Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
15 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 

รอยตราพิศวาส ตอนที่ 4 part 4 จบตอน

เมื่อสิริญไปถึงโรงแรมที่จัดงานนั้นงานได้เริ่มไปได้พักใหญ่แล้วแต่ผู้คนยังไม่หนาตาอาจเนื่องจากยังเร็วไปสำหรับผู้บริหารระดับสูงหรือบุคคลชั้นนำในวงสังคมที่จะมาปรากฏตัวสิริญเคยได้ยินว่างานเลี้ยงแบบนี้คนดังหรือแขกผู้มีเกียรติจะมาถึงงานหลังจากงานเริ่มไปแล้วพักใหญ่เพื่อรอให้มีผู้คนมาร่วมงานจำนวนมากจะได้ตกเป็นเป้าสายตาทำให้เป็นจุดเด่นและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากกว่าที่จะมากันตั้งแต่งานเริ่ม

แม้คนจะไม่มากแต่หลายคนก็มองมาที่เธออย่างสนใจทำเอาสิริญยิ่งเก้อเขินหนักเธอพยายามมองหาสรวงสุดาและแก้วเก้าอย่างน้อยก็ต้องเกาะสองสาวเอาไว้ก่อน แม้ว่าจะถูกปฏิเสธก็ตามแต่สิริญยังต้องพึ่งพาพวกหล่อนด้วยไม่รู้ว่าต้องทำตัวอย่างไรบ้างอีกทั้งแขกของบริษัทที่ชื่อนายนครนั้นก็ยังไม่เคยพบหน้าสิริญได้แต่ละล้าละลังเมื่อบริกรหนุ่มยกถาดเครื่องดื่มเข้ามาถาม เธอจึงเลือกเครื่องดื่มมาถือไว้เพื่อแก้อาการขัดเขินแต่ยืนอยู่เป็นนานก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของสรวงสุดาและแก้วเก้า สุดท้ายสิริญจึงมองหาสถานที่สำหรับหลบมุมอย่างที่ทำมาตลอดชีวิต

ประตูห้องโถงจัดงานนั้นมีอยู่ราวๆห้าถึงหกประตูสิริญกวาดตามองนึกเดาเอาว่าประตูเล็กๆด้านขวาสุดของห้องน่าจะเปิดไปสู่ระเบียงด้านนอกเธอเดินก้าวฉับๆออกไปทันทีขอให้เป็นที่ปลอดภัยซึ่งไม่มีใครสนใจ จะได้หลบไปทำใจและลดอาการตื่นคนโชคดีเหลือเกินประตูที่เธอเลือกนั้นนำออกไปสู่มุมเล็กๆด้านในสุดของระเบียงกว้างที่ต่อกับห้องโถงจัดงานที่มุมนั้นวางกระถางต้นไม้และเก้าอี้นั่งพักผ่อนชุดหนึ่งสิริญผวาไปที่ขอบกั้นของแนวระเบียงที่หล่อเป็นรูปเสาแบบโบราณความสูงแค่ช่วงเอวของเธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดและค่อยผ่อนระบายออกมา

“โอ้โห ลงทุนไม่เบาเหมือนกันนี่”

เสียงคุ้นหูทำเอาหญิงสาวสะดุ้งขึ้นทั้งตัวก่อนจะหันขวับไปหาต้นเสียง ผู้ชายคนหนึ่งลุกจากเก้าอี้ที่สิริญไม่ทันได้ใส่ใจมองเธอเบิกตาโตมองดูเขาอย่างคาดไม่ถึง

จอมทัพมาถึงงานแล้วเขาสวมเสื้อเชิ้ตสีอ่อนพับแขนขึ้นมาเกือบถึงข้อศอก เสื้อสูทสีเดียวกับกางเกงถูกพาดไว้กับพนักพิงของเก้าอี้ดูท่าเขาคงนั่งอยู่ที่นี่นานพอควรแล้วเพราะมีแก้วเครื่องดื่มที่พร่องไปวางบนโต๊ะเล็กด้านข้าง 

