Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
12 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
รอยตราพิศวาส ตอนที่ 4 part 3

“นี่ยายสิริญเธอไปซื้อน้ำเย็นๆมาให้ฉันสักขวดซิเอาน้ำชาที่ฉันเคยกินน่ะ จำได้ใช่ไหม”


จู่ๆสรวงสุดาก็ตวาดสั่งเสียงดังลั่นกลางร้าน พนักงานของร้านที่กำลังกุลีกุจอนำเสื้อผ้ารองเท้ามาให้เลือกต่างหันมามองสิริญเป็นตาเดียวเธอถึงกับหน้าชาด้วยความอับอาย


ในตอนแรกพวกเธอทั้งสามก้าวเข้ามาในฐานะที่ดูเสมอกันคือเป็นพนักงานของบริษัทแต่หลังจากประโยคนั้นออกจากปากสรวงสุดามันกลับกลายเป็นว่าสิริญถูกกดให้อยู่ระดับต่ำกว่าดูราวกับว่าเธอเป็นเพียงเด็กรับใช้ที่ติดสอยห้อยตามสรวงสุดาและแก้วเก้ามาเลือกเสื้อผ้าแก้วเก้านั้นก็ไม่ได้สนใจว่าสิริญจะถูกรังแกกดขี่ด้วยวาจาอย่างไร หล่อนยุ่งอยู่แต่เรื่องของตนเองจนไม่ใส่ใจที่จะยื่นมือมาไกล่เกลี่ย


สิริญไม่เข้าใจว่าสรวงสุดาทำเช่นนี้เพื่ออะไรเธออาจหมั่นไส้ขัดหูขัดตาที่สิริญเลือกชุดได้ก่อนและนั่งรออยู่เฉยๆอย่างไม่เดือดร้อนหรืออารมณ์เสียจัดจนพาลไปหมดหล่อนดึงธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทออกมาวางกับโต๊ะกระจกข้างตัวอย่างกระฟัดกระเฟียด


“เอ้า ไปซื้อมาให้เร็วๆหน่อย ที่ร้านสะดวกซื้อข้างๆนี่ก็ได้หาพวกขนมจีบมาเผื่อด้วยชักหิวแล้ว”


“เดี๋ยวให้พนักงานไปซื้อให้ก็ได้ค่ะ” พนักงานสาวคนที่ให้การดูแลบอกขึ้น ขยับจะสั่งเด็กในร้าน


“ไม่ต้อง ไม่ต้องพวกเธอก็ต้องอยู่ช่วยฉันเลือกชุด ให้แม่สิริญนี่เขาไปจัดการน่ะดีแล้วอยู่ที่บริษัทเขาก็วิ่งซื้อของไม่ก็ชงกาแฟให้เจ้านายอยู่บ่อยๆ”


คราวนี้หล่อนตั้งใจประจานจนสิริญอดหน้าเห่อร้อนด้วยความอับอายไม่ได้ เธอได้แต่พึมพำรับคำและหยิบธนบัตรขึ้นมาอย่างหมดหนทางค่อยก้าวเท้าออกจากร้านไปอย่างอดสู น้ำตาร้อนๆคลอตาสิริญปาดมันทิ้งเสียก่อนที่มันจะหยดทั้งยังสูดจมูกฟืดฟาดอย่างขัดใจสรวงสุดามีสิทธิ์อะไรมากดเธอแบบนี้ หรือหล่อนคิดจริงๆว่าสิริญเป็นคนใช้ส่วนตัว


การใช้ชีวิตในที่ทำงานอยู่ทุกวันนี้สิริญไม่ได้คาดหวังจะให้ใครจดจำหรือยกย่องเธอช่วยเหลือเพื่อนที่มีอยู่แค่ไม่กี่คนในสำนักงานโดยไม่หวังให้เขาเหล่านั้นมาซาบซึ้งหรือทำดีด้วยก็แค่ช่วยเหลือผู้อื่นบ้างเท่าที่จะทำได้แต่นึกไม่ถึงว่าการไม่มีปากมีเสียงของเธอกลับเป็นโอกาสให้คนอย่างสรวงสุดาหรือแม้แต่แก้วเก้าสบช่องในการรังแกดูถูก


                สิริญเดินอย่างเลื่อนลอยไปซื้อของตามที่สรวงสุดาสั่งแกล้งใช้เวลาเดินดูของในร้านสะดวกซื้อที่ติดเครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำเพียงเพื่อจะถ่วงเวลาแต่ท้ายที่สุดก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงการกลับไปอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนั้นได้ ระหว่างที่เดินอย่างซังกะตายกลับไปที่ร้านเสื้อสิริญพลอยโกรธไปถึงคนต้นเหตุจอมทัพก่อกวนชีวิตสงบราบเรียบราวกับน้ำใสในบ่อจนเกิดตะกอนขุ่นมัวไปทั่วดูไปแล้วมันยากเหลือเกินที่จะกลับมาใสสงบนิ่งเช่นเดิม


