้ และให้ตักเตือนแก่ตัวของเค้า " เพื่อเป็นการให้เกียรติ "

( อิสลาม ) สอนให้เรารู้จักที่จะรับฟัง ในสิ่งที่ได้ยินมา ( ก่อน ) พิจารณา ขึ้นมานำเสนอ

ดังที่ท่านนบีฯ ได้สอนแก่เราไว้ " ว่า "
" ไม่ใช่พวกเรา ( มุสลิม ) ผู้ไม่ให้เกียรติแก่ผู้ใหญ่ ไม่เอ็นดูเมตตาต่อเด็ก และไม่รู้สิทธิที่ผู้รู้ควรจะได้รับ "

และอีกฮาดีสหนึ่ง
" เป็นบาบเพียงพอแล้ว สำหรับบุคคลผู้พูด ทุกอย่างที่เค้าได้ฟังมา "


ศาสนาคือการตักเตือนครับ ( เรา ) ก็ตักเตือนแก่กัน
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.178.215 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:32:31 น.  

 
 
 
คำว่าปัจเจกบุคคนในความหมายผมคือ
ใครทำอย่างไรก็ย่อมได้ผลต่อผู้นั้นเอง
ตรงกับคำว่า "กรรมใคร กรรมมัน" ครับ
ซึ่งไม่มีใครสามารถไปแบกภาระกรรมของใครแทนกันได้
ซึ่งตรงกับอิสลามที่ในวันนั้น
แม้เราจะไม่รับแต่มือและเท้าก็จะพาเราไปเอง
ไม่มีใครแบกผลของคนอื่นได้

เป็นที่แน่นอนว่าคุณย่อมไม่เชื่อว่า พระพุทธเจ้าไม่ใช่พระเจ้า
แต่เรื่องพระพุทธรูปหรือสิ่งเคารพเสมือนนั้น
ก็ย่อมแตกประเด็นออกไปอีกเรื่อง
เพราะในสมัยพระพุทธองค์นั้นก็มีการสั่งห้ามทำรูปเคารพอยู่แล้ว
แต่โดนศาสนาพราหม์และความเชื่อทางอาระยัน
เช่นแถวอัฟกานิสถานเข้ามาปน จึงเกิดการสร้างขึ้น
ดังนั้นโดยส่วนตัว พระพุทธรูปหรือรูปเสมือนเกจิต่างๆ
โดยหลักแก่นนั้นมีเพื่อให้รำรึกถึงแนวทางที่ถูกควร
เป็นเครื่องเตือนสติ
เหมือนที่คนพุทธพูดว่า "คนไม่ดีพระก็ไม่ช่วย"
การกราบไหว้พระพุทธรูปจึงมีเพื่อ รำลึกบุญคุญ
และคำสอน ... คนสำนึกบุญคุญ ผิดหรือครับ?
เมื่อเราเคารพสิ่งควรเคารพมองผ่าน อิฐ ปูน เหล็ก เข้าไป
ไมได้มายึดแต่สิ่งที่คนอื่นเห็น ซึ่งก็ไม่เห็นจะขัดแย้งตรงไหน

ส่วนเรื่องการหวังผลตอบแทนนั้น
ก็คนมีบัวตั้งสี่เหล่า จะแปลกอะไรถ้าบางกลุ่มยังต้องการสิ่งตอบแทน
จากการกราบไหว้ และพุทธคุณต่างๆก็ไม่ใช่เรื่องต้องปฏิเสธ
หากเราประพฤติกรรมดี ไม่เบียดเบียนใครในเบื้องต้น
ไม่ต้องห้อยอะไรพระก็คุ้มครอง
กุรอ่านเองก็ยังบอก คนมีหลากหลายจำพวก
บางพวกทำเพราะกลัวนรก บางพวกทำเพราะหวังสวรรค์
แต่พวกที่เป็นเลิศคือ
ทำเพื่อความพึงใจต่ออัลลอฮ์(ซบ) โดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
ดังนั้น อย่าบอกว่า มุสลิมปัจจุบันมีแต่พวกหลังสุด
และอย่าคาดหวังว่าจะมี เอาแค่ตัวเรา
พยายามป็นพวกหลังสุดให้ได้ก็พอ

แต่เป็นคำถามในเชิงกลับ
คุณว่า ... ศีลทั้งห้านั้นเป็นสิ่งดีรึเปล่า?

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:26:38 น.
-----------------------------------------------------------------------------------------

สวัสดีครับ : ผมขอแย้งเล็กน้อยนะครับ
การนำเสนอของท่าน ณ ช่วงแรก ๆ ที่ว่า " ดังนั้น พระพุทธ เจ้า ไม่ใช่พระเจ้าอย่างแน่นอน "

ซึ่งท่าน ก็นำเสนออีกว่า " ศาสนาพุทธ เชื่อในเรื่องของกรรม และรูปของพระนั้น เป็นเสมือน "

เราต้องตีความก่อนว่า จริงแล้ว กรรม และผลกรรมนี้ เกิดขึ้น และถูกตัดสินได้จากอะไร

ในเมื่อท่านให้นิยามว่า พระพุทธ ไม่ใช่พระเจ้า แปลว่า ย่อมมีผู้มีสิทธิในการตัดสินมากกว่าหรือชั้นที่สูงกว่า

" แต่ " ในมุมมองที่มีต่อรูปเสมือน ( เรา ) ทราบกันดีว่า การกราบไหว้นี้ เพื่อขอแต่สิ่งดีให้กับเรา ( รูปพระ ) เราคงไม่สามารถที่จะขอความดี หรือสิ่งดี ๆ จากบุคคลทั่วไปได้
นั้น ทำให้มองได้ว่า พุทธศาสนา เชื่อว่า พระพุทธ เจ้านั้น เป็นพระเจ้า

หากแต่ : พระพุทธ เจ้าเอง ก็ไม่เห็นด้วยในการสร้างรูปเสมือนขึ้นมา และยังไม่เคยนิยามตัวท่านเอง ว่าเป็นพระเจ้าเช่นกัน
---------------------------------------------
ส่วนในเรื่องของดอกบัวสี่เหล่า : เป็นการให้นิยาม ที่ดีครับ ผมเห็นด้วย และเคยนำนิยามนี้ มาเสนอ ( หากแต่ ) ไม่ได้ยึดติดที่ความเป็นพุทธศาสนา เพราะจริง ๆ แล้วนิยามในส่วนนี้ เป็นประหนึ่ง ศาสนาสุภาษิต นั้นคือ คำสอน การเสนอแนะครับ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.178.215 วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:48:22 น.  

 
 
 
คุณมุสลิม:
...ฮาดีสหนึ่ง
" เป็นบาบเพียงพอแล้ว สำหรับบุคคลผู้พูด ทุกอย่างที่เค้าได้ฟังมา "
...............
ความขัดแย้งเกิดได้ทุกที่แต่อาหรับยุคญาฮิลียะห์เคยเชื่อว่า
"จงช่วยพี่น้องของท่านไม่ว่าเขาจะเป็นผู้อธรรม หรือถูกอธรรม"
และผมว่ามุสลิมพ้นจากสมัยญาฮิลียะห์แล้ว จริงมั๊ยครับ
การเงียบจึงอาจจะไม่ใช่การยอมรับ
การปกปิดจึงอาจจะเป็นการส่งเสริม
การเป็นพยานอย่างเที่ยงตรงและยุติธรรมจึงอาจจะมีเกียรติ
เพราะอย่างที่คุณพูด "อิสลามเผยแพร่ด้วยการตักเตือน"
นั่นแหละผมถึงได้ดัดแปลงอะไรไปบ้าง
เพื่อไม่ให้กระทบถึงบุคคลจริงๆ
แล้วจัดเรื่องนี้ไว้ในส่วนเรื่องแต่ง
เพราะข้อตัดสินของคำว่านินทาคือ
ผู้พูดไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับบุคลดังกล่าว
และพูดโดยเจตนาว่าร้ายผู้นั้น
ซึ่งผมเข้าใจว่าผมพ้นจากทั้งสองข้อกล่าวหา
ดังจะเห็นได้ว่าส่วนมากที่เข้ามาอ่าน
เข้าใจถึงสิ่งที่ผมสื่อว่า "ระดับของจิตใจมีความสำคัญอย่างไร"
มากกว่าที่จะไปนั่งดูว่า อิสลามไม่มีการผ่อนทอง

