รอยตราพิศวาส ตอนที่ 1 part 4 จบตอน
บ้านของสิริญอยู่ในบริเวณสวนที่ร่มครึ้มพ่อซื้อที่ปลูกบ้านตั้งแต่ย้ายมาบรรจุเป็นครูใหม่ๆ ซึ่งก็เป็นเวลาก่อนหน้าที่สิริญจะเกิดเกือบสิบปีพ่อพบรักกับแม่ซึ่งเป็นคนในท้องถิ่นแม่ของสิริญเสียไปเมื่อสิริญยังเล็กมากสิริญจำเรื่องราวเกี่ยวกับแม่ไม่ได้เลยเธอเติบโตมากับพ่อและตายายซึ่งผู้เฒ่าทั้งสองก็ทยอยล้มหายตายจากไปตามวาระช่วงวัยรุ่นราวสิบหกสิบเจ็ดสิริญก็เหลือพ่อเพียงคนเดียวในเวลานั้นพ่อซึ่งเป็นคนที่ชาวบ้านนับหน้าถือตาคนหนึ่งของหมู่บ้านมักมีแม่สื่อแม่ชักแนะนำให้มีภรรยาอีกคนแรกๆพ่อไม่สนใจได้แต่หัวเราะเฉยเสียแต่หลายครั้งเข้าก็ชักจะเห็นดีเห็นงามไปด้วยยิ่งเมื่อสิ้นตายายพ่อก็เริ่มมองเห็นว่าน่าจะมีใครสักคนช่วยดูแลพ่อและสิริญ สิริญนั้นถูกเลี้ยงโดยตายายเป็นส่วนใหญ่ซึ่งท่านก็เลี้ยงหลานแบบตามมีตามเกิดสั่งสอนบ้างแต่ก็ไม่เข้มงวดอะไร ค่าที่เป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อและแม่ซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวของตายายเช่นกันสิริญจึงเป็นเสมือนตัวแทนของแม่แทนความรักทั้งหมดของคนในครอบครัวไม่เคยต้องทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหุงหาทำกับข้าวไม่เป็น งานบ้านที่ทำได้ก็แค่ล้างจานซักผ้าแถมยังกิริยามารยาทไม่เรียบร้อยเหมือนเด็กหญิงทั่วไป ในขณะนั้นเองน้าจันทร์ศรีก็เข้ามาในชีวิตของเธอและพ่อนางเป็นแม่ม่ายลูกติดสามีกินเหล้าแล้วพลัดตกคลองตายได้เกือบปีในตอนแรกน้าจันทร์ศรีรับจ้างพ่อทำอาหารมาส่งแบบผูกปิ่นโตจากนั้นจึงรับทำความสะอาดบ้านซักผ้าและท้ายที่สุดพ่อก็เห็นดีตามแม่สื่อแม่ชักว่าน่าจะร่วมชีวิตกับน้าจันทร์ศรีในเมื่อต่างคนก็ต่างเป็นม่าย สิริญไม่มีปัญหากับน้าจันทร์ศรีนางเป็นหญิงวัยกลางคนท่าทางซื่อๆพูดน้อยแต่คนที่ก่อปัญหาคือลูกติดของนางซึ่งเมื่อพ่อกับน้าจันทร์ศรีแต่งงานกันก็กลายเป็นว่าสิริญมีพี่สาวเพิ่มอีกคนพี่สาวคนนี้ทั้งสวยทั้งเรียนเก่งเหมาะจะเป็นลูกสาวของครูสันต์มากกว่าสิริญเสียอีก เธอชื่อบุหงาสิริญนั้นแรกๆก็ไม่คิดอะไรเพราะโตขึ้นมาอย่างคนได้รับความรักเต็มเปี่ยมทั้งจากพ่อและตายายแม้เมื่อพ่อมีครอบครัวใหม่เธอก็ยอมรับสภาพได้เนื่องจากรักพ่อมาก แต่บุหงาไม่เป็นเช่นนั้น เธอแข่งกับสิริญทุกอย่างทั้งเรื่องการเรียนการวางตัวตลอดจนเรื่องรูปร่างหน้าตาพ่อเป็นคนใจดีท่านเปิดใจยอมรับภรรยาใหม่และลูกติด บุหงาเป็นคนฉลาดเธอเรียนหนังสือเก่งมักให้พ่อสอนการบ้านให้นานเข้าพ่อก็ชอบใจที่เธอหัวไวสอนอะไรก็เข้าใจได้เร็วในขณะที่สิริญหัวช้าไม่ค่อยเอาถ่านเรียนอะไรก็คาบเส้นตลอด พ่อเริ่มชื่นชมบุหงาให้สิริญฟังแม้ท่านไม่เคยเปรียบเทียบแต่สิริญก็คิดว่าถูกเปรียบเทียบเสมอบุหงาแย่งเวลาที่สิริญใช้ร่วมกับพ่อมากขึ้นทั้งน้าจันทร์ศรีเองก็กลายเป็นคนโปรดเพราะปรนนิบัติพ่อได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องสิริญที่กำลังเข้าสู่วัยรุ่นจึงห่างจากพ่อไปเรื่อยๆ ลุงสันต์บอกว่าบุหงาน่าจะเป็นลูกไม่ใช่แค่ลูกเลี้ยง