Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
เมษายน 2557
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
10 เมษายน 2557
 
All Blogs
 
อีกสักครั้ง...เซปัง 2014 ตอนที่ 2

วันศุกร์ที่ 28 มีนาคม

เช้าวันต่อมา หลังจากทุกคนทำภารกิจส่วนตัวและทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้ว เราก็ออกเดินทางจากโรงแรมที่พักราว 8 โมงครึ่ง โดยนั่งรถไฟฟ้าโมโนเรลกลับไปยัง KL Sentral เพื่อไปขึ้นรถบัสบริการเฉพาะกิจไปยังสนามเซปัง ตอนที่เราไปถึงจุดขึ้นรถคนยังแทบไม่มีเลยค่ะ จะว่าไปจำนวนพนักงานที่มาคอยให้บริการมากกว่าผู้โดยสารเสียอีก ก่อนขึ้นรถเราต้องซื้อตั๋วซึ่งสามารถซื้อกับพนักงานที่อยู่ตรงนั้นได้เลย ค่าบริการเที่ยวเดียว 18 ริงกิต แต่ถ้าเป็นตั๋วไปกลับคิด 30 ริงกิต อย่างนี้เรียกว่าราคาบังคับซื้อค่ะ ถึงยังไงเราคงไม่เลือกกลับโดยวิธีอื่นก็ต้องซื้อแบบไปกลับไปเลย

พูดถึงวิธีการไปสนามเซปังจาก KL Sentral อีกเล็กน้อย นอกจากรถบัสแล้วเรายังสามารถขึ้นรถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ KLIA Ekspres ไปลงยังสนามบิน KLIA แล้วต่อรถชัตเทิลบัสที่เขามีบริการไปยังสนามได้ด้วยนะคะ ราคาค่าบริการเที่ยวเดียว 25 ริงกิต แต่ถ้าซื้อแพ็กเกจไปกลับเสาร์-อาทิตย์ ราคาอยู่ที่ 90 ริงกิต และไปกลับทั้ง 3 วันราคา 120 ริงกิต อย่างไรก็ตาม จากประสบการณ์ที่ได้เคยขึ้นมาแล้วก็พบว่าไม่ค่อยแตกต่างจากนั่งรถบัสเท่าไหร่ ดีไม่ดีมาถึงช้ากว่าเพราะต้องนั่ง 2 ต่อและไม่การันตีว่าจะได้นั่งตลอดสายเหมือนขึ้นรถบัส มาคราวนี้เราเลยเลือกนั่งรถบัสตามที่เคยเป็นมา ซึ่งต้องบอกว่าคิดถูกแล้วเพราะทั้งขาไปและกลับ คนกลับหันไปใช้บริการแท็กซี่และรถไฟ KLIA ที่แพงกว่า รวมไปถึงการจัดการจราจรที่ดีขึ้น ทำให้การเดินทางกลับจากสนามในปีนี้สบายมากเลยค่ะ

พวกเรามาถึงสนามตอน 10 โมงครึ่งแล้ว หมายความว่าเริ่มการซ้อมมาได้ครึ่งชั่วโมง แต่ทำไมไม่ได้ยินเสียงรถเลย มันเงียบขนาดนั้นเลยเหรอ!?! จริงๆ เป็นอย่างที่เราเห็นผ่านโทรทัศน์นั่นแหละค่ะ ช่วงแรกๆ ของการซ้อมเช้าวันศุกร์หรือ FP1 รถจะยังไม่ค่อยลงมาวิ่งมากนัก แต่ไม่นานเกินรอเสียงเครื่องวี6 ก็ลอยแหวกอากาศผ่านเข้าหูมาจนได้ เสียงรถใครอันนี้ไม่ทราบได้แน่ชัดเพราะพวกเรายังไปไม่ถึงอัฒจันทร์ แต่ที่รู้แน่นอนคือมันเบาลงมากจริงๆ! มุกที่พูดกันว่าที่อุดหูหรือเอียร์ปลั๊กขายไม่ออกในปีนี้ไม่ใช่เรื่องเกินจริงเลยค่ะ

