จิบชาชมดอกไม้ไปพลาง คุยกันเบาๆ ที่สวน..เจ้าแก้ว กังไส





Group Blog
 
<<
มกราคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 มกราคม 2554
 
All Blogs
 
ต้นอ่อนใบรัก ตอนที่ 16

ตอนที่ 16


‘แฮมเบอร์เกอร์ล่ะแก’

“อะไรไปถึงเชียงใหม่ ดันไปกินแฮมเบอร์เกอร์เนี่ยนะ?”

‘มันเป็นร้านแฮมเบอร์เกอร์เก๋ๆ ตรงประตูท่าแพน่ะ อร่อยด้วยนะแกเนื้อชิ้นเบ้อเร่อ
เฟร้นด์ฟรายก็ชิ้นใหญ่ ใส่มาในตะกร้าคู่กัน อิ่มท้องจะแตกเลยล่ะ’

เสียงเจื้อยแจ้วมาตามสาย บ่งบอกว่าอยู่ดีมีสุข กำลังสนุกสนานรื่นเริง
ตรงกันข้ามกับความวิตกกังวลของคนที่กำลังคุยด้วยเลย

“ดูนะนังบลู มันยังมีหน้ามาเล่าอีก ดูซิฉันอุตส่าห์เป็นห่วงมัน”

สาวก้อยบ่นกระปอดกระแปดให้เพื่อนร่วมแก็งค์ฟัง หลังจากวางโทรศัพท์ไปแล้ว
ซึ่งเกือบทุกคนมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกัน นั่นคือนึกหงุดหงิดตัวต้นเหตุอยู่

“มันไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วนี่..แอบคิดว่าจะมีอะไรตื่นเต้นกว่านี้เสียอีก”
ประโยคลงท้ายทำให้เพื่อนทั้งกลุ่มหันกลับมามองสาวปลาซึ่งเป็นคนพูด
เป็นตาเดียว

“นี่แกหวังอะไรน่ะ”

“แกกำลังคิดอะไรเวอร์ๆ เพ้อๆ อยู่ใช่ไหมสารภาพมานะ” นอกจากก้อยแล้ว
เล็กเป็นอีกคนที่หันมาทำตาเขียวใส่ปลา

“มันต้องคิดแน่ๆ ดูสิ พอได้ยินว่านังบลูมันกินแฮมเบอร์เกอร์ แทนไปดินเนอร์
ใต้แสงเทียนกับไอ้พี่คนนั้น มันก็ทำหน้าหมดมู๊ดทันที นี่แกคิดว่าจะมีอะไรใ
ห้ลุ้นกุ๊กกิ๊กแบบในหนังหรือไงยะ!!”

“ก็ๆๆ เรื่องมันชวนให้คิดนี่นา”

“อีนี่! ไม่ได้เป็นห่วงเพื่อนเลยใช่ไหม?”

“ใครบอกฉันไม่ห่วงมัน ก่อนหน้านี้ฉันเป็นห่วงนังบลูจนนอนไม่หลับเลยนะยะ
แต่ตอนนี้มันก็ยืนยันว่ามันลัลล้าดีนี่นา แถมดูๆ จะมีความสุขที่ไปเที่ยว
กับพี่คนนั้นมากกว่าโจเสียอีกนะ”


“นี่แกนั่นมันคนละประเด็นกันเลยนะ แกอย่าเพิ่งรีบจิ้น..จินตนาการของแก
ไปไกลได้มะ นี่แกคิดว่าอ่านนิยายอยู่ไงหา?” เสียงของก้อยเบาลงบ้าง
แต่ออกอาการละเหี่ยใจเพื่อนสาวผู้เป็นสาวกนิยายรักหวานแหวว
อย่างเห็นได้ชัด

