|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
รักไม่มีวันตาย...ตำนานรักที่อยากให้อ่านซึ้งมาก
รักไม่มีวันตายของจุ๊บ(แฟน DJ โจ้ อัครพล) ตำนานความรักที่ทรงพลังของ "นนทิยา พุทธาโภคาทรัพย์" กับ"ดีเจโจ้-อัครพล ธนะวิทวิลาส"
ขอบอกว่าซึ้งมาก อ่านที่ไร ก็นึกถึงความรักที่หล่อเลี้ยงให้เราอยู่ได้ เรื่องนี้หลายๆคนอาจจะเคยได้อ่านมาแล้ว แต่อยากให้ชาวบล็อคได้อ่านบ้าง
ใกล้ดำเนินมาถึงบทที่ทั้งคู่เริ่มต้นชิตครอบครัวอย่างมีความสุข แต่เพียงไม่กี่เดือน รอยยิ้มถูกแทนที่ด้วยคราบน้ำตางานมงคลกลายเป็นงานศพ ความฝันของผู้หญิงคนหนึ่งพังทลายลงชั่วพริบตา "แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปีแล้วก้อตามแต่จุ๊บยังจำวันแรกที่เจอกับพี่โจ้ได้ไม่ลืม เราเจอกันในงานคอนเสิร์ตของนาวินต้าร์ เขาหันมามองจุ๊บยังจำดวงตาคู่นั้นได้เลยว่าสวยมาก เพื่อนแอบให้เบอร์จุ๊บกับพี่โจ้ซึ่งสมัยนั้นเป็นเพจเจอร์เขาส่งข้อความมาหลายครั้งกระทั่งจุ๊บยอมไปทานข้าวด้วย "แล้วจุ๊บก้อหลงรักเขาโดยไม่มีเงื่อนไขว่าแฟนฉันต้องหล่อหรือรวย เพราะจุ๊บรักทุกอย่างที่เป็นพี่โจ้ รักเสียง รักรอยยิ้ม รักดวงตาคู่นั้น เขาเรียกจุ๊บว่าหนูจุ๊บก้อเรียกเขาว่า ที่รักแม้ตอนแรก คุณพ่อคุณแม่จะไม่ชอบ แต่ความจริงใจที่เขามีให้อย่างเสมอต้นเสมอปลายประกอบกับเป็นคนมีจิตใจดีพี่โจ้จึงกลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวจุ๊บโดยปริยาย" เราตกลงกันว่าจะเก็บเงินซื้อบ้านเป็นเรือนหอช่วงนั้นอะไรประหยัดได้ก้อช่วยกันประหยัด เวลาพี่โจ้มารับที่บ้านคุณแม่ทำข้าวใส่กล่องเตรียมไว้ให้ระหว่างทางจุ๊บจะป้อนข้าวพี่โจ้หรือเสื้อผ้าพี่โจ้ก้อจะเอามาซักที่บ้านจุ๊บ จะได้ประหยัดค่าซักรีดกินข้าวนอกบ้านเรียกว่านับครั้งได้เพราะแค่ซื้อน้ำส้มสักแก้วยังคิดแล้วคิดอีกกระทั่งพี่โจ้เริ่มมีชื่อเสียงและเข้าหุ้นกับพี ;่เอก-กฤษณา วารินทร์ เปิดบริษัท มหัศจรรย์งานโชว์ แม้รายรับมากขึ้นแต่ก้อมีปัญหาจุกจิกให้แก้ไขตลอดเวลา แต่เราจับมือสู้ไปด้วยกัน เขามักบอกให้จุ๊บชื่นใจเสมอว่าหนูเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้พี่มีวันนี้ "ในที่สุดความฝันก้อเป็นจริงเราซื้อบ้านด้วยเงินสดที่พยายามอดออมกันมาช่วงนั้นเป็นช่วงเวลาที่มีความสุขกับการเลือกเฟอร์นิเจอร์เข้าบ้านตกแต่งบ้านด ;้วยกัน วาดโครงการว่าปลายปี 49 แต่งานแล้วจะมีลูกทันที ตั้งชื่อไว้เสร็จสรรพซึ่งจุ๊บหวังว่าจะเป็นเจ้าสาวของพี่โจ้ตลอดเวลารอคอยวันนั้นอย่างตื่นเต้นซื้อหนังสือแต่งงานทุกฉบับเราสองคนช่วยกันเลือกชุดเจ้ าสาวเจ้าบ่าว เลือกแหวน เลือกสถานที่ เตรียมงานมาเป็นระยะ" "จนเมื่อปลายปีที่แล้วเราตั้งใจไว้ว่าทำงานเหนื่อยมาทั้งปีไปเที่ยวฮ่องกงกันดีกว่า แต่พี่โจ้มีอาการท้องเสียไม่หยุดร่างกายอ่อนเพลียมาก จุ๊บพาพี่โจ้ไปหาหมอ หมอคลำที่ท้องปรากฏว่าตับโต พออัตราซาวด์พบก้อนเนื้อที่ตับประมาณ 10 เซนติเมตร ถ้าเทียบกับเนื้อที่ตับที่มีอยู่16เซนติเมตร ถือว่าค่อนข้างใหญ่ หมอบอกว่าเป้นมะเร้งอยู่ในระยะที่ไม่มากไปไม่น้อยไปสันนิษฐานว่าเป็นมาเกือบปี แต่ไม่ถึงกับต้องให้คีโม ซึ่งพี่โจ้ไม่อยากรักษาด้วยคีโมบำบัดอยู่แล้วความที่เขาเป็นโรคตับอักเสบอยู่ก่อนแล้ว หมอจึงไม่กล้าเสี่ยงตัดตับให้ทันทีกลัวอาการจะทรุดหนักกว่าเดิมต้องสกัดตัวมะเร็งให้ฝ่อลงก่อนจึงค่อยตัดชิ้นเนื้อที่เสียออก เราทั้งสองคนยืนรับฟังประโยคนั้นด้วยกัน ใจพี่โจ้สุดยอดมาก ถามหมอเลยว่า ผมจะอยู่ได้อีกกี่เดือน ถ้าอยู่ได้ไม่นาน ผมจะใช้ชีวิตอยู่กับแฟนให้เต็มที่หมอบอกว่า "สู้ได้ครับคุณโจ้" ขณะที่จุ๊บร้องไห้ รับไม่ได้ พี่โจ้กอดจุ๊บ บอกว่าห่วง หนูจุ๊บบอกว่า"ไม่ต้องห่วง เราจะอยู่ด้วยกันจนวันตาย ถ้าที่รักตาย หนูจะตายตามไปด้วย เราจะจับมือเดินไปด้วยกัน" พี่โจ้ร้องไห้บอกว่า "ชีวิตจริงทำอย่างนั้นไม่ได้ อยู่เพื่อสานฝันให้พี่ถ้าหนูบอกว่า พี่ไม่เป็นอะไร พี่ก้อจะไม่เป็นอะไร" "พี่โจ้อยู่โรงพยาบาล 3 วันจากบ้านที่เตรียมไว้เป็นเรือนหอก้อใช้เป็นที่พักฟื้นของพี่โจ้ ตอนนั้นจุ๊บย้ายมาอยู่ด้วย ไม่แคร์แล้วว่าต้องแต่งก่อนไหม คุณพ่อคุณแม่พี่โจ้มาจากเชียงใหม่อยู่ดูแลด้วย เอฟเฟ็คท์จากฤทธิ์ยาทำให้พี่โจ้ผอมลง เหนื่อยง่าย ผมร่วงเล็กน้อย แม้อากู๋-ไพบูลย์ พี่ฉอด-สายทิพย์ และพี่ไก่-สมพลจะให้หยุดรักษาตัวก่อน แต่ความที่เขาทำงานมาตลอดก้อแอบไปอัดสปอตสั้นๆบ้าง อัดเกมวัดดวงบ้าง ยังขำๆฮาๆได้ทุกคนจึงเชื่อว่าเขาต้องหาย" ระหว่างนั้นพี่โจ้ไปตรวจเช็คอาการและทานยาตามปกติเขาบอกว่าอย่างไรมะเร็งก้อไม่เล็กลงหรอกขณะที่จุ๊บยังหวังว่าพี่โจ้ต้องหายอยู่ทุกเวลา