จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ต้นอ่อนใบรัก ตอนที่ 15

ตอนที่ 15



“พี่กล้ามากับบลูเบื่อหรือเปล่าคะ?”

จู่ๆ เด็กสาวก็ถามเขาขึ้นมาในขณะที่ข้าวกำลังจะคีบหมูในข้าวซอยเข้าปาก
มีอันให้หมูชิ้นนั้นหลุดจากตะเกียบหล่นลงไปในชามตามเดิม เจ้าของนัยน์ตา
สีสนิมเหล็กละสายตาจากอาหารตรงหน้าเงยขึ้นสบตาหล่อน ยัยหมวย
นี่ขัดคอคนจะกินจริงๆ ข้าวกล้าคิดในใจแต่ไม่ได้ต่อว่าหล่อน

“ทำไมรึ?”

“ถามดูอ่ะ”

“มาถามอะไรตอนจะกิน” เสียงนั้นขุ่นเล็กน้อย ไม่มีคำพูดใดออกจากปากเขาอีก
ยกเว้นเสียงซดน้ำแกงในชาม

แม่คนช่างถามเลยไม่กล้าถามต่ออีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตาจัดการอาหารในชาม
ตัวเอง พอเผลอก็ลอบมองว่าคนที่นั่งตรงกันข้ามรับประทานเสร็จหรือยัง

“ก็...” หล่อนเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นข้าวกล้าจัดการจนชามข้าวซอย
ว่างเปล่าเหลือแต่น้ำแกงติดก้นชาม แล้วดื่มน้ำเปล่าตามเข้าไป
จนหมดแก้วแล้ว

“หือ?”

“เมื่อกี้...”

“จะดูรูปถ่ายเมื่อกี้นี้เหรอ? เดี๋ยวนะ” เขาเข้าใจว่าจุดประสงค์หล่อนไปอีกทาง
กิริฎากำลังจะปฏิเสธแต่เมื่อเขาส่งกล้องมาให้ดู หล่อนก็เผลอตัวรับมาดู

“เมมจะล้นอยู่แล้ว” เด็กสาวหัวเราะคิกเมื่อเขาบอก

“นางแบบสวยใช่ม๊า?” ข้าวกล้าไม่ตอบแต่หัวเราะออกมา ด้วยความอารมณ์ดี
จนเห็นฟันขาวเรียงรายเป็นระเบียบ

“เด็กมันน่ารักต่างหาก”

“แหม...บลูก็น่ารักด้วยแหละ” หล่อนยังไม่แพ้

“จ้ะๆ ทั้งเด็กเล็กเด็กโตน่ารักหมดแหละ”

“บลูไม่ใช่เด็กแล้ว พี่กล้าต้องบอกว่าทั้งเด็กทั้งสาวน้อยน่ารักต่างหาก”

“โอย..เสียดายของที่เพิ่งกินเข้าไป” ชายหนุ่มหันหน้าหนี แล้วไปคว้าแก้วน้ำ
มาดื่มอีกครั้ง

อยากปฏิเสธแต่พูดไม่ได้เต็มปากเต็มคำ เขายอมรับว่าชอบความสดใส
เป็นธรรมชาติของหล่อนนัก แล้วยิ่งเข้าพวกกับม้งตัวจ้อยเหล่านั้น
ด้วยแล้วล่ะก็ กว่าจะกลับลงมาจากดอยปุยข้าวกล้าถ่ายรูปนางแบบ
ทั้งสาม และภาพทิวไม้งามบนขุนเขาจนเมมกล้องแทบจะเต็มเลยทีเดียว

“น้องเขาน่ารักเนอะ”

“อื้ม” เสียงห้าวตอบรับ

“พูดไปก็ขำนะ ตอนพี่กล้าให้เงินยัยหนูสองคนนั่นน่ะ เขายกขึ้นชูเลยแบบว่า
ตื่นเต้นว่าเราให้แบงก์ร้อยจริงเหรอ? สงสัยไม่ค่อยมีให้ทิปเป็นแบงก์ร้อยมั้งคะ”
หล่อนยังจำได้ดีกับท่าทางตอนที่เด็กน้อยทั้งคู่ยกธนบัตรใบละร้อยที่มอบให้
ขึ้นส่องดูราวกับไม่แน่ใจว่าได้ค่าแรงเป็นธนบัตรใบแดงๆ จริงๆ

“คนส่วนมากจะให้ทิปแม่ตัวจิ๋วคนละยี่สิบสามสิบแค่นั้นแหละ ก็แล้วแต่ว่า
จะมีแบงก์ปลีกอยู่ในกระเป๋าเท่าไร เพราะน้องก็ไม่ได้ทำอะไรมากนอกจาก
เดินตามชวนดูนั่นดูนี่ตามประสาเด็กๆ”