ชายหนุ่มยืดตัวยืนขึ้นเต็มความสูง กวาดตามองสิริญด้วยสายตาที่บ่งบอกถึงความรู้สึกบางอย่างซึ่งสิริญไม่ชอบเอาเสียเลย มันดูสำรวจอย่างจาบจ้วงจนเหมือนจะจับเธอถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นทั้งประกายตาดูหมิ่นดูแคลนไหนจะประโยคที่เขาทักทายล้วนส่อความหมายไปในเชิงเหยียดหยามทั้งสิ้น

“ฉัน...เพิ่งมาถึงค่ะ”

เจอเขาเข้าจังๆแบบนี้สิริญกลับไม่รู้จะพูดอะไรดี “เสื้อผ้านี่ก็เป็นของทางร้านจัดให้ดิฉันไม่ได้ซื้อใหม่ รับรองไม่เบิกงบประมาณของบริษัทแน่นอน”เธอจำได้ดีว่าเขาเคยสบประมาทไว้อย่างไรบ้าง

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรบางทีกำไรของเธออาจจะไม่อยู่ที่เงินค่าเสื้อผ้าที่ประหยัดไปนี่ก็ได้” เขายังทำเสียงเล็กเสียงน้อย “เอาล่ะไหนๆก็ลงทุนเสียตั้งขนาดนี้แล้ว จะแนะนำ “ลูกค้า” ให้ก็แล้วกันนะ จะได้ไม่เสียเที่ยว”

“คุณหมายถึงอะไร ดิฉันไม่เข้าใจ” สิริญทั้งโกรธทั้งไม่เข้าใจนัยของคำพูดประโยคนั้น “ก็คุณเองไม่ใช่หรือที่บังคับให้ดิฉันมางานนี้ทั้งที่ดิฉันไม่สมัครใจบอกให้แต่งตัวออกงานแต่ห้ามไม่ให้ใช้งบของบริษัทเกินความจำเป็น ดิฉันทำตามคำสั่งทุกอย่างแล้วนี่คะ”

“ก็ไม่ได้มีอะไรเข้าใจยากนี่ฉันก็แค่จะช่วยเธอให้เจอลูกค้าดีๆให้การรับรองอย่างเต็มที่ไม่แน่ว่าจากที่ไม่สมัครใจในตอนแรกเธออาจจะขอบคุณฉันที่ช่วยหาลูกค้าให้ก็ได้” เสียงเขาบอกเจือแววเยาะเหยียด สิริญไม่ได้คิดไปเองว่าเขามีเจตนาร้ายและรู้สึกขัดหูกับการย้ำคำว่าลูกค้าซ้ำไปมาหลายครั้ง

เสียงสัญญาณโทรศัพท์มือถือขัดจังหวะการสนทนาที่แสนอึดอัดขึ้นก่อนที่สิริญจะโกรธจนสะบัดหน้าหนีเขาไปเสียก่อนจอมทัพหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าเสื้อด้านในของสูทกดรับสายและกรอกเสียงลงไป

“มาถึงแล้วหรือครับคุณนครผมกำลังคุยกับพนักงานถึงคุณอยู่พอดี”เขาเน้นเสียงที่คำว่าพนักงานจนสิริญอดขุ่นใจไม่ได้

“ใช่ครับสาวสวยคัดมาอย่างดีเพื่อมาดูแลคุณโดยเฉพาะเธอชื่อสิริญครับ เราอยู่ในงานแล้วอีกสักพักเธอจะไปต้อนรับคุณอย่างดีทีเดียวครับ”จอมทัพพูดด้วยเสียงกลั้วหัวเราะมีนัยประหลาดท้ายที่สุดเขาหันมาบอกสิริญ

“ลูกค้าของเธอมาแล้วไปต้อนรับให้ถึงอกถึงใจ คงไม่ยากอะไรมันเป็นงานที่เธอถนัดอยู่แล้ว”

สิริญสะบัดหน้าหนีพึมพำขอตัวเธอรู้ด้วยสัญชาติญาณว่าจอมทัพยังคงจับตามองเธออยู่ตลอดเวลาเธอผละจากเขาเดินเข้ามายังห้องโถงจัดงานเดชะบุญที่กวาดตาไปพบกับแก้วเก้าและสรวงสุดาเข้าพอดิบพอดี