ทุกนาทีหมอทางเลือกที่ไหนดีจุ๊บพาไปรักษาทุกที่ ขณะเดียวกันเราก้อใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจพระที่ไหนศักดิ์สิทธิ์ จุ๊บตามไปไหว้อีก ตระเวนทำบุญ 9 วัดเกือบทุกวันปล่อยปลาเยอะมาก แต่ความที่พี่โจ้เป็นมาก พอเข้าเดือนที่สอง อาการเริ่มทรุดลง แน่นท้องทานข้าวได้น้อยลง เพราะตับทำงานแย่ลง มีภาวะน้ำท่วมปอดและหัวใจร่วมด้วย ต้องไปให้หมอเจาะเอาน้ำออกเขาเริ่มเดินไม่ถนัด จากที่เคยไปทำบุญด้วยกันก้อเริ่มอยู่บ้านดูทีวีจุ๊บไม่อยากให้เขาดูทีวีมากเพราะถ้าสมองรับคลื่นกระแสไฟฟ้ามากๆ จะไม่ดีกับคนเป็นมะเร็งเขาก้ออ่านหนังสือ "เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน"บอกอ่านแล้วจะได้ปลง" "จุ๊บไหว้พระทุกวัน ขอให้สิ่งศักดิ์คุ้มครองถ้าหากถึงวันที่ที่ต้องแลกชีวิตกันจริงๆ ก้อขอให้เอาจุ๊บไปแทนเพราะถ้าพี่โจ้อยู่ยังทำอะไรให้กับคนรอบข้างอีกเยอะ จุ๊บยอมเสียสละ แขน ขาหัวใจ ตับ หรืออะไรก้อได้ ขออย่างเดียวให้ได้มองหน้าพี่โจ้ได้กอดเขาไปนานๆพยายามไม่ร้องไห้ให้พี่โจ้เห็น แต่...บางครั้งก้อห้ามใจตัวเองไม่ได้ เขามักบอกว่า...ร้องไห้อีกแล้ว เดี๋ยวก้อร้องด้วยเลยจุ๊บบอกว่าร้องเพราะ...ความปลื้มปิติว่าที่รักจะหายแล้ว....ดีใจว่าสิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเร็วๆนี้" " ไม่มีปาฏิหาริย์.....ไม่มีความมหัศจรรย์....ล่วงเข้าเดือนที่สาม พี่โจ้เริ่มทานข้าวไม่ได้ ตัวซีด เหนื่อยหอบ จุ๊บพาไปหาหมอ คิดว่าให้เลือด น้ำเกลือแล้วก้อกลับบ้าน แต่....หมอส่งตัวพี่โจ้เข้าห้องไอซียู สวนท่อเพื่อฟอกเลือด เอาของเสียออก สามวันแรกพี่โจ้ยังร่าเริง พยาบาลบอกว่าพี่โจ้สุภาพมาก ไม่เอะอะ โวยวายหรืออาละวาดดึงสายออก จากวันนั้นด้วยฤทธิ์ยาพี่โจ้มีอาการสะลึมสะลือ พูดได้เป็นคำๆ จนกระทั่ง..ไม่รู้สึกตัวเลย จุ๊บขออนุญาตหมอเข้าไปนอนเฝ้าในห้องไอซียู จับมือเขาไว้ตลอดเวลา...กอด..หอม....สวดมนต์ให้ฟังเพราะอย่างไรก้อมีความหวังว่าพี่โจ้ต้องหาย...ตกค่ำความดันพี่โจ้ค่อยๆตกจาก100 มาอยู่ที่ 68 ขณะที่ระดับของออกซิเจนในเลือดอยู่ที่ 68ซึ่งถือว่าโคม่าแล้ว แต่หัวใจเขายังเต้นอยู่"ขณะนั้น พวกญาติๆ เริ่มลูบหัวพี่โจ้สั่งลากัน จุ๊บทนเห็นภาพนั้นไม่ได้.. "อย่าพูดแบบนั้น...