Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2560
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
8 สิงหาคม 2560
 
All Blogs
 

อย่าประมาทเลยลูก หลวงตาวัชรชัย

อย่าประมาทเลยลูก หลวงตาวัชรชัย
...
07/06/2007 - 22:48
“อย่าประมาทเลยลูก”
(พระครูภาวนาพิลาศ)
กรรมฐานนะลูกเป็นเรื่องจำเป็น เพราะทำให้ใจเราผ่องใสมีความสุขนะลูกนะ กรรมฐานกี่กองๆ กี่ระดับก็ตามนี่ลูก สังเกตมั้ยลูก..วันนี้เราภาวนาดีเชียว พอตอนสายฟุ้งแล้ว นาทีแลกภาวนาจับใจ....ปลื้มใจ ๗ นาที๘ นาที ไปเสียอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เวลาไปมันไม่ค่อยกลับเสียด้วยนะลูกนะ

ถามว่าบุญของเราแท้ ๆ ทำไมเราเอามาใช้ไม่ได้? บุญทั้งหลายที่เรานึกออกเป็นบุญที่สั่งสมอยู่ในใจ บารมี๑๐ ของเรานี่ทำมาเท่าไรไม่เคยลดลงไปจากจิตใจเลย กี่ร้อยชาติพันชาติ กี่ล้านชาติก็ตาม ค่อยๆหยดลงไปในแก้วใจโอ่งใจของเราทีละหยดป๋อง ๆ ๆ ก็เพิ่มระดับขึ้นมา

ส่วนตัวบุญกุศลเนี่ย ไม่เคยลดระดับลง เพิ่มพูนขึ้นเต็มอยู่ตามความเต็มอยู่เสมอ และก็เพิ่มขึ้นทุกขณะ ถ้าเต็มที่ก็ไม่มีเชื้อความเลวเหลืออยู่ เหมือนแก้วน้ำแก้วใหญ่ ๆ นะลูกนะ .. พอเต็มขึ้นมาปั๊บ! ความเลวไม่ได้ช่องโดยสิ้นเชิงเขาเรียกพระอรหันต์ แต่ทีนี้เราทำแล้วก็ฟุ้งไปบ้าง หรือจะจับมันไม่ยอมสงบมันฟุ้งอยู่ เป็นเพราะเราประมาทธรรมะอยู่ข้อหนึ่ง.... “ไม่นึกว่าเราจะตายวันนี้” ถ้าใครก็ตามนึกแบบเสียวสยอง แล้วตัดสินใจเด็ดขาดเลย “เราอาจจะตายวันนี้ได้” เรานั่งอยู่ในตอนกลางคืนเราอาจไม่มีชิวิต ไม่มีขันธ์ ๕ ไปสัมผัสแสงอาทิตย์วันตอนเช้าก็ได้ ถ้าใครกล้าพูดขนาดนี้.. กล้าคิดขนาดนี้.. คนนั้นเข้าถึงธรรม

แต่มันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องตายตามว่าหรอก เราคิดให้มันเชื่อว่าเราตายได้จริง ๆ ถ้าคนเราคิดว่า เราอาจอยู่ได้อีก ๓ เดือน – ๒ เดือน อีก ๒ เดือนครึ่งมันจะประมาท สมมติว่าเป้าหมายเราอยู่ตรงนี้ ระยะทางวัดมา เราต้องการเป้า ๑๐๐ % มันหารมาว่าแรงคูณระยะทางได้วันละก้อนแค่นี้ ถ้าคนไม่ประมาทเขาจะทำตรงตัววันละเท่านั้น ก็ยังทำความเพียร ๓ เดือนเต็ม ยิ่งคนที่คิดว่าตัวเองยังอยู่ ๒๐ ปีนาก็ยิ่งยึดเฉลี่ยความเพียร ใช่มั๊ย? เป็นเรื่องธรรมดานี่คือความไม่เอาจริงเอาไม่เต็มที่