"ศาสนาของท่านคือของท่าน ของฉันคือของ..."
การเขียนเรื่องถึงจะมีการอ้างถึงศาสนาบ้าง
แต่ความจริงเมื่ออยู่รวมกันในสังคม
การติดต่อเชื่อมโยงระหว่างแต่ละศาสนิกย่อมมีได้
นั่นอาจจะเป็นอีกเรื่องที่เพิ่งเจอมาพอดี
อาจจะมาเขียนให้อ่านเตือนสติกันเล่นๆ
(อาจตจะดูแรงบ้างแต่ก็นะ ขอหน่อยน่า)
....
นัฟซูไซตอนที่จัดเป็นนัฟซูต่ำสุด ต่ำกว่านัฟซูเดรัจฉานนั้น
เอกลักษณสำคัญของมันคือ
"หลงตนเอง"
ดังเช่นที่มันไม่ยอมซูหยุดให้นบีอาดัม
แล้วยังรั้นจะลากจูงลุกหลานอาดัมไปอยู่ด้วยในนรก
นั่นคืออีกสิ่งที่ผมซ่อนไว้ในเรื่องแต่งเรื่องนี้
และเป็นหัวใจหลักของเรื่อง
ซึ่งยังไม่เห็นมีใครทักถึง นอกจากพูดถึงแต่ผู้แต่ง
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:25:25 น.  

 
 
 
เรื่องผู้สร้างที่แท้จริงนั้นแม้แต่ในทางพุทธ
มหาพรหมเคยกล่าวว่าตนเหนือสิ่งใดไร้กำเนิด
พระพุทธองค์ก็ตรัสว่าท่านก็ยังคงเป็นผู้ถูกกำเนิดแต่นานจนท่านจำไม่ได้
พระเจ้าแท้จริงจึงต้องอยู่เหนือเรื่องของเวลาดังเคยมีคำกล่าวว่า
"คนมักแช่งว่าเวลานั้นร้าย โดยหารู้ไม่แท้จริงเราก็เป็นพระเจ้าของกาลเวลาเช่นกัน"
ลองอ่านต้นๆ ของโฟลเดอร์นี้อาจจะเห็นอะไรบ้างมังครับ
เช่น...
หมากัดผีเสื้อ... ที่ข้างฝา
https://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=itoursab&month=07-2008&date=24&group=4&gblog=3

หากข้าคือคนสวน
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=itoursab&month=05-08-2008&group=4&gblog=4

(แหะๆ แต่บอกตรงๆ เขียนไม่จบ เขวซะก่อน)

อย่างที่คุณเห็นสิ่งทับซ้อนกันทางศาสนามีหลายเรื่อง
เช่นเรื่องดอกบัวกับการแบ่งชนิดผู้ศรัทธาในซูเราะห์อัลอะรอฟเป็นต้น

สุดท้ายแล้วจึงกลับมาที่คำถามหาความอุ่นใจในชีวิตแบบง่ายๆ
- โลกหน้ามีจริง ... ทำดีในโลกนี้ ตายก็ย่อมไปสู่ที่ดี
- โลกหน้าไม่มี ... ทำดีในโลกนี้ ก็ได้ชื่อว่าอยู่แบบเป็นคนดี
- ผลของการตอบแทนมีจริง ... ทำดี ผลดีก็ย่อมตอบกลับมา
- ผลของการตอบแทนไม่มี ... ทำดี ก็ได้ชื่อว่าอยู่แบบไม่เบียดเบียนใคร
ผมสรุปเป็นสามคำง่ายๆ
ดังหัวข้อบล็อค .. อยู่สบาย ตายสงบ(อร่อย) จากไปไม่ติดค้างใคร
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:22:53:19 น.  

 
 
 
เรื่องกรรมและผลของกรรมผู้ควบคุมการตอบสนองนั้น
พระพุทธเจ้าตรัสไว้ดีแล้วว่า
คนใจแคบก็เหมือนถ้วยชา ใส่เกลือหยิบมือก็เค็ม
คนใจกว้างก็เหมือนแม่น้ำ ใส่เกลือทั้งนาก็ยังหาความเค็มไม่เจอ
นั่นจะว่าทางพุทธจึงเน้นเรื่องมโนกรรมเป็นหลัก
หากมีผู้ควบคุมกรรม ผู้นั้นย่อมรู้ถึงสิ่งที่ซ่อนเร้นและเปิดเผย
ดงันั้นไฉนเลย ผู้คุมจะตอบสนองในสิ่งไม่ดี หากเราพยายามทำดี
เพราะผู้ควบคุมได้นั้นย่อมต้องยุติธรรมด้วยจริงมั๊ยครับ
(สิ่งดีในเชิงพุทธคือสิ่งที่ปวงปราชทั้งหลายล้วนกล่าวว่าดี)
พุทธจึงเน้นถึงการพ้นทุกข์และไม่พยายามก่อกรรมในเชิงลบกับใคร
กรมนั้นหากจะเทียบกับเชิงอิสลามก็จะเทียบได้กับเรื่อง
ฮักกุลลอฮและฮักกุลอาดัม
ซึ่งหนี้ที่หนักสุด ที่หมดทางชดใช้คือหนี้ของความไว้วางใจ เป็นต้น
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:48:43 น.  

 
 
 
ผ่อนทองผมไม่เห็นด้วยกับ อ.มูรีด
อย่างชัดเจนด้วยไม่กินกับปัญญา
หะดิสว่า ซื้อทองด้วยทองนั้นชัดเจนในตัวเอง
"ซื้อทองด้วยทอง"
แต่การที่ อ. มาตัดสินตีเหมาว่าผ่อนทองนั้นผิด ไม่ได้
จะขัดกับหลักมูร่อฮบัต การค้าขายอย่างเป็นธรรม
หากผ่อนมาใช้ก็ไม่น่าผิดอะไร
เหมือนผ่อนรถ ผ่อนบ้าน
เพราะการค้าย่อมต้องมีค่าการจัดการ ความเสี่ยงและกำไร
แต่ผ่อนแบบในเนื้อหากระทู้ซิถึงจะตีความว่าผิด
เพราะไม่ได้เจตนาค้าขายทองกันจริง
และแน่นอนคนทำนั้นเลี่ยงทางศาสนาดังที่รู้กัน
ซึ่งศาสนาอื่นไม่โดนห้ามไว้เรื่องดอกเบี้ย
ศาสนิกอื่นจึงมีทำแต่ไม่ได้ทำแบบที่มุสลิมทำดังทราบ

นั่นแหละครับดังที่เคยตอบไว้แต่ต้นๆ
ก่อนหน้าพวกท่านจะเข้ามาอ่าน
ลองยอ้นกลับไปดูกันแล้วกันครับ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 3 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:56:55 น.  

