Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ไปเซปังครั้งที่ 5...แต่เปลี่ยนมาเป็นโมโต้จีพี 2012 ตอนที่ 2

วันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม

เราออกจากโรงแรมราวๆ 8 โมงเหมือนทุกครั้งที่ไปสนาม แม้จะยังงัวเงียอยู่ แต่เพราะนึกขึ้นได้ว่าเที่ยงวันของวันนี้นักขับโมโต้จีพีจะมาแจกลายเซ็น ความกระตือรือร้นก็มาโดยฉับพลันค่ะ โดยเช้านี้การจราจรหนาแน่นมากขึ้นกว่าเมื่อวาน แต่ยังไม่ถึงกับติดขัด เหตุผลหนึ่งคือการที่บัตรโมโต้จีพีมีราคาถูกกว่าฟอร์มูล่าวันมาก อาจถูกกว่าถึง 10 เท่าด้วยซ้ำ ทำให้คนท้องถิ่นมีโอกาสเข้ามาชมมากขึ้นเพราะอยู่ในราคาที่คนทั่วไปจับต้องได้ ซึ่งแต่ละบ้านก็ขับรถเก๋งพาลูกจูงหลานมาชม รวมทั้งแก๊งค์ผู้นิยมมอเตอร์ไซค์ก็ได้โอกาสพารถคู่ใจออกมาโชว์โฉม รถราก็เลยหนาตากว่าตอนมีแข่งฟอร์มูล่าวันมากเลยค่ะ

พอ 10 โมงเราก็มาถึงสนามเซปังเรียบร้อย เราปรี่ไปยังส่วนหน้าที่เขาจัดไว้ให้นักแข่งแจกลายเซ็น ซึ่งจะมีเฉพาะนักแข่งรุ่นโมโต้จีพีเท่านั้น (อดเห็นหน้าน้องมะขวิดใกล้ๆ เลย) ที่ต้องรีบ "ปรี่" เข้าไปเป็นเพราะไม่แน่ใจว่าเขาจะจัดเหมือนตอนนักขับฟอร์มูล่าวันมาหรือเปล่า ถ้าไม่เราก็จะได้เดินหามุมดีๆ ใหม่

อย่างไรก็ตาม การจัดเหมือนกับช่วงฟอร์มูล่าวันทุกประการ แถมดีกว่าตรงที่ครั้งนี้โต๊ะที่นักแข่งจะนั่งเซ็นมีการยกพื้นให้สูงขึ้นพอสมควร ซึ่งนับว่าดีมากสำหรับคนที่ไม่ได้ไปเข้าแถวขอลายเซ็นแต่อยากแค่เกาะรั้วกั้นดูหน้าและถ่ายรูปพวกนักแข่งใกล้ๆ อย่างเรา โดยจากประสบการณ์ฟอร์มูล่าวันก่อนหน้านี้ทำให้เรารู้ว่าควรยืนตรงไหนที่จะเห็นชัดและไม่ไปยืนขวางทางออกของแถวที่มาขอลายเซ็น สำหรับคนที่ตั้งใจมาขอลายเซ็นก็ต้องเดินไปต่อแถวด้านตรงข้ามกับที่เรายืนอยู่ ซึ่งตอนนั้นแถวคงยาวมากแล้วเพราะสายแล้ว

หลังจากที่ต้องอดทนยืนรอร่วม 2 ชั่วโมงและต้องพลาดดูการซ้อมสุดท้ายของทุกรุ่นก่อนถึงรอบควอลิฟาย จนกระทั่งเวลาเที่ยงตรง นักแข่งโมโต้จีพีชุดแรกก็มาถึงหน้าบริเวณที่จัดไว้ด้วยรถของทางสนาม ตัวพ่อของชุดนี้ก็มีเคซี่ย์ สโตเนอร์ ของชาวออสซี่ ดานี่ เปโดรซ่า เล็กพริกขี้หนูของสเปน รวมไปถึงอันเดรีย โดวิซิโอโซ่ นักบิดอิตาเลียน คาล ครัตช์โลว์ ของอังกฤษ และสเตฟาน บราเดิล หนุ่มเยอรมัน