ตอบ: 07/06/2007 - 23:52
ร่างกายเพียงเท่านั้นเอง... ใช่ไหมคุณ? ธรรมะต้องอันนี้ แต่ว่าถ้าดวงจิตไหนก็ตามที่เกิดมามีสติอย่างนี้ บำเพ็ญอย่างนี้ เขาก็ฝึกอภิญญา ฝึกทิพยจักขุญาณมา พอจิตเข้าถึงตรงนี้ปั๊บ!... นึกอะไรมันนึกออกหมดเลยว่าเกี่ยวพันกับใคร ถึงเวลาจะใช้มโนมยิทธิใช้อภิญญาเขาก็ใช้ได้เลย เพราะจิตไม่มีกิเลสเกาะ ไม่ได้เหาะหรือไม่ได้ทายใจ เพื่อให้คนเอาลาภมาให้ เพื่อกูจะได้หลงแล้วตกนรกในวันพรุ่งนี้ ไม่ได้ทำอะไรเพื่ออามิสเลย เทศน์...ก็ไม่ต้องการให้มึงมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์ แล้วโทรศัพท์กวนกูกลางค่ำกลางคืน... กูไม่ต้องการอย่างนั้น

ให้เอาไปทำวันนี้! ทำให้สุดเชียว...สงสัยก็เอาอารมณ์เดิมที่ทำ ในธรรมที่เรียกไม่ถูก ขึ้นไม่ได้ ซ้ายไม่ได้ ขวาไม่ได้ ไม่ออกเอามาถาม ... อย่าถาม! “หลวงตาจ๋าท่านพระโมคคัลลาน์บรรลุ ๗ วัน ทำไมเร็วกว่าพระสารีบุตร? “ มึงอย่าเอามาถามกู กูไม่รู้ กูเกิดไม่ทัน ต้องถามว่าทำอย่างนี้เกิดอย่างนี้ มันเป็นยังไง ถึงจะตอบ แค่หลวงพ่อ หลวงปู่ปานก็สุดวาสนาที่เราจะไปรู้แล้วลูก! กูตอบไม่ได้ แค่เรื่องของเอ็งเมื่อวานกูก็ไม่รู้แล้ว มึงยังไม่รู้ กูจะไปรู้ได้อย่างไร รู้ก็เป็นพระอรหันต์ไปแล้วใช่มั้ยลูก? อย่าถาม!! ต้องถามอารมณ์ปัจจุบันที่เราคันอยู่ เราชื่นบานอยู่ จะทำให้มันงอกเงยยังไง? ... ต้องถามตรงนี้... ถามตรงนี้ลูก!

นี่คือธรรมเฉพาะหน้า นอกนั้นเป็นกีฬาสมาธิ ที่จะทำให้ธรรมะเฉพาะหน้าคมคายมั่นคงขึ้นเท่านั้นเอง กี่องค์กี่สำนักสอนเหมือนกันหมด แต่ถ้าหากว่าอาจารย์ยังเป็นฌาณโลกีย์ ก็ยังไม่พูดถึงความตาย จะต้องพูดถึงเป็นเทวดาเป็นพรหมอยู่ ถ้าอาจารย์เป็นแค่พระโสดาบันท่านก็ยังบอกว่า “เดี๋ยวไปเกิดอีก ๗ ชาติ ต้องสร้างพระพุทธรูป เกิด...ต่อไปจะได้งามสมส่วน สร้างเทปอัดเสียงถวายหลวงตาเฮอะ! ชาติที่ ๒ จะได้เสียงดี เทศน์ดัง” แล้วสอนตามที่ตัวผ่าน ผ่านได้แค่ไหนสอนได้แค่นั้น ตัวปรารถนาอะไร จะสอนสิ่งที่ตัวปรารถนา ไม่งั้นสอนไม่ได้ สอนไม่ออก

ไม่ได้อิจฉาหรือทะนงอะไรจะพูดให้ฟังว่า... จงดูตัวอย่างก็แล้วกัน ฟังตรงนี้เรามั่นใจมั้ย? ว่าเป็นเหตุผลที่ถูก ถ้าเป็นเหตุผลที่ถูก แล้วมาถามอีก “หนูจะเริ่มต้นยังไง?” เอ้อ...เนี้ยะ!...เอาเลข ๑ กัน มันจบตรงเลข ๑ นะลูก มันไม่มีเลข ๒ หรอก ก็มีวันเดียวนี่แหละต้องจบตรงนี้แหละ จะทรงเลข ๑ ตลอด แต่อายุขัยของร่างกายมันยังมีก็เลื่อนไปอีกวัน มันก็ ๑ อยู่อย่างเนี่ย

นี่ไงนะลูกนะเราจะมีแต่วันเดียว และอารมณ์เดียวไม่เปลี่ยนอารมณ์เป็นเอกัคตารมณ์ เหมือนกับของวิเศษอันหนึ่ง ดวงแก้วดวงหนึ่ง ใจเราเนี่ย มีแสงหมุนแจ๊ดดดด....เห็นอะไรก็ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา... มีความรักอยากให้มีความสุข มีความสงสารอยากให้พ้นทุกข์ เห็นเขาดีขึ้นมาเราก็ดีใจ เห็นดีก็โมทนาด้วย แล้วเขาไม่เชื่อเราก็วางเฉยเสีย เขาก็เป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ตกนรกต่อไปอีก ก็เฉยไม่ตามไปอะไร

