|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
กินน้ำตาลมากเกินไป เป็นโทษมากกว่าประโยชน์
กินน้ำตาลมากเกินไป เป็นโทษมากกว่าประโยชน์ ความหวานบ่อเกิดโรคร้าย
ตามปกติเราควรกินน้ำตาลจากอาหารทุกอย่างรวมกันไม่เกิน 6 ช้อนชา ต่อวัน ต่อคน การที่คนเรากินน้ำตาลมากเกินต่อร่างกาย กลับส่งทำให้เกิด
ปัญหาทางสุขภาพ เช่น ฟันผุเร็ว โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคความดันโลหิตสูง โดยเฉพาะโรคเบาหวานนั้นเป็นอันตราย
มาก ทำให้ผู้ป่วยลำบากหากไม่มีการควบคุมอาหารการกินอย่างจริงจัง จะทำให้เกิดอาการหัวใจวาย ไตล้มเหลว ตาบอด เนื้อเยื่อเน่า เท้าบวม หมดสติและอาจตายได้
"ถ้าติดหวานตั้งแต่เด็กจะทำให้เกิดโรคฟันผุ เด็กอายุต่ำสุดที่ฟันผุคือ 1 ขวบ ขณะที่ฟันซี่แรกของเด็กจะขึ้นตอนอายุ 1-9 เดือน แสดงว่าพอ
ฟันขึ้นปุ๊บก็ผุเลย ช่วงตั้งแต่ 12-18 เดือนอัตราการผุจะเพิ่มขึ้น และเราก็พบว่าเด็กไทยกินขนมคำแรกซึ่งเป็นขนมหวานตอนอายุประมาณ 9 เดือน เพราะพ่อแม่จะเริ่มเอาขนมใส่ปากเด็ก ซึ่งเป็นขนมถุงที่ละลายได้ในปาก ไม่แข็งเกินไป จึงทำให้เด็กติดขนมและผงชูรสตั้งแต่เด็ก" จริงว่าน้ำตาลเป็นตัวกระตุ้นให้เด็กเจริญอาหารมากขึ้น แต่ก็ส่งผลให้เด็กอ้วนในไทยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นทุกปี
ต่อมาคือโรคเบาหวานในเด็ก ซึ่งไม่ได้เกิดจากกรรมพันธุ์ แต่เกิดจากพฤติกรรมการบริโภคที่ผิดและรบกวนการทำงานของตับอ่อน ซึ่งแค่ไหนแต่ไรมาโรคชนิดนี้เกิดกับ 'คนหลักสี่สิบ' คือ ผู้ใหญ่ที่อายุ 40 กว่าปีขึ้นไป แต่ตอนนี้ มีรายงานทางการแพทย์ เจอโรคเบาหวานในเด็ก 11 ขวบ และมีแนวโน้มเกิดกับเด็กอายุน้อยลงเรื่อยๆ
"พอพ่อแม่เห็นว่าลูกโตพอที่จะอมหรือเคี้ยวอะไรได้ก็จะเอาขนมใส่ปากเด็ก น้ำตาลกับคาร์โบไฮเดรตคือแหล่งพลังงานหลักของมนุษย์ ดังนั้น รสชาติที่พัฒนาเร็วที่สุดคือรสหวาน การที่ได้ทานขนมที่มีรสหวาน เด็กจะแสดงความพึงพอใจตามธรรมชาติ" ในส่วนของโรคภัยจากการบริโภคน้ำตาลที่มากเกินไป ซึ่งอาจเกิดกับผู้ใหญ่ก็รุนแรงชวน 'ขวัญเสีย' ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคเบาหวาน น้ำตาลคือสารที่ให้พลังงานโดยตรงซึ่งร่างกายสามารถดูดซึมไปใช้ได้ทันที หากคนเราได้รับพลังงานที่เพียงพอแล้ว ร่างกาย ก็จะเก็บพลังงานที่ได้จากน้ำตาลในรูปของไขมัน ซึ่งทำให้อ้วนขึ้น ดังนั้นคนที่กินหวานจะมีโอกาสอ้วนง่ายมาก
"พออ้วนขึ้นเรื่อยๆ แล้วยังไปกินน้ำตาลเยอะๆ อีกหน่อยฮอร์โมนที่ช่วยลดน้ำตาลก็จะทำงานไม่ไหว สุดท้ายกลายเป็นโรคอ้วนและเบาหวาน จากการสำรวจคนไทยที่อายุ 15 ปีขึ้น พบว่าร้อยละ 6.9 เป็นเบาหวาน แสดงว่าคนไทย 100 คน มี 7 คนที่เป็นเบาหวาน" ทางออกที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคที่มากับความหวาน คือการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหาร ลดการปรุงรสให้น้อยลงกว่าที่เคย หากกิน รสจัดทั้งหวาน เค็ม เปรี้ยว โอกาสที่จะเป็นโรคต่างๆ จะยิ่งสูงขึ้น "บางคนคิดว่า ใส่เครื่องปรุงอันนั้นเยอะ ก็ต้องใส่อันนี้เยอะด้วยเพื่อกลบรสชาติ อย่างนี้ถือว่าไม่ช่วยนะเพราะกลายเป็นว่าคุณจะได้เครื่องปรุงทุกอย่างเยอะหมด"
