|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
โรคความดันโลหิตต่ำ โรคความดันโลหิตสูง
ความดันโลหิต เป็นเครื่องแสดงสมรรถภาพของระบบไหลเวียนโลหิต และการทำงานของหัวใจ การวัดความดันโลหิตคือการวัดแรงดันที่เกิดจากหัวใจบีบตัว เพื่อดันโลหิตในหัวใจและหลอดเลือดแดงใหญ่ออกไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ค่าของความดันโลหิตจะวัดเป็นตัวเลขสองค่า เช่น 120/80 ตัวเลขหน้า คือ ค่าความดันขณะ หัวใจบีบตัว ตัวเลขหลัง คือ ค่าความดันขณะหัวใจคลายตัว ค่าปกติประมาณ 110/70 - 120/80 มิลลิเมตรปรอท
ปัจจัยที่มีผลต่อความดันโลหิต ค่าความดันโลหิตของคนปกติขณะพัก แตกต่างกันได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ เชื้อชาติ สภาพภูมิอากาศรอบตัว อิริยาบถ และการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์
โรคความดันโลหิตต่ำ หมายถึง ภาวะที่มีความดันโลหิตต่ำกว่า 90/50 มิลลิเมตรปรอท สาเหตุ 1. ไม่ทราบสาเหตุแน่นอน 2. จากโรคหรือความผิดปกติอื่น ๆ ของร่างกาย ได้แก่ - การพักผ่อนไม่เพียงพอ - การขาดอาหาร - โลหิตจาง และมีการสูญเสียโลหิตจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น แผลในกระเพาะอาหาร ริดสีดวงทวาร 3. ความดันต่ำจากการปรับตัวของร่างกายไม่ทัน เวลาเปลี่ยนท่า +อาการ - อ่อนเพลีย - เหนื่อยง่าย - วิงเวียนศีรษะ - หน้ามืด เป็นลมบ่อย ๆ - หน้ามืด เวลาเปลี่ยนอิริยาบถต่าง ๆ เช่น จากท่านอนเป็นท่านั่งเร็ว ๆ
อันตรายของความดันโลหิตต่ำ ความดันโลหิตต่ำเกินไป จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญ ของร่างกายไม่ทัน ทำให้ขาดอาหาร ออกซิเจน และการถ่ายเทขอเสียไม่ทัน โดยเฉพาะเซลล์ของสมอง กล้ามเนื้อหัวใจ และไตซึ่งมีความสำคัญมาก ต่อร่างกาย ถ้าความดันโลหิตลดลงต่ำมาก จะทำให้อวัยวะดังกล่าวขาดออกซิเจน อาจทำให้เป็นลม ช็อคและเสียชีวิตได้
ข้อแนะนำสำหรับผู้ที่มีความดันต่ำ/การักษาตัวเอง 1. รับประทานอาหารที่มีคุณค่า ให้ครบทั้ง 5 หมู่ 2. พักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง 3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เพื่อเพิ่ม ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ หัวใจและหลอดเลือด 4. การเปลี่ยนอิริยาบถ หรือการเปลี่ยนท่าควรทำช้า ๆ เพื่อให้ร่างกาย ปรับตัวได้ทันและป้องกัน มิให้เกิดอาการหน้ามืด
โรคความดันโลหิตสูง หมายถึง ภาวะที่มีความดันโลหิตวัดได้มากกว่า 140/90 มม.ปรอท สาเหตุ 1. ไม่ทราบสาเหตุแน่นอน พบ 80-90% ความดันโลหิตสูง แบบนี้มักพบ มากใน - คนอ้วน - ผู้ที่ชอบรับประทานอาหารเค็มจัด - ผู้ที่ชอบสูบบุหรี่และดื่มสุรา - คนที่ไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย - ผู้ที่ทำงานนั่งโต๊ะและมีความเครียด - คนสูงอายุ 2. จากโรคอื่น ๆ เช่น โรคไต และโรคของหลอดเลือด ความดันโลหิตสูงที่เกิดจากโรคอื่น ๆ นี้ พบได้ 10-20 %
อาการ ในรายที่มีอาการเด่นชัดจะมีอาการปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ นอนไม่หลับเหนื่อยหอบเวลาออกกำลังกาย และเจ็บแน่นหน้าอก
อันตรายจากความดันโลหิตสูง 1. เส้นเลือดในสมองแตก ทำให้โคม่า หมดสติ เป็นอัมพาตทั้งตัว หรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย 2. ทำให้หัวใจต้องทำงานหนักออกแรงบีบตัวมากกว่าปกติ จนหัวใจโตและเกิดหัวใจวายหรือ หัวใจขาดเลือดหล่อเลี้ยง ได้ง่าย 3. ทำให้เกิดโรคไต เนื่องจากเส้นเลือดจะอุดตันได้ง่าย ทำให้ไตขาดเลือด ไปหล่อเลี้ยง
ข้อแนะนำสำหรับผู้มีความดันโลหิตสูง/การรักษาตัวเอง 1. ปรึกษาแพทย์เพื่อรับการรักษา โดยอาจจะต้องรับประทานยาเพื่อควบ คุมความดันโลหิต การหยุดยา ควรอยู่ในการพิจารณา ของแพทย์ แม้จะไม่มีอาการแล้วก็ตาม 2. ตรวจวัดความดันโลหิตเป็นระยะ ๆ ทุกเดือน 3. หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม บุหรี่ และสุรา 4. หลีกเลี่ยงน้ำชาหรือกาแฟ ถ้ามีอาการใจสั่น 5. ถ้าน้ำหนักเกินมาตรฐาน ควรลดน้ำหนัก (โดยลดอาหารมัน ของหวาน ของทอดด้วยน้ำมัน อาหารพวกแป้ง) 6. รับประทานผักผลไม้และอาหารที่มีกากเป็นประจำ เพื่อป้องกันท้องผูก 7. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหัวใจและหลอดเลือด (ไม่ควรออกกำลังกาย ชนิดที่ต้องใช้แรงเบ่ง เช่น การยกน้ำหนัก) 8. ทำจิตใจให้ร่าเริงแจ่มใส และคลายความเครียด 9. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่มีอันตราย ในปัจจุบันพบว่า โรคหัวใจซึ่งมีความสัมพันธ์กับความดันโลหิตสูง เป็นโรคที่ก่อให้เกิดการตายของประชากรสูงเป็นอันดับหนึ่ง ดังนั้น การตรวจสุขภาพ และวัดความดันโลหิต เป็นประจำจะช่วยป้องกันและลดอันตรายเหล่านี้ลงได้
Create Date : 22 กรกฎาคม 2555 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2555 15:39:19 น. |
|
0 comments
|
Counter : 14827 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|