เมื่อเท้ามันคัน อะไรมันๆ จะเกิดขึ้น
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
2 มีนาคม 2552
 
All Blogs
 
เคนยา : นากูรู เช้าตรู่ ฟลามิงกู สีชมพู น่าดู

รู้สึกเห็นใจแขกประจำทุกท่านที่ติดตามผลงาน ว่างเมื่อไหร่เป็นต้องหาเรื่องท่องเที่ยวไปเรื่อยเปื่อย ได้ข่าวว่าเมืองไทยตอนนี้ร้อนจนตับแทบสุก เข้ามาอ่านบล็อกและดูภาพของผมจะลดอุณหภูมิองศาความร้อนของท่านได้หากนั่งอ่านในห้องแอร์ เขียนไปเขียนมาได้จะเป็นสิบบล็อกอยู่แล้ว ความฝันที่จะได้ออกพ็อกเก็ตบุ๊กสักเล่มก็ยังคงฝันอยู่ แต่ไม่เลิกฝันครับ จะได้เอาไว้อวดเขาว่าไปอยู่เคนยาได้สร้างประโยชน์อะไรให้คนอื่นบ้าง

ตอนเพื่อนชวนไปเที่ยวทะเลสาบนากูรู (Naguru Lake) ก็สนใจขึ้นมาอย่างมากเนื่องจากห่างจากเมืองหลวงแค่ 160 กม. ถนนเพิ่งตัดใหม่ และเป็นสถานที่ท่องเที่ยวติดอันดับของประเทศนี้ เพราะมีนกฟลามิงโกสีชมพูอพยพมาหาอาหารในทะเลสาบแห่งนี้จำนวนนับล้านๆ ตัว ทำให้มองไปเห็นทะเลสาบเป็นสีชมพู ช่วยเสริมจินตนาการและภาพที่ค้นเจอในกูเกิ้ลของผมได้เป็นอย่างดี แต่พอรู้ว่า ต้องออกเดินทางตั้งแต่ตี 4 เพื่อไปให้ทันนกออกหาอาหารตอน 6 โมงเช้า ซึ่งก็หมายความว่าผมต้องตื่นตี 3 และอาจได้นอนไม่ถึงสามชั่วโมงเนื่องจากปกติเข้านอนไม่ต่ำกว่าสองยาม ก็เป็นเหตุให้ท้อแท้อยู่บ้างแต่ไม่ท้อถอย เรื่องเที่ยวถึงไหนถึงกันครับ

วันนี้ (28 กุมภา 52) เราจึงออกเดินทางกันตั้งแต่ตี 4 ตามเวลาที่นัดหมายเป๊ะ ระยะทางตลอด 160 กม. ถนนค่อนข้างโอเค แม้จะไม่มีไฟตามถนนแต่ก็มีรถที่สวนไปมาคอยเปิดไฟสูงใส่หน้ากันตลอด มีซ่อมถนนอยู่บ้างบางช่วง หลุมบ่อบ้างพองาม ทำให้ผมตื่นอยู่ตลอดเวลาในขณะงีบระหว่างเดินทาง ใช้เวลาประมาณสองชั่วโมงเศษก็มาถึงจุดหมายปลายทาง มาถึงประมาณ 6 โมงครึ่งด้วยความตื่นเต้นที่จะได้เป็นกลุ่มแรกที่เห็นสัตว์ต่างๆ ในอุทยานแห่งชาติในวันนี้ แต่ก็เป็นอันต้องรออีกเกือบครึ่งชั่วโมงเนื่องจากพนักงานขายตั๋วยังมาไม่ถึงบวกกับขั้นตอนการซื้อตั๋วหนึ่งใบที่ต้องเดินถึงสามจุด ซึ่งเขาน่าจะจัดไว้จุดเดียวกันและสามารถออกตั๋วได้ใบละไม่เกินครึ่งนาที คิดว่าตัวเองจะชินกับรูปแบบการทำงานของคนแอฟริกาแล้ว แต่ก็ยังมีหงุดหงิดบ้างไม่ว่ากันนะครับ


ตั๋วหน้าตาแบบนี้และยังมีสมาร์ทการ์ดให้มาอีกคนละใบ ไม่แน่ใจว่าเพื่อประโยชน์อันใดแต่ที่แน่ๆ ทำหายมีค่าปรับ ราคาจากที่ผมสอบถามคนที่เคยมากับที่ต้องจ่ายจริงแตกต่างกันพอสมควร ทำให้รู้ว่าภายในเวลาไม่เกินสี่ห้าเดือนที่ผ่านมา รัฐบาลขึ้นราคาค่าเข้าชมอีกพอสมควร คนที่อาศัยหรือทำงานในเคนยา 500 บาทจากเดิม 300 บาท นักท่องเที่ยวทั่วไป 60 เหรียญ (ประมาณ 2,100 บาท) จากเดิม 40 เหรียญ แพงจนไม่อยากเข้า แต่ก็คงไม่นั่งรถออกมาตั้งแต่ตี 4 เพื่อมาถึงหน้าประตูแล้วนั่งรถกลับ