“แก้ว”สิริญร้องเรียกอย่างดีใจ ทั้งสองสาวหันมามองเธออย่างไม่เชื่อสายตาโดยเฉพาะสรวงสุดานั้นกวาดตามองสิริญตั้งแต่หัวจรดเท้าสองถึงสามรอบก่อนจะเบ้ปากอย่างไม่พอใจ

“โบว์ โอ้โหสวยจริง” แก้วเก้าห่อปากทำตาโต เธอไม่ใช่คนที่จะเก็บความรู้สึกอะไรไว้ได้จึงแสดงความประหลาดใจระคนชื่นชมออกมาอย่างชัดเจน“เปลี่ยนโฉมจนจำไม่ได้”

“เพิ่งมากันเหรอโบว์มาถึงได้สักพักแล้ว”

“ไปทำผมแต่งหน้าที่ร้านประจำของสรวงน่ะเลยมาช้า” เสียงแก้วเก้าฟังดูแปลกๆสิริญสังเกตเห็นว่าสรวงสุดานั้นทั้งทรงผมและใบหน้านั้นถูกจัดแต่งอย่างประณีตในขณะที่แก้วเก้านั้นกลับดูธรรมดาไม่ต่างจากตอนที่ออกจากร้านเสื้อแต่สิริญก็ไม่ได้หลุดปากทักออกไป

“แล้วนี่เจอใครบ้างหรือยัง”

“เจอท่านประธานคุณจอมทัพบอกให้โบว์มารับรองคุณนคร”

สิริญสังเกตว่าแก้วเก้าทำหน้าตกใจเล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรในขณะที่สรวงสุดานั้นหันขวับมาทันที

“ท่านประธานอยู่ที่ไหนนะ”

“ที่ระเบียงด้านข้างค่ะ” สิริญชี้มือไป นึกไม่ถึงว่าสรวงสุดาจะเปลี่ยนท่าทีรวดเร็ว หล่อนปรับสีหน้าเป็นปกติไม่บูดบึ้งเหมือนเมื่อห้านาทีก่อนจัดแต่งเสื้อผ้าโดยการดึงให้คอต่ำลึกมาอีกเล็กน้อยเผยให้เห็นทรวงอกอิ่มรำไรหล่อนยังเรียกหาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างอ่อนมาสองแก้วก่อนจะก้าวฉับไปตามทางที่สิริญบอก

“ยายสรวงน่ะเขามาเพื่อจับท่านประธานโดยเฉพาะเธอไม่รู้เหรอลงทุนแต่งหน้าทำผมเสียขนาดนั้น” แก้วเก้ากระซิบแต่สิริญไม่อยากสนใจอะไรอีกแล้วแค่อยากทำหน้าที่ให้มันจบๆไป

“โบว์ต้องหาคุณนครแก้วรู้จักเขามั้ย”

“รู้จักสิ รู้จักดีทีเดียว” คราวนี้หล่อนถึงกับทำหน้าง้ำ “จะพาไปหาแต่บอกก่อนนะแก้วไม่อยู่ด้วยเคยเจอเมื่อตอนที่เขามาคุยงานกับบริษัทเราครั้งแรก รับไม่ได้อย่างแรง โบว์ก็ช่วยตัวเองแล้วกันนะ”

สิริญไม่เข้าใจความนัยนั้นตราบจนกระทั่งได้พบกับลูกค้าคนที่ว่าเมื่อแก้วเก้าเดินนำเธอไปยังบริเวณทางเข้าห้องจัดเลี้ยงก่อนจะพนมมือไหว้ชายคนหนึ่งอย่างอ่อนน้อมและแนะนำสิริญให้เขารู้จัก

“สิริญค่ะจะคอยเทคแคร์คุณนครในงานนี้”

