เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
26 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 
เคนยา : อเบอร์แดร์ สวยแท้ดั่งภาพวาด

หนึ่งในอุทยานแห่งชาติในเคนยาที่อยู่ไม่ห่างจากกรุงไนโรบีมาก ประเภทที่เดินทางไปกลับได้ในวันเดียว ก็เหลืออยู่เพียงไม่กี่แห่งแล้วที่ผมยังไม่ได้ไปเหยียบย่ำ อเบอร์แดร์ (Aberdare National Park) เป็นอีกแห่งหนึ่ง ที่หลังจากวันนี้ ได้ถูกจัดเข้าพวกสถานที่ท่องเที่ยวที่ไปมาแล้ว (และประทับใจมากๆ ด้วย)

เหตุเริ่มจากมีกลุ่มน้องคนไทยที่มาทำงานอยู่ที่เคนยานี่ ซึ่งนานๆ จะได้มีวันหยุดตรงกับพวกเราสักทีและบางส่วนก็หมดสัญญาและกำลังจะเดินทางกลับไทยอย่างถาวรแล้ว น้องๆ เขาอยากไปเที่ยวที่ไหนสักที่หนึ่งที่ธรรมชาติสวยๆ และมีที่ปิกนิกนั่งทานอาหารพร้อมดื่มด่ำธรรมชาติได้

ผมรับอาสาหาที่หาทางหาทัวร์อีกตามเคย นึกถึงสิ่งที่ติดอยู่ในใจมานาน คือ อยากไปดูน้ำตกที่สูงที่สุดในเคนยา ซึ่งก็อยู่ในอุทยานแห่งชาติแห่งนี้ จึงเริ่มด้วยการยกหูหาคนขับรถที่ใช้บริการอยู่ประจำ เป็นรถตู้ 7 ที่นั่งแสนสบาย กะว่าจ่ายค่าเช่าสักหมื่นชิลลิ่งก็น่าจะอยู่ (ประมาณสามพันบาท) แต่พออ่านรีวิวเยอะเข้า สอบถามคนนั้นคนนี้ พบว่าไม่สามารถเอารถยนต์หรือรถตู้ธรรมดาไปได้ เพราะหนทางนั้นวิบากและทรหด โดยเฉพาะช่วงปลายปี ซึ่งฝนตกกระหน่ำแทบทุกวัน จึงปฏิเสธรถตู้ไปและหันไปหาบริษัททัวร์ที่มีรถโฟร์วีลลุยป่าได้ โดนค่ารถโฟร์วีลที่นั่งไม่ค่อยสบายเพราะไม่นิ่มแต่พาท่านไปถึงจุดหมายปลายทางอย่างแน่นอนไปประมาณหมื่นกว่าบาท เป็นราคาที่ต้องกลั้นใจจ่ายจริงๆ สำหรับค่าเช่ารถเพียง 1 วัน


ออกเดินทางกันตั้งแต่เช้าประมาณหกโมงนิดๆ พร้อมด้วยเสบียงอาหารทานเล่นระหว่างทางและอาหารกลางวัน ซึ่งคุณพี่หนุ่ยแฟนน้าธวัชใจดีทำไว้เป็นชุดๆ สำหรับทุกคน รวมถึงคนขับรถ


ไปตามเส้นทางถนน Thika ซึ่งเป็นถนนสายเก่า แต่มีการปรับปรุงใหม่ ขยายช่องทางการเดินรถเสียใหญ่โต อีกสักปีสองปีถนนเส้นนี้คงเอี่ยม วิ่งรถได้สบาย แต่สภาพปัจจุบันที่ยังอยู่ระหว่างการก่อสร้างนี้ ทำให้รถไปได้อย่างช้าๆ และมีอาการเหวี่ยง เบรก ตกหลุม หลบสิ่งกีดขวางและอื่นๆ อยู่เกือบตลอด


ทำให้ตลอดระยะเวลา แทบไม่มีใครงีบได้เลย สองคนนี้เธอยืนยันภายหลังว่าเธอแค่หลับตา ไม่ได้หลับจริง ผมว่าพวกเธอแสร้งหลับได้เหมือนจริงมาก

