Me, Myself and Formula 1
Group Blog
 
<<
กันยายน 2557
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
28 กันยายน 2557
 
All Blogs
 
Singapore Grand Prix 2014...ทริปนี้ที่สุดของชีวิต ตอนที่ 2

ประสบการณ์สุดยอดจากสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ของจขบ. ยังไม่หมดค่ะ เรายังเหลืออีก 2 วันที่ไม่น้อยหน้าไปกว่าวันแรก ติดตามกันต่อได้เลยค่ะ

วันเสาร์ที่ 20 กันยายน

วันนี้เป็นวันที่เขาให้เราปล่อยแก่ โปรแกรมตลอดวันจะอยู่ในยูนิเวอร์แซลสตูดิโอส์ตั้งแต่สายๆ ไปจนถึง 5 โมงเย็น โดยสิงห์เป็นผู้สนับสนุนค่าบัตรเล่นเครื่องเล่นแบบซูเปอร์วีไอพีให้กับทุกคน บัตรประเภทนี้ไม่ต้องรอคิว (fast pass) เข้าได้ทุกโซน เล่นได้ไม่จำกัดรอบ ใครที่ซื้อบัตรแบบนี้ก็จะมีสายรัดข้อมือสีเหลืองแสดงเป็นสัญลักษณ์ไว้ ปกติแล้วเราไม่เคยเล่นเครื่องเล่นอะไรที่หวาดเสียวเกินกว่าพวกล่องแก่งหรอกนะคะ แต่เพราะรู้ราคาบัตรที่เขาให้มา เพราะฉะนั้นงานนี้สู้ตายค่ะ!

คู่ของเราเกาะกลุ่มกับผู้โชคดีอีก 2 คู่ไปตลอดการผจญภัย เราไล่เล่นวนซ้ายมือไปตามโซนต่างๆ ตามที่ไกด์แนะนำ เพราะหากวนแบบนี้จะทำให้ไล่จากหวาดเสียวน้อยไปหามาก ถ้าเกิดเล่นเครื่องเล่นที่มันสุด หวาดเสียวมากสุดเป็นอันแรก เครื่องเล่นอื่นๆ อาจจืดไปเลยก็ได้ เราเล่นตัวไฮไลท์จนครบเลยค่ะ ขาดแต่ตัวอภิมหาหวาดเสียวคือรถไฟเหาะ 2 รางสีแดง-น้ำเงิน ไกด์บอกเราว่าลิขสิทธิ์ของที่สิงคโปร์นี้หมดอายุแล้วเลยปิดไป แต่ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ถึงเปิดให้เล่นอยู่เราก็คงขอผ่าน แค่ด่าน Revenge of the Mummy และ Transformers The Ride ก็แทบแย่แล้ว โดยเฉพาะมาเล่นเอาหลังทานข้าวกลางวันด้วย เราพะอืดพะอมไปสักพักใหญ่เลย ส่วนใครที่ชอบการแสดงแอ็กชั่น ห้ามพลาด Water World นะคะ สนุกมากเช่นกัน

ระหว่างเดินถ่ายรูปเล่นอยู่ก็เจอคุณอุ้ม ทีมงานของสิงห์มาบอกกับพวกเราว่าหลังทานข้าวเย็นให้เตรียมตัวกันไว้ อาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยเพราะจะพาไปพบผู้ใหญ่ พวกเราคาดเดาไปต่างๆ นานาว่าจะพาเราไปพบใครกัน ผู้บริหารสิงห์หรือเร้ดบูลหรือเปล่าน้า...จนเมื่อกลับจากทานข้าวเย็นที่ Jumbo Seafood ซึ่งเป็นภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังบนชายฝั่งตะวันออกแล้ว เรามีเวลาเตรียมตัว 2 ชั่วโมง โดยนัดมาเจอกันที่ล็อบบี้โรงแรมอีกครั้งตอน 4 ทุ่ม ถึงตอนที่รู้เวลานัดเราแอบหวังลึกๆ ว่านี่เขาจะพาไปเจอนักขับเร้ดบูลใช่มั้ย หลัง 4 ทุ่มพวกเขาจะควอลิฟายเสร็จพอดี

