Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2556
 
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
2 พฤษภาคม 2556
 
All Blogs
 
รอยตราพิศวาส ตอนที่ 2 part 3 จบตอน

“พี่จอม”สิริญร้องเรียกทำหน้าแหย เขาดูมีอารมณ์กรุ่นโกรธมากกว่าครั้งไหนๆ

“ลุก”เขากระชากเสียงใส่ 

สิริญขมวดคิ้วลุกขึ้นนั่งเชิดหน้างอง้ำใส่ ไม่ปริปากพูดได้ยินจอมทัพสบถเบาๆก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มเหมือนยกนุ่น สิริญร้องกรี๊ดเบาๆในคอ สะบัดขาดิ้นรนหน้าตาแดงก่ำและใจเต้นรัวไม่เป็นจังหวะ

“อย่าดิ้นเดี๋ยวโยนทิ้งแถวนี้เลย”

“ปล่อยโบว์นะ”

จอมทัพไม่ต่อคำเขาเดินปราดๆไปที่ประตูรั้วซึ่งนายสุพลทำไว้เพื่อความสะดวกที่ดินของนายสุพลและที่ดินในส่วนที่เขาแบ่งขายให้กับจอมทัพนั้นถูกคั่นไว้ด้วยบ้านของสิริญ นายสุพลนั้นจำเป็นต้องเข้าๆออกๆบ้านของจอมทัพเป็นประจำจึงขอทำประตูผ่านที่สวนของครูสันต์เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียเวลาอ้อมไปเข้าปากทางดังนั้นประตูบ้านของจอมทัพจึงเปิดผ่านเข้าบ้านสิริญได้เช่นกัน

สิริญโกรธที่เขาถือวิสาสะบังคับจึงออกแรงขัดขืนแต่ในขณะเดียวกันก็อดวาบหวามใจไม่ได้ เนื้อตัวของเธอเบียดชิดกับแผงอกล่ำสัน ภายใต้เสื้อยืดเนื้อบางผิวเนื้อแกร่งระอุของผู้ชายเสียดสีกับต้นแขนสะโพกไล่เรื่อยไปจนถึงต้นขาหัวใจของจอมทัพเต้นรัวเช่นเดียวกับแธอแต่คงด้วยคนละเหตุผลกัน สัมผัสนั้นทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบไปตลอดผิวเนื้อเธอเพิ่งตระหนักว่าใกล้ชิดเขามากเกินไปเสียแล้ว

จอมทัพหน้าตาแดงก่ำด้วยความโกรธเขาคำรามในคอขณะโยนเธอลงบนเก้าอี้ตัวยาวที่บุไว้หนานุ่มชุดเก้าอี้นี้จัดเป็นรูปตัวแอลด้านหนึ่งทำคล้ายเตียงกว้างขนาดเกือบเท่ากับเตียงนอนชนิดเตียงเดี่ยวหลายครั้งเมื่อใช้เวลาอยู่ด้วยกันจอมทัพชอบที่จะนอนดูโทรทัศน์บนเตียงนี้โดยมีสิริญนั่งอ่านหนังสืออยู่ที่พื้นพรมด้านหน้าพอเมื่อยหนักเข้าเธอก็ปีนขึ้นไปนอนบนเก้าอี้ในลักษณะเอาศีรษะชนกับเขาและหลับไปหลังจากนั้นในเวลาไม่นาน

“มันอะไรกันนักกันหนาโบว์เดี๋ยวนี้เหลวไหลใหญ่แล้วนะเรา”

จอมทัพชี้หน้าว่าสิริญด้วยเสียงอันดัง ใบหน้าขึ้งโกรธ สิริญตกใจกลัวขึ้นมาวูบหนึ่งตามด้วยอารมณ์กรุ่นโกรธไม่แพ้กัน พ่อยังไม่เคยขึ้นเสียงกับเธอขนาดนี้ แล้วจอมทัพเป็นใคร