                เมื่อกลับมาถึงห้องเสื้อสิริญก็ต้องอึ้งอีกเป็นคำรบสองคราวนี้เป็นยิ่งกว่าความคาดไม่ถึงสรวงสุดาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วทั้งที่ก่อนหน้านั้นหล่อนยังวุ่นวายกับการเลือกเสื้อผ้าที่ถูกใจไม่ได้แม้แต่ชุดเดียวสรวงสุดาได้เสื้อชุดที่ถูกใจแล้วและมันคือชุดที่พนักงานสาวแนะนำให้กับสิริญนั่นเอง


                  หล่อนแย่งชุดของสิริญไปใส่อย่างหน้าตาเฉย


                    สรวงสุดาสวมมันได้พอเหมาะพอเจาะราวกับตัดมาเพื่อหล่อนโดยเฉพาะ แต่หล่อนมีสีผิวคล้ำกว่าสิริญเล็กน้อยช่วงแขนขาเพรียวเช่นกันทรวงอกก็กะทัดรัดกว่าแม้ว่าแบบของเสื้อกระโปรงชุดนั้นอาจจะไม่เหมาะกับรูปร่างของสรวงสุดามากนักเพราะหล่อนมีช่วงคอยาวการสวมเสื้อคอวีจะยิ่งทำให้ดูคอยาวกว่าปกติสรวงสุดาดูเหมือนจะรู้ดีเช่นกันเพราะหล่อนกำลังมองหาเครื่องประดับสำหรับสวมคอเพื่อพรางจุดด้อยแต่โดยภาพรวมแล้วหล่อนดูดีทีเดียวในชุดนั้น


                    สิริญมัวแต่ยืนอึ้งที่ถูกแย่งเสื้อผ้าไปดื้อๆอย่างนั้น ทั้งที่ในคราวแรกสรวงสุดาทำท่าไม่พอใจและติว่าเป็นเสื้อผ้าเหลือๆแต่ทำไมหล่อนกลับเลือกเอาไปใส่ได้สิริญไม่เข้าใจจริงๆ


                    “อ้าว มาแล้วเหรอเธอ ชักช้างุ่มง่ามฉันนึกว่าไปตกท่อตายแล้วเสียอีก” สรวงสุดาปราดเข้ามากระชากถุงใส่อาหารและน้ำชาเย็นเจี๊ยบไปจากมือส่งให้เด็กรับใช้ของร้านนำไปรินใส่แก้วมาให้หล่อนรับมาดื่มอย่างกระหาย


                     “ฉันกับแก้วเลือกชุดได้แล้วนะเราจะไปทำผมกันต่อ เธอนั่งแท็กซี่ไปโรงแรมเองก็แล้วกัน” 


                   นั่นยิ่งทำให้สิริญตกใจจนอ้าปากหวอแย่งชุดไปแล้วยังมาลอยแพกันเสียอีกสิริญพูดไม่ออกได้แต่เงอะงะอยู่ในขณะที่สรวงสุดาลากแขนแก้วเก้าที่ยิ้มแหยก้าวฉับๆเดินออกไปทิ้งให้สิริญยืนเคว้งอยู่กลางร้านท่ามกลางพนักงานที่ก้มหน้าก้มตาเก็บของพยายามไม่มองมาทางเธอ


                    “เดี๋ยวดิฉันเลือกชุดให้ใหม่นะคะ” พนักงานสาวคนเดิมเข้ามาแตะเบาๆที่ข้อศอก หล่อนมองสิริญอย่างเห็นใจ “ร้านเรายังมีอีกหลายชุดค่ะไม่ต้องกลัว”


                   “โบว์ไม่อยากไปแล้ว” ความทดท้อที่ถูกรังแกหยามเหยียดและถูกทิ้ง ทำให้สิริญเผลอพูดอย่างน้อยใจ “ไม่ได้อยากไปสักหน่อยงานบ้าบออะไรนั่น” หล่อนสูดจมูกฟืดฟาดขยับแว่นกรอบหนาอย่างหงุดหงิด


              “อย่าเพิ่งงอแงต้องไปสิคะแต่งตัวสวยๆด้วย”


               หล่อนอมยิ้มให้กับท่าทีเหมือนเด็กๆของสิริญก่อนจะหัวเราะอย่างเอ็นดู สั่งการเด็กในร้านเก็บของให้เรียบร้อยจับมือสิริญจูงไปที่ห้องเล็กห้องเดิมค้นของอยู่กุกกักสักพักก็ได้เสื้อชุดสวยอีกชุดติดมือมา สิริญไม่มีอารมณ์จะดูว่าเป็นชุดอะไรแบบไหนในใจคิดอยู่อย่างเดียวคืออยากขึ้นรถกลับบ้านไปเสียเดี๋ยวนี้


                 “ชุดนี้ตัดไว้นานแล้วค่ะแต่หาคนใส่ไม่ได้ต้องโครงร่างเล็กเอวคอดสะโพกมนมีหน้าอก รูปร่างแบบคุณนี่ล่ะเป๊ะเลยพวกนางแบบน่ะอกฟีบแถมไหล่กว้างใส่แล้วไม่สวยสักคน”เธอบอกขณะส่งชุดให้สิริญนำไปเปลี่ยน 