“พวกแกอย่าเพิ่งเครียดกันสิ จริงอยู่ไอ้บลูเบ๊อบ๊ะ แถมง็องแง็งก็ใช่อีก
แต่มันก็ไม่เคยทำตัวเป็นเด็กสิบขวบที่ต้องคอยดูแลตลอดเวลานะเว้ย
มันอายุจะยี่สิบแล้ว นี่ก็แค่เพิ่งเคยไปต่างจังหวัดคนเดียวเป็นครั้งแรก
เท่านั้นเอง แล้วบังเอิญคนที่ไปด้วยกันดันผิดฝาผิดตัว กลายเป็นคุณพี่
ชื่อข้าวกล้าคนนั้นไปได้ยังไงก็ไม่รู้ไม่ใช่เหรอ? แถมพี่เขารูปหล่อดี เอ้ย!
เป็นคนดีอีกต่างหาก พวกแกอย่าเป็นห่วงจนเครียดเกินกว่าเหตุเลยนะ”

“ก็ใช่ดีนะที่เขาหล่อ...เอ้ย ไม่ใช่ ดีที่เขาเป็นคนดีต่างหากเล่า นังปลา
แกอย่ามาชักใบให้เรือเสีย ฉันเลยพูดผิดไปด้วยเลย” หากเผลอไปนิดเดียว
ปลาก็คงจูงความคิดพวกหล่อนก็เริ่มออกนอกลู่นอกทางเสียแล้ว

“ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดีเลย แกนั่นแหละที่คิดแผนเซอร์ไพรซ์มันขึ้นมา
พวกฉันไม่ได้เห็นดีเห็นงามไปกับแกเลยนังปลา ดีนะที่ไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นมา
แล้วยังมีหน้ามาคิดอะไรติงต๊องอีกเหรอ?” ก้อยชี้หน้าปลาแล้วต่อว่าฉอดๆ
หากแต่เล็กซึ่งยืนหน้าหงิกหน้างออยู่นานก็อดรนทนไม่ไหวต้องตบโต๊ะดังปัง

“หุบปาก! ทั้งคู่นั่นแหละ แกก็ไม่ดีไปเห็นดีเห็นงามกับแผนปัญญาอ่อน
ของนังปลา ถึงแกจะบอกว่าไอ้โจมันจะไว้ใจได้ก็เถอะก้อย แล้วดูไอ้โจ
ของแกสิดูมันทำ ทิ้งบลูเฉยเลย มีการเอาตั๋วไปยกให้รุ่นพี่ไม่บอก
พวกเราเสียอีก แล้วที่สำคัญนะพวกแกสองคนน่ะวางแผนกันเอง
ไม่ได้บอกฉันเลยนะ”

“ก็...เล็กไปไม่ได้แล้วนี่ กะว่ากลับมาค่อยบอกน่ะ แหะ แหะ” ปลาเป็นฝ่าย
อธิบายเสียงอ่อยๆ

“นังงี่เง่า!!” เล็กด่าจบก็ตบกะโหลกเพื่อนอย่างไม่ลังเล คนละสองทีซ้อน
ให้หายหงุดหงิด

“โธ่..เล็ก เรื่องมันผ่านไปแล้วน่า ฉันไม่ดีเองที่เผลอเห็นด้วยกับปลามัน
ก็ไอ้โจจริงๆ มันก็เป็นคนดีนะ เป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กแล้วด้วย แต่ไม่รู้ว่า
มันคิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงไปยกตั๋วให้คนอื่นเขาน่ะ”

“ไอ้ก้อย แกว่าแต่บลูแกก็ไว้ใจเพื่อนแกมากไป ยังไงโจมันก็เป็นผู้ชายนะเว้ย!
ปล่อยให้ไปกับบลูสองคนเกิดมันคิดอะไรลามกขึ้นมาล่ะ?” สาวก้อยเถียงไม่ออก
ได้แต่ก้มหน้าก้มตา ไม่มีคำแก้ตัวใดออกจากปากอีก

“เล็ก...เราสองคนไม่คิดว่ามันจะเป็นอย่างนี้ อย่าโมโหสิ แค่นี้ฉันกับก้อย
ก็ไม่สบายใจจะแย่อยู่แล้ว” เสียงง้องอนจากเพื่อนไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึก
เห็นใจพวกมันขึ้นมาแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเล็กยิ่งรู้สึกหมั่นไส้มากขึ้นอีก
จึงยกมือขึ้นไสศีรษะเพื่อนไปให้ห่างตัว

“ไม่ต้องมาพูดเลย เมื่อกี้ใครวะ บอกว่ามันอาจจะเจอบุพเพฯ อย่างในนิยาย
เข้าแล้ว แกไม่ใช่เหรอนังหอยหลอด!”