ขณะเดียวกันต้องควบคุมสัดส่วนการบริโภคไปพร้อมๆ กัน หากเป็นอาหารสำเร็จรูปอย่าง ขนมหวานต่างๆ ซึ่งเราท่านไม่มีทางรู้ว่าในขนมมีน้ำตาลมากน้อยแค่ไหน อุปนายกสมาคมโรคเบาหวานแห่งประเทศไทย แนะนำทิ้งท้ายว่า ต้องอาศัยการคาดคะเนหากรู้ว่ากินน้ำตาลเกินอัตราศึกที่ควรจะกินต่อวันไปแล้ว วันนั้นก็ไม่ควรจะกินน้ำตาลเพิ่มอีกเด็ดขาด ขอฝากไว้ว่า "คุณกินอย่างไรก็จะเป็นอย่างนั้น" (You are what you eat)
อย่ามัวแต่ตั้งหน้าตั้งตากิน เช็กปริมาณน้ำตาลก่อนดีไหม จะได้ไม่ "อร่อยปากลำบากกาย" ปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่มสำเร็จรูป
- นมพร่องมันเนย UHT 250 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา - โยเกิร์ตทูโทน 130 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา - นมรสจืดพาสเจอร์ไรซ์ 200 cc น้ำตาล 2 ช้อนชา - ยาคูลท์ 80 cc น้ำตาล 3 ช้อนชา - นมเปรี้ยวรสส้ม 120 cc น้ำตาล 3 ช้อน - นมเปรี้ยวรสสตรอเบอรี 120 cc น้ำตาล 3 ช้อนชา - เนสกาแฟ 26 กรัม น้ำตาล 3 ช้อนชา - ข้าวสวย 1 ทัพพี น้ำตาล 3 ช้อนชา - กระทิงแดง 100 cc น้ำตาล 3 1/2 ช้อนชา - โยเกิร์ตผสมวุ้นมะพร้าว 150 กรัม น้ำตาล 4 ช้อนชา - นมปรุงแต่งรสช็อกโกแลต 200 cc น้ำตาล 4 ช้อนชา - น้ำผลไม้มาลีรสส้ม 240 cc น้ำตาล 4 1/2 ช้อนชา - โยเกิร์ตผสมธัญพืช 150 กรัม น้ำตาล 4 1/2 ช้อนชา - เป๊ปซี่ 1 ขวด 250 cc น้ำตาล 5 ช้อนชา - นมปรุงแต่ง UHTรสช็อคโกแลต 250 cc น้ำตาล 5 ช้อนชา - เอ็มสปอร์ตพลัส 250 cc น้ำตาล 5 1/2 ช้อนชา - น้ำส้ม 15% ผสมบุก 180 กรัม น้ำตาล 5 1/2 ช้อนชา - โค้กกระป๋อง 325 cc น้ำตาล 6 ช้อนชา - สปอนเซอร์ 325 cc น้ำตาล 6 1/2 ช้อนชา - เป๊ปซี่กระป๋อง 325 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา - น้ำส้ม 25 % ผสมวุ้นมะพร้าว 400 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา - สไปรท์ 325 cc น้ำตาล 7 ช้อนชา - แฟนต้าส้มกระป๋อง 325 cc น้ำตาล 7 1/2 ช้อนชา - แฟนต้าสตรอเบอรี 1 กระป๋อง 325 cc น้ำตาล 8 ช้อนชา - โออิชิแบล็กที 500 cc น้ำตาล 12 1/2 ช้อนชา
ดังนั้นผู้ที่ชอบกินหวาน หรือกินน้ำตาลมากเกินไปควรลดการบริโภคน้ำตาลให้น้อยลง โดยเฉพาะน้ำตาลที่แฝงมาในรูปของอาหาร ควรจะหันมากินน้ำตาลธรรมชาติที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆให้มากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายจากโรคต่างๆเหล่านี้ power by เที่ยววังน้ำเขียว
Create Date : 27 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 27 กรกฎาคม 2555 16:31:51 น. |
|
0 comments
|
Counter : 8816 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|