สำหรับหนังแนวเอ็กเพรสชั่นนิสนี้ เรื่องแรกๆ ที่เป็นที่รู้จักของคอหนังหลายๆ คนก็คือ The Cabinet of Dr. Caligari (1919) โดย Robert Wiene และ Nosferatu (1922) โดย F.W. Murmau โดยทั้ง 2 เรื่องนี้เป็นหนังเงียบ (ภาพยนตร์ไร้เสียงประกอบและบทพูด) กำกับโดยผู้กำกับระดับตำนานสัญชาติเยอรมัน ต้นฉบับหนังสไตล์ German Expresionism ซึ่งเรื่องแรกเป็นเรื่องประสบการณ์อันน่ากลัวของ Dr. Caligari ส่วนเรื่องที่สองถือเป็นต้นแบบของแวมไพร์...สาวกทไวไลท์ (Twilight) ลองไปหาดูนะคะ แวมไพร์ยุคเก่าน่ะไม่ได้หล่อและรวยเหมือนเอ็ดเวิร์ดแห่งตระกูลคัลเลน (ตระกูลของพระเอกในเรื่อง Twilight) หรอกนะคะ ออกจะน่ากลัวมากกว่าน่าอยู่ใกล้ๆ
Trailer 1: Nosferatu
ตัวอย่างภาพยนตร์ Nosferatu (1922)
ยุคถัดมาช่วงปี 1930s เริ่มมีการนำเสียงมาประกอบภาพยนตร์ เสียงเพลงประกอบและบทพูดทำให้หลอนมากขึ้น หนังแนวสยองขวัญ ระทึกขวัญจึงเกิดขึ้นมากมายในยุคนี้ โดยเรื่องที่ยังอยู่ในความทรงจำของใครหลายคนก็เช่น Dracular (1931), Frankenstien (1931), M (1931), The Mummy (1932), King Kong (1933) และ The Werewolf of London (1935) เป็นต้น
หลังยุค 1940s มีภาพยนตร์แนวสยองขวัญถูกสร้างขึ้นพร้อมด้วยกลวิธีในการสร้างความหลอนที่ดี และทันสมัยมากขึ้นมาอีกหลายเรื่องไม่ว่าจะเป็น The Thing (1951), House of Wax (1953), Godzilla (1954), The Fly (1958) เป็นต้น จะเห็นได้ว่าตั้งแต่ยุคแรกจนถึงยุคนี้ เรื่องราวของหนังสยองขวัญมักจะเกี่ยวกับปิศาจแวมไพร์ มนุษย์หมาป่า ซอมบี้ มัมมี่ แฟรงเกนสไตน์ สัตว์ประหลาด และอสุรกายต่างๆ ซึ่งเป็นเหล่าร้ายที่คอหนังแนวสยองขวัญคุ้นหน้าคุ้นตากันดี หายนะจากบรรดาตัวร้ายเหล่านี้นี่แหละที่สร้างความกลัวให้กับคนดู การเผชิญหน้ากันของพระเอกนางเอกและตัวร้าย โดยเฉพาะในฉากสุดท้ายถือเป็นฉากสำคัญ สร้างความระทึกขวัญเขย่าประสาทให้คนดูลุ้นจนตัวโก่งว่าตัวเอกของเราจะกำจัด เหล่าร้ายนั้นๆ ได้หรือไม่?
I ate his liver with some fava beans and a nice Chianti. ผมกินตับของเขากับถั่วปากอ้าและไวน์แดงชานเต้ดีๆ The Silence of the Lambs (1991)
โดยในช่วงหลังปี 1970s มีการสร้างตัวร้ายที่มีความวิปริตและผิดปกติทางจิตมากขึ้น อย่างที่รู้จักกันดีก็เช่น Leather Face จากเรื่อง The Texas Chainsaw Massacre (1974), ไมเคิล ไมเยอร์ (Michael Myers) จากเรื่อง Halloween (1978), เจสัน (Jason) จากเรื่อง Friday the 13th (1980), เฟร็ดดี้ ครูเกอร์ (Freddy Kreuger) จากเรื่อง A Nightmare on Elm Street (1984) และ ด็อกเตอร์ฮันนิบาล เลคเตอร์ (Dr. Hannibal Lector) จากเรื่อง The Silence of the Lambs (1991) ความเจริญทางวิทยาการต่างๆ ยังทำให้เทคนิคในการสร้างภาพยนตร์แนวสยองขวัญมีความน่ากลัวกระตุกขวัญ และหลอนประสาทมากขึ้นเรื่อยๆ
Oh yes, there will be blood. ใช่แล้ว มันจะต้องมีการนองเลือด Saw II (2005)
ในช่วงหลัง 1990s จนถึงปัจจุบัน แวดวงหนังสยองขวัญก็ไม่ได้น้อยหน้ายังคงเดินหน้าสร้างความหลอนกันต่อไป เพราะผู้ชมต้องการบริโภคของแปลกใหม่อยู่เสมอ วิทยาการที่ทันสมัยเริ่มเข้ามามีบทบาทในการสร้างความรุนแรงโหดร้ายให้สมจริงมากขึ้น จากความน่ากลัวที่เคยสร้างมาแล้วในอดีตถูกต่อเติมให้มีความสยองขวัญมากกว่า เดิมที่เคยทำให้โหดก็ทำให้ซาดิสม์มากขึ้น ทั้งวิธีการฆ่าและทรมานเหยื่อ รวมไปถึงแรงผลักดันให้ฆ่าก็วิปริตมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เคยสร้างให้หลอนก็ทำให้หลอนมากขึ้น จากที่เคยหลอนจากเรื่องผีๆ และสิ่งที่มองไม่เห็นก็เริ่มมาหลอนจากด้านมืดที่แฝงอยู่ในจิตใจของมนุษย์ เช่น The Cell (2000) หรือที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมากก็ Black Swan (2010) นอกจากนี้บรรดาเหล่าผีและอสุรกายต่างๆ ก็ได้รับการพัฒนารูปลักษณ์ให้น่าเกลียดน่ากลัวมากขึ้น เช่น Scream (1996), Deep Blue Sea (1999), Final Destination (2000), 28 Days Later (2002), The Ring (2002), Underworld (2003), Saw (2004), Dawn of the Dead (2004), The Grudge (2004), Paranormal Activity (2005), Fright Night (2011) เป็นต้น
I had the craziest dream last night about a girl who has turned into a swan, but her prince falls for the wrong girl and she kills herself. ฉันฝันเรื่องบ้าที่สุดเมื่อคืนเกี่ยวกับเด็กผู้หญิงที่กลายเป็นหงส์ แต่เจ้าชายของเธอก็ไปรักคนอื่น เธอเลยฆ่าตัวตาย Black Swan (2010)
ศูนย์รวมอุปกรณ์เลี้ยงปลาสวยงามราคาถูก "บ้านปลา.คอม"