“ไม่เหมือนเด็กในเมืองเนอะ ตอนตรุษจีนบลูให้แต๊ะเอียหลานไปคนละสามร้อย
หลานเกือบสิบคนบลูจนแทบกินแกลบเลยนะ ดีที่พ่อแม่เจ้าพวกนั้นแต๊ะเอีย
ให้กลับมาบ้าง ไม่งั้นสงสัยจะเป็นโรคทรัพย์จางไปหลายเดือนเลยล่ะ
แต่นะให้คนละสามร้อยแล้วเจ้าพวกนั้นยังบอกว่า จะเอาแบงก์เทาๆ
สามใบแทน..บลูแทบทุบกะโหลกพวกมันให้แตก เดี๋ยวแม่ก็เปลี่ยนเป็น
ให้แบงก์ยี่สิบสามใบแทนแบงก์พันที่อยากได้เสียหรอก” ยิ่งเล่าหล่อน
ยิ่งออกท่าทางชวนให้เขาขบขัน

“จริงๆ แล้วยัยหนูพวกนั้นอาจจะส่องดูก็ได้นะ ว่าแบงก์ที่ให้น่ะของจริงหรือเปล่า?
มองเห็นในหลวงไหม? มีแถบเงินไหม? แบงก์ปลอมยิ่งระบาดอยู่ด้วย”

“ไม่ใช่หรอกพี่กล้า ท่าทางเขาดีใจมากเลย”

หล่อนจำสีหน้ายินดีตอนที่ได้รับค่าทิปของไกด์ตัวน้อยได้ติดตาทีเดียว
ทั้งคู่ยิ้มจนแก้มแทบปริก่อนจะมือไหว้หล่อนและข้าวกล้า ยิ่งตอนที่บอกว่า
ไม่ต้องรอลงไปส่งข้างล่างพวกพี่จะเดินเล่นก่อน เลิกงานได้แล้ว เจ้าตัวน้อย
ทั้งสองแทบจะกระโดดตัวลอยงานเสร็จสักที คงจะแอบเบื่อที่หล่อนเดินดู
ของนานล่ะมั้ง สองสาวตัวเล็กจึงรีบจะจับมือกันวิ่งไปทันที

“ทิปจากการทำงานมันมีค่ากว่าเงินที่ขอนักท่องเที่ยวได้แค่บาทสองบาท
อยู่แล้วล่ะ แถมยังน่าภูมิใจด้วยป่านนี้ไปคุยอวดเพื่อนๆ ไปทั่วดอยแล้วมั้ง”

“สงสัยจะอย่างนั้น...แต่พี่กล้าซีเรียสเรื่องนี้จังเนอะ”

“เด็กๆ เป็นผ้าขาว เขาซึมซับจากการเรียนรู้อยู่แล้ว อะไรที่ไม่เวิร์กก็อย่าไป
ส่งเสริม เด็กจะติดนิสัย แล้วก็จะไปขอนักท่องเที่ยวอื่นๆ อีก ดีไม่ดีเขาจะ
มองว่าขอทาน แบบนั้นไม่ดีแน่ แกก็แค่..คิดง่ายๆ แบบเด็กๆ อยากได้เงินไวๆ
เท่านั้นไม่ได้คิดซับซ้อนไปกว่านั้น แต่มันจะส่งผลระยะยาว” กิริฎา
ฟังแล้วก็มองเขาอย่างชื่นชม

“บลูขอโทษนะคะ”

“เรื่องอะไร?”

“บลูคิดอะไรง่ายๆ ไปหน่อย...คิดว่าแค่เศษตังค์ให้ๆ ไปไม่ได้คิดอะไร”

“บลูเป็นคนใจดี”

ดวงหน้าคมเข้มนั้นแย้มยิ้มออกมา ทั้งปากทั้งนัยน์ตา กิริฎาบอกตนเองว่า
หล่อนไม่น่าเผลอไปสบตาเขาเลย เพราะดันรู้สึกว่าเขาไม่ได้แกล้งยอแต่
ชมหล่อนจริงๆ เด็กสาวเลยชักจะเขินจนตัวลอย ต้องเสไปดึงแก้มน้ำขึ้นมาดื่ม
เพิ่มน้ำหนักตัวไม่ให้ลอย

“พี่เคยทำอย่างบลู”

“คะ?”

