Duke's Blog ยินดีต้อนรับทุกคนครับ
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2549
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2549
 
All Blogs
 

คนไข้จอมซน

เมื่อวันที่ 29 มกราคม วันตรุษจีนพอดีเลยนี่
ผมไม่ได้ไปฉลองกับเขาหรอกครับ
เพราะนอนกอดขวดน้ำเกลืออยู่โรงพยาบาล

ป่วยเป็นอะไรไปเหรอ ?

ก็ไม่ได้เป็นอะไรหรอกครับ หาหมอเล่นๆ
เพราะถึงยังไงช่วงนี้ก็ต้องแวะไปอยู่กับคุณพ่อที่โรงพยาบาลเป็นประจำอยู่แล้ว

ค่ำวันที่ 28 ผมก็บอกกับคุณหมอตอนที่เข้ามาเยี่ยมคุณพ่อ คุณหมอคนนี้เป็นหมอทางกระเพาะครับ
ผมก็บอกอาการไปคร่าวๆ ว่าเรอมากผิดปกติมาหลายเดือนแล้ว ให้หมอตรวจสักหน่อยดีกว่า
ซึ่งตัวเองก็ไม่เคยคิดว่าเป็นอะไรที่ต้องหาหมอหรอก
แต่ก็ดีกว่าอยู่เปล่าๆ
หาเรื่องใช้ประกันสุขภาพด้วย มีตั้งหลายอันไม่เคยป่วยเลย

คืนวันนั้นก็ไม่ได้นอนเลย เพราะรู้ตัวว่าขืนนอนละกัน
ไม่มีทางตื่นไปหาหมอได้ตอน 7 โมงเช้าแน่ๆ

พอได้เวลาก็แต่งตัวขับรถออกไป
โรงพยาบาลเกษมราษฎร์ประชาชื่น ใกล้บ้านนิดเดียว

ให้หมอตรวจนิดหน่อย คุณแม่ก็ยุบอกให้ตรวจเยอะๆ
เพราะห่วงเรื่องเราไอเรื้อรังมานานแล้ว
(มันก็หลอดลมอักเสบนิดหน่อยจากบุหรี่นั่นแหละว้า)

คุณหมอก็เลยบอก งั้นส่องกล้อง เอ็กเซอเรย์ อุลตร้าซาวน์ ด้วยเลยดีไหม แล้วก็นอนโรงพยาบาลสักคืน

ไอ้เราก็โอเค ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว ค่าใช้จ่ายก็ไม่ต้องห่วง
เพราะมีทั้งประกันสังคม ประกันกลุ่มของบริษัท ประกันชีวิตและประกันสุขภาพ AIA
หาเรื่องใช้ AIA ได้สักที คุณแม่ทำให้เราทำไมก็ไม่รู้
ป่วยก็ไม่เคยป่วยกะเขา เปลืองเบี้ยประกันว่ะ

เราก็บอกว่า หวอด 10 ว่างก็นอนครับ
หวอดอื่นไม่ได้เลยไม่ยอม
เพราะคุณพ่อนอนอยู่หวอดนี้
(ที่จริงพยาบาลน่ารักเยอะมาก)

ก่อนขึ้นห้อง พยาบาลก็มาเจาะเลือดแล้วก็จะให้น้ำเกลือ
เราก็พูดว่า "อ๊ะ...ต้องให้นำเกลือด้วยเหรอเนี่ย"
ไปถามคุณหมอ หมอก็บอกให้สักหน่อย เดี๋ยวไม่สมเหตุสมผล

พอเสียบน้ำเกลือเสร็จ สักพักเราก็ลองยกแขนไปมา กำมือแบมือ ว่าขยับได้แค่ไหน แล้วก็ถามพยาบาลว่า
ผมทำมือแบบนี้ได้ไหม แบบนี้ได้ไหม พยาบาลก็บอกว่า
ขยับได้ตามสบายเลยค่ะ เข็มมันเป็นพสาสติก

อ้อ...เพิ่งรู้นะเนี่ย
ก็คนไม่เคยให้น้ำเกลือนี่นา
ก็นอกจากผ่าตัดไส้เลื่อนตอน 2 - 3 ขวบ
(จำความไม่ได้หรอก)
ก็ไม่เคยนอนโรงพยาบาลแม้แต่ครั้งเดียว

สักพักรถเข็นก็มาพาขึ้นไปบนห้องพัก
คุณหมอนัดมาส่องกล้องตอน 10 โมงครึ่ง
พยาบาลหวอด 10 เห็นเราก็ยิ้มๆ
ว่าอีตาญาติผู้ป่วยคนนี้ กลายเป็นคนไข้ได้ยังไง

