Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
7 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 
คำสอนหลวงตาวัชรชัย 2552

คำสอนหลวงตาวัชรชัย 2552
...
วันนี้จะเล่าเรื่องที่ไปกราบหลวงตาวัชรชัย ที่วชิรพยาบาล เมื่อวันที่
๒๔ เมษายน ๒๕๕๒ เมื่อครั้งที่หลวงตามาทำ "บอลลูนหัวใจ" ค่ะ

ในครั้งนั้น หลวงตาใจดี มานั่งที่เก้าอี้หนังนิ่ม ๆ สีขาวบุนวมอย่างดี(มั้ง)
ข้าง ๆ เตียงผู้ป่วย ทั้ง ๆ ที่หลวงตาเพิ่งจะทำบอลลูนไปเมื่อวันก่อน
ใบหน้าของหลวงตา ยิ้มแย้มแจ่มใส กระแสเมตตาส่งมาให้หยก และชาวคณะ
ตั้งแต่พวกเราเหยียบย่างเท้าเข้าไปที่ห้องผู้ป่วยแห่งนั้น เนื่องจากเกรง
จะเป็นการใบ้หวย ถึงไม่ขอบอกหมายเลขห้องค่ะ (อันที่จริงแล้ว จำไม่ได้ :54bd3bbb:)

เมื่อทุกคนหาเรื่องมาถามหลวงตาไม่ได้แล้ว หยกที่นั่งอยู่ข้างหน้าหลวงตา
รู้สึกอึดอัด อัดอั้นตันใจมาก เพราะว่า ที่นั่งอยู่ต่อหน้าเรานี้ คือหลวงตา
คือพระอริยะชั้นแนวหน้า คือองค์ที่เป็นที่พึ่งให้แก่เราได้ แต่ไฉนวันนี้
เรากลับไม่มีคำถามมาถามหลวงตากันนะ คิดสิ คิดเข้า ไอ้หยกเอ๋ย..
เรื่องที่ทำอยู่ การปฏิบัติที่คั่งค้าง อะไรที่มันยังสะสางไม่ได้ อะไรที่เรา
ติดขัดอยู่ ไม่มีแล้วหรืออย่างไรหนอ.. ท่านมาอยู่ตรงหน้าเรานี้แล้ว ทำไมหนอ..
ทำไมคิดไม่ออกหนอ เราติดขัดอะไรหนอ คิดวนเวียนมันอยู่นั่นแหละ
จะถามอะไรดี อย่าให้เสียโอกาส นั่งคิดอยู่อย่างนั้นนานพอสมควร
หลวงตาคงฟังอยู่นานแล้ว (ถ้าท่านฟังสิ่งที่เราคิดออกนะ ๕๕)
หลวงตาจึงเอ่ยออกมาว่า

25-05-2009, 17:36
เหลืออย่างเดียว สรุปแล้วทั้งหมด ต้องนึกให้ได้ว่าบุญที่เราทำมาทั้งหมด
ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันนี้ วันนี้ ตอนนี้ ที่นึกตอนนี้ เป็นเวลาที่บุญสะสมตัวสูงที่สุด
และสมบูรณ์ที่สุด เพราะว่า พรุ่งนี้ยังไม่ได้ทำเพิ่ม แต่เราไม่รู้ว่าแค่ไหน
และเป็นอย่างไร ก็เพียงแต่นึกว่า ขอครูบาอาจารย์ ท่านผู้มีคุณ
ทั้งหลาย โปรดชักนำให้ลูกได้รู้จักบุญของเราเอง
และใช้บุญของเราเองให้เต็มที่ที่สุด เท่าที่จะทำได้.. นะลูก
แค่ขอของของเราเองเท่านั้นแหละ แค่นั้นก็พอแล้ว
แล้วก็นั่นแหละ แล้วหนูก็ทำไป

