ภูกระดึง แต่ไม่เกี่ยวกับกระเช้า ยาวหน่อยแต่อยากให้ได้อ่าน #3
วันนี้ประมาณ 12.50 ลุงไม้ Noko (ไม้หลักปักมั่นคง) ได้จากพวกเราไปแล้วอย่างสงบ ผมขออนุญาตใช้พื้นที่ตรงนี้ แสดงความเสียใจต่อครอบครับของลุงด้วย เรื่องภูกระดึงนี้ผมจะเขียนให้จบ เพราะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ผมพอจะทำให้ลุงได้ ขอให้ลุงได้พบเจอแต่สิ่งดีๆ มีความสุขในภพหน้านะครับ ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่ลุงได้มอบไว้ให้พวกเราจะอยู่ในความทรงจำตลอดไปครับ
หลังจากนั้น 1 เดือนผ่านไป สิ่งที่หลายๆคนรอคอยก็ได้มาถึง
กองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา
มันเป็นสิ่งที่ผมตั้งความหวังไว้พอสมควร เพราะสิ่งนี้มันน่าจะแบ่งเบาภาระ อันหนักอึ้งให้กับพ่อแม่ผมได้ แม้ว่าที่ผ่านมา ผมจะไม่เคยกู้ยืมเงินเลยก็ตาม
บ่ายๆวันหนึ่งในคาบสุดท้าย อาจารย์อุดร ที่ปรึกษาได้ถามว่าใครต้องการจะกู้ยืมเงินเรียนบ้าง ก็มียกมือกันเกือบ 90% รวมทั้งผมด้วย หลังจากนั้นอาจารย์อุดรก็เลยให้แต่ละคนลุกขึ้นยืน เล่าถึงความจำเป็นในการกู้เรียน ซึ่งหลังจากฟังสาเหตุของทุกคนแล้ว ทำให้ผมคิดว่าผมยังสบายอยู่อีกมากนัก แล้วทำไมเพื่อนๆของผมจึงลำบากถึงเพียงนี้ บางคนเล่าไปทั้งๆน้ำตา ผมจึงตัดสินใจสละสิทธิ์ตรงนี้ไป
ตกเย็นเลิกเรียนผมไปเล่าเรื่องนี้ให้แม่ฟัง แม่บอกไม่เป็นไร เราไม่ลำบากอะไรมากมายก็ให้เขาไปเถอะ ดีซะอีกจบมาไม่ต้องเป็นหนี้ใคร
หลังจากนั้นพวกเพื่อนๆที่ไม่เคยกู้มาก่อนก็ได้เป็นผู้กู้รายใหม่สมใจ ส่วนคนที่เคยกู้มาแล้ว เพียงนำเอกสารจากที่เก่ามาก็ทำเรื่องกู้ต่อได้ทันที เป็นอันว่าเรื่องนี้ก็จบไป
ในห้องผมมีมีผู้หญิงประมาณ 30 คนผู้ชายอยู่ 12 คน (ตอนหลังเหลือ 10) แต่ว่าตลอดเวลาที่เรียนปวส.ด้วยกัน2ปี ผมไม่พบว่าใครมีอาการเป็นเกย์เลย จะมีบ้างก็สำอางผิดปกติไปหน่อย (มันบอกว่าถ้าหน้าไม่ใส เดี๋ยวไม่โดนใจหญิง)
ในห้องผมจะมี 2 คนชื่อพงษ์กับแจ๊ค ดูเผินๆเหมือนคู่ขากัน - -" แต่ความจริงไม่ใช่ เพราะพอเวลาพักเที่ยง มันไม่ได้ไปถึงโรงอาหารแล้วต่อแถวซื้อข้าวแบบคนอื่น แต่มันเดินไปเข้าห้องน้ำ อัดสายฝนคนละครึ่งมวน แล้วทาแป้งซะหน้าเนียนอย่างกับไชยา มิตรชัย (ไอ้พงษ์ยิ่งร้ายบางทีมีทาลิปสติกสีอ่อนๆ หรือลิปมันด้วย) หลังๆมามีเพิ่มมาอีกพวกประเภทนี้เพิ่มมาอีกคือ ป่อง ตุ๊ และก็คิง พวก 5 คนนี้มันถือคติไม่หล่อไม่กินข้าว ผมเคยพูดประชดพวกมันไปว่า งั้นชาตินี้พวกมึงคงอดตายหมดทุกคนนั่นแหละ
ส่วนโจ้ก็จะหายไปกับการทักทายสาวๆทั้งรุ่นพี่รุ่นน้อง แล้วหลอกจับมือดูหมอให้ทุกที มันรู้จักสาวๆแทบทุกคนในวิทยาลัยนี้ ผมไม่เห้นว่ามันจะแปลกอะไรเลย ลายมือเมื่อวานกับวันนี้ก็อันเดียวกัน แล้วจะให้ดูทำไมทุกวัน ผู้หญิงนี่แปลกจริงๆ
ส่วนปอ อ้าวไปไหนวะเนี่ย อ๋อครับเขาจะมีมุมสงบของเขาเอง ไปนั่งเก๊กคนเดียว บอกแล้วครับเขาจะมีโลกส่วนตัวของเขาเอง 55555
ช่วงเข้าเรียนใหม่ๆ กิจกรรมแรกที่ได้ทำร่วมกันทั้งห้องคือไหว้ครู การคัดเลือกคนถือพานก็ไม่ยากเย็นนักเนื่องจากห้องนี้คนที่หน้าตาดีๆ หาไม่ค่อยได้ จึงเหลือคนที่มาถือพานคู่กันพอดี คือตุ๊ กับน้อย น้อยนั้นถือเป็นดาวของห้องผมเลย หน้าตาก็น่ารัก แถมชอบใส่กระโปรงฟิตๆรัดก้น เวลาเดินตามหลังน้อยทีไร เหมือนมันยักคิ้วหลิ่วตาให้ เฮ่อๆๆๆ ไม่ใช่ผมคนเดียวหรอกครับที่คิดแบบนี้ พวกผู้ชายทั้งห้องผมเคยแอบนินทาผู้หญิงกันมาทุกคนแล้ว ไม่เว้นกระทั่งผู้ช่วยผอ.
