gappaman

gappaman
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]







Add to Technorati Favorites
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2551
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
22 พฤษภาคม 2551
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add gappaman's blog to your web]
Links
 

 

My side stories # 05 : แค่น้ำองุ่นเองนะว้อย !

"ฮ้าวววววว ......"

"งืมๆ จั๊บๆ แจ๊บๆ"

"โว้ยยยยย !!!!"

"ขออีก 5 นาทีได้ไหมวะ?"

"จะร้องปลุกทำไมวะเนี่ยยยยย ....."

"............ (ไม่รู้สึกตัว)"

เป็นประจำทุกเช้าล่ะครับ สำหรับเสียงก่นด่า สบถ สรรเสริญเยินยอนาฬิกาปลุกแบบนี้ .... ว่ากันว่าคนขยันทำมาหากิน มีวินัย ต้องเตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มวันใหม่ .... แต่ผมไม่เคยพร้อม 5555+

นี่อาจจะเป็นผลผลิตที่ด้อยคุณภาพของชาติไทยกระมัง ....

ถึงการตื่นนอนตอนเช้าจะน่าเบื่อเพียงใด แต่หากไม่คิดจะนอนข้ามวันข้ามคืน ยังไงก็ต้องตื่นขึ้นมาจนได้ล่ะ .... และนี่ก็เป็นอีกวันที่จะต้องไปโรงเรียนภาษาอังกฤษที่ชื่อว่า Kaplan เพื่อไปเก็บ ช.ม. เรียนให้ครบตามที่กำหนดไว้ต่ออาทิตย์

อะไรนะ? เรียน Kaplan สนุกไหม?
โอ๊ยยยยยย .... สนุกมากเล๊ยยยย เรียนแล้วนึกถึงโรงเรียนกวดวิชาที่ี่เคยไปเรียนงกๆๆๆเมื่อสมัย ม.ปลาย ต้องมานั่งดูการเรียนการสอนจากวิดีโอเทปทีอัดมาจาก ช.ม. สอนจริง ที่นี่ก็มีหนังสือเรียนเล่มโต กับเทป conversation ให้เอาไว้ฟังเหมือนกัน และสำหรับการเรียนที่นี่ หากว่ากันด้วยระเบียบการแล้ว นักเรียน Kaplan ต้องมีหลักฐานในการยืนยันตัวเองว่าใช้เวลาในการศึกษาเล่าเรียนอยู่ในโรงเรียนไม่ต่ำกว่า 22 ช.ม. / อาทิตย์ (ในจำนวนนี้ได้รวม ช.ม. สอนในชั้นเรียนไปด้วย >>> 3 ช.ม. / อาทิตย์) สรุปแล้วก็คือ ภายใน 1 อาทิตย์ จะต้องมี

หลักฐานว่าใช้เวลาอยู่ในโรงเรียน 19 ช.ม. + มาเข้าชั้นเรียนให้ครบ 3 ช.ม.

ที่ Kaplan จะใช้ระบบ sign in – sign out ครับ เพื่อเป็นหลักฐานการบันทึกเวลาของนักเรียนแต่ละคน มาที่โรงเรียนแล้วจะทำอะไรก็ได้ (ถ้าวันนั้นไม่ต้องเข้าเรียน) ซึ่งที่ถูกที่ควรก็คือการนั่งอ่านหนังสือ / ทำแบบฝึกหัดภาษาอังกฤษ , ฟังเทป conversation แต่ใครจะทำแบบนั้นได้ตลอดเวลาฟะ? .... โคตรน่าเบื่อเลยครับที่ต้องเอาเวลามาทิ้งเปล่าปลี้ๆที่นี่ ที่สำคัญคือ .... จะได้อะไรไหมกับไอ้การเรียน 3 ช.ม. / อาทิตย์เนี่ย? เทียบกับค่าเรียนที่ต้องจ่าย 1,100 เหรียญทุกๆ 2 เดือน

อ้าว .... บ่นอีกละ ออกทะเลอยู่เรื่อย
พอครับพอ ไว้ว่ากันทีหลัง ....

ก่อนหน้านั้นพูดถึงเรื่องอะไร? อ๋อ .... กำลังจะไปโรงเรียน สำหรับการเดินทางประจำวันนั้นก็ต้องเดินย่ำต๊อกจากบ้านมายังสถานีรถไฟใต้ดินในเมือง Decatur ซะก่อน กินเวลาสักครึ่ง ช.ม. เห็นจะได้ ไกลโคตรๆ ประมาณ 2 กิโลนะ คิดว่าอย่างนั้น (เดินไปเดินกลับก็ซัดไป 4 กิโลเป็นอย่างต่ำ)

เอาล่ะ .... ตอนนี้ถึงสถานีแล้ว (เรื่องราวระหว่างทางค่อยว่ากัน entry อื่น) นี่ครับ ถ้าดูจากในแผนที่แล้วจะเห็นว่าเมือง Decatur นี่อยู่ทางตะวันออกของ Atlanta แถมไม่ใช่ออกนิดๆด้วย (E6 >>> 6 สถานีจากใจกลางเมือง) ฉะนั้นจึงต้องนั่งรถไฟย้อนกลับไปทางตะวันตก (westbound) ก่อน เพื่อไปที่ใจกลางเมือง







สภาพภายในรถไฟจริงๆแล้วก็ไม่มีอะไรพิเศษ ไม่ต่างจาก BTS บ้านเราหรอก แถมมีแต่พี่มืดทั้งนั้นเลย