“โบว์ไปทำอะไรให้แค่ไม่มารับใช้พี่กับพวกสาวๆของพี่แค่นี้ ถึงกับเดือดร้อนจะเป็นจะตายเลยหรือไง”

“ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องใครพูดเรื่องรับใช้ คิดว่าพี่ไม่พอใจที่โบว์ไม่มาช่วยงานหรือไง บ้าไปแล้ว”

“ก็โบว์ไม่อยากอยู่ขวางพี่พี่อยากสนุกกับผู้หญิงพวกนั้นแต่ติดที่มีโบว์อยู่ด้วย ไม่ใช่หรือไง” 

เธอกรีดเสียงใส่เขาบ้างน้ำตาเริ่มจะคลอ เรื่องที่เธอพยายามไม่เก็บมาใส่ใจ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จอมทัพกลับเป็นคนเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนสิริญนั้นทั้งน้อยใจอัดอั้นใจ แต่จนใจที่หาทางระบายไม่ได้จึงพาลไปทั่ว

“คิดอะไรบ้าบอก็บอกแล้วว่าเพื่อนพี่มาเที่ยวนี่เขาก็กลับไปได้สองวันแล้วแต่โบว์กลับหายหัวเอาแต่หลบหน้า”

“เปล่าสักหน่อย”

“สอบได้หรือเปล่าทำไมไม่มาบอกพี่หรือเห็นว่าถึงฝั่งแล้วจะถีบหัวเรือส่งทั้งที่พี่ช่วยติวหนังสือให้เป็นนานสองนานคิดจะมาขอบคุณบ้างไหม มารยาทมีไหมไม่มีใครสั่งใครสอน” เขากดเสียงต่ำอย่างดูถูก

“พี่ว่าโบว์ทำไม ก็...พี่ไม่ว่าง พี่ยุ่งอยู่กับเพื่อนของพี่โบว์ไม่อยากกวน”

“เห็นนะ วันๆเอาแต่เที่ยวซ้อนมอเตอร์ไซค์ผู้ชายตะลอนไปมานี่คงคิดว่าพอสอบได้ก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะหาผัวเลยหรือไง คันมากไหมจะได้เกาให้”

วาจาของเขาหยาบคายจนสิริญทนฟังไม่ได้ เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าจอมทัพเป็นคนปากร้ายขนาดนี้ถ้อยคำแบบนี้เขาพูดออกมาได้อย่างไร

“ต่ำช้านี่เหรอคนมีความรู้เคยเรียนตั้งเมืองนอกเมืองนาความคิดสกปรกใช้คำสกปรกดูถูกผู้หญิง” สิริญน้ำตาไหลพรากเจ็บใจจนร้องไห้ปากคอสั่นขณะที่เถียงกับเขา

“แล้วมันจริงมั้ยเช้าออกไปกับคนหนึ่งเย็นกลับมากับอีกคน นี่ได้ไปกี่คนแล้วล่ะ”

“พี่จอม”สิริญโกรธจัดจนหัวหมุนหน้าแดงก่ำ เธอไม่เคยถูกใครดูถูกถึงขนาดนี้ จอมทัพคนร้ายกาจเขามาเกี่ยวอะไรกับเธอด้วยในเมื่อตัวเขาเองยังเอาแต่มั่วผู้หญิง

สิริญกระโจนเข้าหาเขาทั้งตัวฟาดฝ่ามือทุบตีหยิกข่วนเท้าก็เตะถีบได้ยินจอมทัพร้องลั่นด้วยความเจ็บแสบเมื่อเล็บแหลมของสิริญจิกยาวที่เสี้ยวหน้าด้านหนึ่งยาวลงไปถึงต้นคอแถมยังดีดเท้าเตะชายโครงเขาดังพลั่ก