ระหว่างรอซื้อตั๋ว ซึ่งพวกเราไปถึงก่อนพนักงานขายตั๋วครึ่งชั่วโมง เขาใช้เวลาเปิดคอมพิวเตอร์อีกสิบนาที และต้องติดต่อสามจุดเพื่อซื้อตั๋วหนึ่งใบอยู่นั้น ระหว่างนั้น ผมเลยขอถ่ายภาพบรรยากาศแรกที่พระอาทิตย์เริ่มส่องแสงยามเช้า


เข้ามาแล้วก็ขับรถตามทางไปสักพักก็มีถนนแยกจากทางหลักออกไปทางทะเลสาบ และเมื่อขับตามแยกลงไปก็เจอภาพนี้ครับ นกจำนวนนับหมื่นตัวกำลังหาปลาบริเวณน้ำตื้นริมฝั่ง ขาวโพลนไปทั้งหมด ผมดีใจมากคิดว่ามาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ มีบุญได้เห็นฟลามิงโกเป็นหมื่นตัว แต่พอเข้าไปใกล้ๆ


ทำไมขามันสั้น ขนเป็นสีขาวแทนที่จะเป็นสีชมพู คอไม่ยาวระหง ปากหนาและห้อย ก็มันนกเพลิแกนนี่ครับ ไม่ใช่ฟลามิงโกแต่อย่างใด แต่ด้วยจำนวนมหาศาลและเป็นนกชนิดแรกที่ผมเห็นก็ทำให้ตื่นตาตื่นใจได้มากแล้ว หากท่านเคยดูการ์ตูนตอนเด็กๆ รุ่นราวคราวเดียวกับผม มันคือนกสีขาวที่มีจงอยปากสีเหลืองใหญ่ๆ ห้อยๆ ที่มันคาบเด็กทารกบินไปบินมา


เดินไปเดินมาแถวนั้นได้สักพักสังเกตว่าพื้นรองเท้ามีเศษขี้นกและโคลนตมต่างๆ พอกหนามาก เลยก้มลงดู เห็นพื้นเป็นทรายขาวๆ ดูคล้ายเกลือแต่ไม่กล้าชิม คิดว่าน่าจะเป็นแร่ธาตุมากกว่า ซึ่งจะพบในทะเลสาบน้ำกร่อยแบบนี้ (soda lake) เป็นแหล่งอาหารอันสมบูรณ์ของนกหลายชนิด


เนื่องจากแร่ธาตุ สารอาหาร อุจจาระและขนนก ทับถมสะสมเป็นเวลานานทำให้กลายเป็นพื้นดินตื้นเขิน หนาแน่นพอให้รถวิ่งแทนถนนเลาะริมทะเลสาบได้สบายๆ


ขับรถอ้อมไปมาอีกสักพักใหญ่ ก็มองเห็นทางรถตรงไปยังมุมหนึ่งของทะเลสาบและมีรถจอดอยู่อีกสองสามคัน จึงตัดสินใจตามเขาไปทั้งที่ไม่ใช่เส้นทางหลักตามแผนที่ และก็แอ่น..แอ๊น..มองเห็นพระเอกของสถานที่แห่งนี้อยู่ไกลๆ รู้เลยว่าคราวนี้ต้องเป็นฟลามิงโกเนื่องจากสีชมพูที่มองเห็นได้ชัด จากลักษณะจงอยปากสีดำ ขนสีขาวอมชมพู ปลายปีกสีชมพูเข้ม มีขายาวเล็กเหมือนตะเกียบสีชมพูเข้ม ไม่ผิดแน่


สมหวังที่ได้เจอนกพระเอกของงานในที่สุด ผิดหวังที่นกฟลามิงโกดันขายาวจึงหากินค่อนไปทางกลางทะเลสาบ ผิดหวังที่กล้องผมซูมได้แค่สิบเท่า ผิดหวังที่ยิ่งเดินเข้าไปใกล้มันยิ่งเดินหนี ผิดหวังที่ใครบอกว่ามีนกเป็นล้านตัว ผิดหวังเยอะไปหน่อยครับ เรื่องอื่นรับได้ แต่เรื่องนกที่มีเป็นล้านตัวแล้วเหลือเท่าที่ผมเป็นประมาณไม่ถึงพันตัวกระจายกันออกไปเป็นจุดๆ นี่รับไม่ค่อยได้ สงสัยกูเกิ้ลกับวิกิพีเดียต้องอัพเดทหน่อยแล้ว