อ้อ...ก่อนขึ้นห้องไปแวะเอ็กเซอเรย์ก่อนด้วย
ดูเหมือนเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะรู้จักกับคุณแม่เราหมดเลยวุ้ย เพราะพาคุณพ่อมาประจำ



เช็คอินเป็นที่เรียบร้อย (ไม่ใช่โรงแรมนะเฟ้ย)
เราไล่คุณแม่ให้กลับไปอยู่กับคุณพ่อได้แล้ว เราอยู่คนเดียวได้
ครู่นึงพยาบาลเข้ามาบอกว่า เดี๋ยวจะมีคนมาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้

ว้าย...ไม่เอาๆ ใครจะยอมให้สาวๆ มาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กัน
เดี๋ยวเขาก็ตกตะลึง เอ้ย...เดี๋ยวเราก็เขินแย่สิ

ทีแรกกะว่าจะไม่ใส่เสื้อของโรงพยาบาลเลย
แต่เขาอธิบายว่าจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะว่าการตรวจจะต้องไม่ใส่ใดๆ เลยแม่แต่ชั้นใน

เอาก็เอา แล้วพยาบาลก็เข้ามาเปลี่ยนให้
ไม่ใช่ชุดคนไข้นะ แต่เป็นชุดสำหรับตรวจ
เหมือนกับชุดคลุมท้องตัวโตๆ
เปลี่ยนแค่เสื้อเท่านั้นแหละ กางเกงเดี๋ยวเราถอดเองได้

หลังจากพยาบาลสอบถามว่าแพ้ยาอะไรไหม
แพ้อาหารอะไรไหม เราบอกไปว่าแพ้ปูกับกุ้ง (ทั้งที่กินประจำ)
แล้วก็อธิบายวิธีใช้เตียง เราบอกไม่เป็นไรครับ
อยู่ที่นี่จนชินแล้ว
แล้วก็ถามเราอีกว่า ทานอาหารครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่
เราก็บอกตั้งแต่ 3 ทุ่มเมื่อคืน ส่วนน้ำเพิ่งกินไปสักชั่วโมงที่แล้ว

"ระหว่างรอไปส่องกล้องนี่ขอให้งดน้ำงดอาหารก่อนนะคะ"

โอ้...เลนนอน ต้องงดด้วย
อาหารนะไม่เท่าไหร่หรอก แต่น้ำนี่สิ

พอพยาบาลออกไปจากห้อง คนไข้จอมซนก็เริ่มออกลายทันที
ทำตัวไม่ได้เหมือนคนป่วยเลย (เพราะสำคัญตัวว่าไม่ป่วยไง)

ถอดกางเกงเสร็จแล้วก็ลากเสาน้ำเกลือเดินปุเรงๆ จัดข้าวจัดของ ให้เรียบร้อย ถ้าเสาน้ำเกลือมันเกะกะนักเราก็ถอดออก เอาปากคาบเดินซะเลย

เดินไปเปิดตู้เย็นดูซิ มีอะไรกินบ้าง
แล้วก็นึกได้ว่า งดน้ำงดอาหาร เวรกรรม

จากนั้นก็ยกเสาน้ำเกลือขึ้นพาดบ่า (ใครจะเชื่อว่าคนป่วย)
เดินด็อกๆ เปิดประตูระเบียงออกไปสูบบุหรี่
(หมอให้งดน้ำงดอาหาร แต่ไม่ได้บอกให้งดบุหรี่นี่หว่า)
แล้วก็พูดกับตัวเองว่า
"ฮะฮ่า เรามีห้องเป็นของตัวเองแล้วเฟ้ย" (ไอ้บ้า)

แล้วอีกพักใหญ่ๆ พยาบาลก็มาแจ้งให้ทราบว่า
เดี๋ยวเตียงจะมารับไปส่องกล้อง
แหม...ต้องใช้เตียงเข็นมารับเลยหรือเนี่ย

แล้วก็มาถึงห้องส่องกล้อง
เรายืนยันกับทุกคนอย่างแรงว่า
ไม่ยอมให้ฉีดยานอนหลับเด็ดขาด
(เวลาส่องกล้องบางครั้งจะให้ยานอนหลับคนไข้ เพื่อไม่ให้รู้สึกพะอืดพะอมเวลาสอดท่อเข้าไป)

คุณหมอก็โอเค ถามว่าจะดูไปด้วยใช่ไหม เราก็บอกว่าเอาครับ
คุณหมอเลยพ่นยาชาให้นิดหน่อยที่คอ

แล้วกล้องติดท่อสายยางก็ถูกสอดเขาไปในปากเรา
ความรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย

แล้วบนจอมอนิเตอร์ก็แสดงภาพภายในทางเดินอาหารของเราอย่างชัดเจน พร้อมกับคำบรรยายของคุณหมอ

ท่อลงไปถึงกระเพาะ คุณหมอก็บอกว่า
อืม...มันอักเสบจริงๆ ถึงได้มีกรดเยอะ
ท่อไหลลงไปอีก เจออะไรรู้ไหม ?