“เชื่อเถอะคุณใส่ได้และต้องสวยมากๆด้วย ดิฉันหารองเท้าที่เข้าชุดกันสักครู่นะคะคุณเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน อ้อ...นี่เป็นเสื้อชั้นในสำหรับเก็บทรงให้กระชับค่ะไซส์นี้คุณน่าจะใส่ได้เป็นของใหม่นะคะทางร้านมีเตรียมไว้สำหรับลูกค้า” เธอยักคิ้วให้กับสิริญ


ชุดสวยชุดนั้นดูเหมือนจะตัดมาสำหรับสิริญจริงอย่างที่เธอบอกมันทำจากผ้าเนื้อดีที่กระชับทรวดทรงของสิริญได้อย่างเหมาะเจาะ ชุดมีความยาวเหนือเข่าเล็กน้อยอวดช่วงขาเรียวของสิริญได้เป็นอย่างดีเนื้อผ้าก็พลิ้วใส่สบายส่วนของตัวเสื้อนั้นไม่มีแขน คอเสื้อเป็นตัววีเช่นเดียวกับชุดที่สรวงสุดาแย่งเอาไปพนักงานสาวใส่ใจกระทั่งการเลือกชุดชั้นในที่ช่วยเก็บทรวงอกอิ่มให้ดูกระชับและผลิงามสีของชุดยังขับผิวขาวอมชมพูให้ดูมีเลือดฝาดไม่ซีดจางเมื่อต้องแสงไฟ เธอหาสร้อยข้อมือที่มีลวดลายเก๋ไก๋ให้เส้นหนึ่งพร้อมกระเป๋ารองเท้าที่เข้าชุดกันเตรียมไว้ให้พร้อม จนสิริญเองยังอดห่อปากด้วยความตื่นเต้นไม่ได้เมื่อเห็นภาพของตนเองในกระจกเงาบานใหญ่


“แว่นตานี่ถอดได้ใช่มั้ยคะ” ช่างแต่งหน้าถามยิ้มๆก่อนลงมือแต่งหน้าให้กับสิริญอย่างประณีตเส้นผมยาวตรงนั้นถูกตัดออกราวสามนิ้วให้เป็นรูปทรงขึ้นทั้งยังม้วนเป็นลอนใหญ่ที่ส่วนปลายปล่อยให้ทิ้งตัวล้อมกรอบใบหน้าละมุนส่งให้ใบหน้าดูหวานซึ้งยิ่งขึ้น


“สวยจัง”สาวๆสองสามคนผู้รับหน้าที่ช่วยกันเนรมิตสิริญให้กลายเป็นเจ้าหญิงน้อยๆพร้อมออกงานพากันปรบมืออย่างตื่นเต้นหนึ่งในนั้นใช้โทรศัพท์มือถือถ่ายภาพสิริญไว้หลายภาพ ได้ยินว่าจะนำไปอัดเพื่อใส่ไว้ในแคตตาล็อกให้ลูกค้าได้ดูเป็นแบบ


“เสื้อผ้าและของใช้อย่างอื่นเอาฝากไว้ที่ร้านดีกว่านะคะพรุ่งนี้ช่วงสายจะให้เด็กเอาไปส่งที่ออฟฟิศพร้อมกับรับชุดคืน” หล่อนแนะนำขึ้นเมื่อเห็นสิริญค้นของในกระเป๋าถือใบโตง่วนอยู่


“คุณเอากระเป๋าสตางค์ มือถือกับกุญแจไปก็พอค่ะ” กระเป๋าถือสำหรับออกงานขนาดย่อมปักเลื่อมแพรวพรายถูกส่งมาให้สิริญทำตามอย่างว่าง่ายพนมมือไหว้ขอบคุณอย่างตื้นตันใจจนหล่อนรับไหว้แทบไม่ทัน


“ขอบคุณมากนะคะ ไม่ได้พี่โบว์ไม่รู้จะทำยังไงดี คงหนีกลับบ้านไปแล้วล่ะ”


“ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของดิฉันอยู่แล้วเอ่อ..ขอเบอร์โทรศัพท์ไว้ได้มั้ยคะ เผื่อมีเสื้อผ้าใหม่ๆจะขอคุณมาเป็นแบบโชว์ เสื้อผ้าบางชุดต้องได้หุ่นอย่างคุณนี่ล่ะค่ะใส่แล้วจึงจะดูสวย”


“ได้สิคะ มีอะไรให้โบว์ช่วยก็บอกเถอะค่ะโบว์ยินดีเสมอ” สิริญบอกหมายเลขโทรศัพท์ไป นึกขอบคุณที่ยังเจอคนดีๆให้ความช่วยเหลือในขณะที่ถูกทิ้งจากคนที่ได้ชื่อว่าเพื่อน


“โรงแรมอยู่ไม่ไกลค่ะดิฉันให้เด็กเรียกแท็กซี่ให้แล้วคงไปถึงราวๆทุ่มครึ่งคุณรีบไปเถอะค่ะ ขอให้สนุกกับงานนะคะ”

*************




Create Date : 12 พฤษภาคม 2556
Last Update : 12 พฤษภาคม 2556 19:57:48 น. 0 comments
Counter : 836 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.