“โบว์ หยุด เป็นบ้าอะไรน่ะ หา” จอมทัพคว้าร่างเล็กของเธอไว้จับรวบมือทั้งสองไว้ด้วยมือเดียวบิดไพล่ไว้ด้านหลังสิริญยังไม่หมดฤทธิ์เธอเตรียมง้างเท้าจะเตะอีกเขาจึงกดร่างเธอลงกับเก้าอี้ยาวใช้เรือนร่างของตนเองสยบเธอเอาไว้

“ปล่อยโบว์ไอ้พี่จอม ไอ้หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิงไอ้คนปากเสียไอ้คนนิสัยไม่ดีคิดต่ำคิดชั่ว” สิริญหลับหูหลับตาพูดโดยไม่สนใจอะไรอีกนึกคำอะไรได้ก็ด่าเขาไม่หยุดจอมทัพหน้าแดงก่ำ ใบหน้าหล่อเหลานั้นบิดเบี้ยวด้วยความโกรธสุดขีดเช่นกัน

“โบว์ หยุดเดี๋ยวนี้”

เมื่อไม่สามารถหยุดเธอได้ จอมทัพก็ต้องหาวิธีปิดปากเธอแต่จะทำอย่างไรได้ ในเมื่อมือไม้ก็ไม่ว่างยังคงเหลือเพียงอย่างเดียวคือเรียวปากของเขาริมฝีปากร้อนๆกดทับมาอย่างรุนแรงสกัดกั้นคำก่นด่าจากเด็กสาวไว้ได้ในทันที

สิริญยังคงส่งเสียงอู้อี้และพยายามขัดขืน แต่ข้อมือที่ถูกเขาจับไว้ยิ่งถูกรัดแน่นเข้าราวกับปลอกเหล็กหัวไหล่ถูกกดทับจนปวดชาริมฝีปากของเขากระแทกกลีบปากอ่อนบาง กดย้ำรุกราน เขาไม่ได้จูบเธอ แต่แค่ต้องการปิดปากไว้ชั่วครู่

เมื่อถูกเขาใช้ความแข็งแกร่งกว่าสยบไว้สิริญยิ่งร้องไห้หนักเธอไม่ได้รู้สึกวาบหวามแต่อย่างใดรู้แต่ว่าถูกเขาใช้กำลังที่เหนือกว่ายับยั้งอาการดื้อดึงของเธอ มันไม่ได้ต่างอะไรกับการถูกเขาจับมัดแล้วเฆี่ยนด้วยไม้เรียวจึงยิ่งอึดอัดขัดใจเธออยากต่อต้านให้สุดฤทธิ์แต่ติดที่ร่างกายถูกเขากดตรึงไว้ไม่ให้ต่อสู้ สิริญเจ็บทั้งกายเจ็บทั้งใจเธอเริ่มดิ้นรนน้อยลงจนสงบนิ่งเหลือเพียงอาการตัวสั่นระริก

“ไอ้พี่จอม ไอ้หน้าตัวเมียรังแกผู้หญิง” พอเขาผละออกเธอก็ร้องด่า

“ยังอีก”จอมทัพส่งตาขุ่นเขียวมาให้ สิริญคิดว่าเขากำลังพยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ฆ่าเธอตายคามือ

“ปล่อยโบว์ โบว์เจ็บ” เธอขยับมือที่ถูกจับไว้บิดตัวไปมาบอกเขาทั้งที่ยังสะอื้น

“ห้ามทำร้ายพี่ ห้ามด่าอีก เข้าใจมั้ย” จอมทัพใช้มือข้างที่ว่างชี้หน้าคาดโทษ สิริญพยักหน้ารัวเธอเจ็บร้าวที่ข้อมือราวกับกระดูกจะแตกไหนจะตัวใหญ่โตที่ทับอยู่ด้านบนจนหายใจแทบไม่ออกเมื่อเธอทำท่ารับปากจอมทัพจึงปล่อยมือเขายันตัวลุกขึ้นแต่ไม่ยอมถอยห่างไปไหนยังคงมองเธอนิ่งอยู่