เจ้าหน้าที่สนามเตรียมพร้อมต้อนรับนักแข่ง




คาล ครัตช์โลว์ ลงจากรถ




อันเดรีย โดวิซิโอโซ่




เคซี่ย์ สโตเนอร์ ขวัญใจแดนจิงโจ้




ดานี่ เปโดรซ่า ตัวเล็กกว่าที่คิด




ทุกคนตั้งใจกับการแจกลายเซ็นมาก




สเตฟาน บราเดิล และอเล็กซ์ เอสปาร์กาโร่ หยอกล้อกันตอนจะกลับขึ้นรถ



ชัดเจนเลยว่าพ่อหนุ่ม "วาเล่" วาเลนติโน่ รอสซี่ ขวัญใจของเราอยู่ในกลุ่มที่ 2 ซึ่งถัดมาอีกครึ่งชั่วโมง เราก็ได้เห็นเขาแบบเต็มๆ ตาค่ะ มาพร้อมกับฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ อดีตเพื่อนร่วมทีมที่จะกลับไปอยู่ด้วยกันอีกครั้งที่ยามาฮ่าในปีหน้า กับนิกกี้ เฮย์เด้น เพื่อนร่วมทีมคนปัจจุบันที่ดูคาติ รวมถึงนักแข่งคนอื่นๆ ที่เหลือ




นิกกี้ เฮย์เด้น โบกมือทักทายแฟนๆ




ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ผู้นำในคะแนนสะสมตอนนี้




วาเลนติโน่ รอสซี่ ลงจากรถได้ก็เดินเข้าไปหาแฟนๆ ก่อนเลย




สนุกสนานเวลาอยู่กับแฟนๆ เสมอ




ตัวจริงหน้าเด็กกว่าในโทรทัศน์มาก




เดินกลับขึ้นรถ



รอสซี่ในจอที่เราเห็นว่าเขายิ้มแย้มแจ่มใสกับแฟนๆ แบบไหน ตัวจริงก็เป็นแบบนั้นเลย ไม่มีสักวินาทีหนึ่งที่เขาจะรำคาญใจหรือเบื่อหน่ายกับการทำตามคำขอ ไม่ว่าใครจะขอจับมือก็ให้จับ ไม่ว่าใครจะขอถ่ายรูปด้วยก็ให้ถ่าย คนนี้เขาสุดยอดแห่งการตามใจแฟนคลับจริงๆ ค่ะ

แย่หน่อยก็ตรงที่เรามารู้ตอนหลังจากหน้าหนังสือพิมพ์ว่าช่วงซ้อมรอสซี่ล้มไถลไปกับพื้นก่อนมาแจกลายเซ็น เจ็บตรงไหนบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ รู้แต่ว่าซ่อนความไม่เบิกบานกับการเซ็ตรถของดูคาติไว้ได้อย่างแนบเนียน

หลังจบจากช่วงแจกลายเซ็น เราก็เตรียมตัวสำหรับการควอลิฟายในช่วงบ่ายด้วยการหาอะไรลงท้องเสียก่อนและไปจับจองแกรนด์สแตนด์ด้านใต้ชั้นที่ 2 ซึ่งก็คือสแตนด์ทางตรงด้านหลังของสนามเซปังนั่นเอง ตรงนี้เราจะได้ดูส่วนที่เป็นเนินตั้งแต่โค้ง 8 ถึงโค้ง 14 ปกติเราไม่ค่อยได้นั่งดูส่วนนี้เพราะติดจะชอบนั่งหน้าพิต แต่ความรู้สึกของการดูมอเตอร์ไซค์ เราคิดว่าดูเขาทิ้งโค้งกันมันน่าจะดีกว่าดูแต่ตอนเร่งทางตรง และถึงอย่างไรในวันแข่งเราก็จะไปนั่งหน้าโพเดียมอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเพื่อให้ได้อรรถรส ในรอบควอลิฟายเราจึงเลือกมานั่งในจุดนี้ค่ะ

