: : ก่อนเริ่มงานยามเช้า : :
มีเรื่องอยากเขียนบล็อกมากมาย... มีหนังสือดีๆ ที่รอให้เปิดอ่านอยู่นับไม่ถ้วน... แต่ทำไมช่วงนี้ ไม่มีแรงกาย แรงใจ และแรงสมองหลงเหลืออยู่เลย รู้สึกเหมือนสติกำลังจะหลุดลอยออกไปจากตัวได้ทุกเมื่อ วันก่อนเบลอจัดถึงขนาดลืมอุปกรณ์ทำมาหากินชิ้นสำคัญทิ้งไว้ข้ามวันข้ามคืน สงสัยอาการงงๆ ของเราคงไม่ธรรมดาเสียแล้ว
วิเคราะห์หาสาเหตุของอาการผิดเพี้ยนที่เราเป็น คำตอบที่รู้แก่ใจหนีไม่พ้น หนึ่ง..งานมากอย่างน่าพิศวง... สอง..วิตกกังวลว่างานนี้ก็ยังไม่เสร็จ งานนั้นก็ยังไม่ได้ทำ ฯลฯ สาม..ตาและสมองเราไม่ใช่จักรกล จดจ่อกับงานมากไปก็ตาพร่า ตามัว มึนหัวเป็นธรรมดา สี่..นิสัยบ้าๆ Perfectionist แก้เท่าไหร่ไม่หาย...
วันก่อนโทร.ไปปรับทุกข์กับเพื่อนที่งานมากพอๆ กัน เธอก็เป็นหญิงอึด ลุยงานได้อย่างหามรุ่งหามค่ำโดยไม่เหน็ดเหนื่อย... เธอหัวเราะขำเราแต่ก็เข้าใจสถานการณ์ที่เป็นอยู่ จึงแนะนำคล้ายๆ กับที่ใจเราคิดนั่นแหละ คือ ต้องจัดลำดับความสำคัญของงานก่อน... จดลงกระดาษก็ได้ หนึ่ง สอง สาม สี่... เราก็จัดนะ ลองจัดดูแล้วละ แต่มันมีคิวแทรกนู่นนี่เข้ามาตลอดเลย ทุกอย่างก็่สำคัญหมด ...อย่างนี้จะทำไงดีละเพื่อนเอ๋ย...
เช้าตรู่... อากาศยังใสๆ บรรยากาศยังสบายๆ... ชะลอเรื่องงานไว้ก่อนสักแป๊บนึง...คงไม่เสียเวลาสักเท่าไหร่หรอกนะ เดินออกไปข้างนอก...มีอะไรเล็กๆ น้อยๆ ให้ดูชมพอเพลินๆ รอบออฟฟิศเรา ...ไปดูด้วยกันเลยดีกว่า...
ดอกวัชพืชเล็กๆ สีม่วงอ่อน ขึ้นอยู่ข้างๆ ที่จอดรถเราเอง
เกสรดอกไม้เล็กๆ ก็งามอ่อนช้อย
มีเพื่อนปีกบางมาร่วมชมบรรยากาศยามเช้า
...แล้วก็...อดไม่ได้ที่จะมองหาหยดน้ำบนยอดหญ้า...
บางหยดก็เหมือนจะหลุดร่วงลงดิน
บางหยดก็ดูเริงร่าเพราะมีเพื่อนรายล้อม
บางหยดก็ของามเด่นเป็นหนึ่งเดียว
..บันทึกคืนวันอังคาร.. ..๖ ตุลาคม ๒๕๕๒..
