Travel Writing and Photo & Virtual Sightseeing
เมื่อครั้งก่อนไปร่วมกอบรมการเขียนเรื่่องสั้น Green Read Writer Academy ทำให้เราสรุปกับตัวเองได้ว่า อันตัวเรานั้น "ไม่เหมาะกับการแต่งเรื่อง สมมุติตัวละคร" แต่ถ้าสร้างตัวละคร สร้างบทสนทนา สร้างความคิด เล็กๆ น้อยๆ แบบที่ร่วมกิจกรรมงานเขียนกับเพื่อนชาว Bloggang มาแล้ว ...ก็พอได้อยู่ แต่มัน... "ยังไม่ใช่แนว"
วันนี้ได้ลงทะเบียนไปร่วมกิจกรรม Workshop งานเขียน ที่จัดโดย The Style by TOYOTA ดูบ้าง หัวข้อเหมาะกับความสนใจของเราพอดีเลย ...แบบว่า จัดได้ถูกจังหวะ
กิจกรรมนี้เราทราบข่าวจากหน้า Facebook ที่ใครสักคน post link มา รุ่งขึ้น ก็โทรไปสมัครเข้าร่วมกิจกรรมเลย ทั้งๆ ที่ไม่ได้เป็นสมาชิกของ TOYOTA ด้วย ทีมงานสมัครทางเวปไซค์ให้ล่วงหน้าเลย และโทรมาย้ำเตือนให้เตรียมภาพถ่ายสถานที่ท่องเที่ยวไปด้วย
ก่อนจะไปก็ต้องหาข้อมูลเกี่ยวกับตัววิทยากร คุณพลอย มัลลิกะมาส ซะหน่อย เพราะเรายังไม่เคยอ่านผลงานของเธอมาก่อน แต่คุ้นชื่ออยู่ว่าเป็นนักเขียนเรื่องท่องเที่ยว เวปทำได้สวย น่าสนใจ และมีผลงานของเธอ ทั้งที่เป็นหนังสือเล่ม และที่เป็นบทความตามนิตยสารต่างๆ ลองอ่านดูแล้ว ถูกใจค่ะ สไตล์การเล่าเรื่องแบบนี้ เราชอบอ่ะ
และแล้วก็มาถึงวันอาทิตย์ (ที่ควรหยุดอยู่บ้านอย่างเคย) แต่ด้วยความกระตืนรือร้นอย่างยิ่ง เราจัดการกิจธุระทางบ้านเรียบร้อยแล้ว ก็ออกเดินทางข้ามแม่น้ำมานั่งรถเมล์ กลัวว่าจะไปถึงอาคาร The Style by TOYOTA สาย ไม่ทันลงทะเบียนเป็น 30 คนแรก ...งกของแจกก็งี้แหละ.... พอตั้งหลักดี รถไม่ติด เราก็ไปถึงเร็วกว่ากำหนดการครึ่งชั่วโมง มีเวลาให้แวะเยี่ยมร้านหนังสือ 50% ตรง 29 พลาซ่าด้วย เคราะห์ดี (ของเจ้าของร้าน) มีหนังสือมาใหม่ให้เลือก แล้วก็เป็นเคราะห์ร้าย ..ของเรา...เสียเงินซื้อนิยายไป 4 เล่ม สมใจอยากเลย
พอมาถึงอาคาร The Style by TOYOTA ก็เห็นเพื่อนร่วมกิจกรรมต่อแถวลงทะเบียนกัน ก็มาเข้าคิว ...เช็คชื่อ เพิ่มข้อมูล แล้วก็ต้อง "ถ่ายรูป" ทำบัตรสมาชิก .... โธ่! น้องน่าจะบอกกันก่อนนะ พี่จะได้เตรียมตัวให้งามกว่านี้ ถ่ายเสร็จ บันทึกข้อมูลเรียบร้อย รับบัตรสมาชิก แล้วดูรูปตัวเอง ... ช่างมันเหอะ
เอาล่ะ เข้าเรื่องกันเลยดีกว่านะ .... วิทยากรเริ่มตัวด้วย ประโยคเด็ด
การท่องเที่ยวทำให้เราเยาว์วัย การเดินทางไกลทำให้เราเติบโต
แล้วเราถึงประสบการณ์ก่อนจะมาเป็น "นักเขียน" และวิธีการเขียน รวมถึงยกตัวอย่างขั้นตอนการเขียน ที่มีการเตรียมข้อมูล ลำดับเรื่องราวด้วย Mind Map สรุปง่ายๆ แต่ได้ใจความว่า
กฎของการเขียนหนังสือ คือ "การไม่ยึดติด"
เทคนิคของการเขียนหนังสือ คือ "การเขียนเรื่องที่เราอยากอ่าน"
เหมือนจะง่าย แต่สำหรับเราแล้ว ไม่ง่ายเลย มันไม่ง่ายตั้งแต่การทำ Mind Map แล้วนั่นแหละ เห็นทีเราต้องฝึกตรงนี้ให้มาก ถึงมากที่สุด
อีกสิ่งที่วิทยากรพยายามบอกก็คือ เขียนสิ่งที่เราอยากเล่า แต่เป็นสิ่งที่คนอ่านอยากฟังด้วย สอดใส่ความประทับใจต่อสถานที่ ต่อผู้คน ต่อเหตุการณ์ระหว่างทาง บางทีเรื่องอาจน่าสนใจกว่า "จุดหมายปลายทาง" ที่เราเดินทางไปถึงก็เป็นได้ และควรมีสมุดบันทึกติดกระเป๋าไว้ หยิบขึ้นมา "บันทึกอารมณ์ ณ ขณะนั้น" เอาไว้ด้วย เมื่อเราคิดจะเขียนถึงเรื่องราวความประทับใจนั้นๆ "อารมณ์ในช่วงเวลานั้น" จะได้นำมาถ่ายทอดลงไปในเรื่องได้ เขียนเสร็จก็อ่านเองก่อน รอบที่ 1 - รอบที่ 2 - รอบที่ 3 หากไม่ต้องแก้ไขอีก ก็เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการเขียน ส่งงานได้