ก็เพราะนั่งบนทางตรงด้านหลังเลยไม่เห็นวินาทีที่ซูลฟาห์มี่ ไครุดดิน นักบิดรุ่นโมโต้ทรีคว้าโพลได้ในบ้านเกิดและยังเป็นการฉลองวันเกิดครบ 21 ปีที่สวยงามมากอีกด้วย เขาเป็นนักแข่งมาเลย์คนแรกในประวัติศาสตร์ที่ได้ตำแหน่งโพลในสนามเซปังและยังเป็นนักแข่งมาเลย์คนแรกที่คว้าโพลได้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับนานาชาติอีกด้วย ต่อมาเป็นการควอลิฟายของรุ่นโมโต้จีพี ฮอร์เก้ ลอเรนโซ่ ได้โพลตามคาด โดยรอสซี่พยายามอย่างหนักแต่ทำได้เพียงอันดับที่ 11 ปิดท้ายในรุ่นโมโต้ทูเป็นโพล เอสปาร์กาโร่ ที่ได้กริดแรก ขณะที่เจ้ามะขวิดของเรา มาร์ก มาร์เกซ ซึ่งกำลังเข้าใกล้การเป็นแชมป์ปีนี้ทำได้ในอันดับที่ 3

พรุ่งนี้จะเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ที่รู้อย่างหนึ่ง คนมาเลย์ต้องเข้าสนามมาไม่ใช่น้อยแน่นอน...


วันอาทิตย์ที่ 21 ตุลาคม

เป็นอย่างที่คาดไว้ค่ะ วันนี้การจราจรบนทางไปสนามติดขัดมากที่สุดเท่าที่เราเคยนั่งรถไปเซปัง เหตุผลตามข้างต้น นั่นก็คือคนมาเลย์ออกมารวมพลังกันเข้าสนามเพื่อเชียร์ "ฟาห์มี่" ของพวกเขา แต่จริงๆ แล้วชาวมาเลย์ไม่ได้มีเพียงฟาห์มี่อยู่ในใจ หากแต่ที่ว่างส่วนใหญ่จะมีไว้ให้ "เดอะ ด็อกเตอร์" จากการสังเกตสามารถพูดได้เลยว่าไม่ว่าจะเป็นคนพื้นที่เองหรือชาวต่างชาติกว่าร้อยละ 70 จะใส่เสื้อยืดหรือหมวกเบอร์ 46 สีเหลืองสะท้อนแสง หรือกระทั่งเสื้อสีแดงของดูคาติแต่ติดหมายเลข 46 แสดงให้เห็นว่าแฟนๆ รักรอสซี่เสมอมาไม่เคยเปลี่ยนแปลงและพร้อมอยู่เคียงข้างเขาแม้ในวันที่ยากลำบากอย่างสองปีหลังสุด ซึ่งน่าชื่นใจแทนเหลือเกิน

เรามาถึงสนามเกือบ 11 โมงจากผลของรถติด แต่ก็ยังทันพอที่จะมาหาที่นั่งดีๆ หน้าโพเดียม มองเห็นกริดแถวหน้าๆ ได้ และต้องมีจอโทรทัศน์ใกล้ๆ เพื่อติดตามการแข่งขันด้วยกล้องส่องทางไกล ถึงแม้จะไม่ได้ที่นั่งตามที่เราจ้องไว้ตั้งแต่วันเสาร์ แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในระยะที่ดีค่ะ




ผู้ชมเริ่มแน่นขนัดตั้งแต่ยังไม่เที่ยงวัน



กองเชียร์หลั่งไหลเข้าสนามไม่ขาดสาย จากที่เคยเห็นที่นั่งของเซปังว่างมาหลายปีหลัง บัดนี้เต็มแทบจะทุกบล็อกแล้วรวมไปถึงสแตนด์หลักด้านตะวันออกกับตะวันตกตั้งแต่ยังไม่เที่ยง จากรายงานของหนังสือพิมพ์ในเช้าวันรุ่งขึ้นบอกว่าผู้ชมแห่เข้าสนามมาถึง 77,000 คน ซึ่งเราไม่แน่ใจว่านี่เป็นสถิติของสนามนี้ด้วยหรือเปล่านะคะ จะว่าไปก็คงเป็นเพราะอิทธิพลของหนุ่มฟาห์มี่แท้ๆ เชียว อย่างนี้ผู้จัดชื่นใจแย่เลย