เป็นจริงตามคาดค่ะ เขานัดให้พวกเราไปเจอสองนักขับของเร้ดบูลในเวลา 4 ทุ่มครึ่ง กรี๊ดดดด!! แต่เอ...ยืนรอตั้งนานแล้ว รถเช่าที่นัดมารับก็มาไม่ถึงเสียที ใช่แล้ว พิษการจราจรช่วงฟอร์มูล่าวันนี่แหละ ทำให้รถมาช้าไปร่วม 10 นาที ดีที่ระหว่างทางเจอไฟเขียวตลอด แต่จุดที่คนขับจอดให้เราลงห่างจากแพดด็อกอยู่มาก แถมยังไม่ใช่ประตู 2 อย่างที่เราเข้าไปเมื่อวันศุกร์ พวกเราลงจากรถได้จึงรีบวิ่งแบบไม่คิดชีวิตเพราะจวนเจียนจะถึงเวลานัดแล้ว วิ่งไปก็ต้องถามรปภ.ไปเพื่อให้แน่ใจว่าวิ่งมาถูกทาง แต่ฝนเจ้ากรรมดันตกซู่ไม่ลืมหูลืมตาลงมาเสียอีก! บุญมีแต่กรรมบังใช่มั้ยห๊า!?! พวกเราให้น้องแอนดี้ หนึ่งในผู้โชคดีที่เดินทางมาพร้อมคุณแม่ วิ่งไปสมทบกับกลุ่มคุณหลุยส์ คุณแชมป์ และทีมงานซึ่งนั่งแท็กซี่ล่วงหน้ามาก่อน น้องได้ผ่านเข้าไปในแพดด็อกสำเร็จจนได้ ในขณะที่พวกเราที่เหลือ 5 คนกับคุณอุ้มต้องรอทีมแรกทำภารกิจให้เรียบร้อย เนื่องจากบัตรอนุญาตเข้าแพดด็อกของเอฟโอเอ็มมีจำนวนจำกัด พวกเรายืนตากฝนรอเวลาอยู่ร่วมครึ่งค่อนชั่วโมงกว่าจะได้เข้าไป ซึ่งถึงเวลานั้นเรามั่นใจว่าไม่ได้เจอทั้งเซบาสเตียน เวทเทล และแดเนียล ริกเคียร์โด้ แน่แล้ว แต่ทีมแรกของเรายังโชคดีที่ทันเจอแดเนียลและยังให้หนุ่มออสซี่เซ็นชื่อบนโปสการ์ดของทีมและกระป๋องเร้ดบูลมาฝากพวกเราที่เหลือด้วย

สำหรับกลุ่มของเรา ระหว่างยืนรออยู่ด้านหน้าทางเข้าแพดด็อกด้วยความกระวนกระวายใจนั้น เรายังใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ด้วยการสอดส่ายสายตาชื่นชมคนดังที่เดินผ่านเข้าออกตรงนั้นเหมือนเมื่อวันศุกร์ เรายังเจอทีมพิธีกรช่องสกายเหมือนเคย เจอเจ้าหน้าที่ทีมต่างๆ ที่เคยคุ้นหน้าคุ้นตาอยู่หลายคน แต่ที่เด็ดสุดคือได้เจอรูเบนส์ บาร์ริเคลโล่ ซึ่งผันตัวเองมาเป็นคอมเมนเตเตอร์ให้กับโทรทัศน์ของบราซิลไปแล้ว น้องจุ๊บแจงเรียกเพื่อจะขอถ่ายรูปด้วย แต่คงเพราะดึกแล้วและฝนตกหนักแกเลยรีบขอตัวไป ส่วนอีกคนที่ได้เจอแบบไม่คาดฝันนั่นก็คือ รอน เดนนิส ประธานแม็คลาเรนกรุ๊ป อดีตทีมบอสแม็คลาเรน ซึ่งตัวจริงดูเนี้ยบตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าตามแบบฉบับผู้ดีอังกฤษจริงๆ หน้าแกนิ่งมากจนเราไม่กล้าแม้แต่จะเรียกขอถ่ายรูป ได้แต่แอบมองแกเดินผ่านไปจนลับสายตา