เพียงแค่นี้ ขอบตาไอ้หยกก็ร้อนผ่าว.. ปลื้มหนอ ปลื้มจริงหนอ :fea27916:
หลวงตาใจดีจริงหนอ เรื่องนี้สินะ ที่เรายังขาดอยู่
แล้วหลวงตาก็
เทศน์ต่อว่า

อดีตที่ผ่านมา บาปอบายภูมิก็หมดสิ้นไปแล้ว เพราะว่า ถ้าหากยังมี
เชื้ออบายภูมิอยู่ ก็ยังเป็นคนไม่ได้ ต้องเป็นคนง่อยเปลี้ยเสียขาก่อน
หมาบ้าง จิ้งเหลนบ้าง ใช่ไหมลูก มันไล่ขึ้นมาจนหมดระยะบาป
ที่ทำค้างในชาติก่อน จนกระทั่ง ลอยตัวขึ้นมาได้ร่างกายมนุษย์
ที่มีตระกูลอยู่ในเขตพระพุทธศาสนา และมาวัดได้ มาฟังธรรมด้วย
ความสนใจได้ ก็ถือว่า บุญเดิมนี่ส่งเสริม ผลักดันตัวเองของจิตมา
ให้มาเจอ ให้มาอยู่ตรงนี้ ถือว่าบุญสมบูรณ์ที่สุด ตามที่เราทำมา
ไม่เท่าใคร และใครก็ไม่เท่าเรา ไม่เหมือนใคร และใครก็ไม่เหมือนเรา
เต็มตามลวดลายวาสนาบารมีเสมอ

อา.. ช่างไพเราะจับใจ คำพูดธรรมดา ๆ แต่ออกมาจากปาก
ของบุคคลไม่ธรรมดา เป็นธรรมที่ไพเราะ จับหัวใจคนฟังมากมาย

25-05-2009, 17:38
ทำอย่างไรหนอ.. เราถึงจะอ่านบุญเราออก ใช้บุญเราเป็น
และทำบุญให้มันถึงพร้อม เท่าที่มันขาด ให้มันตรงกับวาสนาเดิม
ถ้าไม่ตรง มันก็เข้ากันไม่ได้ เดี๋ยวก็ท้อ

นี่ถ้ามั่นใจแบบนี้ เราจะรู้สึกว่า นี่คือสาระของเรา เราเกิดมานี่เป็นคนมีบุญ

25-05-2009, 17:44
"แต่ที่นึกถึงบุญไม่ออก เพราะว่าหนึ่ง เรานึกถึงบาปใหม่ ตั้งแต่เกิด
จนมาถึงปัจจุบันนี้ เพราะฉะนั้น ท่านถึงได้บอกว่า หน้าที่อันแรกก็คือ
ละเว้นความชั่วด้วยประการทั้งปวง ที่มันผิดศีลห้า ทั้งนั้นแหละ
อย่าให้การผิดศีลห้ามันมาเกาะใจเราได้ ทำบุญเหมือนทองคำ
เป็นพระพุทธรูปองค์อ้วน แบบนี้นะ เต็มตัวอย่างนี้นะ"
แล้วหลวงตาก็ชี้มาที่หยก ไอ้ตอน"อ้วน" นี่แหละ บอกแล้วว่า
หยกนั่งอยู่ตรงนั้น มันแสนสะดุดตา :55318906:

"ตั้งแต่เกิดมา เป็นอนุบาลมา แข่งกันตีแมลง ตบกบ อะไรต่ออะไร
มันเป็นเรื่องของประเพณีของเด็ก ซึ่งกระแสของวัฏฏะมันสอนให้เรา
ลืมนึกถึงบุญ ให้ไปนึกถึงความสนุกในบาปบ้าง อะไรบ้าง บาปเหล่านั้น
ก็ค่อย ๆ พอกเข้ามา ให้เปื้อนทีละเล็กทีละน้อย ถ้าทำโดยเจตนาเป็นอาจิณ
จนกระทั่งเป็นอาชีพ ก็เหมือนกับมันคลุมเป็นหน้ากาก เหมือนใส่ชุดกันน้ำ
คลุมเข้ามา แต่ข้างในก็คือทองคำ คือบุญของเราทั้งหมด ไม่ได้หายไปไหน"

