|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
: : โลกอุ่น..อีกแล้ว : :
วันนี้เราได้รับอีเมล์จากเพื่อนคนหนึ่ง โดยปกติเธอจะฟอร์เวิร์ดเมล์ขำๆ เมล์สุขภาพ-ความงามหรือสาระน่ารู้อะไรต่างๆ มาให้เป็นประจำ แต่วันนี้เธอส่งเมล์เรื่อง "โลกร้อน" มาให้ ทำเอาเราชักทึ่งในมุมมองของเธอที่แปลกไป นี่เธอก็ห่วงใยปัญหาโลกร้อนด้วยหรือเนี่ย (เห็นขับรถคันละแพงๆ อยู่คอนโดหรู... แฮะๆ แอบกัด...)
หมีขั้วโลกกับก้อนน้ำแข็งขั้วโลก (Iceberg) ที่คอดกิ่วจนน่ากลัวว่าจะรับน้ำหนักน้องหมีเหล่านี้ไหวหรือเปล่า (ลิขสิทธิภาพ : EnviroZine จากบทความเรื่อง "Global warming: the bogus religion of our age" by PROF. RICHARD LINDZEN //www.dailymail.co.uk)
เนื้อความและภาพประกอบในอีเมล์จากเพื่อน คิดว่าบางส่วนเป็นเนื้อหาสาระจากหนัง/หนังสือ เรื่อง An Inconvenient Truth ที่คุณอัล กอร์ เป็นผู้ดำเนินเรื่องซึ่งได้เผยแพร่ไปทั่วโลกเป็นที่รับทราบกันแล้ว ดังนั้น เราคงจะขอนำเพียงใจความสำคัญบางส่วนในอีเมล์จากเพื่อนมาเล่าสู่กันฟัง โดยขอตัดทอน/แก้ไขข้อความบางตอนเพื่อความเหมาะสม...
ต้นปีที่เพิ่งผ่านมา มีข่าวที่ช็อคคนทั้งโลก แต่ไม่ยักจะดัง ก็คือ นักวิทยาศาสตร์ของสหรัฐ หลังจากที่ปกปิดมานาน ตอนนี้ชักทนไม่ไหวแล้ว ได้ออกมาบอกว่า สถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายกว่าที่คาดไว้เยอะมาก จากการตรวจน้ำแข็งที่ขั้วโลก พบว่ามีพื้นที่น้ำแข็งหายไปจากปีก่อนราวๆ 5 เท่าของประเทศอังกฤษ
ทางแก้ มีทางเดียวคือ ทั้งโลกต้องหยุดการใช้น้ำมัน ก้าซ และถ่านหิน โดยทันที
หยุดนะครับ ไม่ใช่ลดการใช้ ทุกวันนี้ เหมือนเคาท์ดาวน์แล้วครับ นับถอยหลังว่ามันจะท่วมเมื่อไหร่เท่านั้นเอง
ถ้าน้ำแข็งละลายมากๆ เข้าจะเกิดอะไรขึ้น
อันแรกก็คือ การแปรปรวนของภูมิอากาศ กระแสน้ำไหลเปลี่ยนทิศทาง เกิดพายุประหลาดๆ หรือที่เราเคยเรียกว่า ปรากฎการณ์เอลนิญโญ่ น่ะครับ
น้ำแข็งมีความเย็น ไหลลงผสมกับน้ำในมหาสมุทร ทำให้กระแสลมเปลี่ยน ตามปกติ น้ำแข็งขั้วโลกจะทำงานสะท้อนแสงอาทิตย์ออกสู่บรรยากาศด้วย พอน้ำแข็งน้อยลง แสงอาทิตย์ก็กระทบผิวโลกมากขึ้น เมื่อผนวกกับการที่ปริมาณโอโซนที่ช่วยกรองความร้อนและรังสีลดลง ทำให้โลกได้รับพลังงานความร้อนจากดวงอาทิตย์เต็มๆ ทำให้ร้อนตับแตกไงครับ
สิ่งที่นักวิทยาศาสตร์กลัวที่สุดคือ โลกของเรา ถ้าเปรียบเป็นสิ่งมีชีวิต กระแสน้ำ ก็เหมือนกับกระแสเลือดที่หล่อเลี้ยงร่างกายนะครับ น้ำตรงเส้นศูนย์สูตร มีอุณหภูมิสูงก็จะไหลขึ้นไปทิศเหนือที่มีอากาศเย็น เมื่อน้ำเย็นลง ก็จะไหลกลับลงทิศใต้ ระบบมันเป็นแบบนี้มาตลอด โดยเรียกสั้นๆ ว่า สายพานแอตแลนติค
ถ้าเกิดน้ำแข็งขั้วโลกละลายลงมหาสมุทรทั้งหมด สายพานตัวนี้จะหยุดทำงาน และโลกจะกลับเข้าสู่ยุคน้ำแข็งดังในอดีตที่น้ำแข็งตรงกรีนแลนด์ละลายไหลลงมหาสมุทรน่ะครับ
ความแปรปรวนของอากาศจะเริ่มหนักขึ้นครับ เมื่อกระแสน้ำอุ่นไม่ทำงาน ลมจะเริ่มคลั่ง ก่อตัวเป็นพายุหมุนขนาดใหญ่มากๆ ตรงแกนของพายุ จะดึงเอาความเย็นยะเยือกจากชั้นอวกาศลงมาสู่พื้นโลกโดยตรง เรียกได้ว่าโดนอะไรก็จะแข็งทันที แบบในหนังที่นักบินแข็งตายน่ะครับ แล้วก็ตอนที่พระเอกหนีตายจากการโดนแช่แข็ง เข้าไปหลบในห้องสมุด ตอนจบของ The Day After Tomorrow โลกเรากลายเป็นยุคน้ำแข็ง นั่นก็คือเรื่องที่จะเกิดขึ้นนับต่อจากนี้ไปครับ