“พี่จอมทำโบว์ทำไม ว่าโบว์ก่อนทำไม” สิริญนั่งลุกนั่งพับขายกมือสองข้างที่มีรอยแดงก่ำรอบข้อมือชูให้เขาดู

“โบว์เจ็บ เจ็บเหมือนมือจะหัก พี่จอมทำกับโบว์แบบนี้ได้ยังไง” น้ำตาของเธอหยดหยาดเป็นสาย เจ็บกายยังไม่เท่าเจ็บใจ จอมทัพไม่เคยเอาใจเธอก็จริงแต่เขาดูแลเธออย่างดีคำหนึ่งก็ไม่เคยว่าให้เสียใจ แล้วจู่ๆก็ลุกขึ้นมาตำหนิด้วยถ้อยคำหยาบคายน่าอายเหล่านั้นแถมยังลงไม้ลงมือไม่ปราณี

“โบว์ดื้อ”จอมทัพเองก็พยายามควบคุมอารมณ์ตนเองอย่างสุดความสามารถ 

“ทำไมแร่ดอย่างนี้”

“พี่จอม”สิริญกระโจนเข้าใส่เขาอีกครั้งหากแต่คราวนี้ไม่ได้อาละวาดเตะถีบ เธอโผเข้าหาทั้งตัวเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดของเขาเกาะไหล่ทุบหลังปากก็ตัดพ้อพร้อมกับร้องไห้

“ทีพี่จอมยังแร่ดเลยควบทีเดียวตั้งสี่คน”

“เด็กบ้าเพื่อนพี่ทั้งนั้น”

“นั่นก็เพื่อนโบว์เหมือนกัน”

“มันไม่เหมือนกันโบว์เป็นผู้หญิงเที่ยวได้ออกจากบ้านไปกับผู้ชายมันไม่ควร”

“เมื่อก่อนโบว์ก็มาบ้านพี่ขลุกอยู่นี่ทั้งวันไม่เห็นเคยว่าโบว์แร่ดสักที”

“เออ นั่นสินะ”จอมทัพหัวเราะหึๆแล้วค่อยๆเพิ่มความขบขันมากขึ้นจนหัวเราะขึ้นเต็มเสียงสิริญเกาะคอเขานิ่งอยู่รับรู้ถึงมือแข็งแรงที่โอบประคองลูบไล้อยู่ที่แผ่นหลัง เธอเกยคางกับบ่าเขาซบนิ่งอยู่พักหนึ่งจอมทัพก็ดันตัวเธอออกจ้องหน้าแล้วค่อยเลื่อนสายตามองที่เรียวปากแดงฉ่ำที่ถูกเขาลงโทษ

“เจ็บมั้ย” เขาถามยิ้มๆ

“ไม่เจ็บ”สิริญสั่นหน้าบอกไปตามจริง เธอเจ็บข้อมือมากกว่า ที่ปากอาจจะบวมนิดๆรู้สึกเหมือนกระแทกโดนประตูมากกว่าเป็นจูบอันหวามใจ

“จูบโบว์หน่อย”จู่ๆสิริญก็บอกออกไปไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งมากไปกว่ายังค้างคาใจที่เห็นเขากับเพื่อนหญิงจูบกันดูดดื่มกลางบ้านเธออยากได้จูบแบบนั้นบ้าง จอมทัพเป็นของเธอต่างหากไม่ใช่ของแม่ผู้หญิงพวกนั้น

“นี่ไงที่บอกว่าแร่ด ผิดเสียที่ไหน” จอมทัพพึมพำแต่กลับขยับเข้าหาจนเกือบชิด

“โบว์แร่ดกับพี่จอมคนเดียว...นะ”