"แต่ว่าบาปใหม่ที่เราทำเสริมเข้ามา ทำให้เราไปสนใจ แต่เฉพาะกิจกรรม
ของร่างกาย ของบาป ทำให้เรานึกถึงบุญไม่ออก ใครพูดถึงบุญก็ท้อใจ
มองไปก็เห็น นี่ก็ดำ นั่นก็แดง ไอ้นี่ก็เปื้อน ไม่รู้จักแหวกบุญออกมาดู"

25-05-2009, 17:50
"ถึงต้องมีครู ถึงต้องฟัง พอฟังแล้วรู้สึกสะเทือนใจ รู้สึกปลื้มใจ
รู้สึกร้องไห้ รู้สึกอะไร แสดงว่ามันตรงกับเรื่องข้างในแล้ว
ก็ต้องอธิษฐานขอให้ครูบาอาจารย์หรือใครก็ได้ ที่มีร่างกายก็ดี
ไม่มีร่างกายก็ดี ที่กระทำต่อ ๆ กันมา ขอให้ลูกได้เห็นบุญตัวเอง
เข้าใจบุญตัวเองได้ ใช้บุญ เข้าไปอยู่ในบุญ ให้บุญตัวเองคุ้มครอง
ตัวเราได้ ถึงจะเริ่มทำบุญใหม่ได้"

"หรือบางทีก็ฉลาดกว่านั้น คือว่าทำอะไรสักอย่าง ซึ่งก็คือ ศีล สมาธิ
ปัญญา นะลูก อย่างใดอย่างหนึ่ง ทาน ศีล สมาธิ ปัญญา นี่แหละนะ
บุญสรุปแล้วก็ไม่เกิน ๔ อย่างนี้ละนะ 'พุทโธ' สักคำหนึ่ง ถวายค่าอาหารพระ
หรือให้ขอทาน หรือเลี้ยงคนแก่ แล้วทำให้ใจเรารู้สึกว่า เราเป็นผู้ให้
ใจมันเบา มันผ่องใส บุญที่เราทำ บำเพ็ญทาน หรือบำเพ็ญภาวนา
มีประโยชน์ มีความสุขแก่เรานะ"

"ณ บัดนี้ ขอบุญได้จงเชื่อมโยงกับบุญเดิมที่มีทั้งหมด ขอให้บุญจงแสดงตัว
ครอบคลุมใจเราตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะเข้าหากันได้
ทั้งหมด เหมือนเว็บไซต์ที่เราบันทึกไว้ ป๊อก ๆ ๆ ค่อย ๆ ทำ เดี๋ยวมันก็ปัง
ออกมาหมด เพราะมันอยู่ข้างในแล้ว แล้วข้อสำคัญก็คือว่า อย่าทำบาปใหม่"

25-05-2009, 17:53
"บาปเก่าที่เราทำตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งถึงปัจจุบันนี้ ยังทำให้เรา
ลงอเวจีไม่ได้ ยังห้ามมรรคผลเราไม่ได้ เพราะเรายังไม่ได้ฆ่าพ่อ
ฆ่าแม่ ฆ่าพระอรหันต์ ทำสังฆเภทยุให้สงฆ์แตกกัน ทำสังฆกรรมกันไม่ได้
และยังไม่ได้ทำร้ายพระพุทธเจ้า เพราะชาตินี้เราไม่ได้เกิดมาเจอ
ร่างกายท่าน กรรมหนัก ๕ อย่างนี้ ห้ามมรรคผล ไม่มีสำหรับเรา
เพราะฉะนั้น อย่าไปหนักใจ พยายามที่อย่าทำบาปใหม่เท่านั้นแหละ
อย่าผิดศีลห้า"