ใช้เวลาจากตัวเมืองผ่านถนน Thika จนมาถึงสำนักงานอุทยานเพื่อจ่ายค่ารถและค่าเข้าชมไปประมาณ 4 ชม. เป็นการเดินทางที่เนิ่นนานทีเดียวสำหรับ Day Trip จริงๆ ระยะทาง 180 กิโลเมตร ไม่น่านานขนาดนี้


ระหว่างทางก่อนมาถึงสำนักงานอุทยาน คนขับรถจอดให้เข้าห้องน้ำที่ร้านขายของที่ระลึกร้านใหญ่ 1 ครั้ง


ร้านนี้ ห้องน้ำสะอาดสอ้าน (เปรียบเทียบกับร้านแวะฉี่ข้างทางที่อื่นที่เคยแวะมา) ของที่ขายในร้านก็หลากหลาย


จัดวางเป็นระเบียบ ของดูใหม่ดึงดูดให้สอบถามราคา


แต่สิ่งหนึ่งที่ร้านแวะฉี่พวกนี้เหมือนกัน คือ ราคาสูงลิ่ว ประมาณสิบเท่าของราคาที่หาซื้อได้ตามตลาดขายของที่ระลึกในไนโรบี พวกเราจึงได้แต่ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกเหมือนเดิม แต่แอบเห็นลูกค้าฝรั่งซื้อแบบไม่ต่อราคาเลยนะ


เอาล่ะ กลับมาที่สำนักงานอุทยาน นี่ถ่ายรถโฟร์วีลลุยทุกสภาพถนนมาให้ดู ต้องรถแบบนี้ถึงจะผ่านและต้องราคาน่าเหงื่อตกแบบนี้ด้วยนะครับ


ชำระค่าเข้าคนละ 1,000 ชิลลิง (ประมาณ 300 บาท) เพราะพวกเรามีสถานะเป็นผู้มีถิ่นพำนักกันทุกคน (แน่นอนว่าต้องแสดงบัตรต่อเจ้าหน้าที่) ส่วนคนขับรถกับค่ารถเท่าไหร่ไม่ทราบ อยู่ในส่วนของค่าเช่ารถแล้ว เราไม่เกี่ยว


ขับรถออกมาจากสำนักงานอีกประมาณ 10 นาที ก็ถึงทางเข้าอุทยานแห่งชาติอเบอร์แดร์ (Aberdare National Park)


พอเริ่มเข้าไปด้านใน ก็สัมผัสได้ถึงความเขียวชอุ่มชุ่มชื่นของผืนป่าในอุทยานแห่งชาตินี้ ปกติไปอุทยานแห่งชาติที่อื่น จะเป็นทุ่งหญ้าสะวันนาสุดลูกหูลูกตา ที่นี่เป็นป่าโปร่งก็แปลกดี ความแตกต่างอาจเป็นเพราะอเบอร์แดร์มีความสูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 2,000 ถึง 4,000 กว่าเมตร ความกว้างใหญ่ของพื้นที่ประมาณ 700 กว่า ตร.กม.


ด้วยระดับความสูงและความกว้างใหญ่ไพศาลดังกล่าว จึงมีทั้งธรรมชาติและสัตว์ป่าที่หลากหลายและแตกต่าง หลายอย่างไม่มีให้เห็นในอุทยานแห่งชาติอื่น


สัตว์ที่เราเห็นระหว่างทางไปน้ำตก ได้แก่ ควายป่า


ช้าง คันหู..ไม่รู้เป็นอะไร๊ (จ๊ะ คันหู : 2011)


หมูป่าพันธุ์จัมโบ้ ตัวดำ ขนหนา เขี้ยวยาว (มีแต่ที่อเบอร์แดร์)


