Group Blog
 
 
พฤศจิกายน 2552
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
18 พฤศจิกายน 2552
 
All Blogs
 
๐ ... จันทร์ครึ่งดวง ... ๐ ( บทที่ 3 )



บทที่ 3



เณรนึกขึ้นมาได้ว่าที่โรงเรียนมีอาหารกลางวันให้นักเรียน แต่เขาไม่ได้เข้าโรงเรียนจะกินได้อย่างไร

“เอาน่า..” เณรตัดสินใจลองเสี่ยง วิ่งไปที่โรงเรียน

เพื่อนๆ เล่นกันอยู่ที่สนาม เณรพยายามเดินเลี่ยงไปโรงอาหาร..ไม่มีนักเรียนอยู่ที่นั่น มีแต่แม่ครัวและเพื่อนบางคนที่มีเวรล้างถาด เลยเวลากินอาหารมาแล้วนั่นเอง..เณรคอตกไปที่หลังครัว

“เฮ้ย..” ไอ้ป๋องตัวดีร้องทัก มันนั่งแอบกินข้าวอยู่ คงไม่กล้ากินให้ใครเห็นเพราะไม่ได้เข้าเรียนเหมือนกัน

“ไอ้!..” เณรพูดอะไรไม่ออก เทถุงบุหงาออกจากเป้

“อะไรวะ ขายไม่ได้แล้วพาล” ป๋องเฉไฉ รู้ว่าเณรโกรธเขาเรื่องอะไร

“ไม่ขายแล้วโว้ย” เณรไม่อยากต่อล้อต่อเถียง หันกลับออกจากหลังครัว ถ้ามีเรื่องเขาต้องพบกับข้อหาหลายกระทง ที่จริงเขาเองก็ทำตัวไม่ดี

ท้องร้องจ๊อกๆ เณรเปิดก๊อกน้ำกินประทังความหิว

“กลับบ้าน..” เณรพึมพำกับตัวเอง เขาไม่มีที่ไป ถึงอย่างไรบ้านคงยังพอเป็นที่พึ่งของเขาได้...กำลังที่เณรจะหันหลังกลับเขาเหลือบเห็นข้าวโพดต้มฝักหนึ่งวางอยู่บนโต๊ะอาหาร เณรมองซ้ายขวาไม่เห็นมีใครแถวนั้นจึงคว้าหมับเดินออกมา

“มีคนขโมยข้าวโพดของผม!” เด็กคนหนึ่งตะโกนตามหลัง

“ไอ้เณรหนีโรงเรียน ขโมยข้าวโพด” ป๋องโผล่ออกมาตะโกนสำทับ

“เณรขโมยข้าวโพด!” เจ้าของข้าวโพดต้มเพิ่งรู้จักชื่อเณร ร้องประจาน เพื่อนนักเรียนอื่นๆ เริ่มสนใจหันมามอง บ้างนึกสนุกตะโกนล้อเลียน

“ไอ้เณรหนีโรงเรียน..ขโมยข้าวโพด” ป๋องเป็นต้นเสียง

“เอ็งก็หนีโรงเรียนเหมือนกันไอ้ป๋อง” เณรนึกฉุนแกมอายโต้ข้อกล่าวหา เพื่อนๆ กลับมองไปที่ป๋อง

“แต่ข้าไม่ได้ขายถั่วเหมือนเอ็ง” ป๋องสวนกลับ

“ข้าไม่ได้ขาย” เณรพูดความจริง

“ไอ้เณรขายถั่ว..ไอ้เณรหนีโรงเรียน..ไอ้เณรขโมยข้าวโพด” ป่องยิ่งตะโกนยั่ว เด็กอื่นพากันร้องตามทั้งที่ไม่รู้ความหมายของคำว่าขายถั่ว

“ไม่ได้ขายโว้ย!..” เณรเหลืออดตรงไปที่ป๋อง ฟาดฝักข้าวโพดลงบนหัว ยังไม่ทันหายตกตะลึงเณรตามด้วยกำปั้นอีกชุดนับจำนวนหมัดไม่ถ้วน

“โอ๊ย!..ช่วยด้วย..ครูครับเณรรังแกผม” ไอ้ป๋องแหกปากตะโกนลั่นโรงเรียน คุณครูวิ่งออกมาจากห้องพักครูตรงมาที่วงตะลุมบอน