“เค้าผิดไปแล้ว...เผลอคิดไปนิดเดียวเองง่ะ” ดูท่าหอยหลอดที่ว่าจะไม่ได้
สลดใจในคำด่าเอาเสียเลย เล็กเสียอีกเป็นฝ่ายทอดถอนหายใจด้วยความเซ็ง

“แต่นะ...ตอนแรกฉันกังวลมาก เพราะบลูมันไม่ได้แคนเซิลอย่างที่บอกไว้
แถมมันยังใจกล้าไปเที่ยวต่อกับคนแปลกหน้าที่เพิ่งเจอหน้ากันด้วยด้วย
ทั้งฉันทั้งปลาเป็นห่วงมันไม่แพ้แกหรอกเล็ก ตอนมันโทรมายังด่ามันเลยว่า
ทำไมไว้ใจคนง่ายอย่างนี้หา นี่ถ้าป๊ามันรู้เข้าคงแหกอกควักตับพวกเรา
กินแหงๆ เผลอๆ จะไปแจ้งความแล้วแน่ๆ เลย”

“ใช่ เพื่อนทั้งคนนะเราก็เป็นห่วง แต่...ไอ้บลูนี่สิ ตอนแรกเรากะจะทำ
เซอร์ไพรซ์มัน กลายเป็นมันมาทำเซอร์ไพรซ์เราเอง ปลาแปลกใจมากเลยนะ
ที่บลูโทรมาบอกให้ปิดปากเงียบห้ามบอกป๊ามันเด็ดขาด แถมบลูบอกว่า
จะเที่ยวต่อให้ครบกำหนดแล้วถึงจะกลับพร้อมพี่คนนั้น เราเหวอไปเลยนะ”
พอปลาพูดจบก้อยก็รีบสนับสนุนสิ่งที่ปลาพูด

“ใช่ ตอนนั้นฉันกรี๊ดใส่โทรศัพท์เลยแหละ แต่จะทำอย่างไรได้ ก็นังบลู
มันมัดมือชกเสร็จก็ชิงวางสายไปดื้อๆ “ เมื่อประกอบภาพเหตุการณ์ต่างๆ
ที่เพื่อนเล่าให้ฟังแล้ว เล็กถึงขั้นปวดหัวตึ๊บ

“นังบลูมันทำอย่างนี้ได้ยังไง? อีตานั่นหล่อนักหรือไงถึงได้ตามเขาไป”
เล็กตบโต๊ะดังปังอีกรอบ แล้วตวาดออกมาด้วยความหัวเสีย

“ดูหน้าพี่กล้าของนังบลูไหม มันส่งมาให้ดูแน่ะ” ก้อยส่งโทรศัพท์มือถือ
ของตนเองให้เล็กดู

“เออ หล่อนี่หว่า โอเค...หน้าตาผ่าน แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาโว้ย!”

“มันบอกว่าพี่เขาไว้ใจได้ ไอ้บลูมันแนบเบอร์โทรพี่เขามาด้วย บอกว่า
เผื่อแบ็ตมันหมด ให้โทรเข้าเครื่องพี่เขาแทน” สิ้นคำบอกเล่าของก้อย
เล็กรู้สึกปวดหัวจี๊ดๆ ขึ้นมาอีกรอบ

“มันรู้จักคิดบ้างไหม ทำไมไว้ใจคนง่ายอย่างนี้วะ เกิดพี่เขาเป็นคนเลวล่ะ
แกเอ้ย!ไม่อยากจะคิดเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาไม่ลากมันไปข่มขืนนี่
บุญแค่ไหนแล้ว”

“เล็กๆ ใจเย็นไว้”

“ก็ฉันเป็นห่วงนี่ ถ้ากลับมาคงต้องประกบอย่างแม่ลูกอ่อน”

“นี่แกเป็นแม่มันแล้วเหรอวะ ก๊าก” แทนที่เพื่อนๆ จะเห็นด้วยกลับพากัน
หัวเราะออกมา

“นี่พวกแกไม่ขำนะเว้ย!”

