เคนยา : Hell's Gate ประตูสู่นรก ?
ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่อยู่ในละแวก Rift Valley ที่ควรจะไปเยี่ยมชมหากมีเวลา นั่นคือ อุทยานแห่งชาติ Hell’s Gate เป็นอุทยานแห่งชาติขนาดพอสมควร พี้นที่ประมาณ 100 ตร.กม. ฟังชื่อดูแล้วอาจไม่อยากเข้าไป โตมาจนป่านนี้ สวรรค์ก็ยังไม่เคยเห็น อยู่ๆ จะมาตกนรกหมกไหม้ก็กะไรอยู่ กลัวว่า เห็นต้นงิ้วแล้วจะห้ามใจไม่ให้ปีนไม่ได้ ก็มีแต่ชื่อล่ะครับที่ไม่เป็นมงคล จริงๆ เขาก็มีอะไรให้ดูให้ทำอยู่พอสมควร แค่ขับรถวนดูบรรยากาศไปรอบๆ ก็กินเวลาหลายชั่วโมงแล้ว อุทยานแห่งชาติที่นี่ต่างจากบ้านเรานะครับ อุทยานบ้านเราต้องมีป่าไม้หนาครึ้ม เขียวชอุ่ม น้ำตกไหลเย็น มีเนินผาไว้ทำโรแมนติกตอนพระอาทิตย์ตกดิน ที่นี่จะเป็นป่าแล้งโล่งๆ อากาศร้อนจัด ต้องรีบวิ่งหลบใต้ร่ม ต้นไม้เตี้ยเสียเป็นส่วนใหญ่ ภูเขาก็เป็นหินเสียมาก คงเคยเห็นกันมาบ้างแล้วในหนังหรือสารคดี
ก่อนเข้า แน่นอนว่าต้องมีค่าเข้าชมเป็นธรรมดา สำหรับคนที่อยู่อาศัยหรือทำงานที่นี่จ่ายประมาณ 500 บาท นักท่องเที่ยวประมาณ 1,000 บาท ยังๆ ยังมีค่าเอารถเข้าไปอีกประมาณ 1,000 บาท ไม่เอารถเข้าไปได้หรือเปล่า ตอบว่าไม่น่าได้เพราะอากาศร้อน ร่มไม้มีน้อย และระยะทางไกลมาก ยอมจ่ายๆ ไป คิดว่ามาเที่ยว คงไม่มีโอกาสได้มาบ่อยๆ ทีไปเที่ยวเกาะเสม็ดบ้านเรา จ่ายค่าขึ้นเกาะไม่กี่สิบบาท ยังบ่น หน้าตาตั๋วหรือบัตรอนุญาตให้เข้าก็เป็นดังรูปนะครับ
ขับรถมาเป็นชั่วโมง จะมาดูป่าเขาเฉยๆ ก็เสียเที่ยว ว่าแล้วก็ช่วยกันยกข้าวปลาอาหารไทยภาคต่างๆ รวมทั้งเครื่องดื่มเย็นๆ ลงจากท้ายรถ มาไกลข้ามทวีปขนาดนี้ยังมีส้มตำเป็นเมนูหลัก ปิกนิกกันเป็นเรื่องเป็นราว ไม่ใช่ว่านึกหิวข้างตรงไหนจะจอดทานตรงนั้นได้นะครับ เขาจัดที่ไว้สำหรับตั้งแคมป์สองสามจุดในอุทยาน ต้องหาให้เจอ ไปนั่งกินไม่เป็นที่อาจโดนกินแทน
และถ้าเป็นที่ที่เขาจัดไว้ให้ นอกจากปลอดภัยแล้ว ยังมีก็อกน้ำสะอาดไว้ให้ใช้ด้วย จะล้างมือล้างไม้ ถ้วยชาม หรือล้างหน้าตาให้สดชื่นคลายร้อนก็ทำได้ ดูความแห้งแล้งโดยรอบและสภาพก็อกแล้วไม่น่าใช้งานได้ แต่น้ำเย็นเจี๊ยบ
ทานกันอิ่มหนำสำราญ ก่อนหนังตาจะหย่อน เลยรีบเก็บของขับรถตระเวนดูอุทยานกัน ลักษณะทั่วไปก็เป็นแบบทุ่งหญ้าสวันนา เป็นที่โล่ง แห้งแล้ง มีพืชยืนต้นอยู่บ้างแต่ไม่มาก