เคยอ่านเจอสุภาษิตสอนใจที่ไหนซักแห่ง "Do what you love, and love what you do" อ่านแล้วก็ชอบใจ เอาไปบอกเพื่อน เพื่อนฟังแล้วย่นจมูก บอกว่า มันเป็นไปได้ยากในชีวิตจริง ใครล่ะจะได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก มีแต่ต้องกัดฟันทำ ในสิ่งที่ไม่อยากทำ แต่จำเป็นต้องทำ เราฟังแล้วก็นึกค้านในใจ แต่ก็ไม่อยากแย้งออกมา จริงๆ แล้ว เราทุกคนน่าจะเลือกได้ว่า เราชอบอะไร รักอะไร ก็เลือกทำในสิ่งนั้น ไม่มีใครมาบังคับเราให้ทำในสิ่งที่ไม่อยากทำได้ จำได้ว่า สมัยทำงานใหม่ๆ นายเคยสอนว่า ถ้าฝืนใจทำอะไร งานจะออกมาดีได้ยาก ต้องมีใจให้กับมัน งานจึงจะออกมาดี เราพบว่าเป็นจริงอย่างมาก ปัญหาต่างๆ ในชีวิตส่วนตัวหรือการงาน ล้วนเกิดจาก "ทัศนคติ" นั่นเอง คิดดี อะไรๆ ก็ออกมาดี.. ถ้าเอาแต่คิดแย่ๆ ..งานก็จะออกมาดีไปได้อย่างไร
..บันทึกวันพุธ.. ..๗ ตุลาคม ๒๕๕๒..
ตอนนี้เรามานั่งอยู่ในห้องประชุมใหญ่ของไบเทค ใช้อินเตอร์เน็ตแบบไวร์เลสของทรูที่เขาแจกให้ผู้เข้าร่วมการประชุม... เลยได้เห็นพฤติกรรมการใช้อินเตอร์เน็ตของคนชาติอื่นที่ใช้โปรแกรรม "ตะโกน" คุยกันผ่านกล้องแบบไม่เกรงใจใคร... เจริญพร...
..บันทึกคืนวันศุกร์ เข้าสู่วันเสาร์.. ..๙-๑๐ ตุลาคม ๒๕๕๒..
เมื่อช่วงเย็น ฝนตกๆ หยุดๆ บรรยากาศเย็นฉ่ำสบายดีจัง... เราเลยเลี้ยวรถแวะเข้าศูนย์การค้าใกล้บ้าน ตอนแรกว่าจะไปกินร้านหมา (เกรย์ฮาวนด์) เจ้าประจำ แต่โต๊ะไม่ว่าง...มีคนใจตรงกับเรามาจับจองที่นั่งกันหมดแล้ว คนข้างๆ กับเราเลยจำเป็นต้องปีนกระไดเลื่อนขึ้นไปกินอาหารยุ่นปี่ที่ฟูจิ...คนเยอะเช่นกันแต่ยังพอมีที่ว่าง เราสั่งเต้าหู้ทอดหม้อดิน กับสลัดผักใส่มันฝรั่ง เครื่องดื่มเป็นชาเขียวร้อน ...ดูดิ..ขนาดออกเจมาหลายเดือนแล้วยังไม่วายติดเมนูเดิมๆ คนข้างๆ ก็กินแบบเดิมๆ ที่เขาเคยกิน คือ ชุดปลาดิบกับสลัดปลาทูน่า เสร็จแล้วแวะไปซูเปอร์มาร์เก็ต ซื้อขนมนมเนยและของใช้ประดามี..คนเรานี่ต้องใช้อัฏฐบริขารเยอะจริงหนอ กลับมาบ้านก็น็อตหลุดเลย ขนของเข้าบ้าน แล้วก็จัดของ ต่อล้อต่อเถียงกับคนโน้นคนนี้สักพัก อาบน้ำเสร็จ..หมดแรงเลย รู้สึกปวดระบม เมื่อยแขนและขาอย่างสาหัส ยังกับไปห้องยิมมา ไม่มีเรี่ยวแรงจะไปเปิดพีซีทำงานต่อ เพราะต้องนั่งโต๊ะ..ไม่ไหวจริงๆ สังขารไม่อำนวย เลยเอาแมคบุ๊คมาวางบนตัว นอนไปพิมพ์ไป.. เออ พีซีสู้โน้ตบุ๊คไม่ได้ก็ตรงนี้ละนะ