อย่างไรก็ตาม แม้นักขับจะกลับไปหมดแล้ว แต่ทีมงานยังพาพวกเราที่เหลือไปเยี่ยมชมในการาจอีกครั้ง คุณจอร์จี้ พีอาร์สาวสวยถือร่วมเร้ดบูล 3 คันมารับเราเดินเข้าไปในแพดด็อกและการาจตามเส้นทางในวันศุกร์ เวลานั้นรถเร้ดบูลทั้งสองคันเพิ่งกลับมาจากการตรวจสภาพหลังรอบควอลิฟาย ซึ่งเป็นเวลา 5 ทุ่มกว่าแล้ว ทีมช่างก็ยังเปิดเพลงมันๆ เสียงดังลั่นการาจตามสไตล์พร้อมกับเร่งมือเซ็ตรถไปด้วย เราเห็นเป็นแบบนี้แทบทุกครั้งเลยค่ะสำหรับบ้านนี้ คุณจอร์จี้ยังแอบกระซิบบอกเราว่าเธอก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าพวกเขาทำงานได้อย่างไร พีอาร์สาวคนนี้ยังอธิบายถึงรายละเอียดทั่วไปให้เราได้รับทราบอีก และยังชี้ให้ดูว่าเอฟไอเอส่งกรรมการมาประกบรถคันละ 1 คน เพื่อคอยเฝ้าดูว่าทีมงานจะทำอะไรที่เป็นการละเมิดกฎหรือไม่ หรือหากทีมงานต้องการแก้ไขอะไรก็ต้องส่งเรื่องผ่านกรรมการเหล่านี้นั่นเอง





ก่อนกลับออกไปคุณจอร์จี้ถามพวกเราว่าจะไปทานของว่างที่ส่วนรับรองของทีมก่อนมั้ย? เราหูผึ่งทันที ไม่ได้อยากไปทานค่ะ แต่อยากไปดู! เราบอกเธอไปว่าถ้าเป็นไปได้ขอเข้าไปเยี่ยมชมสักครู่หนึ่ง เธอนำเราไปทันที ว้าววว...มันเป็นที่ที่พิเศษมากเพราะถ้าเราไม่ใช่แขกของทีมเราก็ไม่มีสิทธิ์ได้เข้าไปแน่นอน ด้านในนั้นเป็นห้องเล็กๆ ที่ประดับประดาอย่างเรียบง่าย แต่แฝงไว้ด้วยการใช้งานเต็มประสิทธิภาพ มีโต๊ะทานอาหารเล็กๆ อยู่ 2-3 โต๊ะ มีแขกนั่งอยู่ไม่กี่คนเพราะดึกมากแล้ว อาหารว่างวางเรียงรายอยู่ 3-4 อย่างพร้อมอุปกรณ์รับประทานอาหารครบครัน ที่ขาดเสียไม่ได้คือตู้แช่กระป๋องเร้ดบูลตั้งโดดเด่นอยู่ตรงมุมห้อง เรากวาดตามองไปได้รอบๆ ไม่นาน พลันสายตาก็ตกไปอยู่ที่ประตูห้องเล็กๆ ที่แยกจากห้องอาหาร ประตูบานนั้นเพิ่งแง้มออกพร้มกับบุคคลสำคัญ 2 คนที่ยังคุยกันไปไม่ออกมาพ้นห้องเสียที คริสเตียน ฮอร์เนอร์ ทีมบอส และดร.เฮลมุท มาร์โค ที่ปรึกษาของทีมนั่นเอง!! ตัวจริงเหมือนในโทรทัศน์ไม่ผิดเพี้ยน เราอยากขอถ่ายรูปแต่ดูเหมือนพวกเขายังคุยงานกันอยู่จึงไม่กล้าไปรบกวน ก่อนเดินออกมาคุณจอร์จี้หยิบกระป๋องเร้ดบูลลายฟอร์มูล่าวันลิมิเต็ดเอดิชั่นมาให้พวกเราเป็นที่ระลึกอีกด้วย และสุดท้ายเธอเดินมาส่งพวกเราที่ทางออกพร้อมกับให้ร่มเร้ดบูล 3 คันนั้นกับพวกเรามาเลย น่ารักจริงๆ พวกเราร่ำลากันอย่างสุดประทับใจในการต้อนรับครั้งนี้ เราเองยังได้บอกกับเธอว่าหวังว่าจะได้เห็นรถทั้งสองคันอยู่หน้าเมอร์เซเดสนะ เธอก็พยักหน้าเห็นด้วยอย่างยิ่งและบอกว่าเธอก็หวังเช่นนั้นเหมือนกัน