พื้นที่ลุ่มๆ ดอนๆ เป็นที่ราบระหว่างภูเขาหิน จะว่าสวยก็คงไม่เท่าไหร่ เอาเป็นว่าแปลก
เขาหินบางลูกมีทางขับรถขึ้นไปได้ จากภูเขาลงมามองเห็นทิวทัศน์แบบพาโนรามา สวยดี ถ่ายรูปเสร็จ ต้องรีบหลบเข้าร่มไม้ แดดแรงขนาดนี้เอสพีเอฟร้อยก็เอาไม่อยู่
รถที่คิดจะเอามาควรจะเป็นรถที่ลุยได้หน่อยนะครับ ถนนลาดยางไม่มี ถนนวิ่งเรียบตรงไม่มี ถนนกว้างรถสวนได้สบายไม่มี แต่ตอนผมไปก็เห็นรถเก๋งวิ่งสวนมาบ้างนะครับ แต่ก็ช่วยเขาลุ้นตลอดว่าจะไปไหวหรือเปล่า ฝรั่งปั่นจักรยานยังมีเลย ไม่รู้อารมณ์ไหน
สภาพถนน น่าจะเป็นจุดที่ถนนดี และทางตรงที่สุดในอุทยานแล้ว เวลาลงมาถ่ายรูป พอเห็นรถจะวิ่งสวนมาไกลๆ ต้องรีบกระโดดขึ้นรถและปิดประตู นึกสภาพพายุฝุ่นสูงหลายเมตรที่ตามรถคันนั้นมา รถที่ออกมาจากอุทยาน เท่าที่สังเกตจะมีสีออกส้มๆ ได้รับบริการเคลือบฝุ่นฟรีเป็นของแถม
เขาหินเตี้ยๆ ลูกนี้ชื่อว่า Fisher’s Tower ไม่ได้มีไว้ดูเฉยๆ นะครับ จริงๆ ถ้าอ้อมไปอีกด้านที่ร่ม จะมีบริการสอนปีนเขาพร้อมอุปกรณ์ เป็นแบบมือสมัครเล่น ความสูงไม่มาก แต่พวกเราก็ไม่มีใครลอง เพราะเวลามีน้อย ไว้วันหลังถ้าได้มาอีก อาจจะลองดู ขอไปฟิตร่างกายสักหน่อยก่อน
ภูเขาที่เห็นอยู่ไกลในภาพนี้ คือ ภูเขาลองโกน็อตที่เป็นภูเขาไฟดับแล้วกลาง Rift Valley ที่ผมถ่ายรูปมาจากอีกฝั่งหนึ่งในกระทู้ก่อนนี้ อันที่เห็นเป็นปากปล่องภูเขาไฟชัดๆ น่ะครับ ที่นี่จะมองเห็นอีกฝั่งหนึ่ง ไม่เห็นปล่องภูเขาไฟ ดูเหมือนภูเขาธรรมดาลูกหนึ่ง ก็ถ้ามาในย่าน Rift Valley แล้ว วันเดียวเที่ยวได้สามที่เลย Rift Valley – Naivasha Lake – Hell’s Gate National Park
อ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมไม่มีสัตว์ให้เห็นเลย มีครับ มีพอสมควร แต่มันจะไม่เข้ามายุ่งกับคน และสัตว์ส่วนใหญ่ก็หน้าตาเดิมๆ เห็นอยู่ทั่วไป พวกม้าลาย ยีราฟ ควายป่า เห็นดาษมาก ถ่ายรูปไปเยอะๆ หน้าตามันก็เหมือนกันอยู่ดี เอายีราฟมาให้ดู 1 ตัวก่อนแล้วกัน ถ้ามีสัตว์ที่ดูน่าตื่นเต้นกว่านี้ จะเอามาลงเพิ่ม
Create Date : 19 มกราคม 2552 |
|
5 comments |
Last Update : 4 มีนาคม 2552 15:14:55 น. |
Counter : 2368 Pageviews. |
|
|
|