|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พริกขี้หนูหอม คุณก๋วยเจ๋ง28
ช่วงนี้งานเงียบๆอีกแล้ว ก็มาอัพบล๊อคเลยละกัน วันนี้ขอส่งการบ้านผักสวนครัวค่ะ พริกขี้หนูนั่นเอง
พริกขี้หนูหอม เป็นพริกที่มีลักษณะดี มีความหอม ความเผ็ด ขนาดผล และสีผลใกล้เคียงกับพริกขี้หนูสวน แต่มีลักษณะดีเด่นกว่าพริกขี้หนูสวน ที่นิยมปลูกกันโดยทั่วไป คือ สามารถปลูกและให้ผลผลิตสูงในสภาพไร่ในขณะที่พริกขี้หนูสวนพันธุ์เดิมไม่สามารถปลูกในสภาพไร่ได้ต้องปลูกในสภาพสวนที่มีร่มเงาเท่านั้น นอกจากนั้น ยังให้ผลผลิตสูงกว่าพริกขี้หนูสวนทั่วไปและมีความเผ็ด ความหอมใกล้เคียงกับพริกขี้หนูสวนพันธุ์การค้าอีกด้วย
ชื่อสามัญ / ชื่ออังกฤษ Capsicms, Chillies, Green Pepper, Pepper Paprika, Tabasco Pepper, Cayenne Pepper
ชื่อวิทยาศาสตร์ พริกขี้หนู - Capsicum Frutescens Linn
วงศ์ Solanaceae
ชื่ออื่น / ชื่อท้องถิ่น พริกขี้หนู - พริกนก พริกแต้ พริกแด้ (เหนือ) พริกขี้นก ดีปลีขี้นก (ใต้) ดีปลี (ปัตตานี) ปะแกว (นครราชสีมา) หมักเพ็ด พริกแกว (อีสาน)
สรรพคุณ พริกช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหารทำให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ ขับเหงื่อ ขับลม ขับเสมหะ แก้อาเจียน แก้หิด กลาก เกลื้อน พริกสามารถลดความดันโลหิตได้เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว และช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นไปได้ด้วยดี การรับประทานพริกเป็นประจำช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็งและป้องกันการเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดลมอักเสบได้ พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในขี้ผึ้งทาถูนวดเพื่อแก้อาหารปวดเมื่อยบวมและลดอาการอักเสบเพราะบริเวณผิวที่ทายาจะมีเลือดมาเลี้ยงมากขึ้น สามารถแก้อาการเป็นตะคริวได้ เพราะพริกจะช่วยกระตุ้นบริเวณที่เป็นทำให้รู้สึกร้อนขึ้น นอกจากนี้พริกยังใช้เป็นส่วนผสมในยาธาตุ ยาแก้ปวดท้อง เพราะสารสกัด Capsaicin จากพริกจะช่วยกระตุ้นการหลั่งเอนไซม์บางชนิดซึ่งทำให้กระเพาะอาหารบีบตัวและคลายตัว
เคล็ดไม่ลับ
1.วิธีแก้เผ็ด และแสบร้อนที่พริกขี้หนู รสชาติอันเผ็ดร้อนของพริกนั้นมาจากสารประกอบเข้มข้นที่มีชื่อว่า แคปไซซิน ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในแก่นสีขาวใจกลางพริกและเมล็ดพริก นอกจากนี้ยังกระจายไปทั่วเนื้อพริก เมื่อเรากินอาหารที่มีพริกเข้าไป แคปไซซิน จะทำให้เกิดรสชาติเผ็ดร้อนในปาก จนทำให้น้ำมูกน้ำตาไหลได้ ดื่มน้ำเย็นเข้าไปก็จะยิ่งกระจายสาร แคปไซซิน ซึ่งเป็นตัวการความเผ็ดไปทั่วปาก จึงทำให้เรารู้สึกเผ็ดมากขึ้น
ในขณะที่บางคนลงครัวช่วยคุณแม่ทำกับข้าวและหั่นพริก ก็อาจจะรู้สึกปวดแสบปวดร้อนที่มือได้เพราะสัมผัสกับแคปไซซินที่ทำให้ระคายเคืองผิวเข้าให้ เรามี 4 วิธีการดีๆ ที่ช่วยดับความเผ็ดร้อนของพริกมาฝากคุณค่ะ