“หยุดนะนายเณร!..” คุณครูร้องห้าม แต่เณรหูอื้อตาลายเพราะแรงแค้นและโมโหหิว เขานั่งคร่อมป๋อง รัวหมัดระบายความรู้สึกคับแค้นที่สะสมอยู่ในใจ..มันไม่ใช่เพียงเรื่องถูกป๋องหลอกไปให้คนวิปริตปู้ยี่ปู้ยำ แต่มันรวมทั้งเรื่องพ่อและความอึดอัดใจอีกหลายอย่างในชีวิตของเด็กหนุ่มวัยสิบสี่อย่างเขา

“ขวับ!..” ไม้เรียวหวดลงบนหลังเณรที่กำลังคลุ้มคลั่ง..จะโทษครูหรือใครไม่ได้นอกจากตัวเขาเอง เหมือนผีบ้ากำลังเข้าสิง หน้าแดงตัวแดงตาขวางเหงื่อโทรมกาย ไม่รับรู้อะไรนอกจากต่อยๆๆ

“ขวับ!..” เสียงดังกว่าหนแรก เณรเริ่มรู้สึกเจ็บ

“ไอ้เณรรังแกผม” ป๋องได้จังหวะ ผลักเณรออกจากตัว ลุกขึ้นยืน

“ว่าไง?” คุณครูยืนทะมึน เณรพูดอะไรไม่ออก

“เณรขโมยข้าวโพดต้ม ผมตะโกนบอกเจ้าของ เค้าจึงต่อยผมครับ” ป๋องฟ้อง

“ผมเห็นวางอยู่ไม่มีเจ้าของจึงหยิบกิน ไม่ได้ตั้งใจขโมย..ผมหิวข้าวครับ” เณรสารภาพ

“ไม่จริงครับ..มันแย่งจากมือนายคนนั้น..” ป๋องชี้ไปที่เด็กเจ้าของฝักข้าวโพด “ใช่ไหม?” ป๋องขมึงตาใส่

“ใช่ครับ นายเณรแย่งไปจากมือผม” เด็กแหยคนนั้นจำใจเออออ

“ทำไมไม่มาโรงเรียน” คุณครูเปลี่ยนประเด็น

“ผมมาครับ..แต่..” เณรมองไปที่ป๋อง “ป๋องชวนผมหนีโรงเรียนไปขายของ”

“เณรไปขายถั่วครับ..ผมไม่รู้เรื่อง ไม่ได้หนีโรงเรียน เมื่อกี้ยังได้กินข้าวกลางวันเลยครับ”

“ขายถั่ว!..” ครูจ้องเณรจริงจัง “คงไม่ได้หมายถึงอย่างนั้นใช่ไหม?”

“ป๋องชวนผมไปขายบุหงาดับกลิ่นครับ ยังตกอยู่ที่โน่น..” เณรชี้ไปที่ถุงบุหงาบนพื้น “แต่เขาหลอกให้ผมเข้าไปขายในบ้านคนวิปริตครับ”

“เณรโดนข่มขืนจึงโมโหแล้วกลับมาทำร้ายผมครับ”

“ไม่โดน!..” เณรหันขวับ ตาเขียวใส่ป๋อง “ผมหนีมาได้”

“ตกลงหนีโรงเรียนทั้งคู่..” คุณครูตัดรายละเอียดอื่นออกเหลือแต่ประเด็นสำคัญ “ต้องถูกลงโทษทั้งสองคน”

“ขวับ!..ขวับ!..ขวับ!..”

“ขวับ!..ขวับ!..ขวับ!..”


“ครูลงโทษเธอเรื่องหนีโรงเรียน ส่วนเรื่องอื่นเธอคงรู้ว่าสิ่งไหนดีไม่ดี โดยเฉพาะเรื่องผิดกฎหมาย ขายยาบ้ายาเสพติด อย่าไปทำ..เรื่องผิดปกติบางเรื่องก็เหมือนกันถ้าไม่จำเป็นก็อย่าไปเกี่ยวข้อง มันไม่มีผลดีกับใคร..” คุณครูสั่งสอนได้เท่านั้น เรื่องผิดปกติบางเรื่อง บางที บางคนพบเพียงผิวเผินหรือบังเอิญ ถ้าไม่ให้ความสำคัญกับมันนักเรื่องก็จะเลือนหายไปเอง