ถ้าถามว่า จขบ. ฟังเสียงแล้วนึกถึงอะไร คือว่าถ้าฟังไกลๆ วิ่งบนทางราบจะเหมือนโมโต้จีพี แต่ถ้าจังหวะเร่งขึ้นเนินทำไมฟังแล้วเสียงคล้ายตุ๊กตุ๊กเบิ้ลเครื่อง!!

บรรยากาศการซ้อมเป็นไปตามที่ทุกคนเห็นค่ะ ขออนุญาตเล่าคร่าวๆ ว่าในช่วงแรกเราเลือกนั่งตรงหน้าพิตเร้ดบูล เนื่องจากว่าวันศุกร์ถือว่าให้เข้าชมฟรีเราจึงเลือกนั่งตรงไหนก็ได้ ส่วนช่วงบ่ายเราข้ามฝั่งที่นั่งไปดูโซนทางตรงด้านหลัง ได้แก่ โค้ง 7-14 ก่อนจะเดินต่อไปชมลีลาเลี้ยวเข้าโค้ง 15 หรือโค้งแฮร์พินสุดท้ายก่อนเข้าสู่ทางตรงหน้าพิต โค้งนี้มันที่สุดแล้วค่ะเพราะตลอดเวลาจะได้ยินเสียงเบรกเอี๊ยดอ๊าด จะได้เห็นว่าใครเกาะไลน์อยู่หรือไม่ หลายคันก็ไถลลงกรวดไป มุมนี้เห็นรถเต็มตาดีเพราะรถทุกคันคงใช้ความเร็วตรงนี้ต่ำที่สุด เสียอย่างเดียวไม่มีจอโทรทัศน์ให้ติดตามความเคลื่อนไหวทั้งสนาม

หลังจบการซ้อมช่วงบ่ายหรือ FP2 เวลาบ่ายสามโมงครึ่ง ภารกิจของเราในวันนี้ยังไม่จบสิ้นนะคะ เรายังมีภารกิจที่สำคัญกว่านั่นคือลงพิตเลน ที่สนามเซปังจะเปิดให้ผู้ชมที่ถือบัตรที่นั่งบนอัฒจันทร์หลักหรือ main grandstand สามารถลงไปสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษได้ในเย็นวันศุกร์หลังการซ้อมเสร็จสิ้นลง ระหว่างเวลา 18.30-19.15 น. โดยจำกัดผู้ชมไว้ที่ 1,400 คน เห็นว่าอีกนานกว่าจะถึงเวลาอย่างนั้น แต่เชื่อมั้ยคะ เริ่มมีคนมาตั้งแถวรอแล้วตั้งแต่ก่อน 4 โมงเย็น ถ้าเขาต่อคิวกันแล้วเราจะไม่ต่อด้วยได้อย่างไร ที่สำคัญ เราต้องอดทนเป็นเลิศจริงๆ ถึงจะได้ในสิ่งนี้ เพราะไม่ใช่ต้องยืนขาแข็งถึง 2 ชั่วโมงครึ่ง แต่ยังต้องทนกับฝนที่ตกลงมาอย่างหนักเป็นชั่วโมงขณะที่เราต้องยืนกลางแจ้งอยู่อย่างนั้น ซึ่งการมาเซปังสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือร่ม ไม่ว่าอย่างไรในสามวันระหว่างสุดสัปดาห์การแข่งขันที่มาเลเซียจะไม่มีทางที่เราไม่เจอฝนเลยสักวัน แต่ร่มใดหรือจะสู้ฝนมาเลย์ กางแล้วก็ยังเปียกอยู่บ้างแหละค่ะ