ลิงบาบูน


Waterbuck


ในบรรดาสัตว์ทั้งหมดทั้งปวงที่ได้เห็น ที่ถูกใจผมที่สุด คือ เจ้าตัวนี้ เสือดาว (leopard) ซึ่งปกติเป็นสัตว์ขี้อาย ชอบแอบนอนบนต้นไม้และออกล่ากลางคืน เป็นหนึ่งใน Big Five (สัตว์เจ้าป่าแห่งแอฟริกาทั้งห้าอันประกอบด้วย เสือดาว สิงโต ควายป่า แรดและช้าง) ที่หาดูยากที่สุด เอาเป็นว่าผมอยู่เคนยามาสามปี ไปเที่ยวส่องสัตว์ไม่รู้กี่สิบที่ เห็น Big Four มานับไม่ถ้วน เพิ่งได้มาเห็นเสือดาวตัวเป็นๆ ครบ Big Five อย่างสมบูรณ์แบบก็วันนี้แหละ โผล่มาแว็บเดียวจริงๆ ดีที่มือไวกว่าเสือ


จากปากทางเข้าอุทยานจนไปถึงจุดหมายปลายทางบริเวณน้ำตก Karuru ใช้เวลาอีกประมาณ 2.5 ชม. แม้จะเป็นระยะทางเพียง 40 กม. แต่ถนนที่ทั้งขรุขระ ลื่นไถลและเจิ่งนองไปด้วยน้ำในบางจุด ทำให้พวกเราลุ้นจนเหนื่อยตลอดทาง คนขับเองก็ลุ้นเหงื่อตก เพราะรถลงน้ำติดหล่มอยู่หลายจุด บางจุดผมคิดว่ารถคงคว่ำแล้วแน่ๆ ถึงกับเผลอกรี๊ดออกมาอย่างลืมตัว เมื่อผ่านไปได้ จึงนึกขอบคุณคนขับรถและไม่เสียดายเงินที่ต้องจ่ายค่ารถเฉพาะกิจไปถึงหมื่นกว่าบาท เอารถธรรมดามา ยังไงก็ไม่ถึงแน่ๆ


ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่ที่นี่ ยิ่งสูงยิ่งฝนตกหนักและยิ่งหนาวด้วย พอเริ่มไต่ระดับสูงขึ้น หมอกเริ่มหน้าและฝนเริ่มลงหนัก รถขับไปอย่างช้าๆ ระมัดระวัง ความตื่นเต้นเมื่อสักครู่กลายเป็นอาการช่วยคนขับลุ้น เพราะพลาดท่าไถลลงข้างทางขึ้นมา พวกลงจะต้องลงข้างเขาแทน คำเตือนอีกอย่าง หากหลีกเลี่ยงการเดินทางในช่วงฤดูฝนได้จะเอ็นจอยวิวทิวทัศน์มากกว่านี้


ตอนห่างจากน้ำตกไม่ถึง 10 กม. ภูมิประเทศเริ่มเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด นอกจากหน้าผาสูงตลอดสองข้างทางแล้ว ยังมีพืชพันธุ์แปลกๆ ที่ต้องความสูงระดับสามสี่พันเมตรเท่านั้น ถึงจะได้เห็น


ไม่รู้ต้นอะไรต่อต้นอะไร เรียกไม่ถูก แต่ไม่เคยเห็นมาก่อน จำได้คลับคล้ายคลับคลาว่าเป็นพืชคล้ายๆ กับในรูปที่พวกไปปีนเม้าท์เคนยาเคยเอามาให้ดู นึกแล้วอยากไปปีนเม้าท์เคนยาตะหงิดๆ


สมาชิกในรถกรี๊ดอีกรอบ เมื่อมองเห็นน้ำตกอยู่ไกลๆ คนขับเห็นใจจอดรถให้ถ่ายรูปหนึ่งแว็บเพราะเวลามีน้อย พลางบอกว่าน้ำตก Karuru ที่เรากำลังมุ่งหน้าไป สวยกว่านี้อีกหลายเท่า


เพียงไม่นาน หลังผ่านหล่มสุดท้ายที่รถเกือบพลิกมาได้ เราก็มาจอดอยู่ไม่ห่างจากน้ำตก Karuru (พระเอกของงานนี้) มากนัก ได้ยินเสียงน้ำตกกระทบพื้นด้านล่างดังสนั่น