ชายตรงหน้าทำให้สิริญถึงกับสะดุ้งน้อยๆเมื่อสบตาเขาเป็นชายร่างผอมสูงผิวคล้ำแดดวัยราวสี่สิบเศษหน้าตาธรรมดา แต่งกายในชุดสูทที่มีเครื่องประดับเป็นทองคำแพรวพราวทั้งสายสร้อยคอเส้นโตสร้อยข้อมือ แม้แต่นาฬิกาก็เป็นเรือนทอง สิ่งที่ทำให้สิริญผวาคือเขาก้าวเข้ามาหาสิริญอย่างถือวิสาสะใช้มือกอบกุมมือของสิริญที่กำลังพนมไหว้ไว้หลวมๆก่อนจะออกแรงบีบกระชับราวกับจะเกาะกุมเอาไว้แนบอกแววตาเล็กยิบหยีของเขานั้นส่อแววหื่นกระหายจนปิดไม่มิดเมื่อกวาดตามมองผ่านร่องอกอวบใต้ผ้าเนื้อบางของสิริญ

“สวัสดีจ้ะหนูไหว้พระเถอะนะมีชื่อเล่นมั้ยจะได้เรียกเพื่อความสนิทสนม”

“ชะ...ชื่อ โบว์ค่ะ” สิริญถึงกับเสียงสั่นค่อยดึงมือออกจากการเกาะกุมเธอส่งสายตาวิงวอนไปยังแก้วเก้าแต่ฝ่ายนั้นกับสั่นหน้ารัวพร้อมกับก้าวถอยหลังเพื่อปลีกตัวออกไป

“ชื่อน่ารักมากหนูโบว์ช่วยพาผมเข้างานทีเราหาที่คุยกันเงียบๆดื่มอะไรเล่นๆกันสักครู่ก่อนงานเริ่ม ดีมั้ยจ้ะ”

เขาพูดด้วยจังหวะเนิบช้าราวกับพยายามอย่างยิ่งที่จะออกเสียงภาษาไทยกลางให้ชัดเจนแต่น้ำเสียงนั้นกลับแหบพร่าอยู่ในคอแถมยังแทบจะเข้ามาประคองสิริญเดิน แต่เธอขืนตัวและขยับออกห่างเสียก่อนสิริญไม่โง่จนไม่รู้ว่าเขาต้องการอะไรผู้ชายคนนี้แสดงท่าทีชัดเจนที่จะขบเคี้ยวหญิงสาวเป็นอาหารว่าง มือไม้เขาอยู่ไม่สุขคอยแตะไหล่แตะเอวแม้แต่วางแปะบนสะโพกเสียเฉยๆอย่างนั้นสิริญพยายามบิดตัวหนีอย่างอึดอัดอยากจะร้องไห้ออกมาเสียให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เกรงว่าการทำแบบนั้นยิ่งต้องอับอายคนไปทั่ว

ผู้คนเริ่มหนาตาแล้วแต่ไม่มีใครสนใจใครบ้างทีเจอเพื่อนคุยก็หยุดพูดคุยกัน นายนครดูท่าไม่อยากจะคุยกับใครสักคนเดียวในที่สุดหลังจากทั้งผลักทั้งดันเขาก็ต้อนสิริญออกมาที่ระเบียงลับหูลับตาคนจนได้

“ดื่มเสียหน่อยนะหนูโบว์ดื่มให้กับการพบกันครั้งแรกของเรา”เขาส่งแก้วเครื่องดื่มให้สิริญพร้อมทั้งถือโอกาสกุมมือเธออีกครั้ง หญิงสาวพลิ้วกายออกห่างรับแก้วเครื่องดื่มยกขึ้นจิบตามมารยาท

“หนูโบว์ทำงานอยู่บริษัทเครือวัชรเกียรตินานหรือยังทำไมผมไม่เคยเห็นหน้าเลย”

“ทำมาได้สองปีแล้วค่ะโบว์ทำพวกงานเอกสารไม่ค่อยได้รับแขก เพิ่งมางานนี้เป็นครั้งแรก”