แต่เชื่อเถอะว่าทรมานขนาดนั้น พอได้ลงพิตเลนแล้วจะรู้สึกว่าคุ้มค่ามากจริงๆ และจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสองชั่วโมงครึ่งก่อนหน้านี้ได้หมดสิ้น

บรรยากาศหลังการซ้อมวันศุกร์ยังดูผ่อนคลายพอสมควรค่ะ ในตอนนั้นฝนหยุดตกแล้ว แต่ละทีมก็จัดแต่งหน้าร้าน(การาจ)โชว์นวัตกรรมของทีมให้แฟนๆ ได้ชื่นชมกัน ไม่ว่าจะเป็นจมูกรถ ปีกหน้า ตัวถัง ฯลฯ ใครใคร่ซ่อมก็ซ่อมไป การาจบางทีมบิ๊วท์อารมณ์ทำงานขนาดที่ว่าเปิดเพลงมันๆ ไปด้วย แต่การชมก็มีขอบเขตจำกัดนะคะ เราดูให้อิ่มตาอิ่มใจแค่ไหนก็ได้ตราบเท่าที่เวลามีให้ แต่ห้ามเกินเส้นเชือกที่เขากั้นไว้และห้ามปีนป่ายขึ้นไปบนพิตวอลล์หรือแท่นควบคุมไฟสัญญาณของการแข่งขันโดยเด็ดขาด

นี่เป็นการลงพิตเลนครั้งที่ 2 ของเราในเซปัง แต่เป็นครั้งแรกในการมาดูฟอร์มูล่าวัน บอกตามตรงว่าเราชอบบรรยากาศในพิตเลนมาก มันทั้งชื่นใจ อิ่มใจ สุขใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเป็นบรรยากาศฉ่ำๆ หลังฝนตกและเริ่มโพล้เพล้ด้วยแล้วยิ่งสุดยอดมากๆ พอตกเย็นอีกหน่อยทีมงานบางส่วนก็ลงมาวิ่งออกกำลังบ้าง ปั่นจักรยานบ้าง ดูพวกเขามีความสุขกับชีวิตบนแทร็คจริงๆ บรรยายไปก็คงไม่เห็นภาพ เพราะฉะนั้นชมภาพส่วนหนึ่งที่เราคัดมาฝากสำหรับบรรยากาศในสนามเซปังวันแรกกันดีกว่า แล้วติดตามการผจญภัยของพวกเราได้ต่อไปในตอนที่ 3 นะคะ



























































































*เรื่องและภาพโดย finishline



Create Date : 10 เมษายน 2557
Last Update : 10 เมษายน 2557 15:40:38 น. 5 comments
Counter : 1351 Pageviews.

 
ขอบคุณมากค่า


โดย: JJ Hour IP: 202.28.10.111 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:17:28:20 น.  

 
เล่าได้สนุกมากๆเลยครับ แต่เศร้าใจตรงประโยคนี้จริงๆ"ฟังไกลๆ วิ่งบนทางราบจะเหมือนโมโต้จีพี แต่ถ้าจังหวะเร่งขึ้นเนินทำไมฟังแล้วเสียงคล้ายตุ๊กตุ๊กเบิ้ลเครื่อง!!" T_T


โดย: puakpiak IP: 27.55.130.37 วันที่: 10 เมษายน 2557 เวลา:23:03:41 น.  

 
มันเศร้ามากจริงๆ ค่ะพี่ puakpiak


โดย: finishline วันที่: 12 เมษายน 2557 เวลา:22:14:22 น.  

 
อยากไปบ้างจัง อิอิ


โดย: พี่จ้ะโอ๋กะน้องไออุ่น IP: 118.172.226.177 วันที่: 14 เมษายน 2557 เวลา:7:34:13 น.  

 
เจ๋งๆ อยากลงไปมั่ง อิอิ


โดย: runtaro IP: 180.222.157.91 วันที่: 17 เมษายน 2557 เวลา:11:37:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.