|
|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
Spring - Summer : Green color is come back to town ....
" อดทนเวลาที่ฝนพรำ ..... อย่างน้อยก็ทำให้เราได้รู้ถึงความแตกต่าง (We'll gonna get a sunshine) …… " สำหรับ entry นี้ อ่านแล้วก็ให้เปิดเพลง "ฤดูที่แตกต่าง" คลอตามไปด้วย จะให้อารมณ์มาก
หา ..... ? ไม่มีเพลงในเครื่อง ? นี่ไงครับ เตรียมไว้ให้ข้างล่างนี่แล้ว กดเปิดฟังกันได้เลย 5555+
คนข้าง blog : ไม่ค่อยจะเห่อเลยนะมึง .... (ยืมมุขนี้มาจาก fuxsuxlux นะครับ) gappaman : 5555+ คนข้าง blog : มึงมันลาว gappaman : อ้าว .... คนข้าง blog : ล้าหลัง gappaman : อยู่ดีๆมึงด่ากูทำไม? คนข้าง blog : ดูหัวข้อที่มึงโพสต์สิ gappaman : ………… คนข้าง blog : หน้าร้อนมันผ่านมาตั้งกี่เดือนแล้ว gappaman : blog ของกู คนข้าง blog : เพิ่งจะมาเขียนเอาตอนนี้ gappaman : เรื่องของกู คนข้าง blog : ………… gappaman : ………… คนข้าง blog : กูแค่อยากจะบอกว่า … gappaman : เรื่องของมึง คนข้าง blog : ………… gappaman : ว่าแต่มึงเถอะ เขียน blog ตอนใหม่กับเขาหรือยัง ? คนข้าง blog : ยัง gappaman : นี่กูเขียนแล้วนะเว้ย คนข้าง blog : ………… gappaman : มึงมันลาว คนข้าง blog : ………… gappaman : ล้าหลัง .... อ้าว จะไปไหนล่ะ ด่ายังไม่เสร็จเลย คนข้าง blog : เขียน blog ตอนใหม่ gappaman : ok โชคดีเว้ย เขียนให้ไวเลย เดี๋ยวจะไปดูบ้าง
โอ้ววว .... โทษทีครับ คุยกับเพื่อนบ้านนานไปหน่อย มาต่อกันดีกว่า อย่างว่าล่ะครับ หลังจากผ่านฤดูหนาวที่บัดซบมาได้ ก็ต้องมาสู่ฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อนตามลำดับ ที่จริงก็จะเขียนเรื่องนี้นานแล้วล่ะ (จนมาเข้าเดือนมิถุนาอย่างที่คนข้าง blog บอก) เอาภาพที่ถ่ายไว้แถวๆบ้านออกมาให้ได้ดูกัน อยู่เมืองนอกแล้วทำให้เห็นค่าของความอบอุ่นจริงๆ จำได้เลยตอนที่รู้ว่าเข้าหน้าร้อน อุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 70 ฟาเรนไฮต์อีกต่อไป ยิ้มแทบแก้มปริ .... หน่ออ่อนๆเริ่มผลิ สีเขียวๆเริ่มกลับคืนมาสู่เมืองแล้วครับ
เทียบกับฤดูหนาวแล้วต่างกันเห็นๆ
ส่วนภาพพวกนี้ผมก็เดินถ่ายเอาตามทางที่ใช้ประจำจากบ้าน มาทำงานร้านอาหารใน Downtown Decatur นี่แหละครับ สวยดีไม่หยอก พืชพรรณที่นี่
ดูแล้วมีชีวิตชีวากว่าฤดูหนาวมากๆ เห็นแล้วก็นึกขำคนที่ไปเที่ยวตามเขา ขึ้นภูนั้นภูนี้ในเมืองไทย ต้องไปเที่ยวตามเก็บใบ maple มาฝากคนโน้นคนนี้ ..... สำหรับฤดูหนาวของที่นี่มันก็ขยะเกลื่อนเมืองดีๆนี่เอง ถ้าอยากได้เดี๋ยวเอาไปแจกเป็นกระสอบเลย จะได้เอาไปโม้ว่าพิชิตมาทุกภูแล้ว 5555+
พูดถึงแล้วก็อยากไปเที่ยวภููสอยดาวแฮะ .....