อาหารที่สวาปามมาจากบุฟเฟ่ที่ห้องอาหาร Cafe G
(ขอโทษที่ไม่ได้ชวนพิ้งไปด้วย เพราะไปอย่างกระทันหัน)
กินตั้งแต่ 3 ทุ่ม ตอนนี้ 10 โมงเช้ากว่า
มันยังย่อยไม่หมดเลยครับท่าน
ยังมองเห็นผักเป็นใบๆ อยู่เลย

ต่อไปนี้เป็นภาพภายในตลอดทางเดินอาหารของข้าพเจ้าเอง
คุณหมอให้มาเป็นที่ระลึก



ขออภัยสำหรับท่านที่รู้สึกไม่ดีกับภาพภายในแบบนี้ด้วย



คุณหมอก็บรรยายต่อไปเรื่อยๆ
ตรงนี้ก็แดง ตรงนั้นก็แดง แผลก็มีหลายจุด
เวลาท่อมันไหลลงไปตรงไหน เราก็รู้สึกได้เลย
ผ่านไปสักพัก ชักเริ่มรู้สึกอึดอัดแล้ว พูดก็พูดไม่ได้
แต่คุณหมอยังอธิบายอย่างใจเย็น
เราก็ได้แต่บ่นในใจว่า "อธิบายเร็วๆ สิวะหมอ จะได้เสร็จซะที"



พอเสร็จจากห้องส่องกล้อง
เราก็ถูกเข็นเตียงไปรอเพื่อทำการอุลตร้าซาวน์
ตอนนี้เราบอกให้คุณแม่กลับไปอยู่กับคุณพ่อได้แล้ว

แต่แหม...รออยู่ตรงนั้นนานมากเลย คนก็เยอะแยะขวักไขว่
กว่าจะได้เข้าห้องอุลตร้าซาวน์
พอนอนที่เตียงเราก็ถูกเลิกชายเสื้อขึ้น (กรี๊ด...)
แล้วเอาเจลอะไรสักอย่างมาทาๆๆ
จากนั้นก็เอาอะไรสักอย่างมาแนบเข้ากับท้อง
พลิกตัวด้านโน้นที ด้านนี้ที พักใหญ่ๆก็เสร็จ

ยัง ยังต้องมารอต่อหน้าห้องนานมาก กว่าพนักงานเปลจะมาเข็นกลับไปที่ห้องพัก

ระหว่างทางเราก็คิดว่า
ไม่อยากถูกนอนเข็นไปให้พยาบาลหวอด 10 เห็นเลย
เราเลยนอนเอาผ้าห่มคลุมหน้าซะ
ตอนแรกลืมคิดไปว่าอยู่ในโรงพยาบาลนะครับ
ไม่รู้เหรอว่าเอาผ้าห่มคลุมหน้ามันแปลว่าอะไร !!!
แต่พอนึกได้ก็ยิ่งสนุกดี คลุมต่อ
ระหว่างขึ้นลิฟท์ คนที่อยู่ในลิฟท์ด้วยคงมองเราแปลกๆ
แล้วสงสัยว่าไอ้บ้านี่มันคนหรือมันศพกันแน่วะ
(ต้องมีคนเหวอบ้างสักคนสองคนแหละน่า)

พอกลับมาที่ห้อง ก็ไม่ลืมที่จะโทรไปบอกน้องสาวว่า
ช่วยเอากล้องถ่ายรูปมาให้ด้วยนะ
นี่มันมานอนโรงพยาบาลหรือมันมาทัศนาจรวะไอ้บ้านี่

สายน้ำเกลือจ้ะ มีเลือดไหลย้อนนิดๆ



ทีแรกหารีโมททีวีไม่เจอสักที
จนต้องโทรไปบอกคุณแม่ให้แจ้งพยาบาลให้หน่อย
พอเปิดได้ อ้าว...ทำไมช่องเคเบิ้ลมันหายไปไหนหมด
ก็คาบขวดน้ำเกลือไปจูนๆๆ ทีวี แต่สักพักมันก็มาเอง



