"บางครั้งก็ต้องรอให้เกิดเหตุเสียก่อนจึงจะระลึกได้ว่าบางอย่างเกิดขึ้นได้ อย่างกรณีของเซอร์จิโอ เปเรซ ที่โมนาโค ทำให้เขาตื่นตัวมากกว่าใครในการประชุมของจีพีดีเอ ซึ่งนั่นก็เป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่ไม่ต้องการให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นกับตัวเราอีก" ประธานสมาคมกล่าว

นับว่าเป็นสิ่งดีที่นักขับเด็กๆ อย่างเปเรซให้ความสำคัญกับงานด้านความปลอดภัยที่จีพีดีเอทำ แต่ก็ยังต้องเป็นนักขับมากประสบการณ์ที่คอยนำทิศทาง และแม้ปกติจะมีการเรียกประชุมก่อนการแข่งขันในสุดสัปดาห์นั้นๆ แล้ว แต่บาร์ริเคลโล่ได้ทุ่มเทเวลาให้กับงานนี้มากกว่าใครในฐานะประธาน โดยเขาเล่าว่าบทบาทของเขาในตำแหน่งนี้ไม่ใช่การออกมาวิจารณ์ในเรื่องต่างๆ แต่ต้องใช้ความอดทนอย่างสูงกับการบริหารจัดการ หลังการแข่งขันจบในคืนวันอาทิตย์เขาจะได้รับอีเมลจากสมาชิกเข้ามาหลายฉบับซึ่งเป็นการสอบถามถึงความเห็นในเรื่องสนาม เรื่องที่จะนำไปพูดคุยกับชาร์ลี ไวติ้ง (กรรมการด้านเทคนิคของเอฟไอเอ) หรือเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เขาต้องทำรายงานเสนออยู่เป็นประจำและนั่นก็กินเวลาพอสมควรในแต่ละครั้ง

อย่างไรก็ตาม ข้อดีของการเป็นประธานทำให้เขาสามารถสื่อสารกับนักขับหรือเอฟไอเอในเรื่องความปลอดภัยได้โดยตรง

นอกจากนั้นจีพีดีเอยังสร้างบรรยากาศให้นักขับสามารถแสดงความคิดเห็นในเรื่องความปลอดภัยได้อย่างอิสระจากทีมของตนเอง บาร์ริเคลโล่เชื่อว่าไม่ใช่แค่วิศวกรของทีมที่จะเป็นผู้กำหนดว่าอะไรปลอดภัยหรือไม่ปลอดภัยกับนักขับ โดยเขายกตัวอย่างการห้ามใช้ DRS ในโค้งโอรูจของสนามสปาก็เป็นผลมาจากความเห็นพ้องร่วมกันในการประชุมของสมาคม

"จีพีดีเอทำงานในเรื่องความปลอดภัยของสนามและนักขับเท่านั้น เราไม่ได้ทำในด้านอื่น ซึ่งถ้าเราให้วิศวกรนั่งในรถขณะที่เปิด DRS เข้าโค้งโอรูจ พวกเขาต้องเข้าใจได้ทันที ผมคิดว่ารถเร้ดบูลคงเข้าโค้งโอรูจพร้อมเปิด DRS ได้ แต่เซ็บและมาร์ก เว็บเบอร์ ลงความเห็นว่าไม่ควรเพราะพวกเขาคิดว่ามันอาจก่อให้เกิดอันตราย นี่คือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าทำไมจีพีดีเอจึงทำงานได้อย่างดี เพราะถึงแม้พวกเราต่างจะเอาชนะกัน แต่เราต้องมีความเคารพซึ่งกันและกันด้วย"