“พี่เคยไปเล่นละครที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าให้เด็กๆ ดู สมัยเรียน’มหาลัย”
ตอนนี้หล่อนเลิกพองตัวลอยค้างบนอากาศแล้ว และหันกลับมาทำหูผึ่ง
ตาโตตั้งใจฟังเขาพูด

“มีเด็กคนหนึ่งอายุสัก 7-8 ขวบ เป็นเด็กผู้หญิง หน้าตาดู...มีอะไรในใจ
แต่สายตาแกทำให้คนรอบข้างไม่มีความสุข แล้วแกก็บอกว่า ขอสิบบาทสิ
ขนมก็ได้...”

“เหมือนเมื่อกี้นี้เลย” ชายหนุ่มพยักหน้า

“ไม่เหมือนเสียทีเดียวหรอก เด็กคนนั้นเป็นเด็กกำพร้า ส่วนแม่หนูนั่นพ่อแม่
คงจะเป็นม้งในดอยนี้แหละไม่ได้กำพร้าหรอก”

“แล้วยังไงต่อคะ?”

“พี่ก็...กำลังจะให้ เพราะรู้สึกว่าแค่เศษตังค์เองไง แล้วเรามาทำบุญกันอยู่แล้วด้วย
นิดๆ หน่อยเอง แล้วตอนนั้นก็โดนอาจารย์ตะปบมือ แล้วลากพี่ไปอีกทาง
อาจารย์แกก็แก่แล้วนะ ยิ่งทำหน้ายับๆ เหมือนป้าระเบียบรัตน์ใส่พี่ นายข้าวกล้า
หยุดเลยคิดจะทำอะไร? แกทำเสียงแข็งๆ แบบนี้แหละ” ชายหนุ่มแกล้งกดเสียง
แหบคล้ายคนสูงวัย

“เธอรู้ไหมว่าเขาห้าม ถ้าพี่เลี้ยงเขาไม่อนุญาต ห้ามให้หรือห้ามขอเด็ดขาด”

“ทำไมล่ะคะ?” เป็นกิริฎาที่ถามแทรกขึ้นมา

“พี่ก็ถามแบบนั้นเหมือนกัน อาจารย์แกว่า...เพราะมันจะเป็นการบ่มนิสัย
เรียกร้องความเห็นใจ ยิ่งแกเป็นเด็กกำพร้าใครๆ ก็มองว่าแกน่าสงสารอยู่แล้ว
ถ้าได้บ่อยๆ จากการขอไม่ใช่จากการทำดีหรือได้รางวัลเมื่อควรจะได้
มันจะกลายเป็นปมเขื่องไป มันสร้างนิสัยไม่ดีให้กับตัวเด็กเอง แล้วแกจะ
ไม่เคารพตัวเอง ไม่เคารพกติกาของโรงเรียน รู้แต่ว่าทำยังไงให้ได้มา
แกจะรอไม่เป็น เข้าคิวไม่เป็น ไม่เห็นความสำคัญของการได้ตามลำดับ
ที่ควรได้”

“อื๋อ..อ มันส่งผลขนาดนั้นเลยเหรอคะ?”

“จิตวิทยาในเด็ก มันเป็นเรื่องยากเหมือนกัน แต่ว่าถ้าลองเพาะเชื้ออะไร
ลงไปแล้ว มันจะแก้ยากกว่าผู้ใหญ่ เพราะผ้าขาวมันเปื้อนง่ายกว่าผ้าสีอยู่แล้ว”

“เข้าใจแล้วค่ะ แต่ว่าถ้าแกขอคนอื่นก็อาจจะให้นะคะ”

“ถ้าเด็กคนอื่นๆ ทำงาน สังคมของเด็กก็จะสอนกันเอง เราแค่ไม่ไปร่วมด้วยก็พอ”
เมื่อเห็นเด็กสาวพยักหน้ารับเขายิ้ม และหันไปเรียกเจ้าของร้านมาเก็บเงิน

“พี่ครับเก็บเงิน”

“หยุดเลยพี่กล้า ให้บลูเลี้ยงซะดีๆ” กิริฎาวางตบโต๊ะดังปึง แล้วทำตาเขียวๆ
ใส่เขาเหมือนประหนึ่งว่าถ้าขืนจ่ายเองล่ะก็มีเรื่องกับหล่อนแน่ๆ

“กลัวแล้วๆ...ไม่แย่งจ่ายหรอกน่า”

“ดีมากนั่งเฉยๆ ไปซะ ให้เจ้ามือจ่ายเอง ฮิ ฮิ” หล่อนส่งเสียงหัวเราะเบาๆ
แต่ดวงตาระยิบระยับเหมือนดีใจประหนึ่งชิงเอาสินค้าลดราคาชิ้นสุดท้าย
มาจากผู้หญิงอีกสิบคนที่เล็งของชิ้นเดียวกันไว้

