เว็บเพื่อการเลี้ยงลูก,เว็บท่องเที่ยววังน้ำเขียว,สื่อสุขภาพ,ครอบครัวการเลี้ยงลูก,ทิปคอมพิวเตอร์
Group Blog
 
 
กรกฏาคม 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
27 กรกฏาคม 2555
 
All Blogs
 
กินน้ำตาลมากเกินไป เป็นโทษมากกว่าประโยชน์

กินน้ำตาลมากเกินไป เป็นโทษมากกว่าประโยชน์ ความหวานบ่อเกิดโรคร้าย



ตามปกติเราควรกินน้ำตาลจากอาหารทุกอย่างรวมกันไม่เกิน 6 ช้อนชา ต่อวัน ต่อคน การที่คนเรากินน้ำตาลมากเกินต่อร่างกาย กลับส่งทำให้เกิด

ปัญหาทางสุขภาพ เช่น ฟันผุเร็ว โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคเบาหวานนั้นเป็นอันตราย

มาก ทำให้ผู้ป่วยลำบากหากไม่มีการควบคุมอาหารการกินอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดอาการหัวใจวาย ไตล้มเหลว ตาบอด เนื้อเยื่อเน่า เท้าบวม หมดสติและอาจตายได้

          "ถ้าติดหวานตั้งแต่เด็กจะทำให้เกิดโรคฟันผุ เด็กอายุต่ำสุดที่ฟันผุคือ 1 ขวบ ขณะที่ฟันซี่แรกของเด็กจะขึ้นตอนอายุ 1-9 เดือน แสดงว่าพอ

ฟันขึ้นปุ๊บก็ผุเลย ช่วงตั้งแต่ 12-18 เดือนอัตราการผุจะเพิ่มขึ้น และเราก็พบว่าเด็กไทยกินขนมคำแรกซึ่งเป็นขนมหวานตอนอายุประมาณ 9 เดือน เพราะพ่อแม่จะเริ่มเอาขนมใส่ปากเด็ก ซึ่งเป็นขนมถุงที่ละลายได้ในปาก ไม่แข็งเกินไป จึงทำให้เด็กติดขนมและผงชูรสตั้งแต่เด็ก" จริงว่าน้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กเจริญอาหารมากขึ้น แต่ก็ส่งผลให้เด็กอ้วนในไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี

           ต่อมาคือโรคเบาหวานในเด็ก ซึ่งไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ผิดและรบกวนการทำงานของตับอ่อน ซึ่งแค่ไหนแต่ไรมาโรคชนิดนี้เกิดกับ 'คนหลักสี่สิบ' คือ ผู้ใหญ่ที่อายุ 40 กว่าปีขึ้นไป แต่ตอนนี้ มีรายงานทางการแพทย์ เจอโรคเบาหวานในเด็ก 11 ขวบ และมีแนวโน้มเกิดกับเด็กอายุน้อยลงเรื่อยๆ

          "พอพ่อแม่เห็นว่าลูกโตพอที่จะอมหรือเคี้ยวอะไรได้ก็จะเอาขนมใส่ปากเด็ก น้ำตาลกับคาร์โบไฮเดรตคือแหล่งพลังงานหลักของมนุษย์ ดังนั้น รสชาติที่พัฒนาเร็วที่สุดคือรสหวาน การที่ได้ทานขนมที่มีรสหวาน เด็กจะแสดงความพึงพอใจตามธรรมชาติ"

           ในส่วนของโรคภัยจากการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป ซึ่งอาจเกิดกับผู้ใหญ่ก็รุนแรงชวน 'ขวัญเสีย' ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวาน น้ำตาลคือสารที่ให้พลังงานโดยตรงซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที หากคนเราได้รับพลังงานที่เพียงพอแล้ว ร่างกาย ก็จะเก็บพลังงานที่ได้จากน้ำตาลในรูปของไขมัน ซึ่งทำให้อ้วนขึ้น ดังนั้นคนที่กินหวานจะมีโอกาสอ้วนง่ายมาก