เสียดายที่โซนแพดด็อกห้ามถ่ายรูปหากไม่ได้รับอนุญาต แต่ภาพทุกภาพที่ผ่านสายตาเราในทริปนี้ได้เก็บบันทึกอยู่ในความทรงจำไม่มีวันลืมเลือนอย่างแน่นอน

ถ้าถามว่าไม่ได้เจอนักขับเร้ดบูลรู้สึกเสียใจมากมั้ย? เสียดายมากกว่าค่ะ มันเป็นเรื่องของจังหวะเวลาและอุปสรรคที่เราไม่สามารถควบคุมได้ก็ต้องทำใจปล่อยวาง โดยส่วนตัว จขบ. ได้เห็นตัวจริงของทั้งเซ็บและแดนในระยะใกล้มาหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว ถึงอย่างไรเราก็กลับโรงแรมไปด้วยความเปี่ยมสุข พร้อมเชียร์พวกเขาเต็มที่ในวันแข่งค่ะ


วันอาทิตย์ที่ 21 กันยายน

เช้าวันแข่งก่อนเข้าสนาม ไกด์พาเราทุกคนไปไหว้พระที่วัดพระเขี้ยวแก้วและเดินเล่นเล็กน้อยในย่านไชน่าทาวน์ ก่อนจะไปชิมข้าวมันไก่เจ้าดัง Boon Tong Kee และกลับมาเตรียมตัวที่โรงแรมเพื่อเดินทางไปยังสนามพร้อมกันในเวลา 4 โมงเย็น ซึ่งการเดินทางจากโรงแรมของเราที่ถนน Orchard มายังสนามโดยรถบัสนับว่ารวดเร็วมาก เพียงไม่กี่นาทีก็มาถึงทางเข้าประตู 1 เป็นที่เรียบร้อย เราเข้าประตูนี้เพราะที่นั่งของพวกเราเป็นพิตแกรนด์สแตนด์ค่ะ บอกได้คำเดียวว่า "เริ่ด"

ในวันแข่งนี้เรากับจุ๊บแจงใส่เสื้อเร้ดบูลเวอร์ชั่นฉลองแชมป์โลกสมัยที่ 4 ของเซ็บ และน้องสาวของเรายังมีธงสกรีนโลโก้ประจำตัวเซ็บและถุงมือโฟมชูนิ้วชี้ที่ 1 ที่เราพกไปเชียร์เซ็บที่เซปังกันมาทุกครั้ง แถมครั้งนี้พิเศษสุดๆ เมื่อจุ๊บแจงตัดสินใจเอาป้ายไฟ "S.Vettel" มาด้วย ซึ่งจริงๆ แล้วทำมาเพื่อไปเชียร์ในรายการ Race of Champions 2013 แต่เมื่อการแข่งขันนั้นต้องยกเลิก ป้ายไฟนี้จึงเพิ่งได้ออกงานครั้งแรก

แต่เดี๋ยวก่อน...เราผ่านจากเจ้าหน้าที่ตรวจสัมภาระหน้าประตูมาแล้ว จุ๊บแจงล่ะ น้องหายไปไหน?

เราหันไปอีกที...อ้าว เขาไม่ให้เอาป้ายไฟเข้า!!

