ศูนย์ปฏิบัติธรรมม่อนอารักษ์ เมืองลับแล ที่เคยขุดพบวัตถุโบราณ 2.5 พันปี
LubLae
เนื่องจากข้อมูลเกี่ยวกับม่อนอารักษ์มีน้อยมากก็เลยขอนำเสนอเรื่องที่เกี่ยวกับม่อนอารักษ์ประกอบด้วยนะครับ
เมืองลับแล
เรื่องเมืองลับแล เป็นนิทานพื้นบ้านเล่ากันว่าเป็นเมืองของคนดี มีความซื่อสัตย์สุจริต โกหกคำเดียวไม่ได้ ลูกเขยเห็นลูกร้องไห้ กล่อมแบบไหนก็ไม่หยุด หลุดปากหลอกลูกว่า แม่มาแล้ว...เท่านั้นแหละ ก็ต้องออกจากเมือง
เกร็ดของเรื่องอยู่ตรงขมิ้นที่เมียจับยัดใส่เต็มย่าม...ระหว่างเดิน เหนื่อยมาก ก็ควักทิ้ง เหลือขมิ้นอยู่แง่งเดียว พอถึงบ้านล้วงขึ้นมาจึงรู้ว่าเป็นทอง
เรื่องเมืองลับแล ทำนองนี้เล่ากันทั่วไป ไปเมืองไหนก็เล่า กระทั่งที่อำเภอลับแล จังหวัดอุตรดิตถ์
หนังสือวัฒนธรรม พัฒนาการทางประวัติศาสตร์ ฯลฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ อธิบายคำ ลับแล ไว้ว่าที่ซึ่งมองดูไม่เห็น เป็นชื่อเมืองที่ตั้งอยู่ในภูมิประเทศที่ลึกลับซับซ้อน มองจากภายนอกจะมองเห็นเป็นป่า ไม่ค่อยพบเห็นบ้านเรือน คนต่างถิ่นหากหลงเข้าไปก็มักหาทางออกไม่เจอ
บรรยากาศทั่วไปเยือกเย็นยามพลบค่ำ ดวงอาทิตย์ ไม่ทันตกดิน ก็มืดแล้ว เพราะมีดอยม่อนฤๅษีสูงใหญ่เป็นฉากกั้นแสงอาทิตย์ ป่าบริเวณนี้เรียกว่า ป่าลับแลง...
ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นคำว่า ลับแล
บริเวณที่เป็นที่มาของชื่อ ลับแล คือห้าตำบลด้านเหนืออำเภอลับแล...ตำบลชัยจุมพล ตำบลศรีพนมมาศ ตำบลฝายหลวง ตำบลแม่พูล ตำบลนานกกก
ชาวลับแลมีอาชีพทำสวนทุเรียน สวนลางสาดบนภูเขา ผู้ชายใช้ชีวิตส่วนใหญ่ดูแลสวน ทิ้งลูกหลานอยู่ที่บ้าน ใครผ่านไป ก็เจอแต่ผู้หญิง นี่ก็คือที่มาของฉายา เมืองแม่ม่าย
สมเด็จกรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงสันนิษฐานว่า คนเมืองลับแล น่าจะเป็นคนเมืองแพร่ เมืองน่าน...ที่หนีเภทภัย หรือลี้ภัยศึกสงคราม นักประวัติศาสตร์บางท่าน ชี้ว่า ในสมัยพระบรมไตรโลกนาถ มีสงครามระหว่างอยุธยากับเมืองทางเหนือ
แต่ตำนานกำเนิดเมืองลับแล...เล่าและบันทึกกันไว้เป็นหลักฐาน...เมื่อ ประมาณ พ.ศ.1500 หรือเมื่อพันปีที่แล้ว สมัยอาณาจักรโยนกนคร (เชียงแสนปัจจุบัน) เกิดสงครามรบพุ่งกันเนืองๆ ทั้งยังมีโรคระบาด
หนานคำสือและหนานคำแสน เป็นหัวหน้าพาคน 20 ครัวเรือน บรรทุกข้าวของใส่เกวียน มุ่งหน้าลงใต้ โดยบอกว่า เจ้าปู่พญาแก้ววงเมือง (กษัตริย์องค์ที่ 17 โยนกนคร) เข้าฝันบอกทาง
จนมาถึงหุบเขาเมืองลับแล พบน้ำตก ธารน้ำไหล ดินฟ้าอากาศชุ่มชื้น มีภูเขาเตี้ย อุดมด้วยนานาพันธุ์ไม้ เหมือนที่เจ้าปู่เข้าฝัน ก็เลือกเป็นที่ตั้งรกรากปักฐาน
หนานคำสือ เป็นเจ้าแคว้น (กำนัน) หนาน คำแสน เป็นเจ้าหลัก (ผู้ใหญ่) ทำมาหากินอยู่เย็นเป็นสุขสมบูรณ์ 7 ปีต่อมา ก็ชักชวนชาวบ้าน 10 คน บรรทุกข้าวของเดินทางย้อนขึ้นไปเยี่ยมญาติ และได้เข้าเฝ้าฯพระเจ้าเรืองธิราช กษัตริย์ องค์ที่ 21 โยนกนคร กราบทูลถึงถิ่นฐานแห่งใหม่
พระเจ้าเรืองธิราช พระราชทานพระไตรปิฎก และพระสงฆ์ 6 รูป และเครื่องใช้ไม้สอยเกี่ยวกับศาสนพิธีให้ไปสร้างวัดเก้าเง้ามูลศรัทธา (วัดใหม่ ต.ฝายหลวง ปัจจุบัน)