          "พออ้วนขึ้นเรื่อยๆ แล้วยังไปกินน้ำตาลเยอะๆ อีกหน่อยฮอร์โมนที่ช่วยลดน้ำตาลก็จะทำงานไม่ไหว สุดท้ายกลายเป็นโรคอ้วนและเบาหวาน จากการสำรวจคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้น พบว่าร้อยละ 6.9 เป็นเบาหวาน แสดงว่าคนไทย 100 คน มี 7 คนที่เป็นเบาหวาน" ทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคที่มากับความหวาน คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ลดการปรุงรสให้น้อยลงกว่าที่เคย หากกิน รสจัดทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว โอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ จะยิ่งสูงขึ้น "บางคนคิดว่า ใส่เครื่องปรุงอันนั้นเยอะ ก็ต้องใส่อันนี้เยอะด้วยเพื่อกลบรสชาติ อย่างนี้ถือว่าไม่ช่วยนะเพราะกลายเป็นว่าคุณจะได้เครื่องปรุงทุกอย่างเยอะหมด"  

          ขณะเดียวกันต้องควบคุมสัดส่วนการบริโภคไปพร้อมๆ กัน หากเป็นอาหารสำเร็จรูปอย่าง ขนมหวานต่างๆ ซึ่งเราท่านไม่มีทางรู้ว่าในขนมมีน้ำตาลมากน้อยแค่ไหน อุปนายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย แนะนำทิ้งท้ายว่า ต้องอาศัยการคาดคะเนหากรู้ว่ากินน้ำตาลเกินอัตราศึกที่ควรจะกินต่อวันไปแล้ว  วันนั้นก็ไม่ควรจะกินน้ำตาลเพิ่มอีกเด็ดขาด
ขอฝากไว้ว่า "คุณกินอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น" (You are what you eat)

           อย่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน เช็กปริมาณน้ำตาลก่อนดีไหม จะได้ไม่ "อร่อยปากลำบากกาย" ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มสำเร็จรูป

          - นมพร่องมันเนย UHT 250 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา
          - โยเกิร์ตทูโทน 130 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา
          - นมรสจืดพาสเจอร์ไรซ์ 200 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา

          - ยาคูลท์ 80 cc น้ำตาล 3 ช้อนชา
- นมเปรี้ยวรสส้ม 120 cc น้ำตาล 3 ช้อน

          - นมเปรี้ยวรสสตรอเบอรี 120 cc น้ำตาล 3 ช้อนชา
          - เนสกาแฟ 26 กรัม น้ำตาล 3 ช้อนชา
          - ข้าวสวย 1 ทัพพี น้ำตาล 3 ช้อนชา
- กระทิงแดง 100 cc น้ำตาล 3 1/2   ช้อนชา

          - โยเกิร์ตผสมวุ้นมะพร้าว 150 กรัม น้ำตาล 4 ช้อนชา
          - นมปรุงแต่งรสช็อกโกแลต 200 cc น้ำตาล 4 ช้อนชา
          - น้ำผลไม้มาลีรสส้ม 240 cc น้ำตาล      4 1/2 ช้อนชา
          - โยเกิร์ตผสมธัญพืช 150 กรัม น้ำตาล 4 1/2 ช้อนชา
          - เป๊ปซี่ 1 ขวด 250 cc น้ำตาล 5 ช้อนชา
- นมปรุงแต่ง UHTรสช็อคโกแลต 250 cc น้ำตาล 5 ช้อนชา

          - เอ็มสปอร์ตพลัส 250 cc น้ำตาล 5 1/2 ช้อนชา
          - น้ำส้ม 15% ผสมบุก 180 กรัม น้ำตาล 5 1/2 ช้อนชา
          - โค้กกระป๋อง 325 cc น้ำตาล 6 ช้อนชา
- สปอนเซอร์ 325 cc น้ำตาล 6 1/2 ช้อนชา

          - เป๊ปซี่กระป๋อง 325 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา
- น้ำส้ม 25 % ผสมวุ้นมะพร้าว 400 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา

          - สไปรท์ 325 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา
- แฟนต้าส้มกระป๋อง 325 cc น้ำตาล 7 1/2 ช้อนชา

          - แฟนต้าสตรอเบอรี 1 กระป๋อง 325 cc น้ำตาล 8 ช้อนชา
          - โออิชิแบล็กที 500 cc น้ำตาล 12 1/2 ช้อนชา

ดังนั้นผู้ที่ชอบกินหวาน หรือกินน้ำตาลมากเกินไปควรลดการบริโภคน้ำตาลให้น้อยลง โดยเฉพาะน้ำตาลที่แฝงมาในรูปของอาหาร ควรจะหันมากินน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากโรคต่างๆเหล่านี้
power by เที่ยววังน้ำเขียว



Create Date : 27 กรกฎาคม 2555
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 16:31:51 น. 0 comments
Counter : 8816 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

fnhero125
Location :
นครราชสีมา Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 41 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add fnhero125's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.