จอมทัพปิดปากของเธอเสียก่อนที่สิริญจะทันได้ขอร้องซ้ำอีกมือแข็งแรงประคองศีรษะเธอกระชับไว้ เขาแนบริมฝีปากร้อนระอุทาบทับลงมาบดคลึงย้ำซ้ำๆก่อนจะสอดแทรกปลายลิ้นเข้ามามันช่างแตกต่างกับครั้งแรกราวนรกกับสวรรค์ สิริญรับรู้ถึงความอ่อนหวานที่แฝงมากับสัมผัสนั้นรู้สึกถึงรสชาติซ่านที่ปลายลิ้นนับตั้งแต่วินาทีแรกที่ลิ้นต่อลิ้นแตะกัน เธอกระตุกวาบราวกับถูกกระแสไฟฟ้าอย่างอ่อนช๊อตจนชาไปทั้งร่างลิ้นของจอมทัพกวาดเข้ามาในโพรงปากอย่างเชี่ยวชาญเขาหยอกล้อดูดดึงล่อหลอกให้เธอเคลิ้มหลงไปกับรสชาติใหม่ที่หวานล้ำจนแทบถอนตัวไม่ขึ้น

อำนาจของความปรารถนาอันเร้นลับส่งผ่านมานับตั้งแต่นั้นเขาทำกับเธอคล้ายกับบทรักของชายหญิงที่บรรยายในนิยายรักหลายเล่ม แต่ความรู้สึกซาบซ่านวาบหวามนี้เป็นสิ่งที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมีอานุภาพสั่นคลอนจิตใจมากถึงเพียงนี้ทั้งยังไม่สามารถอธิบายเป็นตัวหนังสือหรือคำพูดใดๆ

“พะ พอแล้ว”สิริญเสียอีกที่ต้องขอร้องให้เขาหยุด เธอหายใจไม่ทันและแทบจะขาดใจตายไปกับจูบของเขายังไม่คาดหวังว่ามันจะส่งผลรุนแรงเช่นนี้

“แบบนี้นี่เอง”

“แบบนี้ อะไร” จอมทัพถามงงๆ

“ก็ที่พี่จอมจูบกับคุณแอ๊นท์มันเป็นแบบนี้เองโบว์ไม่ชอบ”

“นั่นเขามาจูบพี่ พี่ไม่ได้เป็นคนเริ่มว่าแต่...ไม่ชอบให้พี่จูบเหรอ” จอมทัพทำหน้าเหรอไป เขาคงเสียความมั่นใจไปโข

“ไม่ชอบให้พี่จูบกับคนอื่นพี่ต้องจูบโบว์คนเดียว...นะ”

เธอกระซิบชิดริมฝีปากอุ่นกล้าถึงขนาดยื่นปากเล็กๆเข้าไปแตะชิมลิ้มรสเขาก่อนจนถึงขณะนี้สิริญก็ยังคงนั่งคร่อมอยู่กับหน้าตักของจอมทัพ เธอจูบกับเขาอีกพักก่อนจะถอนริมฝีปากออกเอนอิงกับอกกว้างแต่จอมทัพไม่หยุดเพียงเท่านั้นดูเหมือนบางอย่างในตัวเขาถูกปลุกขึ้นมาด้วยความไร้เดียงสาของสิริญเขาไล้ริมฝีปากไปตามข้างแก้มลิ้มลองรสชาติผิวเนื้อสาวแรกผลิแตะชิมไปถึงเนื้ออ่อนริมหูและซอกคอสิริญสะท้านเยือกเมื่อเขาซุกหน้ากับซอกคอรู้สึกเสียวซ่านไปจนถึงปลายมือปลายเท้า

จอมทัพสังเกตเห็นอาการผวาและร่างที่อ่อนแรงลงในทันทีของเธอเขาหัวเราะแผ่วอย่างยินดีที่ค้นเจอจุดอ่อนเอาแต่คลุกเคล้าดูดดึงปลายลิ้นไปตามซอกคอและนั่นทำให้สิริญถึงกับหลุดเสียงครางอย่างรัญจวนปล่อยตัวปล่อยใจถึงขนาดที่ว่าเมื่อเขาไต่ระดับระเรื่อยลงต่ำแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตออกก็ไม่ออกปากห้ามเลยสักคำแม้ในตอนที่เขาพยายามปลดตะขอเสื้อชั้นในออกเธอก็ยังเบี่ยงตัวให้ความร่วมมืออย่างเต็มใจเสียอีก