อย่าพรากคนรักไปจากจุ๊บ..."จุ๊บกอดพี่โจ้แน่นกราฟหัวใจของพี่โจ้กลับเต้นขึ้นมาใหม่ถึง 300แต่หลังจากนั้นแป๊ปเดียว กราฟหัวใจก้อตกไปที่ศูนย์....จุ๊บกรี๊ดเหมือนคนบ้า...ไม่ยอมกลับบ้าน...ร้องไห้จะตามไปนอนกับพี่โจ้ในห้องเย็น พี่สาวบอกว่ากลับบ้านเถอะเรียกโจ้กลับบ้านด้วย แม้ตัวไม่อยู่แต่วิญญาณเขายังอยู่ก่อนเข้าบ้านจุดธูปบอกเจ้าที่เจ้าทาง ขอให้พี่โจ้เข้าบ้านด้วย "วันรดน้ำศพ จุ๊บร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด ผู้ใหญ่เข้าใจถึงความรักเรา แนะนำว่าให้เอาขี้เถ้าทำตำหนิไว้ เผื่อเจอหน้ากันจะได้จำหน้าได้ จุ๊บทำตามแล้วสวมแหวนให้ จับมือพี่โจ้ขึ้นพนมร่วมกัน บอกว่า"สัญญาน่ะว่าชาติหน้าเกิดมาจะรักกันอีกและอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าอย่าให้โรคภัยไข้เจ็บมาพรากเราจากกันอีก" วันเผาศพจุ๊บร้องไห้จนตาช้ำ วินาทีที่ไปส่งพี่โจ้ไม่รู้จะมีคำพูดอะไรบรรยายความรู้สึกได้มากกว่าคำว่า "สาหัสทรมาน" พี่ฉอดกอดจุ๊บบอก "พี่เขาไปดีแล้ว"จุ๊บตะโกนไปอย่าไม่รู้ตัวว่า "อย่าให้เขาเอาพี่โจ้ของเราไป"แล้วก้อเป็นลม ถึงเวลาเก็บกระดูกเสียงพระสวดบังสุกุลตายแล้วต่อด้วยบังสุกุลเป็นดังอยู่ข้างๆใจดีขึ้นไม่ร้องไห้ รู้สึกว่าพี่โจ้ตายไปเดี๋ยวก้อมาเกิดใหม่" "ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ ความทรงจำทุกอย่างที่มีกับพี่โจ้กำลังฆ่าจุ๊บ....เพราะทุกอย่างที่เคยมีพี่โจ้ทั้งนั้นออกจากบ้านไปได้แค่หน้าปากซอย ยิ่งเห็นพี่สาวกับพี่เขยไปเที่ยวกันแล้วยิ่งสะเทือนใจ เพราะเมื่อก่อนพี่โจ้พาจุ๊บไปกินข้าว เสาร์อาทิตย์ไปเดินจตุจักร ทุกวันจุ๊บทำกับข้าวรอพี่โจ้กลับจากที่ทำงาน ทานข้าวเสร็จไปดูหนังแต่ตอนนี้เหมือนรออะไรอยู่ไม่รู้ ไม่มีจุดหมาย" "ทุกคืนจุ๊บต้องกินยานอนหลับอย่างแรง แต่ทุกๆตีสามต้องตื่น มีความรู้สึกเหมือนถูกสัมผัสเบาๆที่ปลายเท้าเชื่อว่าต้องเป็นพี่โจ้แน่ๆเพราะเขาชอบตื่นมาดูบอล แล้วก้อหอมแก้มบอกรักน่ะ ตั้งแต่นั้นความทุกข์จึงกลายเป็นความสุข...กับการตื่นตีสามและรอคอยตอนเช้าเพื่อจะได้ใส่บาตรให้พี่โจ้ สิ่งเหล่านี้ช่วยเยียวยาจิตใจให้รู้ว่า พี่โจ้ยังอยู่ใกล้ๆตลอดเวลา ทุกวินาทีที่จุ๊บทำอะไรจะเรียกพี่โจ้ตลอดมีบอลก้อเอาอัฐิมาตั้งดูทีวีด้วยกัน บางทีก้อคิดว่าทำไมต้องทำแบบนี้ นั่งคุยกับรูป..