“เณรต้องถูกครูทำโทษอีกชุดหนึ่งที่ทำร้ายป๋องจนเกินเหตุ ครูเห็นเธอต่อยเอาต่อยเอาเหมือนจะให้ตายคามือ..เห็นไหม ป๋องปากแตกหน้าตาปูดบวมขนาดนั้น” คุณครูแจ้งความผิดอีกกระทงหนึ่ง

“แต่ป๋องหลอกลวงผมและล้อเลียนจนเพื่อนๆ เข้าใจผิด..” เณรมองครูหาความยุติธรรม “ป๋องสมควรโดนสั่งสอน..อีกอย่างจะได้ไม่ไปหลอกเพื่อนคนอื่นให้ถูกชายคนนั้นข่มขืน”

“นั่นมันต้นเหตุ แต่ผลที่เห็นคือเธอทำร้ายเพื่อน ต้องถูกลงโทษ”

“ผมไม่ผิด..อย่างนี้เค้าไม่เรียกว่าเพื่อน..ผมไม่ผิด..ผมไม่ยอมถูกลงโทษ..” เณรฮึดฮัด “ผมไม่กลัวถูกครูตี ผมยอมให้ครูตีอีกหลายๆ ทีที่หนีโรงเรียน แต่เรื่องทำร้ายป๋องผมไม่ยอมถูกตี..ผมไม่ผิด..ป๋องสมควรโดน”

“มานี่!..อย่าขัดขืนครู” ครูยื่นมือจับไหล่เณร

“ไม่ครับ!..” เณรเบี่ยงตัวถอยกรูด เตรียมวิ่ง

“นายเณร!..” ครูเอ็ด “อย่าหนี..มาให้ครูลงโทษให้จบๆ ไป” ครูคว้าตัวเณร

“ตีเลยครับ..เณรเกเร เณรขายถั่ว เณรขี้ขโมย” ป๋องกระหยิ่มใจที่เพื่อนจะถูกลงโทษ

“ไม่ครับ!..” เณรดิ้น

“ขวับ!..” ครูหวดไม่เรียวลงบนร่างที่ไม่ยอมอยู่นิ่ง

“เณรเกเร..เณรขายถั่ว..เณรขี้ขโมย..” ป๋องเป็นต้นเสียงให้เด็กอื่นร้องล้อเลียนตาม

“ไม่..ผมไม่ผิด..ป๋องเป็นคนไม่ดี..ไม่..” เณรตะโกนลั่น..เขาทั้งอับอายทั้งโกรธแค้นความไม่ยุติธรรมของทุกๆ คน เณรดิ้นๆๆ ทั้งที่ไม้เรียวกำลังกระหน่ำ ในที่สุดเกือบจะสิ้นสุดการลงโทษเขาจึงดิ้นหลุด เณรหันหลังให้กลุ่มคนที่กำลังสนุกสนานกับความอัปยศที่เขากำลังประสบอยู่ วิ่งออกจากโรงเรียน

“จะไปไหน..กลับมาเรียนหนังสือ” เสียงของความหวังดีไล่ตามหลัง

“ผมไม่ผิด..ผมไม่เรียน..ไม่ยุติธรรม..ไม่ยุติธรรม..” เณรวิ่งไปร้องไป ตั้งใจจะไม่มาโรงเรียนอีก



รู้ตัวอีกทีเมื่อมาถึงปากทางเข้าบ้าน ทั้งหิวทั้งเจ็บแค้นทุกสิ่งทุกอย่างเณรวิ่งตื๋อเข้าซอย ไม่สนใจเกียงที่มองอย่างแปลกใจไม่กลัวพ่อจะเห็นและดุด่า เขาเหมือนวิ่งอยู่บนทางเปลี่ยวที่ไม่มีอะไรหรือใครสักคนบนโลกนี้นอกจากน้ำตาที่ไหลออกมาอย่างไม่มีเหตุผล

เณรข้ามลำกระโดงด้วยสะพานที่อยู่ห่างจากตัวบ้าน..จนใกล้จะถึงพงหญ้าที่เขาและดีดีอาศัยนอนมีชายแปลกหน้าคนหนึ่งท่าทางลุกลี้ลุกลนเดินสวนมา ทันทีนั้นเณรนึกสังหรณ์ใจถึงแม่ เม่าและบ้านของเขา ถึงแม้จะไม่มีสมบัติมีค่าอะไรแต่สมัยนี้แม้แต่หม้อข้าวก็ยังมีทาสยาบ้าบางคนขโมยไป

“งี๊ด..งี๊ด..งี๊ด..” เสียงดีดีร้องเพราะได้กลิ่นเณร

“ดีดี..” เณรทักทายด้วยความดีใจไม่แพ้เจ้าหมาพิการ..เขาเพิ่งนึกได้ว่าไม่เพียงแต่เขาที่หิวโซ ดีดีก็คงหิวพอกัน

“ดิ๊ง..ดิ๊ง..”