เธอปรือตามองจอมทัพอีกครั้งหลังจากหลับหูหลับตาใช้สัมผัสแต่เพียงอย่างเดียวเพื่อรับรู้อากัปกิริยาของเขาในขณะนั้นสิริญนอนราบไปกับเก้าอี้ยาวตัวหนานุ่ม จอมทัพที่ชะโงกง้ำเหนือร่างมีใบหน้าแดงก่ำและนัยน์ตาพราวระยับ

“สวยเหลือเกินโบว์”

เขาจ้องเขม็งที่อกอวบของสิริญ ดวงตาคมคู่นั้นมีหลายสิ่งปรากฏออกมาเขาตื่นเต้นเหมือนเป็นสิ่งที่รอคอยมานานระคนกับประหลาดใจไม่คาดฝันเหมือนขุดจอมปลวกแต่กลับเจอขุมทรัพย์ล้ำค่าอยู่ภายใน

สิริญมีเอวคอดเล็กแขนขาเรียวผิวผ่องอมชมพูเหมือนแม่ชาวบ้านที่เคยเห็นแม่ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเธอได้ผิวพรรณตลอดจนรูปร่างจากแม่ในขณะที่เค้าหน้าความคมคายนั้นมาจากพ่อ เรื่องผิวอันเนียนละเอียดนั้นเธอพึงใจนัก สิริญไม่มีสิวเสี้ยนรบกวนจนเป็นปัญหาเหมือนเพื่อนรุ่นเดียวกัน

แต่เจ้ารูปร่างอวบอัดนี่ต่างหากเล่าที่ทำให้สิริญต้องอับอายเธอเริ่มมีทรวงอกตั้งแต่แตกเนื้อสาวและขยายขนาดจนอวบงามเกินวัย กระทั่งเป็นสาวเต็มตัวหน้าอกคู่งามนั้นก็เติบโตจนแทบล้นทะลักก้อนเนื้อขาวๆเบียดแน่นอยู่ในเสื้อตัวหลวมโพรกที่เธอจงใจปิดบังมันจากสายตาคนโดยเฉพาะพวกหนุ่มๆ

ในขณะที่สาวๆหลายคนอยากจะเสริมหน้าอกให้โตขึ้นสิริญกลับคิดตรงข้ามถ้าเธอมีเงินจะไปผ่าตัดเอามันออกเสียบ้าง ค่าที่ทำให้อับอายไม่มั่นใจและหนักอกหนักใจเกินหน้าสาววัยเดียวกันแม้ขณะนอนหงายราบเช่นนี้อกอวบขาวก็ยังชูชันราวกับบัวตูมคู่งามที่ไหวสะท้านอยู่กลางบึง

ภาพนั้นทำให้จอมทัพตาพร่าเขาครางเสียงต่ำขณะแนบหน้าลงคลึงเคล้าซุกซอนสิริญโอบกอดศีรษะของเขาไว้แนบกับอกปล่อยให้เขาหยอกเล่นตามใจ เธอสอดมือเข้ากับกลุ่มผมสีเข้มลูบไล้แผ่วเบาบริเวณต้นคอยามเมื่อเขาดันตัวขึ้นและครอบปากร้อนๆกับยอดอกของเธอในนาทีถัดมาสิริญก็ถึงกับผวาเยือกครวญครางเสียงแผ่วและแอ่นกายเข้าหาอย่างเสียวซ่านรัญจวน