 
 
 
สวัสดีครับ ( สบายดีนะครับ ) ผมขอเข้าประเด็น หลักก่อนนะครับ
เรื่องของการผ่อนทอง ( ผม ขออนุญาต ) ยกกคำตอบของ อ.มูรีด และอัลฮาดีส ที่ท่านนบีฯ ได้นำเสนอไว้ก่อนนะครับ
-----------------------------------------------------

คำตอบ การขายทองคำแบบผ่อนส่งนั้นศาสนาอิสลามไม่อนุญาตให้กระทำโดยเด็ดขาด ซึ่งเป็นทัศนะทั้งสี่มัซฮับ หลักฐานคือ

نهى النبي صلى الله عليه وسلم عن الفضة بالفضة ، والذهب بالذهب ، إلا سواء بسواء

ความว่า "ท่านรสูลุลลอฮฺห้ามเงิน (แท้) แลกเงิน (แท้) และทองคำแลกทองคำยกเว้นจะต้องมีน้ำหนักเท่ากันเท่านั้น" (บันทึกโดยบุคอรีย์, หะดีษเศาะหี้หฺ)

ท่านรสูลุลอฮฺกล่าวว่า

لا تبيعوا الذهب بالذهب إلا سواء بسواء ، والفضة بالفضة إلا سواء بسواء

ความว่า "พวกท่านอย่าขายทองคำด้วยทองคำยกเว้น (ทองคำ) จะมีน้ำหนักเท่ากัน และอย่าขายเงิน (แท้) ด้วยเงิน (แท้) ยกเว้น (เงิน) จะมีน้ำหนักเท่ากัน" (บันทึกโดยบุคอรีย์, หะดีษเศาะหี้หฺ)

ท่านรสูลุลลอฮฺกล่าวว่า

الذهب بالذهب . والفضة بالفضة . والبر بالبر . والملح بالملح . مثلا بمثل . يدا بيد . فمن زاد أو استزاد فقد أربى . الآخذ والمعطي سواء

ความว่า "ทองคำกับทองคำ, เงิน (แท้) กับเงิน (แท้) ข้าวสาลีกับข้าวสาลี เกลือกับเกลือ ด้วยปริมาณเท่ากัน และยื่นไปยื่นมาด้วยมือ ดังนั้นผู้ใดเพิ่มหรือขอเพิ่ม แน่นอนยิ่งนั่นคือดอกเบี้ย ผู้รับและผู้ให้มีความผิดเท่ากัน" (บันทึกโดยบุคอรีย์, หะดีษเศาะหี้หฺ)

สาเหตุที่ห้ามขายทองคำ หรือเงิน (แท้) ที่เกินปริมาณ อาทิเช่น การขายทองคำแบบผ่อนส่ง นั้นเป็นการสร้างความเดือดร้อนแก่ผู้คนทั้งหลาย ถ้าการค้าขายทองคำ หรือเงิน (แท้) สูงกว่าความเป็นจริงโดยไม่ใช่ราคาที่เป็นจริงเท่ากับน้ำหนักของทองคำ หรือน้ำหนักของเงิน (แท้) นั่นเอง

ฉะนั้น การซื้อขายทองคำ หรือเงิน (แท้) ด้วยการผ่อนส่ง ซึ่งนั่นเท่ากับว่าซื้อขายทองคำเกินจากราคาเท่ากับน้ำหนักทองคำ หรือเกินน้ำหนักเงิน (แท้) จึงเป็นสิ่งต้องห้าม (หะรอม) สำหรับมุสลิมนั่นเองครับ. ( والله أعلم )




by: มุรีด ทิมะเสน - mureed@mureed.com - 31/1/08 21:22
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:45:40 น.  

 
 
 
หากพิจารณา : จะเห็นว่าหลัก ๆ ของการนำเสนออัล-ฮาดีส บทนี้ อยู่ด้วยกับความยุติธรรม ทองแลกทอง และเงินแลกเงิน

หากเราใช้ปัญญา อิสลาม อยู่บนเงื่อนไขแห่งความยุติธรรม และอิสลาม ห้ามกินดอกเบี้ย ( และ หรือ ) แล้วแต่บางคนจะใช้เงื่อนไขในการเปลี่ยนแปลงการเรียกของมัน

เมื่อเรามองเช่นนี้ ถามว่า เหล่านี้ คือความยุติธรรมหรือไม่ ถ้าไม่ เหล่านี้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิดต่อหลักการแห่งศาสนา
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:49:49 น.  

 
 
 
ส่วนในเรื่องของ พระพุทธ ( ผม ) ต้องรบกวนถามก่อนว่า " ท่าน เชื่อในพระเจ้าหรือไม่ " ถ้าเชื่อ ก็ต้องรบกวนถามว่า แล้วพระเจ้าของพุทธศาสนา คือใคร

ที่ถามเช่นนี้ : เพื่อเป็นการตอบข้อสงสัยแก่ตนเอง

เพราะพระพุทธ ไม่เคยกล่าวอ้างตนเองว่า ท่านคือพระเจ้า และตัวท่านเอง เกิด และเวียนว่ายมาหลายยุคหลายสมัย ( ตามคติความเชื่อแห่งพุทธศาสนา )

" แต่ " สำหรับพุทธศาสนิกชน เชื่อในตัวของท่าน ในเงื่อนไขแห่งความเป็นพระเจ้า นั้นคือ การกราบต่อรูปเสมือน การยกท่านขึ้น เป็นสิ่งที่ใช้ปกป้องคุ้มครอบ

ทั้งที่จริงแล้ว ท่านเอง ไม่เคยกระทำอื่น นอกเหนือจากเงื่อนไขแห่งการประพฤติตัวเป็นกลาง และยึดมั่นในการกระทำ และผลแห่งการกระทำ
-----------------------------------------------------------------------------------------

ซึ่ง : ในทางกลับกัน ท่านยกในเรื่องของกรรม ทั้งมโน และวจี ( ซึ่ง ) เป็นการนำเสนอเชิงปรัชญา ของตัวบุคคล เช่นเดียวกับ ปราชญ์ มาเสนอเป็นศาสนา

 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:8:57:16 น.  

 
 
 
ส่วนเรื่องของการนำเสนอ : ผมขออนุญาต นำพุทธสุพาษิต ของพระพทุธ ขึ้นมานำเสนอครับ
------------------------------------------------

ปัญหา สิ่งใดก็ตามที่เราเห็นมาจริง ได้ฟังมาจริง ประสบมารู้แจ้งมาจริง เราควรพูดสิ่งนั้นออกมาได้ทันทีโดยไม่มีโทษใด ๆ ได้หรือไม่ ?

พระอานนท์ตอบ “.....ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมด ว่าควรกล่าว (หรือ).... ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ได้ประสบมาทั้งหมดว่าควรกล่าว (หรือ).....ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งมาทั้งหมดว่าควรกล่าว (หรือ).....ไม่ควรกล่าว
----------------------------------------------------

การนำเสนอบางเรื่องครับ ( อย่างที่กล่าว ศาสนาเป็นเรื่องละเอียดอ่อน )
หากเรานำเสนอ ในบางเรื่อง บางตอน แล้วทำให้เกิดความเสียหายกับบุคคล หรือกลุ่มคน ทำให้เกิดความไม่พอใจ และพึงเกิดความแตกแยก

เช่นเรื่องที่นำเสนอ : ก็ไม่จำเป็นที่จะต้องนำมากล่าว

หากถามสาเหตุและเรื่อง ก็ต้องพึงถามว่า จริง ๆ แล้ว ที่นำเรื่องของบุคคล โดยยกในด้านศาสนา พุทธ และอิสลาม เพื่ออะไร

ไม่ว่า จะนำเสนอ ในแง่ใด ของทั้งสองด้าน เท่าเทียม หรือไม่เทียมกัน ในด้านใดด้านหนึ่ง ก็ต้องมองหาความจำเป็นที่จักต้องนำเสนอครับ ...........

 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:10:43 น.  

 
 
 
บ้าป่าว

ไม่รุแล้วมามั่ว

อยู่สมัยญาฮิลียะฮฺหรือไง
 
 

โดย: ทีมงาน มุมิน กรุ้พ IP: 192.168.20.71, 125.24.27.140 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:35:36 น.  

 
 
 
" ถ้าผม " ผิดตรงไหน ก็เตือนผมด้วยนะครับ

 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:44:21 น.  