เห็นฟลามิงโกแล้ว ความรู้สึกผิดหวังกับสมหวังผสมกัน จะกลับเลยก็ใช่เรื่อง ขับรถต่อไปทางด้านที่เป็นซาฟารีเผื่อเจอสัตว์อะไรน่าสนใจพอสร้างมูลค่าเพิ่มให้ที่นี่ได้บ้าง และก็เจอ “แรดเด็ก” หรือ “แรดตั้งแต่เด็ก” ของเค้าดีจริง


สักพักก็มี “แรดตัวแม่” มาจอยน์ มันแรดกันทั้งตระกูลจริงๆ


คนขับรถคงพอรู้สึกถึงความผิดหวังที่มากกว่าสมหวังของพวกเราได้ จึงเสนอจะพาไปจุดชมวิวที่สวยที่สุด (อีกแล้ว) ของอุทยานแห่งนี้ ชื่อว่า Baboon Cliff สงสัยจะมีลิงบาบูนเยอะ พอไปถึงไม่ยักมีลิงสักตัว มีแต่วิวสวยๆ มองเห็นทะเลสาบสะท้อนแสงแดดระยิบระยับ และฝูงนกที่หากินกันเป็นกลุ่มสลับสีขาวชมพูสวยงาม


วิวสวยจริงๆ ครับ อันนี้ยอมรับว่าสวยประทับร่าง และด้วยภูมิประเทศเป็นหน้าผาสูงชัน จึงมีป้ายปักเตือนว่าห้ามยืนถ่ายรูปเลยจากป้ายนี้ไป (มิฉะนั้นท่านจะตกเขาโดยไม่ทราบสาเหตุ)


ธรรมชาติสวยงาม บรรยากาศร่มรื่น ลมพัดเย็นสบาย เงียบสงบ ชวนให้นอนเป็นอย่างยิ่ง แต่ก่อนนอนก็ต้องกินกันก่อน ออกกันมาจากไนโรบีตั้งแต่ตี 4 คงยังไม่มีใครได้ทานอะไรรองท้อง หน้าตาอาหารก็ง่ายๆ เน้นประเภททอด ไม่มีกลิ่นฉุนรุนแรง หันไปดูฝรั่งข้างๆ ก็แค่หยิบแซนด์วิชกับแอปเปิ้ลมากินกัน จะอลังการสะพานหันสู้คนไทยได้อย่างไร


คนขับรถสุดหล่อนั่งทอดอารมณ์ ไม่ได้ตั้งใจถ่ายเป็น silhouette นะครับ มันเป็นอย่างนั้นเอง รูปนี้แม้ไม่ได้ถ่ายย้อนแสงก็คงยังเป็น silhouette อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


ระหว่างที่นั่งทานกันอย่างไม่สุภาพนัก ก็มีเศษอาหารหล่นไปตามร่องหินชิ้นผาบ้าง ยั่วยวนสัตว์ที่อยู่อาศัยบริเวณนั้นให้มาร่วมงานปาร์ตี้ เป็นสัตว์ที่หน้าตาคล้ายหนูไม่มีหางแต่ตัวใหญ่กว่ามาก และอยู่กันแบบครอบครัวขยายหลายตัว หากใครไม่ถูกโรคกับหนู ผมรับรองว่ากรี๊ดวิ่งหนีแทบไม่ทัน เขาเรียกว่าตัว hyrax


กรี๊ดวิ่งหนีไปอีกด้านก็จะเจอกิ้งก่าสีสันสวยงามรอร่วมงานเลี้ยงอยู่เช่นกัน


หลังจากใช้เวลาวนเวียนอยู่ในอุทยานแห่งชาติทะเลสาบนากูรูไม่ต่ำกว่า 4 ชม. ก็ได้เวลาเดินทางกลับ บริเวณทางออกมีลิงจำนวนมากวิ่งเล่นกันสนุกสนาน แต่อย่าเผลอกินขนมให้เห็นเชียว พวกมันพร้อมรวมพลกันแย่งมันไปจากมือท่านได้ทุกเวลา


ชายที่แต่งกายด้วยเครื่องแต่งกายของชาวมาไซที่ร้านขายของที่ระลึกผู้นี้ เป็นจุดสนใจของนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก แต่เลิกเป็นจุดสนใจของผมเมื่อต้องจ่ายเงิน 100 บาทเพื่อขอถ่ายภาพด้วย เหมือนเด็กชาวเขาบนดอยสุเทพบ้านเรายังไงยังงั้น – “ถ่าง มั้ย รู่ ละ ยี่ สิ บะ”