“พี่จอม” เธอได้แต่พร่ำเรียกชื่อเขาเกาะกอดบ่าแกร่งไว้เป็นหลักยึด หลับหูหลับตาครวญครางไม่เป็นภาษายามที่อารมณ์พิศวาสรุกเร้าครอบงำจิตใจ สิริญลืมทุกอย่างไปเสียสิ้นเธอไม่สนว่าใครจะรู้ไม่กลัวใครจะตำหนิว่าทำในสิ่งไม่เหมาะสม ในหัวตอนนี้เต็มไปด้วยภาพของจอมทัพและลีลาในการขยับกายของเขาที่กำลังรุกล้ำเสียดสีกับช่องทางอ่อนนุ่มภายในกายของเธอ

ดอกไม้หลากสีแห่งอารมณ์ใคร่แข่งกันเบ่งบานในกายสาวกลิ่นหอมหวานของการร่วมรักยิ่งได้เสพยิ่งโหยหา จอมทัพนำพาเธอไปสู่สถานที่เร้นลับที่ไม่เคยพบพานมาก่อนในชีวิตเขาโยกขยับร่างกายปรนเปรอเด็กสาวด้วยปรารถนาต้องห้ามอันเปี่ยมเสน่ห์ 

สิริญจำได้แต่เพียงว่าปลดปล่อยเสียงครางครวญแสนหวานเมื่อเขาจับจูงเธอขึ้นสู่ปลายฟากฟ้าและระเบิดพร่างพรายออกเป็นเสี่ยงๆด้วยความสุขสมหลังจากพายุอารมณ์พัดผ่านสิริญยังหอบหายใจแรงอยู่กับอกของเขาเนื้อตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจอมทัพเองถึงกับผ่อนลมหายใจยาวลดอาการสั่นเทาจากกิจกรรมที่เร่งอารมณ์จนถึงขีดสุด

นับตั้งแต่จอมทัพสัมผัสกายอิ่มด้วยวัยสาวพวกเขาทั้งสองก็เตลิดไปกับความใคร่ลุกลามราวกับกระดาษติดไฟเรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นรวดเร็วและไม่มีใครคิดจะห้ามใจเมื่อกลับไปคิดถึงเหตุการณ์นั้นอีกครั้งสิริญก็ยังมองว่าต่อให้วันนั้นหักห้ามใจกันไปได้มันก็ต้องเกิดขึ้นอีกไม่วันใดก็วันหนึ่งอย่างที่คนโบราณว่าไว้น้ำตาลใกล้มดใครมันจะอดใจได้

“พี่จอม โบว์จะท้องมั้ย” ภายหลังพายุสวาทโหมกระหน่ำพัดผ่านไป สิริญก็ถามอะไรโง่ๆแบบที่เด็กสาวไม่ประสานึกกังวล

“ทำไมไม่คิดก่อนจะทำ” จอมทัพปรายตามองเดาอารมณ์ไม่ถูก คล้ายเขาจะโกรธแต่ไม่รู้ว่าโกรธสิริญหรือโกรธตัวเองกันแน่

“พูดเหมือนเป็นความผิดโบว์เลยพี่จอมเริ่มก่อนแท้ๆ” เธอหน้ามุ่ยกรีดเล็บกับอกเขาจนจอมทัพสูดปากรีบดึงมือเธอออกแทบไม่ทัน

“โบว์เริ่มก่อน เริ่มมาตั้งนานแล้วพี่ต่างหากที่ต้องทนอดอยู่เป็นนาน”

“ยังไง โบว์ไม่ได้ทำอะไรสักอย่างเลยนะอย่ามาใส่ความ”

“ชอบใส่เสื้อตัวใหญ่คอกว้างก้มทีเห็นไปถึงไหนถึงไหนจะนั่งจะนอนก็ไม่ระวัง แล้วก็ถึงเนื้อถึงตัวจะตายเดี๋ยวจับเดี๋ยวลูบ” เขาว่าได้เป็นฉากๆจนสิริญนึกละอายที่ไม่สำรวมทั้งที่เป็นฝ่ายหญิง

“โบว์ก็ไม่เห็นว่าพี่จอมจะเดือดร้อนอะไรนี่ทำท่าเฉยๆไม่เคยดุไม่เคยว่า ไม่เห็นบอกว่าไม่ควรทำ”