 
 
 
มุสลิม :
ไม่ผิดหรอกครับ :)
แต่อย่างที่บอก คนมีหลายระดับการจะให้เกิดความพึงใจไปทั้งหมด
ยอ่มเป็นไปไม่ได้
ความจริงเรื่องหนึ่งๆ
คนบางกลุ่มอาจจะรุ้สึกกระทบความรู้สึกบ้าง
แต่ก็เป็นเรื่องช่วยไมได้
ผมก็แค่เอาเรื่องจากในชีวิตที่เราเห็นยกมาให้ดูกัน
จะบอกไม่ดีห้ามพูด ผมก็คงต้องรับบาปตรงนั้น
เพราะเจตนาผมไม่ได้เพื่อนำใครมาประจาน
ดังความเห็นต้นๆ แต่แรกว่า
ได้ยินมุสลิมพูดกันบอ่ยว่าตามซุนนะห์ๆ
ตามแค่หลักนิติแต่ ขาดหลักศาสนนาและ
หลักทางจริยธรรมก็ไม่ถูกเสียทีเดียว
ไม่อยากให้มีคนพูดได้ก็อย่าไปทำให้ใครเห็น
เพราะความลับมีสำหรับคนบาปเท่านั้น
...........
เรื่องผ่อนทอง
ก็คงเหมือนกับเรื่องเขียนนี้เช่นกัน
ตามหะดิษชัดเจน หากไม่เท่าถือเป็นดอกเบี้ย
ในกรณีผู้ซื้อขายเจตนานำสิ่งเหล่านั้นไปแลกกลับเป็นเงินอีกที
แต่หากค้าขายเพื่อนำมาประดับใช้สอย ผมก็ยังมองว่าไม่ผิด
เพราะการค้าทองยังมีค่ากำเหน็จเลยครับ
ต้องดูที่จุดประสงค์ทางการค้า อย่างกรณีดังกล่าว
เขาก็บอก ทองบาทหนึ่งเท่าๆกัน ไม่ผิดตรงไหน
(แต่ราคาไม่เท่ากันเนี่ยซิระหว่างซื้อมาแล้วขายเลย
คนจะตะแบงน่ะ แง่บๆ)
............
เรื่องพระเจ้า หรือสภาวะเทียบเคียงนั้น
คงตอบได้เพียงตามลิงค์นี้แหละครับ
//www.buddhadasa.com/kaival/kaival_intro.html
.....
คำถามคุณมุสลิมง่ายๆ
เรื่องเขียนเรื่องนี้ หากมุสลิมด้วยกันเขียนมันจะเปลี่ยนอะไรมั๊ย
แต่คนแปลกหน้าอย่างผมเขียนละ?
มุสลิมมาอ่านแล้วสะดุ้งมั๊ย?
หากอ่านแล้วไปดาวะห์ต่อต้านการผ่อนทอง
ผมก็ยังถือว่าไม่ตรงตามความตั้งใจนัก
หากอ่านแล้วไปส่งเสริมการเรียนรู้หลักจริยธรรมเพิ่มขึ้น
อันนั้นถือว่า เข้าเป้า

 
 

โดย: itoursab วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:20:17 น.  

 
 
 
มีอคติกับอิสลาม ก็อย่าโง่เรื่องอิสลามขอร้อง, อนุรักษ์ มีล่าม เป็นชาวมุสลิม, น่าเสียดาย, ทีมงาน มุมิน กรุ้พ :
หากผมสามารถนำหลักฐานอ้างอิงในแต่ละคำพูดที่พาดพิง
มาแสดงได้ละครับ คุณจะแลกเปลี่ยนด้วยอะไร
กับการที่ผมต้องไปออกแรงหามาแสดงให้คุณดู
 
 

โดย: itoursab วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:23:35 น.  

 
 
 
คุณ itoursab ครับ
-----------------------------

ไม่ใช่เพียงแต่ท่านเท่านั้น ( ที่ผมนำเสนอ ) แม้แต่มุสลิม : มุสลิมด้วยกันเอง

เหล่านี้ ก็ไม่เป็นที่เหมาะสมครับ
---------------------------------------------------

( บันทึกโดยท่านบุคคอลีย์ - มุสลิม )
" มุสลิม ที่สมบูรณ์นั้นคือ ผู้ที่มุสลิมทั้งหลาย ปลอดภัยจากลิ้น และมือของเขา และผู้อพยพนั้นคือ ผู้ที่เขาอพยพจากสิ่งที่อัลลอฮฺ ทรงห้าม "

ยังที่นำเสนอ ปลอดภัยจาดลิ้น คือวาจา ที่กล่าวหา หรือว่าร้าย นินทา
จากมือ คือการทำร้าย หรือทำลาย หรือคดโกง

และผู้อพยพ คือ ออกห่างจากสิ่งที่ผิด ละเว้นจากสิ่งที่ผิด ครับ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:33:09 น.  

 
 
 
ส่วน //www.buddhadasa.com/kaival/kaival_intro.html
ที่ท่านนำเสนอให้ผมอ่าน
---------------------------------------

ต้องขออภัยที่ยังไม่สามารถตอบคำถามที่ผมต้องการได้
- พระพุทธ คือ พระเจ้า หรือไม่ ( เพราะ ) ท่านไม่เคยให้นิยามตนเองว่า คือพระเจ้า
- ตามที่ท่านนำเสนอว่า ในเมื่อพระพุทธ ไม่ใช่พระเจ้า " แต่ " พุทธศาสนิก ให้นิยามท่านประหนึ่งพระเจ้า นั้นคือ ผู้ที่ให้ และผู้ที่เป็นประหนึ่ง ผู้ให้

- และหากการนำเสนอที่ท่านให้นิยาม ในตัวพระพุทธ ว่าไม่ใช่พระเจ้า ถ้าเช่นนั้น คำสอนเหล่านี้ ย่อมถูกมองว่าเป็นคำสอนแห่งปราชญ์ " แต่ " เมื่อมีการเวียนว่าย ตายเกิด ย่อมมีจุดกำเนิด

- แล้วจุดกำเนิดนั้นคือ อะไร

 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.138.185 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:40:47 น.  

 
 
 
เรือ่งการนำเสนอ...
จะห้ามทุกคนพูดหรือคิดคงไม่ได้ จริงมั๊ยครับ
แต่อ่านแล้วจะคิดแง่ร้ายรึดีนั่นสุดแต่ท่าน
กลางของใครก็ของคนนั้น
และผมได้บอกไปแล้วว่าเจตนาในการเขียนคืออะไร
และทางออกง่ายๆ
หากไม่อยากให้มีคนพูดก็ อย่าทำให้คนอื่นเห็น
ที่เหลือ อินชาอัลเลาะฮ์
................
วนกลับมาคำถามคำตอบเดิมนะครับ เอิ๊กๆ

- "พระพุทธเจ้าจะกำเนิดมารึไม่ธรรมนี้ก็ตั้งอยู่"
การนับถือในเชิงแบบพระเจ้าไม่อยู่ในแนวทางของพุทธครับ
เราไม่ได้เคารพพระธรรมในเชิงว่าจะให้สิ่งตอบแทน
แต่เหมือนเราเคารพกฏหมายนั่นแหละครับ
การยินยอมอยู่ภายใต้กฏนั้นๆ อย่างเป็นสุข
ชัดเจนนะครับพระพุทธเจ้าไม่ใช่พระเจ้า
และไม่ใช่ปัจเจกพุทธเจ้าด้วยเช่นกัน

- สิ่งที่เห็นเหมือนกันอาจจะไม่ใช่ที่ตนคิด
จึงไม่แปลก หากจะคุ้ยอ่านเรื่องทำนองนี้
เคยถูกถามแล้วในพันทิพย์และมีคำตอบที่ชัดเจนถึงเรื่อง
พุทธปนพราหมในสังคมไทยครับ
แต่โดยหลักการรูปเสือนนั้นเพื่อรำลึกถึงได้ง่ายขึ้น
เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจได้ง่ายขึ้น

- ในแนวทางพุทธเชื่อเรื่องการวนเวียนไม่รู้จบ
ที่มาไม่ควรคิด ที่จบไม่ต้องนับ
(เว้นแต่จะเข้าสู่กระแสธรรมแล้วรู้เห็นได้เอง)
ต่างจากอิสลามที่ ลากเป็นเส้นตรงๆ จากอะลั่มรั๊วฮ ไปจบที่
หลังวันตัดสิน... และมุสลิมย่อมได้พบความสุขนิรันด์ในสวรรค์
แต่เคยถามต่อมั๊ยครับ ... แบบไหนหรือที่เราเรียกว่าสุขแท้จริง
และนิรันดรนั้น เราจะอยู่อย่างไร...ไม่เบื่อเหรอ?
คนที่ยังความโลภและเห็นแก่ตัวไม่ละเสีย
จะไปอยู่ในที่สงบเป็นนิรันด์ได้อย่างไร?
คนที่ยังลุ่มหลงจะหาความสงบเป็นสุขได้จริงหรือ?
นั่นแหละครับที่พุทธเน้น... ตัดความอยากเกินไปเสีย
และอยู่กับโลกให้เป็นสุข

.....
แต่ละศาสนานั้นถูกกำหนดมาเหมาะกับแต่ละคนอยู่แล้ว
ขึ้นอยุ่กับคุณภาพของคนนั้นๆ การตะอัสซุบก็เป็นหนึ่ง
ที่พึงระวังนะครับ ด้วยความเคารพ

 
 

โดย: itoursab วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:27:35 น.  