ที่ผ่านมาฟอร์มูล่าวันได้พัฒนาเทคโนโลยีความปลอดภัยไปมากแล้ว ตัวอย่างเช่น การยกขอบที่นั่งนักขับให้สูงขึ้นอันเป็นผลหลังจากอุบัติเหตุของคาร์ล เวนด์ลิงเกอร์ ในปี 1994 ที่โมนาโค (เพียงสองสัปดาห์หลังการเสียชีวิตของไอร์ตัน เซนน่า) ที่ทำให้เขาต้องเลิกอาชีพนักขับไปเลย ซึ่งลักษณะอุบัติเหตุคล้ายกับกรณีของเปเรซ โดยของเปเรซโชคดีมากที่มีกำแพง "เทคโปร" (Tecpro - //www.tecpro.fr/f1/english/advantages.php) เทคโนโลยีกำแพงกันกระแทกชนิดล่าสุดตามมาตรฐานของเอฟไอเอมาซับแรงกระแทกที่เชื่อกันว่ามากถึง 80g หรืออย่าง HANS เป็นอุปกรณ์ป้องกันการกระแทกของฐานกระโหลก รวมถึงการพัฒนาตัวถังรถให้มีความแข็งแรงขึ้น แต่ก็ยังมีช่องให้พัฒนาต่อไปอีก

เซอร์จิโอ เปเรซ โชคดีที่ได้กำแพง "เทคโปร" ช่วยชีวิตไว้

รถประเภทฟอร์มูล่าซึ่งเป็นรถแข่งที่ที่นั่งนักขับเปิดโล่ง เพราะฉะนั้นศีรษะของนักขับยังเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่ง ยกตัวอย่างจากอุบัติเหตุของเฟลิเป้ มาสซ่า ในรายการฮังกาเรียน กรังด์ปรีซ์ ปี 2009 จึงยังได้มีการพูดคุยกันเสมอๆ ถึงการหาอุปกรณ์มาครอบปิดหรือพัฒนาเทคโนโลยีการหักเห สำหรับบาร์ริเคลโล่เอง เขาไม่ได้กังวลในเรื่องความปลอดภัยมากจนเกินไปนัก

"พวกเรามักจะได้รับการปกป้องอย่างดีจากตรงไหนในสนามที่รู้ว่าเราอาจชนได้ด้วยการตั้งกำแพงเทคโปร ซึ่งเราก็พยายามแนะนำให้ทุกสนามใช้ แต่ก็อาจจะยากนิดหน่อยเมื่อต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องเงิน อย่างไรก็ตาม สนามใหม่ๆ ได้ติดตั้งกำแพงเทคโปรทั้งหมดแล้ว"

แม้จะเห็นได้ว่าบาร์ริเคลโล่ยังสนุกสนานกับบทบาทนี้หลังเขารับช่วงต่อจากนิค ไฮด์เฟลด์ เมื่อกลางปีที่แล้ว แต่เขาก็ไม่ได้คิดว่าจะทำหน้าที่นี้อย่างถาวร ด้วยว่าเวลาของเขาในวงการฟอร์มูล่าวันเหลือน้อยลงเต็มที ไม่แน่ว่าอาจจะสิ้นสุดลงในเดือนนี้หลังบราซิเลียน กรังด์ปรีซ์ ก็เป็นได้

"ผมคงไม่รับหน้าที่ต่อ คือผมยังช่วยได้นะถ้าเมื่อไหร่ก็ตามที่มีใครโทรมาหา แต่ผมคิดว่าถ้าเลิกขับฟอร์มูล่าวันแล้วผมคงเป็นคนดูมากกว่า ถ้าคิดถึงการแข่งขันก็คงจะมาหาบ้างแต่ผมไม่ได้มีอิทธิพลอะไรแล้ว เว้นแต่ยังอยากมีใครให้ผมทำ"

ในฐานะที่เขาเป็นหัวเรือใหญ่ของจีพีดีเอเห็นได้ว่าตัวเขายังมีอิธิพลมากพอที่จะเรียกร้องในเรื่องต่างๆ ด้านความปลอดภัย และกับเอฟไอเอแล้ว จีพีดีเอก็ยังเป็นแรงสำคัญนับตั้งแต่ได้รับการรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ และเชื่อว่าน่าจะยังเป็นเช่นนี้ต่อไป





*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1

Create Date : 05 พฤศจิกายน 2554
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2554 16:05:51 น.		0 comments
Counter : 1565 Pageviews.
Share Tweet