จากนั้นก็เป็นให้เวลาผู้ร่วมกิจกรรม เขียนเรื่องราวจากภาพถ่ายที่เลือกมา ซึ่งคัดเลือกอยู่นานว่าจะเลือกจากทริปที่ชอบ ภาพที่ชอบ หรือ ภาพที่ถ่ายแล้วสวยพอจะอวดได้ แล้วหยิบภาพที่เลือกไว้มาวางเรียงบนโต๊ะ
จรดปากกาได้ 2 บรรทัด ก็ต้องเปลี่ยน คิดไม่ออกว่าจะเอาอะไรมาเล่าจากภาพถ่ายเหล่านี้ ความแออัด แสงเงา ความเป็นไทย และสุดท้ายก็มาลงตัวที่ "เงาสะท้อน" เขียนไป 3-4 บรรทัด ก็ฉีกกระดาษออก เขียนใหม่ คิดมากไป ก็เลยคิดไม่ออก เขียนไม่ได้ ความคิดไม่ไหลลื่นเหมือนเวลาเขียน blog เวลาผ่านไปแล้ว 30 นาที ทำใจให้เลิกคิดมากซะที เขียนความทรงจำ เขียนถึงเหตุผล เบื้องหลังการกดชัตเตอร์เก็บภาพ
ส่งไปพร้อมกับภาพถ่าย ...ลายมือเหมือนไก่เขี่ย คงทำให้วิทยากรอ่านยากไปหน่อย (หรือยากมากก็ไม่รู้) วิทยากรคนเดียว อ่านงานของผู้ร่วมกิจกรรมเกือบ 50 คน มีเวลาเรื่่องนึงไม่กี่นาที จากนั้นก็เป็นการเลือกงานเขียนที่ "พัฒนาได้" ออกมาคุยก่อน และจากความเห็นที่คุณพลอยมีต่อบทความแต่ละเรื่อง ทำให้เราเก็บเทคนิคการเขียนมาได้อีก บางคนขึ้นต้นด้วยคำถาม ....ซึ่งคุณพลอยย้ำว่า ควรต้องมีคำตอบให้คนอ่านเมื่อจบเรื่องด้วย บางคนมีแนวเป็นบทสนทนาแทรก ทำให้น่าสนใจ บางคนตั้งชื่อเรื่องได้สะดุดใจมาก เพราะเป็นการเล่นคำ บางคนใช้การพรรณาโวหารที่ดีจนกระทั่ง เราเห็นภาพวิวนั้นได้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เห็นภาพถ่ายเลย จดและจำไว้เป็นแนวทางพัฒนางานของเราบ้าง
ถัดมาจึงเป็นเรื่่องที่วิทยากรอ่านแล้ว "ชอบ" ซึ่งจะได้รับของที่ระลึกเล็กๆ น้อยๆ เป็นรางวัลด้วย ลุ้นนิดๆ เพราะในชุดแรกนั้น คุณพลอยยังไม่ได้หยิบเอางานของเรามาวิจารณ์เลย
ในชุดหลังนี้เป็นงานที่คุณพลอยชอบ เพราะประทับใจกับเรื่อง กับความทรงจำ กับเหตุการณ์ กับสำนวนถ้อยคำ ...ของผู้เขียน และหนึ่งในเก้าชิ้นงานนั้น ก็คือ งานเขียนของเรา นอกจากการเปิดเรื่องด้วยคำถาม (ที่เห็นในรูป) ก็มีอีก 2 บรรทัดที่คุณพลอยขีดเส้นใต้ไว้
"เราเห็นอดีตที่แฝงอยู่บนกระจกเงาแห่งปัจจุบัน ความรุ่งเรืองแต่ครั้งโบร่ำโบราณ ที่ดำรงคงอยู่มาให้คนรุ่นหลังได้เห็นนั้น สอนอะไรเรามากมาย"
และอธิบายเพิ่มว่า สำนวนการเขียนและการใช้คำ อ่านแล้ว "ชอบ" แต่เรื่องที่เขียนไว้ 2 หน้ากระดาษนี้ ยังไม่สามารถพิมพ์ไว้ได้ทั้งหมด เพราะเรายังไม่คิดว่ามันเป็นเรื่อง "ดีพอ" ขอขัดเกลาใหม่อีก 2-3 รอบ ตามที่วิทยากรแนะนำไว้ซะก่อน แล้วจะนำมาบันทึกไว้ใน Blog อีกที
คืนนี้ ขอนอนปลื้มใจกับคำชม ของที่รางวัล และลายเซ็นที่ได้รับมาก่อนนะ
ก็ถือว่าเราเริ่มก้าวไปบนเส้นทางแห่งความใฝ่ฝันแล้วนะ แนวการเขียนแบบนี้แหละ ที่เราชอบและถนัด ต้องขัดเกลาสำนวน การเรียบเรียงลำดับเรื่องราว และปรับปรุงเทคนิคการเล่าเรื่องต่อไปเรื่อยๆ ปีหน้า คิดว่า พร้อมส่งผลงานเข้าประกวด สู้ สู้
ปล. ชื่อกิจกรรมที่เราทราบจาก FB ไม่ได้ใช้ชื่อนี้หรอกนะ
Create Date : 22 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 20 มกราคม 2556 20:27:37 น. |
|
3 comments
|
Counter : 2393 Pageviews. |
|
|
|