 
 
 
//www.goodtalkacademy.com/index.php?lay=show&ac=article&Id=538814389

ธรรมมะเป็นของสูง สมองชั้นต่ำไม่เข้าใจ
 
 

โดย: อุสมาน ลูกหยี IP: 192.168.7.109, 119.42.102.175 วันที่: 4 พฤศจิกายน 2552 เวลา:21:11:26 น.  

 
 
 
ต่อให้สำหรับผู้ที่เข้ามาเปราะ ตามนิสัยพล่อยๆ
เช่น ทีมงาน มุมิน กรุ้พ เป็นต้นแล้วกันนะครับ
เพราะคาดว่าคงไม่กล้ารับแลกอะไร ดังที่ผมคาด
ผมถือเป็นการออกแรงให้หูตาสว่าง

"จงช่วยพี่น้องของท่านไม่ว่าเขาจะเป็นผู้อธรรม หรือถูกอธรรม"
คติของอาหรับญาฮิลีนั้น อ้างจากหนังสือ
"จรรยาบรรณในการขัดแย้ง"
ดร. ยูซุฟ อัลก็อรฏอวีย์
แปลโดย ยะอฺกู๊บ สืบสุข

การรับฟังอะไรไม่ได้แปลว่าเราต้องรับทุกเรื่อง
แต่ก็ใม่ใช่ปฏิเสธไปก่อนทุกเรื่อง
หะดิษต่างๆก็มีน้ำหนักของมัน จะซอเฮี๊ย หรือ ฏอแอฟ
หาหลักฐาน พยาน ก่อนตัดสิน
ขนาดในวันนั้น ไหนจะมะลัยกัต
ไหนจะปากลิ้นเราเอง ยังถูกใช้มาเป็นพยานเลย
เพื่อให้เกิดการยอมรับนะครับ แล้วคุณละ
เค้าสอนแล้วไม่จำ รึไม่คิด หรือ ไมได้เรียน
หรือสักแต่เรียกตัวว่า ... หึหึ

จะพูดอะไรพล่อยๆ ตามนิสัยเปราะๆ เพราะไม่ได้ขัดเกลา
ก็พยายามยั้งนัฟซูเดรัจฉาน และนัฟซูไซตอนกันหน่อยครับ
ยังไม่ต้องพัฒณานัฟซูตนไปให้ถึงระดับมะลัยกัตหรอก
เพราะนัฟซูมนุษย์ท่านก็ยังรักษามันไว้ได้ยาก
มารยาท คำพูด ชี้ได้ถึงจิตใจ
แล้วเมื่อท่านกระทำในฐานะแทนอะไรซักเรื่อง
คนเขาไม่มองที่ท่าน เขากลับจะไปบอกว่า
สิ่งที่ท่านกระทำแทนนั้นไม่ดีทั้งที่ไม่ใช่
และศึกษาหน่อยก่อนพูดอะไร
เพราะจะทำให้คนนอกเขามาเย้ยท่านได้ว่า
อะไรกันเรื่องของท่านยังไม่รู้หรือ
มันพาลเสื่อมเกียรติถึง... นั่นหละ ไม่ดีๆๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:26:37 น.  

 
 
 
ท่าน itoursab ครับ
( ขอยกคำของท่านขึ้นมาเสนอนะครับ )

เรือ่งการนำเสนอ...
จะห้ามทุกคนพูดหรือคิดคงไม่ได้ จริงมั๊ยครับ
แต่อ่านแล้วจะคิดแง่ร้ายรึดีนั่นสุดแต่ท่าน
กลางของใครก็ของคนนั้น
และผมได้บอกไปแล้วว่าเจตนาในการเขียนคืออะไร
และทางออกง่ายๆ
หากไม่อยากให้มีคนพูดก็ อย่าทำให้คนอื่นเห็น
ที่เหลือ อินชาอัลเลาะฮ์
................

จริง แล้ว เราสามารถที่ละซึ่งการพูดได้ครับ อย่าที่ผมยกคำของ
พระอานนท์ตอบ “.....ดูก่อนพราหมณ์ เราไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าควรกล่าวและไม่กล่าวสิ่งที่เห็นทั้งหมดว่าไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ได้ฟังทั้งหมด ว่าควรกล่าว (หรือ).... ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่ได้ประสบมาทั้งหมดว่าควรกล่าว (หรือ).....ไม่ควรกล่าว เราไม่กล่าวสิ่งที่รู้แจ้งมาทั้งหมดว่าควรกล่าว (หรือ).....ไม่ควรกล่าว
----------------------------------------------------
และอีกส่วนคือ ในด้านของโอวาทปฏิโมก
หลักธรรมประกอบด้วย หลักการ ๓ อุดมการณ์ ๔ วิธีการ ๖ ดังนี้

หลักการ ๓
๑. การไม่ทำบาปทั้งปวง
ความชั่วทางกาย ได้แก่ การฆ่าสัตว์ การลักทรัพย์ การประพฤติผิดในกาม
( ความชั่วทางวาจา ได้แก่ การพูดเท็จ การพูดส่อเสียด การพูดเพ้อเจ้อ )
ความชั่วทางใจ ได้แก่ การอยากได้สมบัติของผู้อื่น การผูกพยาบาท และความเห็นผิดจากทำนองคลองธรรม
 
 

โดย: มุสลิม IP: 119.42.80.70 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:13:54:56 น.  

 
 
 
( ผมคงย้อนถาม ) เช่นเดียวกับที่ท่านเคยกล่าว

หากผมเป็นมุสลิม แล้วนำเสนอในเรื่องแนวนี้ " แต่ " เป็นพระแทน ก็คงไม่ได้เช่นเดียวกัน

ฉันใด ก็ฉันนั้นครับ ( เรา ) ไม่อยากให้ใครมาต่อว่าเรา ( เรา ) ก็ไม่ควรที่จะต่อว่าเค้า

----------------------------------------------------------

 
 

โดย: มุสลิม IP: 119.42.80.70 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:14:07:32 น.  

 
 
 
คุณมุสลิมครับ:
จะว่าฉันใดฉันนั้น คงอาจจะไม่ใช่
หากเป็นพระท่านก็คงตอบสนองแตกต่าง
เพราะในทางพุทธยังมีอีกเรื่องคือ
การ"เป็นผู้ว่าง่าย"
ผู้ชี้โทษ*จึงถือเป็นผู้มีคุณ ดังเช่นที่คุณกรุณา
ชี้โทษในทางอิสลามแก่ผมนั่นแหละครับ
เพียงแต่ผมพิจาราณาข้อตักเตือนของคุณแล้ว
ผมเห็นต่างจากเจตนาของผม ผมจึงยังยืนเรื่องนี้ไว้
เพราะเจตนาผมไม่ได้คิดชั่ว

คำว่าต่อว่า กับชี้โทษแตกต่างกัน
หากผมพูดแล้วเป็นการสิ่งเสริมให้มีการกระทำดังกล่าว
นั่นคงผิดแน่ๆ
แต่เมื่อผมพูดแล้ว มีการฉุกคิด แล้วไม่กระทำการเช่นว่า
คุณจะว่าไม่ดีหรือครับ?