เขาแจ้งว่าอุปกรณ์ประเภทมีแสงไม่สามารถเอาเข้าไปในสนามได้ ถึงแม้เราจะพยายามอธิบายก็ไม่สำเร็จ จำใจต้องทิ้งไป พวกเราก็ต้องยอมรับในคำสั่งของเจ้าหน้าที่สนามนั่นแหละ และเมื่อมาคิดดีๆ ก็ถูกของเขา ถ้ามีคนประสงค์ร้ายเอาอุปกรณ์ที่ฉายแสงได้ไปฉายใส่ตาของนักขับจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง ถึงแม้ตัวเรามั่นใจว่าเราประสงค์ดี แต่เจ้าหน้าที่ก็ต้องป้องกันทุกอย่างเพื่อความปลอดภัยโดยรวม ความฝันที่ป้ายไฟของเราจะเป็นป้ายไฟอันแรกในไนท์เรซจึงเป็นอันพังทลายลง

ใกล้ถึงเวลาขบวนพาเหรดนักขับตอน 6 โมงครึ่งแล้ว แต่คณะของเราจะแวะนั่งทานอาหารเย็นในสนามกันก่อน เราทั้ง 6 คนจึงขอแยกจากกลุ่มเพื่อรีบไปให้ถึงที่นั่งโดยเร็ว โดยเรารีบซื้ออาหารง่ายๆ อย่างเบอร์เกอร์ขึ้นไปทานบนที่นั่งด้วย วิวระหว่างทางเดินหลังพิตแกรนด์สแตนด์ดีมากเลยค่ะเพราะเป็นสแตนด์เลียบริมน้ำ และที่นี่ยังมีการจัดการเรื่องร้านอาหาร ห้องน้ำ และความสะอาดได้อย่างดีเยี่ยม แทบไม่มีขยะให้เห็นเกลื่อนกลาดเลย เจ้าหน้าที่ประจำแต่ละบล็อกยังมีหน้าที่คอยเก็บขยะที่หลงตามที่นั่งอีกด้วย

จุดที่เรานั่งคือบล็อก A6 แถว 4 ตรงหน้าพิตเร้ดบูลเป๊ะ ตรงกับกริดที่ 14 พอดิบพอดี และเยื้องกับโพเดียม เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ได้เห็นรถโบราณรุ่นต่างๆ ที่มาจอดคอยรอรับนักขับและพาแห่ไปรอบสนามตั้งแต่กริดต้นๆ และหวังใจว่าเขาจะวิ่งผ่านหน้าเราเป็นช่วงสุดท้ายของสนาม แต่เปล่าเลย เขาจอดให้นักขับลงตั้งแต่ปากทางเข้าพิตเลน เท่ากับไม่ครบรอบ แม้ต่อมาเขาจะวิ่งผ่านหน้าที่นั่งเราแต่ก็เป็นรถเปล่าเสียแล้ว เวรกรรม! เอาเป็นว่าถ้าใครจะมาดูพาเหรดนักขับที่นี่คงต้องซื้อบัตรที่นั่งโซนอื่นแล้วล่ะค่ะ

เมื่อมาถึงเวลาที่เขานำรถออกจากพิตเลนกัน นั่นก็คือ 30 นาทีก่อนเวลาสตาร์ท เป็นอีกช่วงหนึ่งที่เราเพลิดเพลินมากเพราะจะได้ชมการตั้งกริดและการเตรียมพร้อมช่วงสุดท้ายของทีมงาน และเมื่อถึงรอบวอร์มอัพ เราเห็นลิบๆ ว่ารถเมอร์เซเดสของนิโค รอสเบิร์ก ไม่สามารถออกจากกริดได้ เอาล่ะซินิโคเอ๋ย ถึงตอนนั้นมีเสียงโห่ฮาด้วยความชอบใจอยู่รอบบริเวณนั้น เนื่องจากในสนามนี้มีแฟนๆ ของลูอิส แฮมิลตัน มากเอาการ ส่วนการแข่งขันก็เป็นอย่างที่ทุกคนได้ชมไปแล้ว ซึ่งเรายิ่งดูยิ่งมั่นใจว่าเร้ดบูลเอาชนะเมอร์เซเดสไม่ได้แน่ ยิ่งวิ่งยิ่งห่าง การที่เซ็บและแดนได้อันดับที่ 2 กับ 3 นั้นจึงถือว่าดีมากแล้ว





