เราขอรวบรัดในส่วนของการแข่งขันแล้วกันนะคะ โมโต้ทรีเป็นรุ่นแรกที่ลงแข่งขัน ตอนที่เริ่มเป็นเวลาบ่ายโมงตรงซึ่งแดดยังจัดมาก แข่งไปแข่งมาท่ามกลางการลุ้นอย่างหนักของกองเชียร์มาเลย์เนื่องจากตอนนั้นฟาห์มี่นำอยู่แต่ซานโดร คอร์เตเซ่ ว่าที่แชมป์รุ่นนี้ก็จ่อติดมาทุกทีๆ จนนักบิดเจ้าบ้านมาเสียท่าเอาตอนก่อนถึงเส้นชัย 2-3 โค้ง แต่แค่นั้นก็ได้ใจกองเชียร์ทั้งสนามไปแล้ว ส่วนคอร์เตเซ่ก็ได้แชมป์ไปเลยจากชัยชนะสนามนี้ จากนั้นก่อนจะถึงช่วงมอบรางวัลของรุ่นเล็ก ฝนก็เทซู่ลงมาเปียกปอนกันไปหมดทั้งคนมอบ คนรับ และพริตตี้บนโพเดียม ที่สำคัญ การแข่งขันโมโต้ทูซึ่งเป็นรุ่นต่อไปต้องถูกเลื่อนออกไปอีกครึ่งชั่วโมง และสิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้นเมื่อ Hafizh Syahrin Abdullah (ขออภัยค่ะ อ่านชื่อไม่ออก) นักแข่งไวลด์คาร์ดของมาเลย์ขึ้นนำการแข่งขันขณะที่สายฝนเริ่มโปรยลงมา เขานำอยู่หลายรอบท่ามกลางเสียงเชียร์กระหึ่มของกองเชียร์เจ้าบ้าน น่าเสียดายที่สุดท้ายเขาได้อันดับที่ 4 หลังจากธงแดงโบกหยุดการแข่งขันเมื่อเหลืออีก 3 รอบเพราะฝนลงหนักมาก โดยชัยชนะตกเป็นของอเล็กซ์ ดิ แอนเจลิส นักแข่งจากซานมารีโน่ แต่ที่น่าเสียดายยิ่งกว่าสำหรับเราคือการที่มะขวิดล้มตอนที่ฝนเริ่มหนัก ยังดีที่เอสปาร์การโร่ คู่แข่งแย่งแชมป์จบอันดับล่างๆ ลงไป จึงได้คะแนนเพิ่มอีกนิดเดียว ทำให้มะขวิดน้อยยังนำอยู่ 48 คะแนนในอีก 2 สนามที่เหลือของปีนี้

สำหรับโมโต้จีพีก็พยายามแข่งให้ตรงเวลาเดิมค่ะ โดยยืดออกไปจากกำหนดเพียง 10-15 นาที ซึ่งหมายความว่าเว้นช่วงจากโมโต้ทูเพียงนิดเดียวไม่เหมือนปกติที่เว้นกันเป็นชั่วโมง รุ่นนี้ก็ถูกโบกธงแดงก่อนการแข่งขันจะจบ 6 รอบเพราะฝนเทแบบไม่ลืมหูลืมตามาอีกแล้ว เปโดรซ่าซึ่งขณะนั้นนำการแข่งขันอยู่จึงชนะไป อย่างไรก็ตาม ก่อนธงแดงโบกเพียงนิดเดียว ลอเรนโซ่ในอันดับที่ 2 เกือบล้มที่โค้งสุดท้ายก่อนเข้าทางตรง โชคดีที่เขายันรถไว้ได้ ไม่เช่นนั้นการลุ้นแชมป์ของเขาคงน่าเสียวไส้มากกว่านี้แน่ๆ เพราะตอนนี้เขามีคะแนนนำเปโดรซ่าเพียง 23 คะแนนเท่านั้น ส่วนรอสซี่พารถดูคาติเข้าเส้นชัยอันดับที่ 5 หลังจากนักแข่งหลายคนล้มไปก่อนหน้านี้