กับอัฐิ... แต่นี้คือความจริงที่ต้องเผชิญ แม้ขณะนี้ญาติๆ จะมาอยู่เป็นเพื่อน แต่สักวันทุกคนต้องแยกย้ายกับไปดำเนินชีวิตตามปกติ เหลือจุ๊บที่ต้องอยู่บ้านนี้เพียงคนเดียว เพราะฉะนั้นต้องพยายามทำตัวให้ชินกับการใช้ชีวิตแบบนี้ แต่จะไม่พยายามทำใจเด็ดขาดว่าพี่โจ้ไม่อยู่แล้ว "ตลอดเวลาที่ผ่านมาพี่โจ้ไม่คิดว่าตัวเองจะไปเร็วขนาดนี้จนไม่ทันได้เตรียมอะไรไว้ให้ มีแต่บ้านหลังนี้กับคอนโดและรถ ระหว่างเราจะเป็นความฝันที่ร่วมสร้างด้วยกันเสียส่วนมาก ซึ่งจุ๊บต้องสานต่อ พี่โจ้รักพ่อแม่มาก ตั้งใจว่าจะรับหน้าที่เลี้ยงดูพ่อแม่พี่โจ้แทน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง บริษัท มหัศจรรย์งานโชว์ แม้จุ๊บจะทำได้ไม่ดีเท่าที่ตอนที่พี่โจ้อยู่....แต่ต้องทำต่อไป..." " ไม่อยากให้พี่โจ้เป็นแค่ความทรงจำแล้วสักวันก้อจางหาย.... อยากให้พี่โจ้เป็นความรู้สึกดีๆที่อยู่ใกล้ๆทุกๆคน...ตลอดไป......"
Create Date : 28 มีนาคม 2550 |
|
3 comments |
Last Update : 28 มีนาคม 2550 18:39:11 น. |
Counter : 693 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: jin-kui 28 มีนาคม 2550 19:34:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: yoko 30 มีนาคม 2550 13:59:22 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
อยากแนะนำตัวเล็กๆน้อยๆ ไม่ได้เป็นอะไรยิ่งใหญ่ เพียงมีรักความจริงใจ เสียงเพลง ธรรมชาติและออกกำลัง ที่สร้างเสริมสุขภาพกาย และจิตใจให้เข้มแข็ง ที่สำคัญ ยินดี รับฟังทุกปัญหา อยากเป็นเหมือน"ศิราณี" แต่ขอเป็นแค่"ศิลาอาสน์" เป็นก้อนหินก้อนหนึ่ง ที่อยู่ใต้ต้นไม้ร่มเย็น ทนทานทุกสภาวะไว้รองรับ ไม่ว่าจะร้อน สายฝน หนาวเย็น ยามที่ใครมีทุกข์ หรือสุข ก็แวะมาพักทักทายกันได้ พักให้คลายหายเหนื่อย เสริมพลังใจก่อนก้าวเดินต่อไป เพราะ"บนเส้นทางนี้ไม่เดียวดาย" แม้หนทางข้างหน้าจะยาวไกล จะขอเป็นเพื่อนเดินเคียงตลอดไป และหวังทุกคนที่แวะเข้ามา คงจะไม่ปล่อยให้เดียวดายเช่นกัน
|
|
|
|
|
|
|
เศร้าจัง...
เอากำลังใจมาฝากนะคะพี่โจ้ไปดีแล้วค่ะ
อย่าเศร้าอีกเลยนะคะมาอยู่เป็นเพื่อนค่ะ