แม้จะเหนื่อยล้าและง่วงนอนเพียงใด เพื่อนร่วมเดินทางของผมก็ไม่ลืมที่จะแวะช็อปปิ้งระหว่างทางกลับ เขาได้ซื้อขนแกะกันคนละหลายผืนโดยที่ยังคิดไม่ออกว่า จะเอากลับไปเมืองไทยอย่างไรและที่สำคัญเพื่ออะไร แต่ด้วยราคาที่ชวนให้ซื้อหลังจากลดฮวบฮาบจากการต่อรองราคาเพียงครั้งแรก จากผืนละ 800 บาทเหลือเพียง 200 บาทเท่านั้น


ส่วนผมก็มัวแต่ไปเดินหาภาพจบบล็อกนี้ให้กับท่านผู้อ่านที่เคารพรักอยู่ และก็ได้ภาพเด็กๆ ที่วิ่งเล่นอยู่แถวนั้นเต็มใจยืนเรียงแถวเข้ากล้องให้ถ่ายดูน่ารักน่าชัง ผมจึงให้ขนมเป็นสินน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ตอบแทน กระทู้นี้ภาพเยอะหน่อยนะครับ เดินทางเหนื่อย ขออนุญาตลงให้คุ้ม


Create Date : 02 มีนาคม 2552
Last Update : 2 มีนาคม 2552 21:36:33 น. 6 comments
Counter : 2857 Pageviews.

 
แวะมาเที่ยวด้วยคน โชคดีมากนะที่สะสมประสพการณ์ชีวิตได้ดี ออกหนังสือเลยจะตามมาอ่าน ได้ความรู้ดี


โดย: wildbirds วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:20:19:29 น.  

 
ถ่ายรูปมาสวยมากเรย ชอบวิวที่จุดชมวิวมากสวยดี เอ่อมมว่าแต่แกขนหนังสือพิมพ์ไทยไปรองกับข้าวด้วยหรอแก -*- อุส่านะ


โดย: fuang IP: 58.9.55.191 วันที่: 2 มีนาคม 2552 เวลา:21:35:45 น.  

 
มีความฝันเหมือนกันเลยค่ะ สู้ๆๆๆ นะคะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ

ธรรมชาติสวยจังค่ะ

ภาพทะเลสาบกับฝูงนกฟลามมิงโก้กับนกเพลิแกนก็สุดยอด น้อยคนที่จะมีโอกาสได้เห็นวิวสวยๆ แบบนี้


โดย: arcoiris วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:13:00:54 น.  

 
เขียนได้ดีมากเลยครับ
ไว้รวบรวมออกเป็นพอกเกตบุคเลยนะ หนับหนุน


โดย: pat-drill IP: 196.202.209.8 วันที่: 4 มีนาคม 2552 เวลา:13:09:06 น.  

 
กำลังหาข้อมูลประเทศเคนยา พอดีเลย มาเจอบล๊อคนี้เข้าดีใจจังค่ะ ถามนิดนึงนะค่ะ ถ้าไปเองไม่ได้ไปกับทัวร์ปลอดภัยมั๊ยค่ะ แบบถ้าขับรถเที่ยวกันเองนะค่ะ แล้ว เรื่องวีซ่าของ่ายมั๊ยค่ะ

-------------------------------------------------------------------
เล่าเรื่องได้น่าติดตามมากค่ะ รูปก็สวยอยากไปเห็นฟลามิงโกจังเลย เชียร์ให้ออกพ๊อคเก็ตบุค เร็วๆนะค่ะ


โดย: แก้ม IP: 78.54.189.100 วันที่: 7 มีนาคม 2552 เวลา:22:20:18 น.  

 
มาช่วยตอบแทนละกัน

ถ้าไปเองไม่ได้ไปกับทัวร์ก็น่าจะมีคนขับรถที่เป็นคนเคนย่าสักหน่อยนะ เพราะบางทีเราสื่อสารกับเค้าไม่เข้าใจก็จะได้ให้คนขับรถเนี่ยแหละช่วยพูดให้ค่า

ส่วนเรื่องวีซ่าคนไทยทำ on arrival visa ที่นี่ได้เลยค่า


อืมมม เห็นรูปนากูรู แล้วอยากไป Ambosere เร็วๆจังเนอะ


โดย: MaY IP: 129.192.196.7 วันที่: 13 มีนาคม 2552 เวลา:15:30:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thaisoloclub
Location :
Rome Italy

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 32 คน [?]




Friends' blogs
[Add Thaisoloclub's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.