“นั่นสินะ”เขาร้องเสียงดังเป็นเชิงเห็นด้วย

“ไม่น่าคลาดสายตาผมไปได้หนูโบว์ออกจะ...เตะตาเสียขนาดนี้” เมื่อเขาพูดคำว่า “เตะตา” สายตาก็ตวัดมองไปที่ทรวงอกของเธอจ้องเอาจ้องเอาราวกับไม่เคยเห็นสิริญเห็นสายตาเช่นนั้นแล้วก็ขนลุกซู่ด้วยความรังเกียจนายนครคนนี้ทำตัวไม่น่านับถือเลยสักนิดทั้งที่เป็นงานเลี้ยงสังสรรค์ที่ผู้คนออกมากมายเขายังทำกิริยาต่ำทรามแบบนี้กับเธอได้คงนึกว่าเป็นเพียงพนักงานต่ำต้อยจึงไม่เสียเวลาเกรงใจ

“สวัสดีครับคุณนคร”เสียงร้องทักจากประตูห้องจัดงานเป็นเหมือนเสียงสวรรค์ที่มาช่วยสิริญไว้ได้อย่างทันเวลาแต่ครั้นหันไปมองก็ไม่แน่ใจว่าเขายินดีจะช่วยหรือมาซ้ำเติมกันแน่ จอมทัพมีสีหน้ายิ้มแย้มขณะพูดคุยทักทายกับนายนคร

“แหมหลบมาอยู่ตรงนี้เองผมตามหาเสียแทบแย่ แถวนี้มีอะไรดีๆหรือครับ”

“ดีสิคุณจอมทัพ ดีเอามากๆเลยล่ะ อากาศดีบริสุทธิ์หอมหวานจริงๆ” นายนครหัวเราะเสียงดังอย่างที่สิริญได้ยินแล้วขนลุกขนพองไปทั้งตัวเธอยิ้มแหยให้กับสรวงสุดาที่ยืนเคียงข้างจอมทัพ แต่ฝ่ายนั้นกลับส่งรอยยิ้มที่คล้ายจะสมใจหรือไม่ก็ถึงขั้นสะใจตอบกลับมาให้ทำเอาสิริญงงงันไม่รู้ว่าเธอทำอะไรผิดจึงถอยออกมาเสียปล่อยให้นายนครพูดคุยกับจอมทัพตัวเธอเองเข้าไปกระซิบกระซาบกับสรวงสุดา

“สรวง คือว่าโบว์...” เธอตั้งใจจะขอให้สรวงสุดาช่วยอยู่เป็นเพื่อนรับรองนายนครให้เพราะไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับงานของบริษัทอีกทั้งไม่ไว้ใจลูกค้าชีกอคนนี้ที่ดูท่าพร้อมจะขย้ำสิริญได้ทุกเมื่อสรวงสุดากลับขัดขึ้นมาเสียก่อน

“เธออยู่กับไอ้แก่นี่ไปก็แล้วกันนะยายโบว์ฉันจะตามคุณจอมไปคุยกับแขกในงาน”คำบอกเล่าของหล่อนทำเอาสิริญถึงกับหมดคำพูด

“ไอ้บ้านี่มันหื่น คราวก่อนก็ทำก้อร่อก้อติกกับฉันทีละรำคาญ เธอก็ยอมๆมันไปก็แล้วกันจะได้ไม่มีเรื่อง” สรวงสุดาบอกง่ายๆแต่ปรายตามองนายนครอย่างแค้นจัด

“แต่ว่าโบว์ไม่รู้เรื่องงานของบริษัทถ้าเกิดเขาถามขึ้นมา”

“โอ้ย มันไม่ถามหรอกเรื่องธุรกิจอะไรน่ะ มันก็แค่เศรษฐีใหม่อยากชุบตัวเข้าวงสังคมอีกอย่างมันจ้องนมเธอตาแทบถลนเสียขนาดนั้นจะเอาสมองมาคิดงานคิดการอะไรเล่านี่ล่ะน้ายายโบว์แต่งตัวไม่รู้จักกาลเทศะอวดนมต้มล้นหลามขนาดนี้ผู้ชายที่ไหนมันก็ตาลุกเทสแย่จริงๆหาเสื้อน่าเกลียดแบบนี้มาใส่ได้ยังไงไม่มีหัวคิดเอาเสียเลย”

สิริญแทบร้องไห้กลายเป็นว่าเธอเป็นคนหาเรื่องใส่ตัวเสียอย่างนั้น

“ตะ...แต่ว่า โบว์กลัว เขาจะ...”