มีจิตเป็นเอกัคตารมณ์อยู่ในกายของเรา อย่างนี้เวลาใครมาก็เอาอารมณ์อันเดียวนี่อธิบายไปตามที่เราได้แต่ลดสำนวนลงมา อายุมันอ่อนนัก บารมีอ่อนให้มันคำเล็ก ๆ ปากมันน้อย ก็เอาข้าวในจานที่เรากินของเรา เวลาเห็นคนมาปากมันน้อยก็เอาคำน้อยให้ ปากเขาใหญ่เราก็เอาทัพพียัดเข้าไป ให้มันเหมาะ...เหตุกับผลใช่มั้ยลูก?

ตอบ: 07/06/2007 - 23:56
เพราะฉะนั้นถ้าเรามีอารมณ์วันนี้วันเดียว มึงอยู่อีก ๑๐,๐๐๐ วันมันก็ไม่ตกนรก ต้องคิดเป็นเอกัคตารมณ์ว่าอะไรมา ความเลวมา...อ๋อ...เป็นทุกข์ทั้งนั้น แล้วก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไป นั่นมันเรื่องอะไรของเราน้อ ความดีมันก็... อ๋อ! ก็เป็นผลความดี อ๋อ! ก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาไป

เห็นสภาพเดียวคือ สิ่งที่เกิดขึ้นและตั้งอยู่และก็ดับไป แต่ใจเราเห็นอย่างนี้เราไม่ไปแตะต้องสิ่งซึ่งเกิดได้ดับได้ตั้งได้ สิ่งที่เกิดได้ดับได้ตั้งได้ยังเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ จะมีร่างเดียวคือร่างนี้ในวันเดียวนี่ ถ้าพ้นจากวันนี้แตกดับไปแล้วคำว่า “อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา” ไม่เกี่ยวกะใจเราแล้ว เราคือวิมุตติพ้นจากนี้!! กฎของไตรลักษณ์ก็เกาะใจเราไม่ได้แล้ว เพราะไม่มีรูปกับนามที่จะไปเกิดดับ...เกิดดับต่อ

เขาเกิดมาบวชเนี่ย...เพื่อความดับไม่เหลือเชื้อ!! ในความโง่ว่าอะไรยังเป็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตาอยู่ ร่างกายเป็นของเราอยู่ ยังน่ารักน่าพอใจอยู่ ไอ้นั่นยังเต็มไอ้นี่ยังพร่องอยู่ เต็มหรือพร่องก็เป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา

ถ้าคนเราเนี่ยอะไรผ่านมาก็ไม่น่ารัก ไม่พอใจ แต่เมตตาเต็มเปี่ยม แต่ว่าอยู่กับพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เสียแล้ว ผลอันใดที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ทั้งหลายต้องการ คือยึดพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เป็นที่พึ่ง เราก็ได้ยึดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

จุดมุ่งหมายใดที่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ต้องการคือนิพพาน เราก็จับคันธงอันนั้นไปแล้ว

แล้วสมบัติอะไรที่สั่งสมมาที่จะเอามาเลี้ยงใจกับกาย กติกาต่าง ๆ ก็คือ ศีลอันบริสุทธิ์ตามเพศ(สมณะหรือฆราวาส)เราก็มีอยู่แล้ว

แล้วทุนสำคัญที่สุดจะใช้เป็นกรรมฐาน ใจเนี่ยทำกรรมฐาน จะต้องทำลงตั้งลงที่งานสักอย่างหนึ่ง งานอันนั้นกายเดียวในวันสุดท้าย อาการ ๓๒ พระไตรลักษณ์อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ก็มีอยู่แล้วเฉพาะหน้า มึงจะไปเอาทุนอะไรอีก

ถ้าใจเต็มที่ตรงนี้ก็คือว่าเป็นปรมัตถบารมี ไม่เปลี่ยนอีก ก็เป็นสมุจเฉทตรงนี้แหละ ถามว่ารสชาติเป็นไง?...กูก็ไม่รู้...ทำเอา!