ข้อพึงสังเกตหากจะอ่านให้ครบ
ตอนจนผมก็ไมได้บอกว่าที่ขี้เมากินเหล้านั้นดี
และะกินเหล้าทางพุทธก็ผิดศีลอยู่ดี
ที่สำคัญเนื้อหานั้นบ่งชี้ถึงเรื่องระดับทางใจ
คนออ่นแอในทางหนึ่งอาจจะดีกว่าคนที่เข้มแข็งในอีกทาง
ไม่มีอะไรดีหมดร้อย และเลวหมด
แต่การหลงตนเองและยึดติดว่าตนนั้นดีกว่าผู้อื่น
เป็นอันตรายแน่นอน
...
ผมไม่ได้กลัวการต่อว่า หรือเสวนาเพื่อยกระดับความรู้
แต่ผมจะเบื่อหน่ายกับพวกคนตามอารมณ์เสียมากกว่า


Ps:) พระสูตรดังกล่าวที่คุณยกมานั้นผมสรุปให้ตามนี้ก็ได้ครับ
เป็น 4 ไม่ 2 พูด
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=itoursab&month=11-09-2009&group=5&gblog=12

 
 

โดย: itoursab วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:13:20 น.  

 
 
 
ท่าน itoursab ครับ
เจตนาของผมเอง ก็มิได้คาดคั้นอะไร ( เพียงอยากให้ลบ และลด ) รวมทั้งมอง เพื่อให้เกิดแง่คิด

เรื่องของเจตนา ( เหนียด ) ของคนเรานั้นค่อนข้างลึกซึ้ง และผม หรือใคร ก็ไม่สามารถทราบในเจตนา ลึก ๆ ของท่านได้

" หากแต่ " จากคำพระที่ว่า เป็นผู้ว่าง่าย นี่เอง ก็ต้องรบกวนถามว่า " ว่า " อย่างไร เรียกมาตักเตือนแก่กัน เป็นการส่วนตัว เพื่อเห็นแก่เกียรติของเค้าหรือไม่ หรือเป็นการนำเสนอขึ้นมา ต่อสาธารณะชน ทั้งนี้ อาจจะทำให้เกิดความไม่ชอบ หรือเสียหาย แก่บุคคล หรือกลุ่มคนนั้น ๆ

ส่วนในทางอิสลาม
" เรา " จะใช้การคุฏบะห์ ท่านน่าจะศึกษาในเรื่องนี้มาบ้างแล้ว

เป็นลักษณะของการเตือน ต่อหน้าชุมชน ( หากแต่ ) มิได้กล่าวมุ่งเน้นว่าเค้านั้น เป็นใคร แต่เป็นการกล่าวในทางอ้อม เพื่อให้เค้าเข้าใจ และให้คนในหุก่มนั้น ได้รับฟัง และพึงปฏิบัติตามไปด้วย

----------------------------------

ส่วนบทความที่ท่านนำเสนอ ( ถึงแม้ว่า ) จะไม่ได้พาดพิง โดยเฉพาะแก่ตัวบุคคล ( หากแต่ ) กล่าวอ้างไปในส่วนของศาสนา ซึ่ง ในทัศนะส่วนตัวของผม ก็ยังยืนยันว่า ไม่เหมาะสม

เพราะมุสลิม : ยึดถือ ศาสนาเป็นธรรมนูญแห่งชีวิต เราเชื่อในพระเจ้า และยึดมั่นในพระเจ้า

ถึงแม้ว่า บางคน หรือกลุ่มคน อาจจะกระทำผิดไปบ้าง ไม่มากก็น้อย " แต่ " มุสลิม ต่อมุสลิม เลือดของเค้า ชีวิตของเค้า เกียรติของเค้า เป็นที่ต้องห้ามครับ

หวังว่าท่าน itoursab คงจะเข้าใจ
 
 

โดย: มุสลิม IP: 119.42.80.70 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:46:55 น.  

 
 
 
ส่วนที่ท่านนำเสนอ มานี้ ( อันนี้ ไม่ทราบจริง ๆ นะครับ ) เป็นคำเสนอของใคร .........

" แต่ "
เมื่อมองแล้ว คำว่า ( กาละเทศะ ) " ไม่ได้เจตนาจะต่อว่านะครับ " คือหลักสำคัญ

ก่อนที่เราจะพูด ในที่นี้ ต้องถามเค้าก่อนว่า เค้าชอบ หรือไม่ หากไม่ แต่เราก็ยังดึงดันที่จะพูด นั้นละคือ ผิดกาละเทศะ

หรือที่มุสลิมมองว่า " ฟิตนะห์ " หรือการนินทา ว่าร้าย

//board.palungjit.com/f14/%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2-%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%9A%E0%B8%9610-%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B2-4-a-206484.html
 
 

โดย: มุสลิม IP: 119.42.80.70 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:56:09 น.  

 
 
 
โทษทีครับที่ตอบช้า
อย่างที่บอกแต่แรกๆ
หากคิดว่านินทา นินทานั้นต้องเป็นเรื่องไม่จริง
แต่เรื่องที่ผมยกมา มีมุลความจริงบ้าง
เพียงแต่บิดมันไปบ้างไม่ให้รุนแรงนัก
อ้างจากคำพูดคุณ
"เป็นลักษณะของการเตือน ... แต่เป็นการกล่าวในทางอ้อม..."
ก็นั่นซิ ผมไม่ได้ชี้ใครไปตรงๆ
แต่ชี้สิ่งที่ควรชี้ ซึ่งคนส่วนมากก็เห็นแล้วว่าผมชี้อะไร
เหมือนที่เคยตอบแรก
"... ไม่หรอก
แค่ได้ยินมุสลิมชอบพูดกันบ่อยๆ
ตามซุนนะห์นบีๆ
อะไรก็ตามแบบอย่างที่นบีมูฮัมหมัดทำ...."
การตามโดยไม่แยกแยะความหมายของมันนั้น
อันตรายกว่ากระไม่ทำเสียอีก
หากว่ากันตามกาละเทศะ... เรือ่งนี้ก็เป็นเรื่องที่ขำกันไปใหญ่
เพราะหากนำเรื่องเขียนดังกล่าวไปให้ คนศาสนิกอื่นอ่าน
เขาก็เฉยๆ
และเข้าใจเนื้อหาได้บ้างละมังคงไม่ไปเกาะที่เปลือกของเนื้อเรื่อง

หากแต่จะจับเปลือกของเนื้อหามาถก
อย่างที่เคยพูด หากไม่อยากให้คนมาชี้ได้ว่า
"มุสลิมไม่ดีอย่างไร มุสลิมเห็นแก่ตัวแค่ไหน"
ก็ส่งเสริมกันอย่าทำ
เพราะไม่ใช่ศาสนาไม่ดี แต่คนที่เอาศาสนาเป็นเกราะ
จะพาให้ศาสนาดีๆ เสีย...ทำอย่างไร จัดการคนพูดรึแก้ไขคนทำดี?
(ซึ่งต้องยอมรับว่า มุสลิมเป็นแบบนี้เยอะว่าคนศาสนิกอื่นๆ)
หากศาสนาใดไม่สามารถขัดเกลาจิตใจคนให้ละเอียดได้
นั่นไม่สามารถนับเป็นศาสนาได้หรอกครับ
และผมเชื่อมั่นว่า อิสลามนั้นมุ่งเน้นในการขัดเกลาคนแน่นอน
ผมเชื่อว่าทุกคนมีข้อบกพร่อง (เว้นแค่คนที่ถูกล้างแล้วแค่นั้นแหละ)
การปิดคนพูดก็เท่ากับปิดข้อปกพร่องตนเองและ
เป็นการปฏิเสธไม่ยอมรับความจริง
แล้วความบกพร่องนั้นๆ ก็จะไม่มีวันได้รับการแก้ไข
หากขจะออ่นไหวกับบางเรื่องก็ช่วยไม่ได้ นั่นคุณออ่นไหวกันเอง
แถมหากออ่นไหวแล้วไม่ใช้ปัญญาหาทางแก้ที่ถูก
นั่นจะยิ่งเรียกว่า ใช้ไม่ได้ จริงมั๊ยครับ

ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีพอควร
แต่คงต้องกลับมาที่คำถามที่เคยถาม
"แต่เมื่อผมพูดแล้ว มีการฉุกคิด แล้วไม่กระทำการเช่นว่า
คุณจะว่าไม่ดีหรือครับ?"