"แล้วไอ้บาปเก่าที่มีอยู่ก็ค่อยมอง วิธีที่ชำระบาปเก่าก็คือ มองแล้ว
รังเกียจมัน แล้วจะไม่ทำอีก คือบาปนี้มันไม่มีอะไรไปตัดมันได้หรอก
มันเป็นกระแสคลื่น กระแสดอกไม้เหม็น ที่มีอยู่ในโลก ใช่ไหมลูก
ของบางอย่างก็เหม็นเข้ามา โคลน..ใครไปถูก ก็เปื้อนเข้ามา เผลอไปเหยียบ
เผลอไปผ่าน มันก็เหม็น มันก็เปื้อน เราเห็นโทษแล้ว อะไรที่มันเป็นเหตุ
ให้เหม็นก็คือ เสือกเดินใกล้มันทำไม เสือกเดินไปเหยียบมันทำไม
เราก็ไม่ไปเหยียบ และไม่ไปใกล้เหตุแห่งบาป นั่นก็คืออยู่ในเขตของศีลห้า"

25-05-2009, 17:56
"มันก็ผ่องใสขึ้น บุญใหม่บุญเก่าก็จะแสดงตัว แล้วก็ไปเจอะพระ
หรือเจอหนังสือสักเล่มหนึ่ง ที่อ่านแล้ว อู๊ย... จับจิตจับใจ
เหมือนมันตอบคำถามเราได้ทั้งหมด แล้วก็นั่งภาวนาตามนี้ไป
นั่นแหละ คือจุดที่ท่านจะตอบเรามา พอใจเราล้างความสกปรก
พอสมควรแล้ว ท่านจะให้เห็น นั่นแหละ"

"ไม่นานนัก ไม่เกิน ๗ เดือน ก็จะพบทาง ๗ เดือนนี่ท่านก็บอกว่า
แย่แล้ว นานเกินไปแล้ว เกิดตายเดือนที่ ๕ ก็แย่แล้ว แล้วก็ทำอย่างนี้นะ
อธิษฐานแต่บุญเรามีอยู่ตามความเป็นจริง ไม่มีใครจะปิดบังเรา
หรือว่าห้ามเราไม่ให้นึกถึงบุญได้ เช่นเดียวกัน ให้ลืมบาป อย่าผิดศีลห้า
ในปัจจุบัน พอผ่องใสปั๊บ รีบผูกเลย ว่าบุญที่ลูกมีอยู่นิดหน่อยนี้
นึกได้นิดหน่อยนี้ ยังผ่องใสเบิกบานขนาดนี้ ถ้าบุญของพระอรหันต์
ของพระพุทธเจ้าจะขนาดไหนหนอ.."

25-05-2009, 18:01
"ลูกขอน้อมจิตผูกพัน กราบเคารพ ณ ที่ใดก็ตาม ที่พระพุทธเจ้า
พระธรรม พระสงฆ์ พระปัจเจกพุทธเจ้า ท่านสถิตอยู่ ลูกขอเอาจิต
นึกเข้าไปอยู่ตรงนั้น เหมือนพระอาทิตย์เต็มองค์ทรงกลดอยู่ ณ ที่ใด
เราขอเป็นแสง แสงหนึ่งที่เข้าไปอยู่กลางตรงนั้น ไม่ต้องดูทิศเหนือทิศใต้
เพราะทิศทางมันมีไว้สำหรับมนุษย์ที่มีร่างกาย มีตา มีหู แต่ใจเรานี้
ไม่มีทิศทาง มีแต่ความตรงเสมอ

ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป บุญที่เรามีอยู่ทั้งหมด ขอเชื่อมโยงผูกพัน
ถวายชีวิตเข้าไปในองค์ของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ขอพระองค์ได้โปรดจำว่า ลูกนี้นั้นเป็น อนุพุทธะ คือเป็นหน่วยหนึ่ง
เป็นสะเก็ดหนึ่งของบุญของท่าน อยู่ด้วยกัน ไม่มีจางคลายต่อไปอีกแล้ว
แต่ว่า เนื่องจากชีวิตนี้ยังไม่สิ้น ก็เหมือนกับว่า แสงของบุญของท่าน
ส่องลงมาจับร่างกายตรงนี้ ทำจนกว่าร่างกายนี้จะหมดโอกาสใช้
แล้วเราก็จะกลับไปสู่พระนิพพาน แล้วการลงมาบริหารร่างกายนี้
เราจะมีศีลห้าบริสุทธิ์แน่นอน เราจะไม่ยอมละเมิดชีวิต ทรัพย์สินบุคคล
หรือจะเอาวาจาไปโกหกพกลม เพ้อเจ้อส่อเสียด เพื่อที่จะไปคดโกงคนอื่น
มาเลี้ยงร่างกายที่เราต้องทิ้ง เราไม่เอาอีกแล้ว เราไม่โง่อีกแล้ว
เพราะร่างกายเมื่อตายไปแล้ว มันก็เป็น ดิน น้ำ ลม ไฟแล้ว
แต่เรากลับต้องไปตกนรกแทนมันมานานแสนนานแล้ว
เพราะไปทำกรรมแทนร่างกายของเรา จะเลิกโง่แล้วชาตินี้"

25-05-2009, 18:06
"รักษาศีลห้าให้บริสุทธิ์ เชื่อมใจไว้กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์
ปรารถนาว่าท่านอยู่ที่ไหน ที่นิพพาน เมื่อลูกสิ้นบาปแล้ว ลูกจะไปนิพพาน
แม้ในชาตินี้ลูกไปได้ ลูกก็จะไป ไปมันในชาตินี้ คือไปมันในชาตินี้แหละ

เอาให้ใจมันถึง ให้ใจมันสบาย แล้วเอาใจที่สบายย้อนลงมาดู เหมือนกับ
ลงมาดูไอ้อ้วน อีหัวโล้นนี่ บอกว่า นี่.. ฉันรู้จักแกแล้ว แกทรมานฉัน
มาหลาย ๆ ๆ ๆ แสนร่างแล้ว ร่างนี้ฉันจะดูแลแก จนกว่าแกจะสิ้นชีวิต
แกพาฉันไปทำเลวแทนแกมานานแล้ว ตามสมควร ต่อไปนี้นะ ฉันจะ
จับแกขึ้นมา เดินจงกรม มาสวดมนต์ มาไหว้พระ เอาบุญให้ใจฉันบ้าง
ก็เริ่มบังคับมันได้ ได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ก็ทำไปทำมา เดี๋ยวก็ชำนาญ"

เฮ้อ.. แสนยาว จบแล้วค่ะ ถ้าอ่านแล้ว
นึกถึงเสียงหลวงตาประกอบด้วย จะทำให้ in ยิ่งขึ้น :4672615:
อ่านแล้วคิดถึงที่หลวงตาวัชรชัยท่านเทศน์ให้ฟัง ที่โรงหล่อพรหมรังสี

"เอาจิตเราไปข้างบนอยู่กับสมเด็จพ่อนะ สองมือเราจับเท้าพ่อไว้ อ๊อกติดเลยก็ได้ (หัวเราะ)
แล้วสองเท้าของเราก็เกี่ยวไอ้ตัวเรา(ขันธ์ ๕ ) ไว้ พอเราตาย เราก็ปล่อยมันลงไป แต่เราไปอยู่กับสมเด็จพ่อนะ"
...
สาธุๆๆๆขอบคุณที่มาจาก (กราบ)😊
//www.watthakhanun.com/webboard/archive/index.php/t-480.html


Create Date : 07 สิงหาคม 2560
Last Update : 7 สิงหาคม 2560 23:14:35 น. 0 comments
Counter : 1040 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.