1. ใช้ความหวานเข้าช่วย เคี้ยวโดนเม็ดพริกขี้หนูเข้าไปเต็มปาก ต้องใช้ความหวานของอาหารใกล้ๆ ตัว เช่น ข้าวกล้อง ข้าวเหนียว หรือขนมปังโฮลวีทนุ่มๆ ที่ช่วยคุณได้ เพราะความหวานของอาหารเหล่านี้จะช่วยดูดซับสารแคปไซซินที่ทำให้เกิดความเผ็ดร้อนให้หมดไป
2. ผลไม้แก้เผ็ด ใช้วิธีดื่มน้ำมะนาวหรือน้ำมะเขือเทศสดๆ จะช่วยแก้เผ็ดได้เช่นกัน เพราะกรดจากผลไม้เหล่านี้จะไปทำปฏิกิริยากับสารดังกล่าว ซึ่งเป็นด่าง ทำให้ความเผ็ดลดลง
3. เกลือบรรเทาปวดแสบร้อน หากคุณหั่น ซอย หรือว่าเด็ดพริกขี้หนู แล้วแสบร้อนไปทั่วบริเวณนิ้ว หรือมือที่สัมผัสกับพริกขี้หนู แก้ได้ไม่ยากค่ะ โดยนำเกลือแกงที่เราใช้ปรุงอาหาร สักหนึ่งช้อนแกง ลูบลงบนมือถูไปถูมา ความแสบร้อนก็จะคลายลงค่ะ
4. ลูบถูแป้งคลายร้อน หากหยิบเลือกพริกจนมือรู้สึกแสบร้อนแล้ว อีกวิธีหนึ่งที่ช่วยคุณได้ ลองใช้แป้งเด็กทาตัว หรือแป้งหมี่ที่เราใช้ทำอาหาร ลูบถูไปมาตรงบริเวณมือและนิ้วที่รู้สึกแสบร้อน สักครู่ก็จะรู้สึกดีขึ้นค่ะ เพราะฤทธิ์เยอะ เยียวยายากอย่างนี้เอง ชีวจิตจึงไม่แนะนำให้กินรสจัด ถ้ายังไม่เชื่อก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร ก็ต้องทนเผ็ดกันไปนะคะ
ที่มา //huso.pn.psu.ac.th/husoSA/index.php?option=com_mamboboard&Itemid=122&func=view&view=threaded&id=125&catid=16&date=2009-07-01
2.วิธีทำยาหม่องพริกขี้หนู
วิธีทำ ไม่ยาก เหมือนทำยาหม่องทั่ว ๆ ไป คือเริ่มจาก 1. เอากะละมังใส่น้ำต้มจนเดือดจากนั้นราไฟให้เดือดน้อย ๆ
2. เอาขันเล็ก ๆ 2 ใบวางไว้บนน้ำร้อน ขันใบหนึ่งใส่เทียนไข อีกใบหนึ่งใส่น้ำมันพืช (จะเป็นน้ำมันมะพร้าวหรือน้ำมันงาก็ได้) ลงไป 5 ส่วน จนเทียนไขละลาย
3.ตักเทียนไขที่ละลายแล้วใส่ลงไปผสมกับน้ำมันพืช ใช้เทียนไขเหลว 1 ส่วนคนให้เข้ากันดี จะได้ขี้ผึ้งเหลว
4.ทดสอบว่าขี้ผึ้งข้นหรือเหลวเกินไป โดยตักขึ้นมานิดหน่อย หยดลงไปในที่เย็น ๆ ขี้ผึ้งเหลวจะแข็งตัวทันทีใช้มือขยี้ดู ถ้าเหลวไปให้เติมเทียนไข ถ้าข้นไปให้เติมน้ำมัน
5.เอาขันที่ใส่เทียนไขออก เอาขันเปล่าอีกใบใส่แทน ปล่อยทิ้งไว้ให้ร้อน เอาพริกขี้หนูแห้งป่น(ทำจากพริกขี้หนูตากแห้ง แล้วนำไปคั่วก่อนจะบดง่ายขึ้น หรือพริกขี้หนูป่นที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวนั่นละครับ) ใช้สัก 1-2 ส่วน ใส่ลงไปในขันที่มีขี้ผึ้งเหลว ตั้งทิ้งไว้ 5 นาที
6.เมื่อครบ 5 นาทีแล้ว กรองเอาผงพริกขี้หนูออก วิธีกรองเอาขันเปล่าร้อน ๆ ที่วางไว้ตามข้อ 5 เอาผ้าวางลงบนปากขัน แล้วเทขี้ผึ้งเหลวลงไปในขณะที่ขันเปล่ายังร้อนอยู่ เสร็จแล้วเทใส่ขวด หรือภาชนะอื่น ๆทิ้งไว้จนเย็น ขี้ผึ้งแข็งปิดฝาเก็บไว้ใช้ได้