วันก่อนที่ไปสัมมนาที่ไบเทค ตอนเบรคไปเดินดูนิทรรศการและบูทต่างๆ เพื่อนชวนไปทดสอบมวลสารในร่างกายดู วิธีการคือขึ้นไปยืนบนเจ้าเครื่องนี้ เอาเท้าแนบแผ่นโลหะอะไรของเขานี่ละ มือทั้งสองจับแท่งโลหะ คล้ายๆ เครื่องมอนิเตอร์ชีพจร ผลคือ ร่างกายเรามีมวลสารของกล้ามเนื้อและมวลไขมัน ตกอยู่ในช่วงเกณฑ์มาตรฐานของคนสูงเท่านี้ (ร้อยหกสิบแปดเซ็นต์) แต่อยู่ในระดับที่เกือบๆ จะเกินเกณฑ์ ถ้าไม่ควบคุมอาหารและออกกำลังกาย เสี่ยงต่อการเข้าสู่ภาวะโรคอ้วนเป็นอย่างมาก ที่น่าแปลกคือ มวลกล้ามเนื้อของร่างกายซีกซ้ายของเราแน่นกว่าซีกขวา คนตรวจถามว่าเราถนัดซ้ายหรือ... เปล่าเลยแฮะ เราถนัดขวามาตลอดชีวิต แต่ด้วยความที่กลัวสมองซีกขวาฝ่อ เลยลุกขึ้นมาใช้ร่างกายซีกซ้ายเป็นการใหญ่ ก็เลยทำให้สภาพร่างกายเปลี่ยนไป...แปลกดีนะ ฟังดูแล้ว ทำให้ได้ข้อคิดว่า...เออนะ คนเรานี่ลงถ้ามีความตั้งใจจริงๆ ที่จะเปลี่ยนแปลงอะไรซักอย่าง เช่นที่เราพยายามจะเปลี่ยนมาเป็นคนถนัดซ้ายมั่ง... หรือพยายามเปลี่ยนทัศนคติ นิสัยใจคอ ก็ไม่มีอะไรยากเย็นเกินความสามารถของมนุษย์เราไปได้ ขอแต่อย่าล้มเลิกความพยายามเท่านั้นละ
ตอนนี้เราคิดอยากจะทำอะไรยากๆ อยู่สองสามอย่าง...ทุกอย่างคือซูเปอร์ร็อคๆๆๆๆ... ๑. รื้อฟื้นภาษาฝรั่งเศส...อันนี้จุดที่ยากไม่ใช่เนื้อหาหรือการเรียนรู้ แต่ยากตรงการบริหารเวลาของเราเอง ๒. ไปภูกระดึง (ครั้งที่ ๒ เอง...) จุดที่ยากคือ คนข้างตัวไม่ยอมไป ไม่ใช่ว่าไม่ชอบ แต่เป็นปัญหาเรื่องสุขภาพ ๓. ไปเนปาล และลุกลา..เพื่อไปดูเทือกเขาหิมาลัยและ "โชโมลุงมา" ด้วยตาเปล่าของเราเองซักครั้ง ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะมีโอกาสเป็นจริงได้หรือไม่ ยังไงก็ตั้งเป็นเป้าหมายชีวิตไว้ก่อนละกัน
...สุขสันต์วันเสาร์ค่ะ...
Create Date : 06 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 10 ตุลาคม 2552 0:11:04 น. |
|
21 comments
|
Counter : 1096 Pageviews. |
|
|
เมื่อวานผมก็ค่ำเคร่งหน้าจอ
จนมาดามเดินมาทักว่า
ทำอะไรอยู่น่ะ
ไม่พักซะหน่อยหรือ ?
ช่วงนี้ผมกำลังสนุกกับการทำต้นฉบับหมื่นตา
เพื่อนำไปพิมพ์เป็นหนังสือครับ
เหนื่อย
แต่มีความสุขครับพี่แดง