“พ่อ!..”
เณรสะดุ้ง แอบหลังต้นไม้ชะโงกดูพ่อที่เข็นรถเข้าบ้านจึงเห็นเม่าเพิ่งพ้นปลายสะพานเดินเข้าบ้านเช่นกัน แม่นั่งอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้านสีหน้าประหลาดใจที่พ่อกลับมาแต่วัน

“เห็นไอ้เณรวิ่งแวบๆ เข้ามา มันกลับมาแล้วหรือ?” พ่อตะโกนถามแม่

“ไม่อยากฟัง!..” เณรเอามือปิดหูผลุบเข้าในพงหญ้า ลงนอนขดแนบหน้ากับพื้นกลั้นลมหายใจหนีภาพหนีเสียงที่เขาไม่อยากได้ยิน สักพักหูอื้อไม่ได้ยินเสียงอะไร

“ฉันเลิกขายของแต่วันตั้งใจจะเข้ามาคุยกับเณรมัน..” พ่อชูถุงก๋วยเตี๋ยว “ซื้อมาให้เณร ฉันรู้ว่ามันชอบบะหมี่ต้มยำ”

“เฮือก!..” ในที่สุดทนไม่ไหวเณรหายใจเฮือกใหญ่..พ่อเลิกคุยกับแม่แล้ว..เป็นเม่าที่ได้กินบะหมี่ต้มยำถุงนั้น

“งี๊ด..งี๊ด..” ดีดีเลียหัวเณรที่นอนซุกอยู่ข้างๆ

“ดีดี!..” เณรได้สติลุกขึ้นนั่ง มองกะละมังข้าวของดีดีที่มีข้าวคลุกน้ำแกงเหลืออยู่ “แกกินข้าวแล้วนี่ เม่าเอามาให้กินละซี..กินก็ไม่หมด..” เณรตาลายคิดชั่งใจ

“งี๊ด..งี๊ด..” ดีดีร้องตอบเหมือนสงสัย

“แกยังไม่ได้กินยาเลย..” เณรคว้าสายสะพายเป้อย่างเคยชิน “ตาย!..” เณรอุทานด้วยความตกใจ เขาลืมเป้ไว้ที่โรงเรียน ในนั้นมีของจุกจิกประจำตัวหลายอย่างเช่นแปรงสีฟันและกางเกงใน “อ้อ!..” เณรคลำกระเป๋าเสื้อนักเรียนจึงพบซองยาของดีดี

“งี๊ด..” ดีดีขัดขืนนิดหน่อยเมื่อเณรพยายามยัดยาเข้าปาก แต่มันก็กินโดยดี

“แกกินข้าวกินยาแล้ว แต่ฉันยังไม่ได้กินอะไรเลย..” เณรมองกะละมังข้าว น้ำลายสอ ไส้บิดมวน “ขอฉันเถิดนะ..” เณรหยิบข้าวรสปะแล่มๆ ใส่ปาก เขากินไปได้สองสามคำก็น้ำตาไหลออกมา นึกน้อยใจ นึกเวทนาตัวเอง..แรงกดดันก่อตัวในช่องท้อง พุ่งขึ้นกึ่งจมูกกึ่งปากปล่อยโฮออกมา แต่ความแกร่งส่วนหนึ่งทำให้เขารีบอุดปากตัวเองไว้ ทั้งข้าวที่สำลักออกมาทั้งเสียงโฮที่ก้องอยู่ในปากปนกับน้ำมูกน้ำลายเลอะเทอะนองไปทั่ว


“อือ..อือ..ฮือ..ฮือ..” แล้วเณรก็ซุกหน้าลงกับดีดี กลั้นสะอื้นตัวโยน...







Create Date : 18 พฤศจิกายน 2552
Last Update : 18 พฤศจิกายน 2552 12:48:51 น. 0 comments
Counter : 665 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาเรน
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add ดาเรน's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.