“โถ...คุณป้าเล็กขา อย่าเพิ่งเครียดเรื่องหลานบลูนะค้า” คนถูกล้อ
เริ่มผ่อนคลายและยิ้มออกมาบ้าง จากนั้นหล่อนก็ไล่ตีเพื่อนอุตลุด
ไม่นานนักสามสาวก็เข้าสู่ภาวะสงบได้ จึงเริ่มหาบทสรุปเรื่องนี้กันอีกหน

“เอา...ถ้าบลูมันว่าอย่างนั้นก็ตามใจมัน แต่คงต้องหมั่นโทรไปเช็คมันหน่อย
ว่ายังโอเคอยู่ไหม?

“ฟังจากน้ำเสียงมันแล้ว ฉันว่ามันแสนจะโอเคเลยล่ะเพื่อน”

“ถ้างั้นเรื่องบลูเอาไว้ก่อน มาว่ากันเรื่องไอ้โจกันเถอะ”

“นั่นสิ” ปลาขานรับ หล่อนทำสีหน้าเย็นยะเยียบขึ้นมาเหมือนพร้อมจะ
แช่แข็งใครสักคน

“ฉันนัดโจไว้แล้ว อีกแป๊บมันก็มา...รุมฆ่ามันเลยดีไหม?”

“ดี!!” สามสาวร้องรับเป็นเอกฉันท์

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กิริฎาเก็บของชิ้นสุดท้ายถูกเก็บลงกระเป๋าเป้ แล้ววางรวมกับของถุงฝาก
พะเนินเทินทก และนั่งมองมันตาปริบๆ ของที่ซื้อมาจากดอยปุยก็ว่าเยอะแล้ว
แล้วยังขนม น้ำพริกหนุ่ม แคปหมู สารพัดของกินจากตลาดวโรรสนี่อีกล่ะ
ตอนที่ซื้อนั้นขนมต่างๆ ละลานตาไปหมด แถมยังราคาถูกกว่ากรุงเทพ
เป็นกอง หล่อนนับนิ้วถึงเพื่อนและญาติพี่น้องแล้วก็เผลอซื้อเหมามา
ข้าวกล้าได้แต่มองยิ้มๆ ตามประสาเขาไม่ได้ห้ามปรามหรือต่อว่า แถมยัง
ชี้ชวนว่านั่นล่ะนี่ล่ะ เหมือนจะยุยงให้หล่อนเซ้งตลาดวโรรสเลยด้วยซ้ำ
คิดๆ ไปแล้วก็นึกตำหนิตัวเอง หล่อนไม่น่าบ้าจี้เลย บางทีพี่เขาอาจจะ
ประชดแต่มันคงเป็นการประชดที่เข้าตัวเองที่สุดของชายหนุ่มเลยก็ว่าได้
เมื่อเขาต้องเป็นหิ้วของที่หล่อนซื้อมาทั้งหมด

“เราจะขนใส่มอเตอร์ไซค์หมดหรือคะพี่?” เด็กสาวชักไม่แน่ใจ

“หมด เอาถุงใหญ่ไว้ตรงเข่าพี่คู่กับเป้ ถุงเล็กแขวนไว้ที่แฮนด์
ส่วนที่เหลือบลูถือเอา”