สิริญได้ยินเข้าจังๆในบ่ายวันหนึ่งเธอใจวูบไปเมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงยืนตัวสั่นแอบฟังอยู่เงียบๆบุหงานั่งพับผ้าอยู่ที่ระเบียงพูดคุยกับน้าจันทร์ศรีที่กำลังเย็บซ่อมผ้าอยู่ไม่ห่างสองคนแม่ลูกเป็นคนขยันอยู่ว่างเป็นไม่ได้ต่างจากสิริญที่เอาแต่อ่านหนังสืออ่านเล่นไม่ก็เที่ยวตะลอนไปวันๆ ลุงเขายังว่าอย่างบุหงาน่าจะได้เรียนถึงเมืองนอกปริญญาตรีให้เรียนในเมืองไทยไปก่อนถ้ามีทุนการศึกษาของจังหวัดหรือของมหาวิทยาลัยจะช่วยดูให้ บุหงาสอบติดมหาวิทยาลัยประจำจังหวัดได้เมื่อปีกลายขณะนี้กำลังจะขึ้นชั้นปีที่สองได้ผลการเรียนดีเยี่ยมแทบทุกวิชาเสียแต่วิชาภาษาอังกฤษที่ไม่ค่อยดีนักอันเป็นเรื่องปกติของเด็กที่อยู่ในเขตห่างไกลตัวเมือง ลุงสันต์ ให้บุหงาหาคอร์สเรียนภาษาช่วงปิดเทอมนี้ลุงจะจ่ายค่าเรียนให้ ดีแล้วเรียนภาษาให้เก่งจะได้เปรียบคนอื่น นางจันทร์ศรีมีความคิดก้าวหน้าดีทีเดียวเมื่อเทียบกับหญิงชาวบ้านทั่วไปนางสนับสนุนให้บุตรสาวมีการศึกษาสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ไม่ใช่เร่งให้ลูกออกมาทำงานหาเลี้ยงตน ไม่รู้ว่ายายโบว์จะสอบได้หรือเปล่าบุหงาว่าถ้าเข้าที่ไหนไม่ได้ ก็หาวิชาชีพพวกตัดเสื้อทำขนมเย็บใบตองก็ดีนะแม่ จะได้มีวิชาติดตัวไม่ต้องกลัวอดตายบุหงาเห็นประกาศของวิทยาลัยสารพัดช่างคิดค่าเรียนแค่ชั่วโมงละไม่กี่บาท จะไหวเหรอ พ่อเขาเลี้ยงมาไม่ให้ลำบาก เพื่อนของบุหงาที่ไม่ได้เรียนต่อก็ไปเรียนกันตั้งหลายคนอย่างสายหยุดที่ขายขนมในตลาดไง คงไม่หรอกมั้ง คุณสันต์คงหาทางฝากเข้าเรียนที่ไหนสักแห่งเห็นว่ามีเพื่อนรุ่นเดียวกันโอนย้ายไปเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยนางจันทร์ศรีเอ่ยชื่อมหาวิทยาลัยเล็กๆในตัวจังหวัดที่ในแต่ละปีมีการรับนักศึกษาเป็นจำนวนมาก ไม่ไหวหรอกสมัยนี้เรียนจบมอหกไม่รู้จะไปทำมาหากินอะไรจะเรียนวิชาชีพเอาไว้ทำงานอิสระมันก็ต้องเรียนรู้ฝึกฝีมือให้ชำนาญแถมยังต้องลงทุนอีกก้อนใหญ่ บุหงาว่ายายโบว์น่ะต้องให้ลุงสันต์เลี้ยงไปตลอดชีวิตนั่นแหละ สิริญได้ฟังเท่านั้นก็รีบเดินหนีไปด้วยความน้อยอกน้อยใจเมื่อมองย้อนไปถึงช่วงเวลานั้นเธอก็เห็นว่าเป็นอารมณ์น้อยใจที่ไม่มีสาระอะไรเลย ที่บุหงาและมารดาพูดมานั้นถูกต้องทั้งหมดสิริญคงต้องเป็นตัวภาระให้พ่ออีกหลายปีต่อให้เรียนจบก็ไม่รู้ว่าจะเอาตัวรอดได้หรือเปล่าแต่ในขณะนั้นเด็กสาววัยหัวเลี้ยวหัวต่ออย่างสิริญกลับรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจอย่างรุนแรงจนพาลเกลียดขี้หน้าสองแม่ลูกพาลโกรธบิดาที่พาเอาสองคนนั่นมาแบ่งปันความรักที่สิริญเคยได้รับอย่างล้นเหลือสิริญจึงไม่ชอบอยู่บ้านที่เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเป็นส่วนเกินมักปลีกตัวไปอยู่คนเดียวอ่านนิยายพาฝันหวังว่าจะมีเจ้าชายขี่ม้าขาวสักคนที่มีเงินทองมากๆมาขอแต่งงานและมีชีวิตที่สะดวกสบายโดยไม่ต้องทำงาน ตอนนั้นเองที่จอมทัพเข้ามาในชีวิต จบตอน 1 ค่ะ ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
Create Date : 29 เมษายน 2556 |
Last Update : 29 เมษายน 2556 22:03:25 น. |
|
0 comments
|
Counter : 760 Pageviews. |
|
|