เดินไปตามป้ายบอกทางประมาณ 300 เมตร ก็เจอธารน้ำตก


เป็นส่วนที่ไหลมาก่อนจะตกหน้าผาสูงประมาณเกือบ 300 เมตร จุดนี้ทำให้ Karuru เป็นน้ำตกที่สูงที่สุดในเคนยาและน่าหวาดเสียวที่สุดด้วยมั้ง


เราเดินข้ามสะพานอย่างช้าๆ และทำตัวเบาที่สุด เพราะไม่ว่าสิ่งหนึ่งสิ่งใดหรือคนหนึ่งคนใดร่วงลงในธารน้ำนี้ ต้องได้ free fall 300 เมตร ลงไปกลายเป็นซากอยู่ก้นน้ำตกอย่างแน่นอน


ตลอดระยะเวลาที่เราเดินไปยังจุดชมน้ำตก มีน้ำกระเซ็นใส่หน้าอยู่ตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเพราะฝนที่ตกพลำๆ หรือเพราะน้ำตกที่ไหลแรงกันแน่



ช่วงจังหวะที่เดินถึงจุดชมน้ำตกเป็นช่วงเดียวกันกับที่ฝนแล้งและแดดออก อย่างอัตโนมัติและไม่ต้องแจ้งล่วงหน้า ทุกคนโยนของลงกับพื้น หยิบกล้องประจำกายของตัวเองออกมา กดไม่ยั้ง เพราะสภาพอากาศแบบนี้ คงมีแดดได้ไม่เกินห้านาที



ผมบันทึกรูปน้ำตกไปพอสมควร แต่ยังไม่สาแก่ใจ



พยายามปีนป่ายรั้วที่เขาทำกันไว้ป้องกันอันตรายจากการตกลงไปด้านล่าง เพื่อถ่ายช็อตสวยๆ มาฝากแฟนบล็อก



มาไกลขนาดนี้ แพงขนาดนี้ ได้ชื่นชมน้ำตกไม่ถึงชั่วโมง ใครจะยอมพลาด



ถ่ายยังไงก็เก็บได้ไม่หมด ของเขาสูงจริงๆ ตกตั้งสามชั้นด้วย เสียดายจากจุดนี้มองเห็นแค่ชั้นเดียว


อีกฝั่งหนึ่งของทิวเขายังมองเห็นน้ำตกที่สูงไม่แพ้กันอีกสองสามสายอีกด้วย คงจะไหลไปรวมกันด้านล่างด้วยกันทั้งสิ้น ดูไปดูมาอย่างกับภาพวาด


ถ่ายกันจนเกือบลืมทานข้าวทานปลาที่เตรียมกันมา


ฝนก็ลงไล่หลัง คนขับก็เร่งเร้า แกกลัวจะกลับมาถึงไนโรบีมืดค่ำเกินไป เลยต้องกินข้าวกลางฝนด้วยความรีบร้อนและไร้ความสุข


เก็บข้าวเก็บของ ถ่ายภาพหมู่อีกสองสามภาพ ก็เป็นอันต้องแบกข้าวของเดินกลับรถ เตรียมตัวเดินทางกลับไนโรบี

แม้จะใช้เวลาเดินทางอยู่บนรถหลายชั่วโมงเมื่อเปรียบเทียบกับเวลาที่ใช้ที่น้ำตก แต่ผมและเพื่อนร่วมทริปต่างก็ประทับใจกันถ้วนหน้า ธรรมชาติที่ดิบๆ และต้องบุกป่าฝ่าดงเข้ามาค้นหาแบบนี้ คงหายากแล้วในโลกที่คนลอยกระทงกันทางอินเตอร์เน็ตเหมือนสมัยนี้

วันนั้น พวกเรากลับมาถึงไนโรบีประมาณสามทุ่มเห็นจะได้ พร้อมมารับทราบข่าวว่ามีการปาระเบิดในที่ชุมชนสองสามจุดในกรุงไนโรบี เหตุเพราะโดนพวกกองโจร Al Shabaab ในโซมาเลียแก้แค้น ที่เคนยาดันใจกล้าส่งทหารเข้าไปปราบปรามพวกโจรในโซมาเลีย เอาล่ะ ปลอดภัยกลับมานั่งเขียนบล็อกได้ถือว่ายังไม่สิ้นบุญ แต่ไงก็คงต้องระวังตัวมากขึ้น ขอเลิกเข้าผับหรือร้านอาหารที่มีคนเกิน 10 คนสักพักใหญ่ๆ