อาหารมื้อกลางวันเป็นข้าวต้มครับ แต่ลืมถ่ายมา

อาหารมื้อเย็นของคนป่วยมาแล้วเจ้าค่ะ



ที่จริงก่อนมื้อนี้ โทรไปสั่งข้าวผัดไส้กรอกมาหนึ่งกล่องด้วย



หลังจากมื้อนี้ ตอนค่ำยังบอกให้ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้อีกสองห่อ
คนป่วยบ้าอะไรเจริญอาหารอย่างนี้
ทั้งๆ ที่กินไปบ่นไปว่า ไม่อร่อยเลย จืดจัง

แต่...เกลี้ยงทุกอย่าง

พยาบาล(น่ารักด้วย) เดินเข้ามาเห็นก็พูดว่า
"กินหมดเลยเหรอคะ"

ตกตอนดึกแวะเข้ามาเห็นชามก๋วยเตี๋ยวอีก
เธอก็ขำๆ แล้วบอกว่า "กินเก่งจังนะคะ"

ตกดึกคืนนั้นนอนไม่ค่อยหลับ
(ก็แน่ล่ะ มันนอนทั้งวันนี่หว่า)
โทรไปบอกน้องให้ช่วยเอาเครื่องเล่น VCD แบบพกพามาให้ที
(ไอ้บ้านี่มันมาปิกนิคแน่ๆ ครับท่านผู้ชม)


ตื่นมาตอนอาหารเช้าครับ
ชุดนี้ไม่อร่อยจริงๆ ขอยืนยัน
แต่ก็กินหมด (ทำไงเล่า ก็มันมีให้แค่นี้)



อ้อ...ลืมเล่าไปว่าตอนเช้าตรู่ คุณหมอแวะเข้ามาดูอาการ และรายงานผลตรวจให้ บอกว่ากระเพาะและลำไส้มีแผลเยอะ
รวมทั้งหลอดอาหารทำให้ส่งผลไปถึงหลอดลมด้วย
จึงทำให้กรดเยอะ และประกอบกับหูรูด(เราก็ไม่แน่ใจว่ามันอยู่ตรงไหน แต่เดาว่าคนเป็นระหว่างกระเพาะกับหลอดอาหาร)
หูรูดไม่แข็งแรงจึงทำให้ลมตีกลับเยอะ
คุณหมอก็จัดยาไปให้ชุดหนึ่ง
ส่วนผลเลือด ปัสสาวะ ตับ ไต ปกติสมบูรณ์ดีทุกประการ

จบแค่นี้ละกัน ยังมีมุกเด็ดๆ อีกหลายอันที่กะจะเล่นในโรงพยาบาล ถ้าเผื่อหาเรื่องนอนคราวหน้าได้อีก
เช่น กดออดเรียกพยาบาลแล้วร้องผ่านไมโครโฟนไป
"ขอเป็นพระเอกในหัวใจเธอ"
(ขอคิดก่อนว่าจะกล้าทำหรือเปล่า)

คนเราหนอ อยู่ๆที่ก็หาเรื่องนอนโรงพยาบาลได้

แหม...เห็นใจหน่อยครับ คนมันไม่เคยป่วย
ค่ารักษาก็เบิกประกันหมด แถมเงินชดเชยอีกต่างหาก
ทำประกัน AIA แล้วก็ใช้ให้คุ้ม
แต่จะว่าไม่ป่วยก็ไม่เชิงนะ กระเพาะเป็นถึงขนาดนี้
ถึงวันนี้อาการก็ยังไม่เห็นจะดีขึ้นเลย
เผลอๆ จะแย่กว่าเก่าเสียอีก

ฝากถึงเพื่อนๆ พี่น้องทุกคนนะครับ
ว่าการไปหาหมอบ้างก็ไม่เลวนัก
อย่าคิดว่าแข็งแรงดี ไม่จำเป็น
อย่างผมเนี่ย ถึงปากจะบอกว่าไม่ป่วย
แต่พอเข้าโรงพยาบาล มันก็เจอเรื่องป่วยเองแหละครับ

อย่างน้อยตรวจสุขภาพสักปีละครั้งสองครั้งก็ยังดี







 

Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2549
13 comments
Last Update : 8 กรกฎาคม 2550 1:29:42 น.
Counter : 4240 Pageviews.

 

น่ากลัวจังคุณ

คนอายุ 28 เนี้ย ต้องเจอโรงพยาบาลอย่างงี้เลยหรอ


 

โดย: jaa_aey 4 กุมภาพันธ์ 2549 7:16:49 น.  

 

ตกใจรูป "เครื่องใน" ของ จขบ.