โพเดียมโมโต้ทรีเปียกปอนกันถ้วนทั่ว




โมโต้ทูเป็นรุ่นเดียวที่ไม่ต้องรับรางวัลกลางสายฝน




โพเดียมโมโต้จีพีก็ชุ่มฉ่ำไม่น้อยหน้ารุ่นเล็ก



ถึงแม้ผลการแข่งขันของคนที่เราชื่นชอบจะไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง แต่เราก็ยังเดินออกจากสนามด้วยความชุ่มชื่นในหัวใจจากประสบการณ์ที่ได้รับครั้งนี้ ยังมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ อีกมากที่เราไม่ได้เอ่ยถึง ซึ่งถ้าแฟนโมโต้จีพีคนไหนมีโอกาสเราก็อยากจะแนะนำให้ลองมาสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง รับรองจะติดใจเหมือนกับเราที่กำลังคิดว่าอยากไปดูในปีต่อๆ ไปอีกเหมือนกันค่ะ

สุดท้ายนี้อยากจะขอไว้อาลัยให้กับมาร์โก้ ซิมอนเชลลี่ ซึ่งจากโลกนี้ไปในการแข่งขันที่นี่เมื่อปีที่แล้วอีกครั้ง ขณะนี้ทีมเกรซินี่ของเขาได้ทำป้ายอนุสรณ์ไปตั้งไว้ที่โค้ง 11 สถานที่เกิดเหตุเป็นที่เรียบร้อยเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา โดยมีทั้งทีมงานของเขาและเพื่อนร่วมอาชีพเดินไปยังโต้งดังกล่าวเพื่อร่วมไว้อาลัยจำนวนมาก ถ้าเขาได้ยืนมองดูอยู่ ณ จุดใดจุดหนึ่งบนสรวงสวรรค์ เขาคงดีใจมากที่ทุกคนไม่เคยลืมเขาเลย

แต่ท้ายที่สุด คนเขียนอยากขอขอบคุณคุณผู้อ่านที่น่ารักทุกท่านที่ส่งคำอวยพรตั้งแต่ก่อนเดินทางจนกระทั่งได้ติดตามอ่านจบถึงตอนจบในวันนี้ หวังว่าบันทึกการเดินทางชิ้นนี้จะเป็นประโยชน์และเป็นแรงบันดาลใจให้แฟนๆ โมโต้จีพีได้ไปตามความฝัน...เหมือนอย่างที่คนเขียนได้ทำมาแล้วในครั้งนี้ค่ะ


<<จบ>>







Create Date : 24 ตุลาคม 2555
Last Update : 25 ตุลาคม 2555 9:04:47 น. 3 comments
Counter : 3051 Pageviews.

 
อ่านแล้วเพลิน เหมือนกับไปเอง


โดย: JJ Hour IP: 115.87.204.153 วันที่: 24 ตุลาคม 2555 เวลา:22:32:26 น.  

 
จริงๆ ยังมีรูปอีกเยอะเลยรวมถึงรูปของฟีม นักแข่งของไทยเราด้วย ตามไปดูได้ใน FB ของบล็อกนะคะ


โดย: finishline วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:9:04:07 น.  

 
ทามไมเขียนถึงฟีมน้อยจังครับ รู้ไหมว่าสนามนี้มันเจ็บหัวใจแฟนคลับมากแค่ไหน เพราะเพื่อนร่วมทีมน้องฟีมได้ขึ้นโพเดี้ยมแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นครั้งที่สองแล้วที่น้องฟีมได้เจอ ไงก็เป็นกำลังใจให้ สู้ๆต่อไป


โดย: rc212 IP: 223.204.28.159 วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:21:27:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.