“เอางั้นเหรอคะ?” หนุ่มมาดเซอร์ยืนยัน ก็เขาเลือกรถคันที่อัดของ
ได้มากที่สุดแล้วนี่ ตอนเรียนมหาวิทยาลัยเขาเคยช่วยเพื่อนขนของ
ย้ายบ้านด้วยมอเตอร์ไซค์ด้วยซ้ำ แล้วแค่นี้ทำไมจะไม่ไหว

“ขอโทษนะคะ ตอนซื้อบลูก็เพลินไปหน่อยลืมคิดว่าเราเช่ามอเตอร์ไซค์มา”

“ไม่เป็นไร...” เขาตอบเบาๆ

“ที่จริงห้ามบลูบ้างก็ได้ ว่าอย่าบ้าซื้อนัก” หล่อนซื้อจนเงินเกลี้ยงกระเป๋าเลย
ก็ว่าได้ แบงก์ใบสุดท้ายไม่พอจ่ายเสียด้วยซ้ำ ข้าวกล้าต้องควักให้หล่อน
กู้อีกต่างหาก

“ทำไมต้องห้ามล่ะ? ”

“ก็....” เด็กสาวทำสีหน้าไม่ดีนัก

“ตั้งใจว่าจะยึดของกิน ถ้าบลูไม่มีเงินใช้คืน” ข้าวกล้ายิ้มแผ่
ยั่วเย้าหล่อนยิ่งนัก

“อ้าว! พี่...ไหงงี้ล่ะ บลูกดเงินคืนไปแล้วนะ”

เขาไม่ตอบแต่หัวเราะออกมาเสียงดังลั่น เหมือนขำเสียเต็มประดา
กิริฎาไม่เข้าใจคนตัวสูงตรงหน้าเลย เขาหัวเราะง่ายทั้งที่หล่อนคิดว่า
มันไม่มีอะไรตลก เอ..หรือว่าหล่อนจะเผลอทำอะไรตลกๆ ให้เขา
ขำกันนะ

ปริศนานั้นไม่ได้เฉลย เพราะได้เวลากลับกรุงเทพฯ แล้ว เด็กสาวจึงไปล่ำลา
เจ้าของรีสอร์ท ที่ให้หล่อนอยู่จนเลยเวลาเช็คเอาท์ไปครึ่งวันโดยไม่ได้คิด
ค่าบริการเพิ่ม หล่อนประทับใจนักตั้งใจว่าคราวหน้าจะมาพักที่นี่อีกครั้ง
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังรังแกแมวด้วยความเอ็นดู ตอนที่หล่อนหันไป
เห็นข้าวกล้าดึงหนวดขาวๆ ของเจ้าแมวส้มจนมันแก้มโย้ และพยายาม
สะบัดหน้าหนี พอเจ้าส้มดึงหนวดหลุดจากมือเขาได้ ข้าวกล้าก็ใช้
ฝ่ามือใหญ่นั้นกำหัวมันแทบมิด จนเจ้าเหมียวต้องเดินถอยหลังเพื่อ
ดึงศีรษะให้หลุดจากการจับกุม พลางส่งเสียงครางอย่างไม่พอใจ

“พี่กล้าทำอะไรน่ะ?” ต่อหน้าเจ้าของแมวแท้ๆ หล่อนรีบยิ้มแห้งๆ
ให้เจ้าของแมว

“เล่นกับมันไง” เขาหันมายิ้มชื่นดวงตาเป็นประกายไม่ได้มีแววสำนึกผิดเลย
แม้แต่น้อย

“แมวน่ารักนะครับ เชื่องด้วย เล่นยังไงมันก็ไม่กางเล็บ” เจ้านายของเหมียว
โชคร้ายตัวนั้นยิ้มรับ แล้วเล่าเรื่องแมวของตนให้ฟัง โดยมีข้าวกล้าชงเรื่อง
จนเพลิดเพลิน

“ตอนอาบน้ำอยู่ในสวน เห็นแมวเดินราดตระเวนผ่านบนกำแพงสี่ตัวรวด
รีบคว้ากล้องมาถ่ายมันแทบไม่ทัน ดีนะมันหยุดรอให้ถ่าย”