ทั้งคู่ออกจากร้านอาหารที่เชิงดอยปุย แต่ยังไม่ได้กลับทันที กิริฎายังเถลไถล
แวะซื้อของที่ระลึกตามร้านแถวนั้นอยู่จนได้ข้าวของมาหอบใหญ่ ส่วนมาก
เป็นเป็นเสื้อผ้า เครื่องประดับ ร้านที่ดูดเงินหล่อนได้มากที่สุดเห็นจะเป็น
ร้านขายกระเป๋าลายปักหรือใช้ผ้าใยกัญชงเป็นวัสดุ เด็กสาววิ่งวนอยู่ในร้าน
พร้อมๆ กับนับนิ้วแล้วเอ่ยชื่อคนที่ต้องซื้อไปฝาก ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน หรือญาติ
พี่น้อง แม้กระทั่งคนทำงานบ้านหล่อนก็ไม่เว้น จนข้าวกล้ายกถุงกลมๆ ตุงๆ
แทบล้นเหล่านั้นขึ้นมาดูด้วยความรู้สึกบอกไม่ถูก ท่าทางแม่หมวยน้อย
จะลืมไปแล้วว่านั่งมอเตอร์ไซค์มาไม่ใช่รถกระบะจะได้ขนกลับได้เยอะๆ

“บลู...ดอยปุยไม่ใช่โบ๊เบ๊นะ ...เหมาซะ...”

แล้วคืนนั้นข้าวกล้าฝันว่า เขาได้ยินกิริฎาร้องเรียกเขา

‘พี่กล้าคะ ชิ้นนี้กับชิ้นนี้ เอาชิ้นไหนดี’ แบบนี้ไปตลอดทั้งคืน


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอเม้าท์หน่อย

ดอยปุยนี่ไปแล้วจะทรัพย์จางเอาง่ายๆ ค่ะ ของน่าซื้อเยอะแยะไปหมด
เก๋ๆ น่ารัก ก็มีเพียบ ที่สำคัญถูกกว่าข้างล่างครึ่งต่อครึ่งเลยค่ะ
อย่างเป้ข้างล่างขาย 500 บาท ในกรุง 800 บาท บนดอย 300 บาท
อย่างนี้แล้วใครจะอดใจไหมจริงไหมคะ?



ใครไปเชียงใหม่แล้วต้องไปดอยปุยให้ได้นะคะ
ที่นี่มีครบทั้งทิวทัศน์อันงดงาม ดอกไม้บานสะพรั่ง ที่ช็อปปิ้ง ที่ถ่ายรูปสวยๆ
แหล่งศึกษาวัฒนธรรมประเพณี รวมไปถึงข้าวซอยที่นี่อร่อยค่ะ
ว่าแล้วก็แถมวิวสักหน่อย ดอกไม้นี่เคยโพสให้ชมไปแล้ว
ในตอนที่ก่อน งั้นเอาภาพนี้ดีกว่านะคะ

ภาพยามตะวันลับขอบฟ้าบนดอยปุยค่ะ แบบนี้ใช่ไหมคะที่เขาเรียก
ผีตากผ้าอ้อม แดงฉานงดงามมากเลยค่ะ เพิ่งเคยอยู่จนฟ้ามืด
เลยได้ภาพนี้มาค่ะ








Create Date : 06 มกราคม 2554
Last Update : 6 มกราคม 2554 2:29:09 น. 3 comments
Counter : 998 Pageviews.

 
ถ้าขนาดว่าพี่กล้าเก็บเอาไปฝันได้
บลูคงซื้อเยอะมากจริงๆๆๆ


โดย: an-o IP: 223.206.63.130 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:16:24 น.  

 
สวัสดีปีใหม่ค่ะเจ้าแก้ว มีสุขภาพแข็งแรง สุขมากๆ รวยๆ สวยๆ ตลอดปีและตลอดไปค่ะ // อ่านจบแล้วอยากไปเที่ยวดอยปุยจัง อยู่เชียงใหม่ แต่เคยไปเที่ยวครั้งเดียว น้านนนนนนนมาแล้ว ต้องหาโอกาสไปให้ได้


โดย: เอิงเอย IP: 118.172.29.203 วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:9:26:09 น.  

 
ตามลุ้นต่อครับ ^^


โดย: CuteCool วันที่: 9 มกราคม 2554 เวลา:2:15:15 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.