ความสัมพันธ์ระหว่างเมืองลับแลกับโยนกนคร แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เมื่อกษัตริย์โยนกนครขอนางสุมาลี ธิดาเจ้าแคว้นลับแล และนางสุมาลา ธิดาเจ้าหลักเมืองลับแล ซึ่งมีฝีมือในด้านเย็บปักถักร้อย เป็นผู้ประดิษฐ์ซิ่นลายตีนจก ให้เป็นชายาฝ่ายขวาและฝ่ายซ้าย ของเจ้าฟ้าฮ่ามกุมารราชบุตร
และโปรดให้ไปเป็นกษัตริย์เมืองลับแล เมื่อ พ.ศ.1513
เจ้าฟ้าฮ่ามมีพระทัยฝักใฝ่ศาสนา เสด็จไปขอแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ จากดอยตุง มาบรรจุที่สถูปเจดีย์วัดป่าแก้วเรไร (วัดเจดีย์ ปัจจุบัน) ผู้เฒ่าเมืองลับแลเล่าให้ลูกหลานฟังว่า ถึงวันศีลวันธรรม จะมีดวงไฟสุกสว่าง (พระธาตุเสด็จ) ลอยเหนือเจดีย์ อยู่เป็นประจำ
ต่อมาได้เสด็จไปแบ่งพระบรมสารีริกธาตุ 32 องค์ จากโยนกนคร มาบรรจุไว้ที่สถูปเจดีย์ วัดม่อนธาตุ และต่อมาได้สร้างวัดชัยจุมพล และวัดดอนชัย เมื่อเจ้าฟ้าฮ่ามสวรรคต ราษฎรได้นำพระอัฐิไปบรรจุไว้ที่วัดม่อนอารักษ์ ต.ฝายหลวง ให้ชาวลับแลได้สักการะจนถึงวันนี้.
ข้อมูลโดย"บาราย" จาก //dek-d.com/board/view.php?id=595081
LubLae
ประเพณีแห่น้ำขึ้นโรง
จัดขึ้นในวันที่ ๑๔ เดือนเมษายนของทุกปี บริเวณเชิงดอยม่อนอารักษ์ อำเภอลับแล มีการ กรวดน้ำรดน้ำให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว ด้วยการนำน้ำอบและน้ำหอมไปสรงตามศาลเจ้า ซึ่งเป็นที่นับถือในหมู่บ้าน โดยมีขบวนพิธีจากหมู่บ้านต่าง ๆ อัญเชิญน้ำศักดิ์สิทธิ์และเครื่องสักการะไปรอบเมือง แวะสักการะอนุสาวรีย์พระศรีพนมมาศ สรงน้ำพระเถระผู้ใหญ่ในวัดเจดีย์ศรีวิหาร สักการะดวงวิญญาณบริเวณอนุสาวรีย์เจ้าฟ้าฮ่ามกุมาร การแสดงถวายหน้า อนุสาวรีย์ และฟ้อนรำ
จาก //www.thaihoteltravel.com/th/uttaradit_thailand/festivals.htm
LubLae
ตะลึง! พบวัตถุโบราณ 2.5 พันปี
LubLae ชาว บ้านขุดพบและเก็บรักษาที่ศูนย์ปฏิบัติธรรม และที่พักสงฆ์ม่อนอารักษ์ จ.อุตรดิตถ์ คาดว่าเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุ 2,000-2,500 ปี
นาง รัตติยา ไขยวงศ์ นักโบราณคดี 4 สำนักศิลปากรที่ 6 จ.สุโขทัย กล่าวเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ภายหลังตรวจสอบหลักฐานทางโบราณคดีที่ชาวบ้านขุดพบและเก็บรักษาที่ศูนย์ ปฏิบัติธรรม และที่พักสงฆ์ม่อนอารักษ์ หมู่ 7 ต.ฝายหลวง อ.ลับแล จ.อุตรดิตถ์ ว่า มี ขวานสัมฤทธิ์ เศษไห เศษหม้อดินเผา จักรหิน มีด กำไลหิน หยก ลูกกลิ้งบดยา แท่งหินบดยา หินขัด เบี้ยหินพร้อมมีดหินขัดสำหรับแล่เนื้อสัตว์ เป็นต้น
เบื้องต้นจะทำ รายการบัญชีโบราณวัตถุพร้อมลงทะเบียนไว้ก่อน และให้ศูนย์ปฏิบัติธรรมเก็บรักษาไว้ชั่วคราว คาดว่าเป็นยุคก่อนประวัติศาสตร์ อายุ 2,000-2,500 ปี น่าจะเป็นของใช้ในชีวิตประจำวัน หรือใช้ในพิธีกรรม พื้นที่นี้เดิมอาจเป็นชุมชน เนื่องจากอยู่เนินเขาและมีคลองไหลผ่านด้านทิศเหนือ เหมาะสำหรับตั้งรกราก
LubLae
ข่าวจาก //www.zone-it.com/stocks/data/39/39288.html
อ่านข่าวนี้เต็มๆ คลิกที่นี่
Create Date : 15 พฤศจิกายน 2552 |
|
0 comments |
Last Update : 15 พฤศจิกายน 2552 11:58:18 น. |
Counter : 2628 Pageviews. |
|
|
|