“อ๋อ..เจ้าพวกนี้เป็นยามประจำรีสอร์ทค่ะ พอมืดๆ ก็เดินตามพ่อไปเปิดไฟ
ตามจุดด้วย”

เป็นอันว่าเจ้าของรีสอร์ทกับชายหนุ่มคอเดียวกัน เป็นคนรักแมวเหมือนกันน่ะ
หล่อนพอเข้าใจ แต่ตอนขากลับที่ล่ำลากันเรียบร้อยแล้ว ข้าวกล้าได้
บัตรส่วนลดสำหรับคราวหน้าติดมือมาด้วยนี่สิ หล่อนเลยต้องมองเขาอีกหน
แต่พี่กล้าของหล่อนได้แต่ยิ้มเรียบๆ ตามประสาเขา แล้วบอกหล่อนว่า...

“ยกให้...เผื่อคราวหน้าบลูมากับเพื่อน”

เด็กสาวไม่รู้ว่าตนเองมาถึงสถานีรถไฟตั้งแต่เมื่อไร ก็ในหัวหล่อนมีความคิด
ที่ไม่อาจประติดประต่อได้ลอยวนเวียนอยู่เต็มไปหมด มารู้สึกตัวอีกครั้ง
เมื่อข้าวกล้าคืนมอเตอร์ไซค์ให้เจ้าของรถเช่าซึ่งนัดมารับถึงสถานีรถไฟเอง

“ไป...ไปรอข้างในดีกว่า ป่านนี้รถไฟใกล้มาแล้วล่ะ” ชายหนุ่มฉวยข้าวของ
พะรุงพะรังของหล่อนมาถือไว้แล้วเดินนำหน้าไป แต่ครู่หนึ่งก็สังเกตเห็นว่า
หล่อนไม่ได้เดินตามมา เขาจึงร้องเรียก

“เป็นอะไรบลู? ทำหน้าเหมือนไม่อยากกลับ มานี่เร็วเดี๋ยวก็ตกรถไฟหรอก”

“คะ...ค่า” สาวน้อยขานรับแล้วรีบวิ่งไปสมทบ ก็หล่อนยังไม่อยากกลับจริงๆ นี่นา...

‘ขอโทษนะป่ะป๊า ที่ลูกสาวคนนี้เผลอคิดอะไรนอกลู่นอกทาง แต่บลู..
ยังไม่อยากกลับจริงๆ นี่นา อยากให้เวลามันยืดไปกว่านี้อีกสักหน่อย
อยากอยู่กับพี่กล้าอีกสักครึ่งวันก็ยังดี!’




อ่านต่อตอนหน้าค่ะ
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ขอเม้าท์หน่อย

แฮมเบอร์เกอร์ในเรื่อง อยู่หัวมุมถนนใกล้ประตูท่าแพค่ะ
อร่อยเต็มปากเต็มคำ ให้ทีเต็มตระกล้าเยอะเชียว
ไม่ค่อยมีคนไทยมานั่งทานนะคะ ส่วนมากเป็นลูกค้าฝรั่ง
ตอนแรกเจ้าแก้วอยากทานอย่างอื่น แต่ฝนตกปรอยๆ
เลยเอานี่แหละ ไม่อยากเดินหาแล้ว อร่อยกว่าที่คาดค่ะ
ผ่านไปลองแวะชิมสิคะ











Create Date : 06 มกราคม 2554
Last Update : 6 มกราคม 2554 2:38:56 น. 1 comments
Counter : 950 Pageviews.

 
แฮมเบอร์เกอร์น่ากินจัง


โดย: mimny วันที่: 6 มกราคม 2554 เวลา:14:03:12 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แก้วกังไส
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 54 คน [?]







ผลงานเขียนที่ผ่านมาค่ะ

รักนี้(แค้น)ต้องชำระ


Amethyst Sonata
เพลงรัก..ลิขิตหัวใจ



บาปปาริชาต

Friends' blogs
[Add แก้วกังไส's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.