คำถามเพิ่มเติม... จากเท่าที่พอรู้บ้างเกิดความสงสัย
ซาตของอัลลอฮฺเป็นอย่างไรกันแน่?

Ps;) ข้อเขียนดังกล่าวเป็นพระสูตรหนึ่งเช่นกันครับ
ต่อจากที่พระสูตรที่คุณอ้างมาให้ แต่นี่ผมสรุปรวบ
มาจากหนังสือ "บันทึกธรรม" อีกทีเพื่อให้จำง่ายแค่นั้นเอง
หากจะอ้างอิงต่อก็หาตามที่มีคนตอบไปได้ครับ


เรื่องผ่อนทองนั้นขำๆอีกซักเรื่องว่า
คุณว่าแขกปากี บังกลาเทศที่มาขายของผ่อนในบ้านเรา
ศาสนาอะไรหรือครับ?

 
 

โดย: itoursab วันที่: 9 พฤศจิกายน 2552 เวลา:12:03:08 น.  

 
 
 
อกหัก รักคุด ตุ๊ดเมิน นี่เอง
 
 

โดย: mu IP: 115.67.201.129 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:0:33:30 น.  

 
 
 
ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณดีพอควร
แต่คงต้องกลับมาที่คำถามที่เคยถาม
"แต่เมื่อผมพูดแล้ว มีการฉุกคิด แล้วไม่กระทำการเช่นว่า
คุณจะว่าไม่ดีหรือครับ?"
--------------------------------------------

" ขออภัย เช่นกันครับ " ที่ตอบช้า ( ฉุกคิด ) หรือไม่อย่างไร ก็ต้องถามว่า เค้าที่ท่านนำเสนอ ได้อ่านในเรื่องนั้น ๆ หรือไม่

สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ ( เค้า ) มิได้อ่านในส่วนนี้ " แต่ " ผู้ทีอ่าน กลับเป็นบุคคลทั่วไป และมุสลิมด้วยกันเอง ซึ่ง ทำให้เกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไป

ท่านครับ : การตักเตือน ทั้งในอิสลาม และพุทธศาสนา ในเรื่องของตัว ของตน เท่าที่ผมทราบ ทั้งหลายแนะนำให้พึงตักเตือนแก่ผู้กระทำ

แต่ไม่ได้มีการสอน ให้นำเสนอแก่สาธารณะ เพื่อให้เกิดความคิดที่เสียหายแก่เค้าเหล่านี้

แน่นอนครับ : ท่านไม่ได้นำเสนอโดยกำหนดตัวบุคคล " แต่ " ท่านนำเสนอ ในส่วนของศาสนา ซึ่งเฉพาะเจาะจงโดยศาสนาอิสลาม

ก็ขอให้พิจารณา อีกครั้ง
-------------------------------------

ส่วนเรื่องของการประสูติ ที่ท่านนำเสนอมานั้น ก็ต้องถามว่า เหล่านี้ มาจากไหน ตัวของศาสดาเอง หรือเป็นการคำนึงของผู้ที่ถูกเรียกว่า พระอาจารณ์ ต่าง ๆ

---------------------------------------
 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.166.82 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:41:06 น.  

 
 
 
แล้วความบกพร่องนั้นๆ ก็จะไม่มีวันได้รับการแก้ไข
หากขจะออ่นไหวกับบางเรื่องก็ช่วยไม่ได้ นั่นคุณออ่นไหวกันเอง
แถมหากออ่นไหวแล้วไม่ใช้ปัญญาหาทางแก้ที่ถูก
นั่นจะยิ่งเรียกว่า ใช้ไม่ได้ จริงมั๊ยครับ
---------------------------------------------------------
ผมได้อ่านคำพูดของท่านแล้ว " รู้สึกเสียใจ " เพราะสำหรับผู้ที่มีความรู้ และมีสติในการวินิจฉัย ( ไม่น่า ) ที่จะไม่รับผิดชอบ หรือใช้คำว่า ช่วยไม่ได้

ท่านครับ " ศาสนาของท่าน ท่านรับผิดชอบ / ศาสนาของเรา เรารับผิดชอบ " นี่คือสิ่งที่มุสลิมทุกคนทราบกันดี

มุสลิม ( ส่วนใหญ่ ) ถึงไม่พยายามเข้าไปแทรกแซงในส่วนของศาสนา

------------- ซึ่ง ---------------- หากมองให้ลึกซึ้ง ต้องถามว่า " พุทธศาสนา คือ พุทธศาสนาจริง หรือไม่ หรือมีส่วนผสมของพราห์ม และฮินดู รวมกันอยู่ด้วย

ดังนี้ เป็นต้น

ถามว่า : มันทำให้เกิดความพึงพอใจหรือไม่ คงไม่ เช่นกัน

 
 

โดย: มุสลิม IP: 61.7.166.82 วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:10:52:51 น.  

 
 
 
mu... กร้ากก ขอบคุณครับที่สนใจ (แต่ .. งงๆ แง่บๆ)

มุสลิม...
คำกล่าวจากซูเราะห์กาฟิร์รูนก็เกือบใช้ได้กับกรณีที่เรากำลังถกนี้
คุณ- เชื่อว่า การพูดถึงใครในเรื่องร้ายเป็นการไม่ควร
ผม- เชื่อว่า การปกปิดเรื่องร้ายก็เท่ากับเป็นการส่งเสริมให้เกิด

มีคำกล่าวว่า
"หากเราตามใจคนทั้งหมด โลกนี้คงโกลาหล"
ทุกสิ่งที่เกิดในโลกมีทั้งสองด้านเสมอๆ
ดงันั้นสำหรับปุถุชนมีทำดีและไม่ดีอย่างผมที่
ความรู้อิสลามคงไม่เทียบเท่าผู้ได้ดูอาร์จากบรรพบุรุษ
ความรู้พุทธก็แค่หางอึ่ง
ก็แค่หยิบยกเรื่องทางโลกที่เป็นอยู่ทุกวันนี้จริงๆมาถ่ายทอด
ซึ่งในด้านผู้อ่านหากรับสื่อแล้วไม่พยายามพัฒณาจิตใจ
และมุมมองให้กว้าง ไม่คับแคบซะแล้ว
ก็เกินอำนาจผม
เหมาะสมแล้วกับคำว่า ...ช่วยไมได้
หรือให้ดีกว่านั้นหน่อยก็.. สุดแต่พระประสงค์

และหากจะบอกว่าผมนินทา .. เปล่าเลย
หากจะบอกผมตักเตือนก็ไม่ใช่อีกนั่นแหละ
ผมว่าตรงๆ เข้าเป้า
ผมว่าคนที่กระทำ หรือรักษา หรือส่งเสริม
แนวคิดแบบตัวละครในเนื้อหา
ซึ่งแน่นอนข้อหนึ่งว่า
การกระทำและแนวคิดดังกล่าว
เป็นแนวทางที่ผิดจากศาสนาอิสลามแน่นอน
จริงรึไม่ครับ?
 
 

โดย: itoursab วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:33:37 น.  

