|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ว่ากันด้วยเรื่อง KERS...อีกครั้ง
ในปัจจุบันแฟนๆ ฟอร์มูล่าวันรู้จักและคุ้นเคยกับ "KERS" หรือ Kinetic Energy Recovery System กันเป็นอย่างดีแล้วนะคะ โดย KERS ใช้ในฟอร์มูล่าวันครั้งแรกเมื่อปี 2009 และหยุดพักไปในปีถัดมา ก่อนกลับมาปรากฏอีกครั้งในปี 2011 ทุกวันนี้เจ้า KERS เป็นอย่างไรและมีบทบาทสำคัญในรถฟอร์มูล่าวันยุคนี้แค่ไหน เรมี่ ทัฟแฟง หัวหน้าส่วนปฏิบัติการในสนามของเรโนลต์สปอร์ตเอฟวันได้อธิบายให้พวกเราทราบกันค่ะ
"KERS เป็นมอเตอร์ไฟฟ้าซึ่งทำงานภายในเครื่องยนต์เพื่อเพิ่มกำลังได้มากถึง 60 กิโลวัตต์ เท่ากับพลังงาน 400 กิโลจูล หรือเพิ่มขึ้น 80 แรงม้า ขณะนี้ระบบทำงานได้เป็นอย่างดีและใช้งานง่าย นักขับเพียงแค่กดปุ่มประมาณ 2-3 ครั้งต่อรอบ เหมือนกับการเปลี่ยนเกียร์ให้ถูกจังหวะ โดยไม่มีความซับซ้อนหรือเรื่องความไม่เสถียรของเบรก (เพราะ KERS เก็บพลังงานมาจากการเบรก) ให้เห็นอีกแล้ว ในช่วงแรกของการใช้ KERS รถต้องแบกน้ำหนักมาก อาจจะมากถึง 40 กิโลกรัม แต่ปัจจุบันนี้ระบบมีน้ำหนักลดลงเกือบครึ่งหนึ่งและเข้ากับรถได้เป็นอย่างดี"
แล้วที่จริง KERS ทำงานอย่างไร?
"ระบบถูกติดตั้งด้านหน้าของเครื่องยนต์และเชื่อมต่อตรงเข้ากับเกียร์ ซึ่งเป็นการทำงานแบบสองทาง โดยเมื่อเกิดการเบรก แรงเฉื่อยของรถหรือเครื่องยนต์จะไปทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานและก่อให้เกิดพลังงานไปเก็บไว้ที่แบตเตอรี่ เท่ากับว่าเราได้ชาร์จแบตเตอรี่ ต่อมาเมื่อเราเดินคันเร่งโดยเฉพาะตอนที่ใช้เกียร์ต่ำ เราก็จะนำพลังงานนั้นกลับออกมาจากแบตเตอรี่ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้าสู่เครื่องยนต์ ซึ่งจะเพิ่มกำลังพิเศษให้กับข้อเหวี่ยง
"เป็นเรื่องท้าทายเสมอที่จะต้องรู้ให้ได้ว่าเราจะใช้พลังพิเศษนี้อย่างไรให้ดีที่สุดและมันก็กลายเป็นกลยุทธ์หนึ่ง อย่างเช่นถ้าเราดูการแซงและข้อจำกัดของมอนซ่า หากเราอยู่ในการแข่งขันและต้องการแซง เราอาจกดปุ่ม KERS ก่อนถึงเส้นสตาร์ท-ฟินิชและใช้เต็มที่ไปตลอดที่วิ่งบนทางตรงหน้าพิต หมายความว่าเราจะใช้ KERS ได้นานถึง 13-14 วินาที โดยจุดนั้นเราอาจทำความเร็วได้เพิ่มขึ้นถึง 12 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งสร้างความแตกต่างอย่างมาก"
รถของทีมที่ไม่ใช้ KERS จะเสียเปรียบอย่างไรบ้าง?
"ในการควอลิฟาย KERS จะช่วยให้ทำเวลาได้เร็วขึ้น 0.4 วินาทีต่อรอบ บางครั้งอาจเป็น 0.3 หรือ 0.5 ขึ้นอยู่กับผังสนาม แต่โดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.4 ส่วนระหว่างการแข่งขันจะแตกต่างไปสักเล็กน้อยเพราะเราใช้สำหรับแซง ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนคือกราฟฟิกจากรถของคิมี่ ไรค์โคเน่น ในจังหวะแซงมิชาเอล ชูมัคเกอร์ที่โค้งโอรูจของสนามสปา ซึ่งคิมี่ใช้ KERS ทั้งหมดที่มีอยู่ก่อนขึ้นถึงโค้งโอรูจเพื่อให้อยู่ติดกับชูมัคเกอร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ KERS จึงเป็นสิ่งที่มีประโยชน์มากระหว่างการแข่งขันเมื่อต้องการแซงคู่แข่งในจุดที่พวกเขาไม่คิดว่าเราจะแซงได้"
คลิปจากยูทูบโดยคุณ rferrerFullF1
*จังหวะที่ไรค์โคเน่นแซงชูมัคเกอร์ที่โค้งโอรูจอยู่นาทีที่ 9:03-9:48 ค่ะ
*ข้อมูลจาก nextgen-auto.com
Create Date : 16 กันยายน 2555 |
Last Update : 16 กันยายน 2555 21:58:52 น. |
|
2 comments
|
Counter : 3805 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tAez IP: 110.164.48.250 วันที่: 18 กันยายน 2555 เวลา:12:01:38 น. |
|
|
|
โดย: punch IP: 58.9.233.113 วันที่: 19 กันยายน 2555 เวลา:12:47:31 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]
|
ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!
**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
|
|
|
|
|
|
|
|