วิวทิวทัศน์ที่นี่ยอมรับว่าสวยงาม เป็นระเบียบงามตากว่าบ้านเราเยอะ แต่ในความงามพวกนี้มันเต็มไปด้วยความทรมานครับ ทำไมน่ะเหรอ ? .... เพราะบ้านเมืองมันแบ่งกันเป็นสัดส่วนมากเกินไป ละแวกคนอยู่อาศัยก็จะเต็มไปด้วยบ้านติดๆกันเป็นพรืด เป็นโซนที่มีแต่บ้านเท่านั้น ไม่มีร้านค้าเลยแม้สักร้านเดียว อารมณ์คล้ายๆกับพวกหมู่บ้านจัดสรร .... อย่างโหด คิดอยากจะกิน อยากได้อะไรก็ต้องเข้าไปซื้อในเมืองเท่านั้น เห็นสวยๆแบบนี้ กว่าจะเดินเข้าไปถึงเมืองนี่30 นาทีเลยนะครับ !! ไป – กลับก็ 1 ช.ม.พอดี เดินกันขาลาก คนที่นี่มันไม่รู้จักคำว่า "ร้านค้าชุมชน" กันเลยรึไงนะ ถ้าเป็นบ้านเราก็จะมีร้านค้ากระจายๆไปตามย่านที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นร้านโชว์ห่วย , เซเว่น , ร้านเครื่องไฟฟ้า , ซ่อมรองเท้า , ร้านจักรยาน , ตลาดสด หรืออะไรก็แล้วแต่ ถึงจะดูมั่วๆซั่วๆ อีรุงตุงนัง แต่มันก็ง่ายกับการอยู่อาศัย
^ ^ อย่างที่เห็นข้างบนนี้แหละครับ บ้านสวย สวนกว้างขวาง แต่ก็ได้แค่งามตาอย่างเดียว เปรียบเทียบกับคนก็ต้องว่า "สวยใส ไร้สมอง" 5555+
อยู่ที่นี่ต้องคอยเช็คตู้เย็นตลอดว่าอะไรกำลังจะหมด ต้องไปซื้อมาตุนไว้ แต่ก็ตุนไม่ได้มากเพราะเดินไปซื้อก็มีแค่สองมือ สองขา ซื้อมากไประวังเดินกลับไม่ไหว (อย่างลืมว่าต้องแบกน้ำหนักพวกนี้เดินร่วมครึ่งช.ม.) ต้องลำดับความสำคัญของของที่จะซื้อด้วยว่าอันไหนด่วนมากด่วนน้อย ส่วนใหญ่ก็ของที่จำเป็นที่เอาไว้ทำอาหารง่ายๆกินเอง จำพวกขนมปัง , ไส้กรอก , แฮม , มาม่า , ผัก ไอ้พวกขนม ของกินเล่นนี่ไม่ต้องพูดถึง แทบไม่ได้แตะเลย นอกจากจะเปลืองเนื้อที่สัมภาระแล้วยังจะเพิ่มน้ำหนักอีกต่างหาก (ทำไมกูต้องมาเหนื่อยมากขึ้นกับสิ่งที่ไร้ประโยชน์?) แถมถ้าคิดจะหาอะไรกินนอกบ้านก็ต้องตรงต่อเวลาด้วย เพราะที่นี่ไม่มีร้านข้าวข้างทาง มีแต่ภัตตาคาร มาหลัง 4 ทุ่มก็กินแกลบข้างทางเอาเองแล้วกัน (มันก็เลยมากินข้าวร้านผม 3 ทุ่มครึ่ง , 3 ทุ่ม 45 <<< ไอ้พวกนี้น่าตบด้วยถาด ของบ้านเรานี่จะเที่ยวมาดึกแค่ไหนก็ยังพอฝากท้องกับพวกร้านต้มเลือดหมู , ร้านข้าวต้มโต้รุ่ง , ข้าวมันไก่ 24 ช.ม. อะไรเงี้ยได้ ดีกว่าเห็นๆ)
แต่ยังไงตอนนี้ก็เก็บเงินซื้อจักรยานไว้ใช้ได้แล้ว ก็สบายขึ้นมาหน่อย อย่างน้อยก็ลดเวลาไป – กลับลงมาจาก 30 นาที เหลือ 15 – 20 นาที (ถ้าเป็นพื้นเรียบๆเหมือนบ้านเราคิดว่าคงทำเวลาได้ดีกว่านี้ แต่ที่ Atlanta นี่มันมีแต่เนินครับ ปั่นแทบไม่ไป โคตรเหนื่อย แต่ยังไงก็ตาม เวลาขี่กลับบ้านแล้วขี่ตามเนินลงมา เป็นประสบการณ์ที่มันส์มาก แทบไม่ต้องออกแรงถีบ) ยังไงก็เถอะ คนอเมริกาคงรู้สึกเฉยๆกับเรื่องแบบนี้ เพราะว่ามีรถใช้กันนี่หว่า .... ซื้อของกันสบาย แต่สมน้ำหน้าพวกมึงครับ ตอนนี้น้ำมันลิตรละ 5 เหรียญแล้ว ใช้กันเข้าไปสิรถน่ะ .... ออกมาเดิน / ถีบจักรยานกูดีกว่า 5555+
อเมริกาเป็นประเทศที่ใช้พลังงานสิ้นเปลืองอันดับต้นๆของโลก <<<< อย่าเชื่อจนกว่าจะเห็นด้วยตัวเอง
เนี่ยครับ .... ภาพที่เอามาให้ดูถือว่ายังเป็นเนินลูกเล็กๆเองนะ
เห็นแล้วนึกถึงการ์ตูน "สิงห์นักปั่น" ชะมัด
คอมเมนต์ที่นี่
//gappaman.everthai.com/phpbb3/viewtopic.php?f=21&t=40
Create Date : 20 มิถุนายน 2551 |
Last Update : 20 มิถุนายน 2551 5:42:16 น. |
|
0 comments
|
Counter : 686 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|