 
 
 
มุสลิม...
เรื่องอภัยราชกุมารสูตรนั้น รบกวนตามลิงค์
หรือ ใช้กูเกิลหาดูเอาครับ
....
เรื่องพุทธปนพราหม์นั้น
ผมขอเรียกรวมๆว่า พุทธแบบไทยๆ แล้วกัน
(เพราะนอกจากพราห์มยังมีผี
มีเทพ ไทยจีน แขก ฝรั่ง อินคายังมีมาเอากันให้วุ่น)
ก็ไม่แปลกครับที่คนอื่นจะเห็นเช่นนั้น
สังคมมุสลิมก็ไม่ใช่ว่าไม่มี ไหนจะโต๊ะนั่น ไหนจะญิณ
เอาเป็นว่าหากเขาไม่เกินเลยไปซะนัก
ก็ข้ามๆ ไปซะ เอามาใส่สาระคงไม่ได้

สรรพสิ่งถ้าแข็งนักก็จะเปราะแตกหักง่าย
ถ้าออ่นไปก็จะเหลวหาอันใดไม่ได้
ศาสนาที่เป็นกลางจริงทุกศาสนาจึงหลุดพ้นจากสองสิ่งนั้น
มีแต่คนเนี่ยแหละ จะไปทำให้ศาสนาเปราะ หรือเหลว
 
 

โดย: itoursab วันที่: 11 พฤศจิกายน 2552 เวลา:20:57:48 น.  

 
 
 


ร้อนแรงกันจริงเชียว blog นี้

ผมเข้ามาอ่านแล้ว เห็น blog อื่นน่าสนใจอ่านครับ

ในฐานะที่เป็นชาวพุทธตัวพ่อคนนึงนะครับ

อยากจะบอกว่า


1. ถ้าเรื่องที่พวกคุณคุยกัน มีท่าทีว่าจะเกิดการพาดพิงและทำให้เกิดความแตกแยก ในเรื่องของความไม่เข้าใจในศาสนาซึ่งกันและกัน ผมขอแนะว่า ช่วยโพสเฉพาะการตอบขอโต้แย้งแต่อย่า พาดพิงหรือแขวะกันเลยครับ ผมอ่านแล้วร้อนๆ ตามครับ


2. ถ้าเลี่ยงไม่ได้ พวกคุณกรุณา เมลถึงกันได้ไหมครับ จะได้ไม่ทำให้ผู้อื่นเกิดอคติ ในทั้ง 2 หรือ 3 ศาสนา


3. พระพุทธเจ้า ท่านเคยตรัสถึงว่า เหล่านี้ไม่ใช่คำสอนของท่าน

1. กรรมเก่า 2. พระเจ้าหรือผู้สร้าง 3. ดวงฤกษ์โชคชะตาราศี

แต่ไม่ได้หมายความว่า ท่านปฏิเสธว่า "พระเจ้า" ไม่มีนะครับ


ผมยกคำพูดนี้มาเพื่อบอกว่า มันเหมือนเป็นปณิธานของพระพุทธเจ้าครับ



ส่วน พระหรือ ชาวพุทธในรุ่นหลัง ถ้าจะทำพิธีกรรมหรือทำอะไร ที่ขัดต่อปณิธาน นั่นก็แสดงว่า เป็นเรื่องของ คนเหล่านั้น


พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ชอบได้ด้วยท่านเอง ตรัสรู้ถึงความจริงว่า "ทุกข์ที่เกิดมานั้น มีหนทางที่จะจัดการ ทำให้เบาบางหรือดับได้นะ"


ส่วน ศาสนิกอื่น ผมเชื่อมั่นเลยว่า ท่านเหล่านั้นก็มีวิธีเฉพาะตัวของพวกท่าน ที่จะทำให้เกิดสันติภาพในใจ ในโลก ทำให้เกิดความสุข ได้แน่นอน


พุทธศาสนา ใครจะว่า ไม่ใช่ วิทยศาสตร์ ไม่ใช่ ศาสนา ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่องค์ความรู้หรือ ปรัญชา


ใครจะให้นิยาม อะไรก็ช่างเถอะครับ พุทธศาสนามีจะยืนของตัวเอง อาจเป็นแค่ปรากฏการณ์ ที่เกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องหายไป ก็ได้


แต่พระพุทธเจ้า ท่านสอนเรื่องดับทุกข์ อันนี้แน่นอน และไม่ได้บอกว่า ดีกว่าศาสนาอื่น หรือ ให้ท่านอื่นเข้ามานับถือ พระองค์ท่าน


ผมเกริ่นคร่าวๆ นะครับผม ขอคุยเฉพาะเรื่องจุดร่วมคือสันติภาพ งดไม่คุยเรื่องจุดต่างที่ทำให้แตกแยกนะครับ


ขอบพระคุณทุกท่านครับ
 
 

โดย: นักสร้างลม IP: 118.172.5.105 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:43:54 น.  

 
 
 


ขออนุญาตนะครับ


ผมสนใจที่จะ ศึกษาหรือรับความรู้เกี่ยวกับ ศาสนาอิสลาม เป็นเชิงแลกเปลี่ยนครับ อาศัยพื้นที่นี้เป็นจุดเริ่มต้นครับ


ถ้าคุณ "มุสลิม" สะดวกใจ กรุณา add เมลผม ไว้ติดต่อด้วยจะขอบคุณมากครับ

peace_ofwalk@hotmail.com
 
 

โดย: นักสร้างลม IP: 118.172.5.105 วันที่: 15 พฤศจิกายน 2552 เวลา:18:56:50 น.  

 
 
 
มุสลิม...
ขอบคุณครับที่ช่วยนำ บล็อคเล็กๆนี่ไปช่วยโปรโมท
แต่คุณเข้าใจคำว่า บล็อคดีแค่ไหนหรือ?

นักสร้างลม...
ขอบคุณในความประสงค์ดีครับ
ดังทราบผมใช้ลอคอินเข้ามาทุกครั้งในการโต้ตอบ
ซึ่งสามารถส่งข้อความส่วนตัวติดต่อได้ครับ
และสำหรับข้อ 3 นั้น ผมได้นำเสนอเรื่อง
ไกลัวย์ธรรมที่ท่านพุทธทาษได้นำมาเทียบให้ศึกษาไปแล้ว
สุดแต่ผู้สงสัยจะไข่วคว้ารึเปล่าครับ
สุดวิสัยผมที่จะสามารถไปข่มใครให้คิดตามแต่ใจต้องการได้
ขอบคุณที่แวะเข้ามาอ่านและร่วมแสดงความเห็นครับ
ดีครับ ยิ่งมีความเห็นหลากหลาย กะลาที่ครอบเราทุกคน
ก็จะได้กว้างมากขึ้นๆ
 
 

โดย: itoursab วันที่: 16 พฤศจิกายน 2552 เวลา:16:48:26 น.  

 
 
 
อืม
แล้วคนอิสลามกินเหล้ากินหมูกินอาหารในรอมฎอนไม่ว่ามั่งล่ะ
ว่าแต่คนพุทธ มีอคติอะไรรึปล่าว?
ศาสนิกทุกศาสนาย่อมปฏิบัติไม่เหมือนกัน
ไม่ว่าจะพุทธ คริสต์ สิกข์ หรือกระทั่งอิสลามเอง
ต้องมีคนใดประพฤติไม่ดีบ้างเป็นธรรมดา
แต่จะเหมารวมแล้วพาดพิงว่า "คนพุทธ" ก็ไม่ไหวนะ
เพราะมุสลิมหรือผู้ที่นับถือศาสนาอืนก็มีประพฤติผิดบ้างก็มี
ว่าแต่ศาสนาอื่น ไม่พาดพิงศาสนาตัวเองบ้าง
เอาดีใส่ตัวอย่างเดียวก็ไม่ไหวนะ

อีกอย่าง ศาสนาพุทธก็ไม่ได้สอนว่า พระพุทธเจ้า เป็นพระเจ้า และไม่มีพระเจ้าด้วย

ศีล 5 อยู่ที่ผู้ปฏิบัติ เช่นเดียวกัน หากมุสลิมไม่ปฏิบัติ ก้ไม่ต่างอะไรกับคนพุทธที่คุณกล่าวมาหรอกนะ


ปล. ไม่ได้มีอคติกับศาสนาใดหรอกนะ เขียนตามที่เห็นเท่านั้น


 
 

โดย: กรู IP: 125.26.36.27 วันที่: 26 พฤษภาคม 2553 เวลา:22:14:00 น.  

Name
Opinion
*ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก

itoursab
 
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




New Comments
[Add itoursab's blog to your web]

 
pantip.com pantipmarket.com pantown.com