ฟังแค่นี้แล้วมันฮึดมั้ยล่ะ? มันรู้ว่ามันทำได้ อยู่ในวิสัย ขออย่างเดียวอย่าเพิ่งตายเสียก่อน ขอคำเดียว “อย่าเพิ่งตายเสียก่อนพระเจ้าข้า บุญบารมีที่ทำมาขออย่างเดียวจงรักษากายนี้ไว้” นักปราชญ์โบราณท่านจะตั้งนะโม ด้วยอานิสงฆ์ที่ทำไว้ขอร่างกายจงปลอดภัยจนกว่าจะเขียนหนังสือเสร็จ เพื่อบูชาคุณพระศาสนา

เราก็ขอให้บุญทั้งหลายที่ทำมา ขออย่างเดียวให้เราเข้าถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ มีปัญญาเหมือนท่านมีศีลเหมือนท่านมีนิพพานเป็นที่ไป แล้วขอให้ร่างกายอย่าแตกทำลายก่อนที่เราจะได้มรรคผล แต่เราจะทำทีละวัน จะกี่วันก็ช่างขอให้ร่างกายอย่าแตกดับก่อนเราจะได้อรหันต์ผล คืออย่าให้มันแตกดับก่อนที่เราจะเบื่อขี้หน้ามันจนไม่เหลือเชื้อ ถ้าวันนี้เราเบื่อขี้หน้ามันจนไม่เหลื้อเชื้อตายไปเถอะมึง จะกังวลอะไร หรือเราจะอยู่ไปอีก ๑,๐๐๐ วันเพื่อจะแทนคุณพระศาสนา ก็จงอยู่ไปเถอะมึง! เพราะใจกูกับพระพุทธเจ้านี่! เป็นอันเดียวกันแล้ว แล้วจะอยู่ไปจนตายด้วยศีลบริสุทธิ์อยู่แล้ว

เข้าใจแล้วนา หลักคือตรงนี้แต่สำนวนในการที่จะเทศน์เพื่อให้สลดในความตายแล้วแต่อาจารย์ไหนจะถนัดยังไง จะเทศน์ให้เกลียดร่างกายให้ละความชั่วออกจากใจ ไม่ติดในร่างกาย ด้วยวีธีกายคตาฯ หรือธาตุ ๔ อสุภะหรือพระไตรลักษณ์ หรือวิปัสสนาญาณ ๙ หรือญาณ ๑๖ องค์ไหนได้ยังไงก็ต้องเทศน์อย่างงั้น ให้ลูกศิษย์ที่ทำตามกันมาทำตามนั้น แต่มีนัยอันเดียวคือต้องละความชั่วออกโดยประการทั้งปวง ต้องทำความดีที่ขาดให้ถึงพร้อมและทรงไว้ ต้องทำให้จิตใจให้ผ่องใสจากความรักความพอใจ ส่วนศีลสมาธินี่เป็นตัวเลี้ยงเท่านั้นเอง

ตอบ: 08/06/2007 - 00:01
จะเทศน์ ๘๔,๐๐๐ กระแสต้องการผลคือ หัวใจพระศาสนา เหมือนมึงจะเอามีดมาแทงไอ้นี่ให้ตาย ต้องการจะผ่าเอาหัวใจเอามากิน จุดหมายอันเดียว จะเอาพร้า มีด เอาปืน เอาเสียม เอามือแหวกอกหรือจะเอาหัวมุดลงไปกินหัวใจเขา ต้องการจะเอาหัวใจมากิน..เท่านั้นเอง

ไอ้หนูไปหัดคิดอย่างนี้ลูก คิดอย่างหลวงตาว่า ถ้าศีลอย่างนี้จะทรงตัว ถ้าคิดอย่างนี้เมื่อไหร่อารมณ์จะสบายเมื่อนั้น แต่ถ้าจับลมหายใจอย่างเดียวเล่นกสิณอย่างเดียว...มันไม่ทรงตัว หนูต้องคิดตามหลัก ซึ่งใจคิดแล้วใจมันไม่เถียง ถ้าฟังอะไรหรือคิดอะไร เขาพูดให้เราคิดหรือเราคิดเองก็แล้วแต่ ถ้าหากเห็นดีแล้วถึงขนาดน้ำตาไหลเขาเรียก ปีติ มันเห็นขณะมันปีติ “ทำไมถึงโง่อย่างนี้” เนี้ยเรียกว่าใจมันคมคายเข้าไปแล้วลูก สิ่งนั้นมีอยู่อย่างเดียวคือร่างกายต้องตายแน่... มันจะไม่เถียง ถ้ามันคิดแล้วมันไม่ใส ก็คิดว่ามันก็ไม่เกิน ๑๒๐ ปีหรอกก็ตายหมดถูกมั้ย? เอาให้มันเถียงไม่ได้