จริงๆ มันไม่นานหรอกครับ ตอนนี้ เรารู้สึกแปลกๆบ้างแล้วใช่มั้ยครับว่าเดี๋ยวหนาว เดี๋ยวร้อน จริงๆแล้ว พายุคาทรีนาที่ถล่มสหรัฐ ก็เพราะปรากฎการณ์โลกร้อนน่ะครับ เกิดจากกระแสน้ำที่เปลี่ยนไปของมหาสมุทรแอตแลนติค
ตามที่ ดร.อาจ-อง คำนวณไว้เมื่อสองสามปีก่อน แกบอกว่าไม่เกิน 12 ปี ตามที่ครูบาอาจารย์ และหลายๆคนที่ศึกษาธรรมได้บอกไว้ เขาว่า ภายในปี 2553 กรุงเทพจะโดนน้ำทะเลท่วม และในปี 53 ใครจะไปญี่ปุ่น อย่าไปนะครับ มีญาติก็ให้รีบกลับมา เพราะอาจจะเกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่น่ากลัวที่สุด อันนี้ มีคนบอกผมมาอีกทีเหมือนกัน (แต่ไม่ยืนยันความแม่น)
จะอย่างไร จะเกิดอะไร เราก็หนีไม่พ้นหรอกครับ ใครจะหาว่าผมเพ้อเจ้อเลอะเทอะ ก็ลองไปหาข้อมูลมาอ่านดูนะครับ ทางแก้ตอนนี้ไม่มีอีกแล้ว ถ้ามันไม่เกิดก็ดี แต่มีแนวโน้มจะเกิดสูงจริงๆ เราทำร้ายโลกมามากแล้ว โลกกำลังจะเยียวยาตัวเองน่ะครับ
ท้ายอีเมล์ฉบับนี้ เขาลงชื่อ ที่ทำงานและเบอร์โทร.ติดต่อไว้ด้วย คงเพราะไม่อยากให้คนรับอีเมล์รู้สึกว่าเป็นข่าวโคมลอยไร้ผู้อ้างอิง
เราอ่านแล้วก็รู้สึกเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง และคิดว่าข้อเสนอแนะบางอย่างก็ยากจะเป็นไปได้ในชีวิตจริง
ครึ่งที่เชื่อ เพราะเราเคยศึกษาข้อมูลเรื่องพวกนี้มาบ้างแล้วจากหลายแหล่งข้อมูลของนานาชาติ เห็นด้วยเหมือนกันว่าสหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ไม่ค่อยเดือดเนื้อร้อนใจ รู้ร้อนรู้หนาวกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่ และยังออกมาโต้แย้งว่าพวกรณรงค์เป็นกระต่ายตื่นตูมกันไปเอง...
พายุคาทรีนา จากมุมมองขององค์การนาซา ดูสวยงามอย่างน่ากลัว นักวิชาการบอกว่า คาทรีนาเป็นพายุเฮอริเคนที่ไม่ธรรมดา เพราะเกิดจากสภาวะทางกายภาพของโลกที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม) (ลิขสิทธิ์ภาพ : NASA //www.fws.gov)
อีกครึ่งที่ไม่เชื่อคือโอกาสและความเป็นไปได้ที่เหตุการณ์บางอย่างจะเกิดขึ้นได้อย่างแน่นอนในปีใดปีหนึ่ง (ฟังดูคล้ายคำพยากรณ์) แต่เนื่องจากเราก็มิได้มีความรู้จริงๆ ในเรื่องนี้ ก็เลยไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์มากนัก
และที่แนะให้หยุดการใช้พลังงานทุกประเภท พูดง่ายแต่ทำยากนะ ในความเป็นจริง ใครจะเดิน ขี่จักรยาน หรือจุดเทียนไข ได้ตลอดเวลา (แต่เราเคยเห็นแล้วนะ ชีวิตอย่างนี้มีจริง ชาวบ้านบนภูเขาในป่ารอยต่อชายแดนไทย-พม่านู่นไง)
ปัญหา"โลกร้อน" เป็นผลจากการกระทำของมนุษย์บนโลกที่สะสมมานาน ซึ่งอาจจะเกิดผลกระทบต่อคนได้ในระยะยาว หรือระยะสั้นก็ได้
ดูตัวอย่างง่ายๆ เช่น ทะเลอ่าวไทยที่ไม่สะอาดอย่างแต่ก่อน ทำให้สัตว์น้ำลดจำนวนลงเยอะ เราเคยคุยกับชาวประมงที่ออกเรือหาปลา เขาก็บ่นว่าเดี๋ยวนี้น้ำมันก็แพง ออกเรือในอ่าวไทยก็หาปลาได้น้อยลงกว่าเดิม วางลอบดักปูก็ไม่ค่อยได้ปู รายได้ก็ลดน้อยถอยลงในขณะที่รายจ่ายเพิ่มขึ้นจากข้าวของแพง (ปัญหาเศรษฐกิจอีกแล้ว!)