ส่วนที่ผมเกริ่นเอาไว้ตอนแรกว่าเป็นอเบอร์แดร์เป็นอุทยานแห่งชาติที่ไปวันเดียวกลับได้นี่หมายถึง ออกตั้งแต่หกโมงเช้า กลับมาถึงสามสี่ทุ่มนะครับ ฉะนั้นใครกะว่าออกไปตอนเช้าแล้วกลับมาขึ้นเครื่องกลับเมืองไทยต่อเลย เป็นได้ตกเครื่องแน่ๆ เพราะเครื่องไปไทยมีออกสี่ทุ่มกับห้าทุ่มกว่าๆ อย่าเสี่ยงดีกว่า มีหลายครั้งที่ผมไปส่งแขกขึ้นเครื่องกลับไทยและใช้เวลาเช็คอินที่สนามบินอยู่เกือบสองชั่วโมง ด้วยเหตุผลที่บ้านเราหรือที่อื่นๆ คงไม่น่าจะเกิดแล้ว เช่น ไฟฟ้าดับ ไม่มีไฟฟ้าสำรอง เครื่องคอมพิวเตอร์เจ๊งเพราะเครื่องเก่ามาก พนักงานบริการที่เคานท์เตอร์มีสองคนทั้งที่เคานท์เตอร์ว่างเป็นสิบ การออกบอร์ดดิ้งพาสผิด การขายตั๋วเกินจำนวนที่นั่ง การประกาศว่าเครื่องมีปัญหาตอนเครื่องกำลังจะออก เป็นต้น (แปลว่ายังมีอีกมาก)

ดีใจกับคนกรุงเทพฯ ด้วย น้ำเริ่มลดแล้วและผมก็ได้ร่วมบริจาคเงินไปช่วยเหลือพวกท่านแล้วด้วย










Create Date : 26 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 3:38:56 น. 8 comments
Counter : 3352 Pageviews.

 


โดย: สวยมากครับ (nuyect ) วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:42:49 น.  

 
สวยจริง อะไรจริง....คุณเจ้าของบลอกทุ่มเทจริงๆค่ะกับภาพปีนรั้วขึ้นไปถ่ายภาพ.....ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะคะ...โลกนี้คงเฉาน่าดูถ้าขาดคนหน้าตาดีไปอีกหนี่งคน


โดย: แฟนคลับ IP: 180.183.170.127 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2554 เวลา:15:48:07 น.  

 
น่าไปเที่ยวมากๆ


โดย: Zabby วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:0:56:26 น.  

 
เผลอกรี้ดได้งัย เสียภาพพจน์หมดเลย^^


โดย: นพ IP: 58.9.192.242 วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:11:00:00 น.  

 
โอ่ว สวยมาก น้ำตกที่สูงที่สุดในเคนย่าเลยเหรอ
เคยไปแต่เลคนากูรู..

คราวหน้าจะเก็บที่นี่ไว้ใน list


โดย: Ezy-SeaHill วันที่: 28 พฤศจิกายน 2554 เวลา:14:50:17 น.  

 
สวยมากประทับใจจริงๆ ขอบคุณนะคะที่พาเทียว


โดย: หนุ่ย IP: 41.212.104.27 วันที่: 3 ธันวาคม 2554 เวลา:11:57:30 น.  

 
อ่านแล้วเหมือนอยู่ในเหตุการณ์จริงเลย


โดย: ninechang IP: 182.53.185.9 วันที่: 10 มกราคม 2555 เวลา:8:45:19 น.  

 
One of my wishlist destination in kenya ka.


โดย: Madamzhu IP: 58.9.148.204 วันที่: 13 กันยายน 2555 เวลา:12:34:05 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.