แล้วศีลนี่ดีแน่บริสุทธิ์แน่ ถ้าศีลของเราบริสุทธิ์ขนาดนี้ ยังผ่องใสขนาดนี้ ถ้าพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ท่านดีกว่าเราแน่ ผู้ใดเข้าถึงธรรมแม้น้อยนิด เทียบแล้วจะเห็นคุณของพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ว่าเหนือกว่าเราเป็นที่พึ่งแก่เราได้แน่

“พุทโธ” เข้าไว้ลูก ศีลรักษาไว้ นึกถึงความตายไว้ แล้วก็จับอานาปาน์ ต้องทำใจให้เบาอย่างนี้ก่อนถึงจะจับ ยังมีความกลุ้มอยู่ไปจับมันจับไม่ขึ้นหรอกลูก หายในเข้าก็ “อีห่า” หายใจออกก็ “อีโหง” มันต้องด่าตัวเองจนตายไปก่อน “พุทโธ....พุทโธ” พ่อสอนอย่างนี้เองน้อ...ลูกมีหวังพระนิพพานจริง ๆ หลวงพ่อ...มีคุณที่ถ่ายทอดมา สังโฆ...หลวงพ่อ... นึกถึงหน้าเป็นกสิณ หายใจเข้าก็มีความสุขจริงน้อ... หายใจออกก็มีความสุขจริงน้อ

พอได้อารมณ์ “พ่อจ๋าหายใจเข้าก็พองหนอ ๆ ยุบหนอ ... พองก็เห็นหน้าท่านใส... ยุบก็เห็นหน้าท่านใส พอง...ศีลหนูก็บริสุทธิ์ ยุบ...ศีลหนูก็บริสุทธิ์ ตัวทรงก็คือตัวอารมณ์ที่ว่านะ ไม่ใช่ไปจับหนังท้องนะมึงนะ หนังท้องนะจับอย่างเดียว พอตายแล้วจะเอาไปไหนล่ะเขาก็เผามันไป เข้าใจมั้ยลูก? “พอง”อยู่ศีลก็บริสุทธิ์

ถ้าเอ็งคิดถึงสีลานุสติ ไม่ได้เบียดเบียนใคร หายใจก็บอก “เทวดา พรหม พระพุทธเจ้า อัยการผู้พิพากษาทั้งโลก จงมาดูเราเลย ตั้งแต่เราพบพระและตั้งใจมานี่ หายใจเข้าออกเราไม่เคยได้พร่องศีล ไปเบียดเบียนใครเลย ถ้าใครมาโจทย์เรานี่เราจะรออยู่ตรงนี้ เราจะรออยู่ตรงนี้ ขอให้พระพุทธเจ้ามาเป็นพยาน ท่านก็จะทรงทราบ พญายมราชก็ต้องรู้ว่าเราผิดหรือไม่ผิด ไอ้มนุษย์ปากเหม็นใจเหม็นนี่ มาโจทย์เรา...เราจะไม่กังวลเลย ให้ฆ่าให้ตายเราก็จะไม่ตอบโต้เพราะเราเบื่อร่างกายแล้ว “ ที่เขาพองเขายุบเขามีอารมณ์นะลูกนะ ไม่ใช่ไปจับเฉย ๆ ก็เมื่อยฉิบหายเลย เมื่อไหร่จะครึ่งชั่วโมงว่ะ มันก็เกร็งอยู่อย่างนั้นลูก

ตอบ: 08/06/2007 - 00:06
หลวงตาไม่ได้ไปค้านใคร แต่ว่าต้องมีอารมณ์ผ่องใส ก่อนเราถึงจะไปจับ.... มีอารมณ์ผ่องใสอยู่ “โอ...สมเด็จพ่อพระพุทธเจ้ามีคุณไม่มีประมาณน้อ... ธรรมะที่หลวงตาถ่ายทอดเอามาจากพระคุณท่านนั่นแหละ ฟังดูก็คือหญ้าปากคอก แต่ว่าไม่เคยมีควายตัวไหนโผล่หน้าออกมากินซะทีนึง มันจ่อไว้กับปากคอก...แต่มันไม่กิน(หัวเราะ) ของธรรมดาว่าละร่างกายได้เมื่อไหร่ก็ละทุกข์ได้เมื่อนั้น ถ้าร่างกายตาย...กายนี้ก็จบจากความทุกข์ ใจว่างจากกายก็ว่าจากความทุกข์ ถ้าใจไปเกิดมีกายก็มีทุกข์ ถ้าใจไม่เกิดมีกายก็ไม่มีทุกข์ ก็เป็นพระอรหันต์ โอ...ก็แค่กายกะใจแค่นี้น้อ สมเด็จพ่อ