ไฮไลท์ของเรายังไม่หมดค่ะ จบแล้วต้องวิ่งกรูลงสนามถึงจะครบสูตร ระหว่างที่รถทุกคันวิ่งวนกลับเข้ามายังพิตเลน เราทั้ง 4 คน (ยกเว้นน้องชูและคุณแม่ของน้องแอนดี้) ต่างวิ่งจากที่นั่งของเรา มุดๆๆ หาทางลงมาที่ประตูที่เขาเตรียมเปิดให้ลงไปยังหน้าโพเดียมจนได้ แต่ตอนนั้นเรา จุ๊บแจง และแอนดี้ ไม่ได้ลงมาพร้อมกับพี่เอก ผู้โชคดีอีกคนที่มาพร้อมกับชู โดยคณะของเราที่เหลือเดินกลับไปรอเราที่ประตู 1

ตอนที่เรามาออที่ประตูก็มีผู้คนมากระจุกอยู่มหาศาลแล้ว และกว่าเจ้าหน้าที่จะปล่อยแฟนๆ ลงสนามได้ นักขับ 3 อันดับแรกก็ก้าวขึ้นโพเดียมเป็นที่เรียบร้อย เมื่อประตูเปิดออกทุกคนจึงเบียดเสียดกันวิ่งลงแทร็คไปอย่างไม่คิดชีวิต เราเคลื่อนตัวไปแบบไหลตามน้ำ ขาแทบไม่ต้องแตะพื้นก็ดูเหมือนว่าจะลอยไปได้เองจากแรงเบียดซ้ายทีขวาที เข้าใจแล้วว่าเหยียบกันตายเป็นอย่างไรก็วันนี้เอง

เราลงไปได้มุมไม่ค่อยดีเท่าไหร่ จึงได้แต่ชะเง้อลอดขาของช่างกล้องที่อยู่บนแท่นสูงเพื่อถ่ายช็อตบนโพเดียม แต่นั่นก็ใกล้มากพอที่จะได้ยินเสียงฉีดแชมเปญของทั้งสามคนดังซู่ววว์ ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าวถึงขีดสุด พวกเขาจึงทั้งอาบทั้งดื่มแชมเปญบนโพเดียมจนหนำใจ ท่ามกลางเสียงกองเชียร์แฮมิลตันดังสนั่น แต่ที่สนั่นกว่าคือกองเชียร์ของริกเคียร์โด้ ส่วนเวทเทลได้ทั้งเสียงเชียร์และเสียงโห่ที่คาดว่าแฟนบางกลุ่มยังติดลมมาจากปีก่อน หลังพิธีการบนโพเดียมเสร็จสิ้นไปแล้วเราได้เจอพี่เอกซึ่งเดินไปถ่ายรูปรถที่โค้งอื่นมาตั้งแต่ยังแข่งไม่จบเดินมาสมทบ และไม่นานเจ้าหน้าที่สนามก็ต้อนผู้คนให้ไปออกอีกทาง นั่นหมายถึงเราต้องเดินจนครบรอบสนามจนกว่าจะถึงประตู 1 ที่คณะของเรารออยู่ แทร็ควอล์กแบบที่นักขับเขาทำกันนี่เอง!

กว่าจะเดินมาพบกับคณะได้ก็กินเวลาเกือบ 1 ชั่วโมง แต่ทุกคนก็เข้าใจดีถึงอารมณ์แฟนพันธุ์แท้อย่างพวกเราที่เมื่อได้มาสัมผัสแล้วต้องให้ถึงที่สุด สำหรับเราถือเป็นการปิดฉากสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ 2014 ได้สมบูรณ์แบบมาก เราคงไม่สามารถไปดูฟอร์มูล่าวันสนามไหนแล้วได้ประสบการณ์แบบสุดขั้วเท่านี้อีกแล้วจริงๆ

ก่อนเข้าที่พัก ไกด์ของเราพาไปทานโจ๊กกบ เมนูขึ้นชื่ออีกอย่างของที่นี่ โดยเขาทำเป็นหม้อโจ๊กข้าวเปล่าๆ หม้อหนึ่งกับอีกหม้อหนึ่งเป็นกบตุ๋นน้ำข้นคล้ายๆ ก๋วยจั๊บแต่เข้มข้นกว่า เวลาทานก็ตักโจ๊กใส่ถ้วยแล้วเอากบตุ๋นราดข้าว ผสมๆ กันแล้วทาน ฟังแล้วหลายคนอาจจะไม่นึกอยากชิม แต่คนที่เพิ่งเคยทานกบครั้งแรกอย่างจุ๊บแจงยังบอกว่าอร่อย เพราะฉะนั้นหากใครได้ไปชิมห้ามปฏิเสธเลยนะคะ