=)

 

โดย: hunjang 4 กุมภาพันธ์ 2549 10:35:30 น.  

 

รูปหลอดอาหารน่าเกลียดสุดๆๆๆ
แหวะ


ไปกินไม่ชวน เดี๋ยวบั๊ด

 

โดย: vodca 4 กุมภาพันธ์ 2549 14:17:16 น.  

 

เห็นรูปแล้วหิว อยากกินกระเพราไส้หมู อ่ะค่ะ

 

โดย: HTK IP: 203.113.38.8 5 กุมภาพันธ์ 2549 1:14:58 น.  

 

ก็กินมากนี่นา กระเพาะทำงานหนักเป็น 4 เท่าของคนปกติ

ปล. เอารูปเครื่องในมาดูทามม้ายยยย

 

โดย: vilandra 5 กุมภาพันธ์ 2549 16:27:28 น.  

 

รักษาตัวดีๆนะครับ อ่านอาการแล้ว นานหน่อยกว่าจะหาย

 

โดย: นายเบียร์ 6 กุมภาพันธ์ 2549 9:58:24 น.  

 

โว้ว รุปเฟี้ยวมากพี่ดุ๊ก ชอบๆๆๆๆๆๆ

 

โดย: +*~ S O u LM a T e~*+ 6 กุมภาพันธ์ 2549 16:15:32 น.  

 

หลอดอาหารมันเป็นอย่างนี้นี่เอง นึกถึงไส้ตันทอดกระเทียมฟ้ามุ่ยขึ้นมาตะหงิดๆ

 

โดย: Nutjung 7 กุมภาพันธ์ 2549 2:14:40 น.  

 

ต๊ะเอ๋!! แวะมาทักทายค่า

ขาขาวได้ใจมากคะ ขนดกครึ้ม...ม แมนดีคะ อิอิ ล้อเล่นนะคะ

 

โดย: น้ำตาลก้อนกลม IP: 203.113.36.8 7 กุมภาพันธ์ 2549 19:37:36 น.  

 

พี่ดุ๊ก!!!

ไปเที่ยวชัดๆ ถ่ายอาหารมาด้วย ตาลก็เป็นกระเพาะนะ แต่ไม่เคยส่องกล้องซักที เพิ่งกินยาบรรเทา heart burn (กรดกระเพาะมันพุ่งขึ้นหลอดอาหาร เจ็บมากๆ เหมืิอนใครมาบีบหน้าอก แทบกรี๊ด) ไปเนี่ย ไม่รู้จะเป็นอีกเปล่า กลับมาเรียนแล้วเครียดอีกละ เซ็งตัวเอง :D

เคยมีคนขู่ว่าถ้ายังเลี้ยงโรคกระเพาะ สักวันต้องเจอกล้องยัดปาก เค้าบอกว่าเจ็บมาก มันเจ็บมากจริงหรือเปล่าอ่ะพี่ กลัวๆๆ

(ข้างบนนั่น ไม่ใช่หนูน้าา :) )

 

โดย: dadaplane -- น้ำตาลพุงกลม IP: 71.199.122.64 10 กุมภาพันธ์ 2549 10:34:57 น.  

 

dadaplane - อ้าว...แล้วข้างบนน้ำตาลพุงกลมนั่นใครกันล่ะ ชื่อคล้ายๆกันเลย
สอดกล้องเหรอ พอดีพี่มันพวกประหลาด เลยพอทนไหว
แต่ได้ยินเสียงคนก่อนหน้าพี่ โอ้กอ้ากตลอดเลย

 

โดย: Duke-ดุ๊ก 10 กุมภาพันธ์ 2549 23:59:30 น.  

 

ดุ๊ก

ขออนุญาตอ่านแต่เรื่องไม่ดูรูปนะ หยอง ทำใจไม่ด้าย

 

โดย: chui osk113 IP: 222.10.135.71 11 กุมภาพันธ์ 2549 20:38:39 น.  

 

ถ้าเป็นเมื่อก่อนนี้เชื่อนะว่า 10A ดี แต่เดี๋ยวนี้แย่มากๆ โดยเฉพาะหัวหน้าแก้ปัญหาอะไรก็ไม่ได้ คอยสร้างปัญหากับคนไข้หลายครั้งแล้ว (รู้ตัวหรือไม่ว่าลูกน้องเบื่อคุณมากๆ)

 

โดย: สองหนึ่ง IP: 125.25.73.229 19 ตุลาคม 2551 15:52:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Duke-ดุ๊ก
Location :
นนทบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Duke-ดุ๊ก's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.