“ต้องให้บอกด้วยเหรอเป็นผู้หญิงน่ะไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ผู้ชายเขาคิด”

“ไม่มีใครสอน โบว์ไม่รู้ต้องทำตัวยังไง” สิริญบอกเสียงอ่อยตากลมโตของเธอฉายแววใสซื่อไม่มีใครสอนเธอเรื่องนี้จริงๆ สำหรับชาวบ้านทั่วไปเรื่องเพศเป็นสิ่งต้องห้ามมันเป็นเรื่องน่าอายที่จะพูดถึงใครที่เอาแต่ครุ่นคิดถึงเรื่องอย่างว่าช่างน่าอับอายและเป็นคนหมกมุ่น

“เรื่องท้องไส้อะไรนี่ก็เหมือนกันโบว์คุมไม่เป็นนะเคยเรียนมาบ้างแต่นับไม่เป็นหรอก”

“ยายเด็กโง่ครูสอนไม่จำ” เขาว่าเหมือนจะตำหนิ แต่กลับบอกต่อ “ไม่เป็นไรพี่ไม่ได้ปล่อยข้างในโบว์คราวหน้าพี่ป้องกันเอง”

“ยังจะมีคราวหน้าอีกเหรอ”

เธอถามซื่อๆอีก ไม่ใช่ว่าไม่ชอบกิจกรรมอย่างใหม่ที่ทำร่วมกันมันสนุกซ่านซ่าในอารมณ์จนยั่วใจให้อยากลิ้มลองอีกแต่สิริญก็ไม่ได้หน้ามืดตามัวจนไม่รู้ว่ามันเป็นเรื่องต้องห้าม เสี่ยงนักที่จะมีคนพบเห็นและรู้ความลับเข้าสักวันมันจะทำให้เกิดเรื่องอื้อฉาวใหญ่โตจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแต่จอมทัพกลับไม่กังวลเขาบีบจมูกเธออย่างมันเขี้ยวรั้งร่างเธอไว้แนบอก

“มีสิ มีอีกหลายๆครั้งด้วยฉันจะกินเธอให้หมดทั้งตัวเลยยายเด็กจอมยั่ว”

“ตาแก่ตัณหากลับ”สิริญว่าแต่ก็เบียดกายเข้าหาอย่างอิ่มอกอิ่มใจคำพูดไม่กี่คำของเขากลับสร้างความไว้วางใจให้กับเธอได้จะเป็นเพราะความซื่อไม่เดียงสาหรือเมามัวในอะไรก็แล้วแต่ สิริญมองว่าจอมทัพจะออกหน้ารับความยุ่งยากที่จะเกิดขึ้นตามมาหลังจากเหตุการณ์วันนี้

ความสัมพันธ์ทางกายเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่เร้าให้อยากรู้อยากเห็นเหนือสิ่งอื่นใดมันผูกรั้งให้จอมทัพอยู่กับเธอ ชายหนุ่มผู้เป็นคนแรกของชีวิตสาวช่างมีความหมายยิ่งใหญ่ในยามที่โดดเดี่ยวจอมทัพเป็นเสมือนที่พึ่งเดียวที่เธอมีและสิริญก็ไม่สนใจว่าจะใช้วิธีไหนหรือต้องแลกกับการสูญเสียอะไรในชีวิตขอแค่ให้เขาอยู่เคียงข้างเธอตลอดไปเธอก็พอใจแล้ว

Smiley




Create Date : 02 พฤษภาคม 2556
Last Update : 2 พฤษภาคม 2556 19:24:27 น. 1 comments
Counter : 1546 Pageviews.

 
เอ่อ..พี่จอม พี่เล่นงี้เลยเหรอ


โดย: Ama_jung IP: 101.108.142.32 วันที่: 2 พฤษภาคม 2556 เวลา:21:15:42 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.