วิธีใช้ ควรทาและถูนวดเบา ๆ ไปด้วยสัก 5 นาที เพื่อให้ผิวหนังร้อน แล้วพริกขี้หนูจะออกฤทธิ์ได้เร็ว และควรทานาน ๆ เพื่อให้ผิวหนังมันอยู่เสมอ เพราะถ้าทาบางเกินไปจะไม่รู้สึกร้อน เมื่อหายร้อนก็ทาใหม่ สูตรขี้ผึ้งหรือยาหม่องพริกนี้ เรายังไม่เคยได้รับคำบอกเล่าประสบการณ์จากใครนะครับ มีแต่เจ้าหน้าที่โครงการสมุนไพรฯ หลังจากเล่นกีฬาเกิดเคล็ดขัดยอกฟกช้ำก็นำมาใช้ได้ผลดี ที่แปลกคือนำมาใช้แก้ยุงกัดได้อีกด้วย ถ้าใครนำไปใช้ไม่หวงสูตรยาหม่องนะครับ เอาละ...ก่อนที่จะพบกันใหม่ก็หวังว่าสูตรยาหม่องพริกง่าย ๆ (แต่เสียเวลาทำสักหน่อย) คงถูกใจแฟนสมุนไพรทั้งรุ่นใหม่ รุ่นเก่ากันบ้าง ถ้าใช้ได้ผลดีรักกันจริงก็ต้องบอกต่อ แล้วบอกต่อกันไปเรื่อย ๆ ...อย่าลืมบอกมาที่โครงการฯ ด้วยนะครับ
หมายเหตุ ยาหม่องพริกออกฤทธิ์ คือทำให้ผิวร้อนได้ช้า ต้องทาแล้วทิ้งไว้สักพักอย่าใจร้อน
ที่มา //www.doctor.or.th/node/6192
3.พริกแก้พิษสัตว์กัดต่อย
- ถ้าถูกแมลงป่องต่อยหรือตะขาบกัด ใช้พริกขี้หนูสดตำละเอียดโปะปากแผลหรือนำพริกขี้หนูแห้งๆ ตำจนแหลกเป็นผง จากนั้นละลายในน้ำมะนาว ใช้ทาหรือจะใช้วิธีรมควัน โดยใช้พริกขี้หนูสดประมาณ 1 กำมือโยนใส่กองไฟแล้วเอาแผลถูกกัดต่อยไปอังไฟเผาพริกขี้หนูสักพักอาการเจ็บปวดจะหายไม่นานเกินรอ
- หากถูกมดกัดโดยเฉพาะพวกมดแดงไฟให้ใช้ใบของพริกขี้หนูถูบริเวณนั้น อาการจะทุเลาเร็ว แก้พิษปลาดุกยัก - ใช้พริกขี้หนูสดขยี้ทาตรงปากแผลได้ผล ใช้พริกขี้หนู 2-3 เม็ดตำพอกรักษาแผลสดและแผลเปื่อย
4.แก้อาการเจ็บคอ
- ใช้พริกขี้หนูป่นประมาณ 1 หยิบมือชงในน้ำเดือดขนาด 1 แก้ว จากนั้นรอพออุ่นๆจึงใช้กลั้วคอ ซึ่งน้ำยาชงจากพริกขี้หนูป่นนี้สามารถแก้อาการเจ็บคอเนื่องจากคออักเสบหรือต่อมทอนซิลอักเสบได้ดีนัก
5.ไล่แมลงศัตรูพืช
นำพริกสดมาบดให้ละเอียด แล้วใส่น้ำลงไปพอประมาณ
สามารถนำไปลดน้ำต้นไม้ เพื่อไล่แมลงที่เป็นศัตรูพืชได้ค่ะ
พริกยังมีประโยชน์อีกมากมาย เพื่อนๆจะเลือกวิธีไหนไปลอง แล้วได้ผลหรือไม่ยังไงก็บอกกันบ้างนะค่ะ เพราะข้อมูลก็หาจากเวบ ไม่เคยลองเองเลย 55 ขอบคุณที่เข้ามาชมค่ะ
Create Date : 13 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 13 สิงหาคม 2552 10:35:58 น. |
|
13 comments
|
Counter : 5404 Pageviews. |
|
|
|
โดย: kim_tiger วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:11:31:24 น. |
|
|
|
โดย: หมึกสีดำ วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:11:54:57 น. |
|
|
|
โดย: อาคุงกล่อง (อาคุงกล่อง ) วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:12:11:43 น. |
|
|
|
โดย: พลอยพนาลี วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:13:24:10 น. |
|
|
|
โดย: coji วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:14:42:11 น. |
|
|
|
โดย: มังกรเขียวหัวยุ่ง (cruduslife ) วันที่: 13 สิงหาคม 2552 เวลา:18:44:04 น. |
|
|
|
โดย: mutcha_nu วันที่: 14 สิงหาคม 2552 เวลา:13:06:02 น. |
|
|
|
โดย: wingang วันที่: 20 สิงหาคม 2552 เวลา:18:39:36 น. |
|
|
|
โดย: boyd_ja วันที่: 21 สิงหาคม 2552 เวลา:22:38:02 น. |
|
|
|
โดย: อ้อ IP: 124.157.139.12 วันที่: 5 กันยายน 2552 เวลา:11:36:56 น. |
|
|
|
โดย: อึ้งย้งค่ะ IP: 202.149.25.225 วันที่: 19 มกราคม 2553 เวลา:21:54:51 น. |
|
|
|
|
|
|
|