“จะไปกงไปกลัวอะไรล่ะหน้าที่หล่อนก็คือรับรองแขกของบริษัท จะพูดคุยดื่มกินกันในงานหรือออกไปกินกันต่อที่ไหนก็เป็นสิทธิ์ของหล่อนแล้วจะว่าไปท่านประธานนี่ก็ตาแหลมนะเลือกของได้ถูกใจลูกค้าดีเหลือเกิน ซื่อๆอย่างหล่อนนี่นายนครนั่นมันโปรดนักล่ะ”สรวงสุดาบีบเสียงแหลมที่กรีดเข้าไปในใจของสิริญยิ่งกว่ามีดคมๆนับร้อยเล่ม

“ตามสบายเถอะ หล่อนก็ให้ไอ้แก่นั่นพาไปส่งบ้านเสียซิมันน่ะมีเงินนะอยากได้อะไรเป็นทุ่มไม่อั้นดีไม่ดีเธอจะได้ไม่ต้องมาเป็นพนักงานต๊อกต๋อยเงินเดือนแค่ไม่กี่พันอยู่แบบนี้”

สรวงสุดาปิดปากหัวเราะตาวาวแววตานั้นทั้งเยาะหยันทั้งสะใจ สิริญเข้าใจความหมายของหล่อนชัดเจนก็ตอนนี้พลอยเข้าใจความหมายในคำพูดแปลกๆของจอมทัพด้วยเขารู้ดีว่านายนครมีรสนิยมอย่างไรเขาจงใจส่งสิริญเป็นอาหารให้ลูกค้าของบริษัทขบเคี้ยวเล่นเขาทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองโดยไม่สนใจความทุกข์ยากของคนอื่น

สิริญไม่เคยรู้สึกเกลียดเขาจับใจขนาดนี้มาก่อนแม้เมื่อเขาทิ้งเธอไปเมื่อหลายปีก่อนนั้นก็ยังไม่เกลียดมากถึงเพียงนี้ ในตอนที่เกิดเรื่องครั้งนั้นเธอเสียใจและน้อยใจในโชคชะตาเสียมากกว่าอาจมีความโกรธผสมอยู่บ้างแต่ไม่เคยนึกเกลียดเขา แต่ ณ ขณะนี้สิริญรู้แล้วว่าพี่จอมของเธอเปลี่ยนไปแล้ว

เวลาที่ห่างกันไปทำให้เขากลับกลายเป็นชายหนุ่มที่เลือดเย็นและเห็นแก่ตัวอย่างที่สุดอย่างที่สิริญเองก็คาดไม่ถึง

ยาวไปมั้ยคะ จะตัดก็ไม่รู้จะตัดตรงไหน บีลงไว้ให้เท่านี้นะคะ ตอนที่ 5 ลงที่นี่ไม่ได้ ลองตามอ่านที่เว็บธัญวลัยค่ะ บียังไม่ได้ลบ

ขอบคุณที่ติดตามและเป็นกำลังใจให้กันนะคะ ตอนนี้กำลังลงเรื่องใหม่ที่เว็บห้องสมุด ไว้สักพักจะเอามาลงที่นี่ คงอัพทีละเว็บค่ะ อัพทุกเว็บไม่ไหวเพราะใช้เวลาพอควรกว่าจะแก้ font จัดย่อหน้า 

นิยายทุกเรื่องที่ลงมีวางแผงตามร้านหนังสือทั่วไปค่ะ ถ้าสนใจหรือหาซื้อไม่ได้สอบถามมาได้ที่เมล์ (nuntineebook@gmail.com) และ facebook (https://www.facebook.com/nuntinee.novel

ขอบคุณอีกครั้งค่ะ Smiley




 

Create Date : 15 พฤษภาคม 2556
0 comments
Last Update : 15 พฤษภาคม 2556 9:00:10 น.
Counter : 3565 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.