พอมาถึงใจกลางของ Atlanta ที่เรียกกันว่า Five Point กันแล้ว ก็ต้องไปนั่งรถไฟสายเหนือ หรือ northbound กันต่อ เพื่อให้ถึงสถานี Linbergh สิริรวมเวลาที่ต้องใช้บนรถไฟก็อยู่ที่ประมาณ 40 นาทีครับ





หลังจากนั้นก็ต้องนั่งรถเมล์กันอีกต่อเพื่อไปให้ถึงโรงเรียน เสร็จสรรพก็ชั่วโมงนึงพอดีเลย อยากจะร้องไห้





และทีนี้เรื่องที่ว่ามันก็เกิดระหว่างผมอยู่ในรถไฟ northbound นี่แหละ ..... ผมก็นั่งไปเรื่อย ส่วนใหญ่ก็นั่งหลับในนี้แหละครับ (นิดๆหน่อยๆก็เอา) ครั้งนี้ผมก็ไม่ได้ทำตัวต่างจากเดิม ขยับท่าเตรียมจะนอนอยู่แล้วล่ะ แต่สังเกตว่าของในถุงผ้าที่เอามามันโคลงเคลง ไม่ค่อยเข้าที่เข้าทาง (ไม่ใช้ถุงพลาสติกครับ .... รณรงค์ลดภาวะโลกร้อน ^^ ) ในนั้นก็จะมีกล่องข้าวที่เตรียมเอามากินที่ Kaplan (ข้าวจากร้านอาหารที่ทำงานอยู่น่ะแหละ) แล้วก็มีขวดน้ำ / กระป๋องน้ำที่ซื้อมาจาก Food Mart (ร้านโชว์ห่วย) ที่อยู่ข้างๆสถานี decatur ที่ลงทุนแบกมาก็เพราะว่าซื้อแบบนี้มันถูกกว่ามาหยอดตู้น้ำอัตโนมัติที่โรงเรียน (กระป๋องละเหรียญๆๆๆ เล่นเอาจนได้เลยเหมือนกันนะ กินได้ไม่กี่อึกก็หมดแล้ว)

จังหวะนั้นล่ะครับที่พี่มืดซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ อยู่ดีๆก็ส่งเสียงเอะอะโวยวายใส่

"What do you think bringing this fucking thing on the train !!! @#$%$^#^&^()*&$&%"

ฟังไม่ทัน .....

อะไรของมึงวะ? ไม่รู้เรื่อง แต่ที่แน่ๆคือกำลังโดนด่าอยู่ แปลจากประโยคหน้าที่พอจับใจความได้ก็ยังงง ตูเอาอะไรที่มันผิดกฏการขึ้นรถไฟมาเหรอ? ไอ้นี่มันต้องเข้าใจอะไรผิดอยู่แน่ๆ แต่ไม่เป็นไร ไม่ฉุน เพราะฟังไม่รู้เรื่อง ว่าแล้วก็พยายามฟังต่อ .....

"@#$$#$^#$$#^*&(&^)^#%$@ beer @#%$#^$%&%*&* !!!!" ประโยคนี้ตะโกนด่าดังเป็นพิเศษ หวังเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง .... ได้ผลนะ ชาวบ้านบางคนก็หันมามองเหมือนกัน เสร็จจากประโยคนี้มันก็ทำท่าแบบว่าทนนั่งกับผมต่อไปไม่ได้แล้ว รังเกียจ เลยลุกขึ้นย้ายไปนั่งที่อื่น ส่วนผมเองก็ยังมึนๆ เลยไม่ตอบโต้ ไม่รู้ว่ามันด่าว่าอะไร (และก็ไม่รู้จะด่ากลับไปว่ายังไง) แต่ในที่สุด จาก keyword คำว่า "beer" ทำให้เข้าใจอะไรมากขึ้นเยอะ

อ้อ .... มันคงนึกว่าไอ้สิ่งนี้ในถุงผ้าเป็นกระป๋องเบียร์แน่ๆ



ใช่ครับ ..... น้ำองุ่นโว้ยยยย !!!!!

มองไม่ได้ศัพท์ จับไปกระเดียดนี่หว่าแบบนี้ เอ้อ ! คนเรา .... เห็นเป็นกระป๋องๆหน่อยไม่ได้เลย (หน้าตากูเป็นคนขี้เมาขนาดนั้นเลยหรือวะ?) จะว่าไป กรณีนี้แม้จะเป็นเบียร์จริงๆ มันก็ไม่มีสิทธิ์มายุ่งอะไรด้วย ถึงตามกฎของรถไฟจะห้ามกินห้ามดื่มขณะโดยสาร แต่ถ้าพกมาแล้วอยู่ในสภาพปิดผนึกสมบูรณ์ก็ไม่มีปัญหา



เป็นอีกเหตุการณ์ที่ทำให้ขอบคุณในความกระเหรี่ยงของตัวเอง ถ้าฟังออกตั้งแต่แรกคงจิตเสียไปเลยวันนั้น รู้ทีหลังแบบนี้ไม่ค่อยหงุดหงิดเท่าไหร่ ออกจะขำในความเกรียนพี่มืดคนนั้นด้วย เสียดายอย่างเดียวที่ตอนนั้นกำลังงงๆอยู่ เลยไม่ทันได้โชว์ "กระป๋องน้ำองุ่น" ให้มันดู 5555+

ถุย ! .... พ่อพลเมืองดีู




สำหรับโพสต์คอมเมนต์

//gappaman.everthai.com/phpbb3/viewtopic.php?f=21&t=38




 

Create Date : 22 พฤษภาคม 2551
0 comments
Last Update : 22 พฤษภาคม 2551 11:15:02 น.
Counter : 643 Pageviews.

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.