ลูกเข้าใจแล้วที่สมเด็จพ่อทรงท้อพระทัยในวินาทีแรกที่บรรลุ ว่าจะมีมนุษย์หน้าไหนเข้าใจมั้ยน้อ? เขาจะเชื่อเรามั้ยน้อ? ว่าเราพูดอย่างนี้ ดึงมาจนตื้นขึ้นมาอย่างนี้ใครเขาจะเขี่ยหนอ คนที่ติดร่างกายอยู่ ลูกเข้าใจน้ำใจสมเด็จพ่อแล้ว ขอขอบพระคุณที่พระองค์เมตตาสั่งสอน หลวงพ่อพุทโธของลูกน้อ... ลูกจะไปนิพพาน นึกถึงอารมณ์ก็ “พุท...โธ” ซ้ายก็ “พุท” ขวาย่างก็ “โธ” พุท...โธ มองเท้าด้วย นะลูกนะ ก็มีสุขด้วย “กลับ”มาก็ได้เดินเท่าไรก็มีความสุขลูก

ไม่ได้ห้ามวิธีเก่านา ต้องเอาอารมณ์พระอริยะเข้าไปในเท้าด้วยนา เอาอารมณ์พระโสดาบันเนี่ย! อารมณ์พระนิพพานเข้าไปในลมหายใจ สมมติว่าเอ็งจะเปลี่ยนอิริยบท “เอนเมื่อยน้อ หลวงพ่อน้อ ๆ หนูนั่งนานเมื่อย...หลวงตาก็พูดไม่จบซะที หนูต้องการจะพลิกเข่าขวาน้อ... ยกขึ้นแล้วหนอพ่อ ขณะยกศีลก็ไม่ได้ล่วงเลย ขณะยกหนูเห็นพ่อยิ้มอยู่กะหนู หนูรักพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ นี่มันไม่ถูกหนทางนะ หลวงตาน้อ ถ้าถูกกลับไป ศีลก็ไม่ได้แตะด้วยน้อ ... ยืดกายตรงน้อ... สมเด็จพ่อน้อ “

เขาเอาอย่างนี้นะอีหนูนา เขาไม่ได้ย่างเฉย ๆ นา... เขาย่างเพราะว่าเขามีสรณะแล้ว ถ้าตายตอนย่างนะ อยู่ตรงโน้นนะลูกนา เพราะใจอยู่ตรงโน้น... ถ้าใจเอ็งไม่มีสรณะ ไม่เข้าถึงตัวธรรม ใจเอ็งย่างนะลูกนะ จะ “กลับหนอ ๆ ... ๆ ... ๆ “ เกิดมันตายก่อน “กูก็ไม่รู้ว่ากูอยู่ตรงไหน กูมีอะไร กูจะกลับไปไหน แล้วกูจะต่อยังไง? “ มันต่อยากนะลูกนา กว่าจะเกิดมาต่อได้อีก ต้องฟังคนที่มีปัญญาจริง ๆ ที่ดึงเลี้ยวกลับมาได้ ถึงต่อได้นา
แต่ถ้าเอ็งเอาปัญญาเอ็งไปผูกกับพระพุทธเจ้านี่ เอ็งได้ทันทีลูก ไปอยู่กับท่านแหละนิพพาน ผูกกับหลักแล้ว

เอา! ... พอแค่นี้นะลูกนะ



แหล่งที่มา หนังสือธรรม เสียงจากถ้ำนารายณ์ ฉบับเดือน พฤษภาคม ๒๕๔๘
โดยท่านพระครูภาวนาพิลาศ หรือ หลวงตาวัชรชัย
...
สาธุๆๆอนุโมทามิ นิพพานะปัจจะโยโหตุ ขอบพระคุณที่มาจาก
//larndham.org/index.php?/topic/26572-%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B9%E0%B8%81/page__st__12
...




 

Create Date : 08 สิงหาคม 2560
0 comments
Last Update : 8 สิงหาคม 2560 14:09:55 น.
Counter : 1651 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


doraeme
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add doraeme's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.