วันจันทร์ที่ 22 กันยายน

วันสุดท้ายในสิงคโปร์เป็นไปอย่างไม่รีบร้อน ไกด์ให้เราเช็กเอาต์ได้ถึงเที่ยงและช้อปปิ้งจนถึง 5 โมงเย็น ก่อนจะมาเจอกันอีกครั้งที่ล็อบบี้เพื่อเดินทางไปยังสนามบินชางกี โดยไฟลท์กลับออกจากที่นี่เวลาเกือบ 3 ทุ่มและเดินทางถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพประมาณ 4 ทุ่มค่ะ


สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณสิงห์คอร์ปอเรชั่น โดยแคมเปญ Singha World of Speed มากๆ เลยค่ะที่จัดกิจกรรมสุดยอดให้แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้ร่วมสนุกและมีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ความเร็วระดับโลกอย่างที่จขบ. ไม่เคยคิดว่าจะได้พบแบบนี้ ซึ่งนอกจากฟอร์มูล่าวันแล้ว สิงห์ยังจะพาคุณๆ ผู้ชนะการร่วมสนุกไปชมการแข่งขัน WEC ที่สนามฟูจิสปีดเวย์ ประเทศญี่ปุ่น การแข่งขันโมโต้จีพีที่สนามบาเลนเซีย ประเทศสเปน และรายการเฟอร์รารี่ชาเล้นจ์ เวิลด์ไฟนอลส์ ที่สนามยาสมารีน่า อาบูดาบี ติดตามรายละเอียดการร่วมสนุกได้ที่ //www.singhaworldofspeed.com  ค่ะ










*เรื่องและภาพโดย finishline



Create Date : 28 กันยายน 2557
Last Update : 28 กันยายน 2557 16:14:35 น. 3 comments
Counter : 2125 Pageviews.

 
ขอบคุณเจ้าของบ้านมากๆ ค่ะ บรรยากาศตลอดช่วงการเดินทางและการแข่งขัน ขื่นมื่น มากๆ ประทับใจเป็นที่สุด อย่างที่เจ้าของบ้านบอกถ้าไม่ได้รับโอกาศจากสิงห์ พวกเราคงไม่มีโอกาสแบบนี้

หมายเหตุ : คิดถึงป้ายไฟ 5555


โดย: JJ Hour IP: 180.183.138.43 วันที่: 28 กันยายน 2557 เวลา:20:01:21 น.  

 
ว้าววววววววววววววววว สุดยอดไปเลยอ่ะ

ต้องเรียกว่าเป็นโอกาสที่หาไม่ได้แล้วแน่ๆ ถ้าสิงห์ไม่ใช่ Partner ของทีม เจ๋งสุดๆอ่ะ ^________^

อยากไปดู MotoGP บ้างจัง 555555555555555


โดย: runtaro IP: 180.222.157.92 วันที่: 30 กันยายน 2557 เวลา:16:04:33 น.  

 
^
^
^
ร่วมสนุกด่วนเลยจ้า


โดย: finishline วันที่: 2 ตุลาคม 2557 เวลา:16:26:10 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

finishline
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 110 คน [?]




ในประเทศไทยหาข่าวฟอร์มูล่าวันอ่านได้ยากเหลือเกิ๊นนนน...เขียนเองเลยดีกว่า!

**เจ้าของบล็อกเขียนข่าวขึ้นจากการรวบรวมข้อมูลข่าวและแปลจากเว็บไซต์ที่น่าเชื่อถือของต่างประเทศเพื่อเป็นสาธารณประโยชน์แก่ผู้ที่ชื่นชอบกีฬาชนิดนี้ ท่านใดที่นำข้อความในบล็อกไปเผยแพร่ต่อ ขอความกรุณาให้เครดิตบล็อกด้วยนะคะ**
Friends' blogs
[Add finishline's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.