ชาวบ้านที่ไม่มีเรือก็จะขุดทรายหาหอยกันตามริมฝั่งแบบนี้ ขายได้วันละร้อยสองร้อยบาทก็ดีใจแล้ว
ก็ทะเลอุดมไปด้วยขยะ คราบน้ำมัน น้ำเสียและสารเคมีที่โรงงาน เรือเดินสมุทรและเรือต่างๆ กระหน่ำกันทิ้งลงไปในทะเลมาตลอดเวลานั่นไง ทุกคนคิดว่า โฮ้ย.. ไม่เป็นไรหรอกทิ้งขยะแค่นี้ ทะเลออกจะกว้างใหญ่
เอาละ ไม่ว่า "โลกร้อน" จะเป็นเรื่องใหญ่หรือเรื่องเล็กสำหรับใครก็ตาม แต่ เราต้องยอมรับความจริงว่า เราเป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ที่ไม่สามารถลุกขึ้นมาสั่งการให้คนอื่นๆ ลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อช่วยลดปัญหาภาวะ "โลกร้อน" นี้ได้
ยิ่งพวกบรรดาโรงงานทั้งหลายที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กันโครมๆ หรือรถร่วมขสมก. ที่ปล่อยควันดำท่อไอเสียกันอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว เราจะไปทำอะไรเขาได้...
แต่ก็ยังพอมีวิธีง่ายๆ มากมายหลายวิธีที่เราอาจจะช่วยกันทำเพื่อลดภาวะ "โลกร้อน" หรือชะลอวันเวลาที่เขาว่ากันว่าจะเกิดความหายนะให้มาถึงช้าลงได้ ไว้เราจะรวบรวมมาเขียนไว้ในโอกาสต่อไปนะคะ...
Create Date : 05 พฤษภาคม 2551 |
Last Update : 28 พฤษภาคม 2552 21:38:59 น. |
|
37 comments
|
Counter : 949 Pageviews. |
|
|
|
โดย: na_nin วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:34:58 น. |
|
|
|
โดย: Takaw (Takaw ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:37:10 น. |
|
|
|
โดย: =Lord Gary= วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:42:53 น. |
|
|
|
โดย: นู๋แป๋ว (nupaew ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:0:55:39 น. |
|
|
|
โดย: porranat วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:07:10 น. |
|
|
|
โดย: สาวอิตาลี วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:36:35 น. |
|
|
|
โดย: zalitalin วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:7:47:17 น. |
|
|
|
โดย: SevenDaffodils IP: 69.140.210.74 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:30:53 น. |
|
|
|
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:52:27 น. |
|
|
|
โดย: joblovenuk วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:40:25 น. |
|
|
|
โดย: Cheerfully วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:36:44 น. |
|
|
|
โดย: โสดในซอย วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:37:07 น. |
|
|
|
โดย: ท.แทนคุณ วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:15:54:04 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:16:44:18 น. |
|
|
|
โดย: Tony Koon (tk_station ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:22:01 น. |
|
|
|
โดย: mamminnie วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:23:03 น. |
|
|
|
โดย: OumojijA (tennoji ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:19:13 น. |
|
|
|
โดย: แม่โกลเด้นฯ วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:18:25:39 น. |
|
|
|
โดย: มิสเตอร์ฮอง วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:18:45 น. |
|
|
|
โดย: nanalove วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:19:49:34 น. |
|
|
|
โดย: ป้าหู้เองจ่ะ (fifty-four ) วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:20:58:23 น. |
|
|
|
โดย: เด็กพระจอม IP: 58.10.170.54 วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:28:58 น. |
|
|
|
โดย: porranat วันที่: 7 พฤษภาคม 2551 เวลา:21:42:54 น. |
|
|
|
โดย: เดอะ กั้ง วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:9:15:10 น. |
|
|
|
โดย: คนสาธารณะ วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:11:03:38 น. |
|
|
|
โดย: na_nin วันที่: 8 พฤษภาคม 2551 เวลา:12:37:24 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:02:45 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 9 พฤษภาคม 2551 เวลา:1:07:48 น. |
|
|
|
|
|
|
|
โดยเฉพาะคนเมืองนี้ ...
เพราะเกิดมาความเคยชินของเขาเป็นแบบนี้ ผู้คนนึกไม่ออกว่าความประหยัดเป็นยังไง ยังต้องรณรงค์กันอีกเยอะ
น่ากลัวจังค่ะ น้ำท่วมกรุงเทพ
ภาวนาว่าอย่าให้จริงเลย