แต่น้อยก็เป็นคนที่ติงต๊องเอาเรื่องเลยทีเดียว แถมขี้เหนียวติดอันดับโลก ใครยืมเงินไป บาทสองบาท แม่จำได้หมด บางเอาลิปสติกเขียนไ้ว้หน้ากระจกกันลืม มีครั้งหนึ่งเพื่อนเธอยืมเงินไป 2 บาท ผ่านไป 3 วัน เธอออกปากทวงระหว่างยืนเข้าแถวเคารพธงชาติ ผมได้ยินมากับหูเลย - -"
กิจกรรมต่อมาคือกิจกรรมเข้าพรรษา แน่นอนว่าแต่ละห้องจะต้องหาสิ่งของไปถวายวัด มันจึงกลายเป็นเรื่องที่เกือบแตกหักระหว่างผมกับโจ้ เนื่องด้วยโจ้มีความเห็นว่าน่าจะรวมตังค์กันไป ซื้อเทียนพรรษาเล่มใหญ่มาถวาย แต่ผมกลับเห็นต่างว่า น่าจะซื้อเป็นหลอดนีออนไปถวายวัดมากกว่า เนื่องด้วยผมเห็นว่าพระพุทธองค์ทรงให้มีการถวายเทียนเพื่อให้พระสงฆ์มีแสงสว่าง ในการศึกษาพระธรรมคำสั่งสอนระหว่างหน้าฝน แต่ในทุกวันนี้โลกได้เปลี่ยนไป เรามีไฟฟ้าใช้ ผมเห็นหลายๆวัดถึงเข้าพรรษามีเทียนเล่มใหญ่ๆเกลื่อนกลาด แต่หลอดไฟห้องน้ำวัดขาด ไม่มีหลอดไฟจะเปลี่ยน ต้องไปเอาเงินตู้บริจาคมาซื้อหลอดไฟ บางเล่มไม่ได้แกะพลาสติกที่ห่อออกด้วยซ้ำ พอออกพรรษาทางวัดก็นำไปขายคืนให้ร้านสังฆภัณท์
แต่โจ้ก็เถียงผมด้วยเหตุผลของเขา ซึ่งก็คือไม่ต้องการปิดเบือนประเพณีไทยและพระศาสนา โจ้เป็นคนที่ได้ชื่อว่ามหา เขาศรัทธราอย่างแรงกล้าในพระพุทธศาสนา บางทีก็ไปนั่งสมาธิอยู่คนเดียว ตรงศาลาที่มีน้องๆนักศึกษาเดินผ่านบ่อยๆ ซึ่งไม่รู้ว่าจะทำสมาธิหรือโชว์หญิง บางทีก็นั่งสมาธิในห้องเรียนตอนอาจารย์สอนซะงั้น เขาบอกว่าเขากำลังนั่งคุยกับพระอรหันต์อยู่ - -" คุยแบบน้ำลายไหลหัวสัปหงกเลยทีเดียว
สุดท้ายอาจารย์ที่ปรึกษาจึงตัดสินใจว่าให้แบ่งเงินจำนวนหนึ่งไปซื้อเทียนเล่มไม่ต้องใหญ่มาก อีกส่วนหนึ่งไปซื้อหลอดไฟตามที่ผมเสนอ อาจารย์บอกว่าเหตุผลทั้ง 2 ฝ่ายมีข้อดีเหมือนกัน เอาทั้ง2อย่างเลยแล้วกัน เรื่องนี้ก็เลยจบลงแบบไม่ค่อยผิดใจกันเท่าไร = ='
เรื่องการเรียนในห้องก็มีปัญหาในบางวิชาเช่นกัน วิชาที่ผมและเหล่านักเรียนชายมีความสุขที่สุด คือภาษาอังกฤษถึงหลายคนไม่กระดิก แต่เห็นหน้าคนสอนก็มีความสุขแล้ว บางทีผมยังคุยกับเพื่อนๆว่า ในหนึ่งสัปดาห์น่าจะมีวันนึงเรียนแต่ภาษาอังกฤษทั้งวันเลย น่าจะดี
มีวิชาที่ชอบก็ต้องมีวิชาที่เกลียด ไม่ใช่เกลียดหรอกครับ แต่มันบีบหัวใจทุกทีที่เรียน วิชานั้นคือ
ระบบปฏิบัติการ (OS) โดยอาจารย์ ธราพงษ์ สายเรือนแก้ว
อาจารย์ธราพงษ์ เป็นคนที่มี EGO สูงมากๆทีเดียว (ไม่ใช่ e-go Internet นะครับ) แกเป็นคนที่พวกเราเอาแน่เอานอนไม่ได้ จึงทำให้เราวางตัวไม่ถูกเวลาเรียนกับแก บางทีแกทะเลาะกับผู้ช่วย ผอ.หรือเมียมา (คิดว่านะ) แกมักจะมาลงกับพวกผม โดยจับสัญญาณจากแกได้ไม่ยากนัก บางทีแกก็สั่งงานแบบบ้าระห่ำ สั่งทำนั่นทำนี่ ทั้งๆที่แกก็รู้ว่าวิทยาลัยไม่มีความพร้อม สั่งทำรายงานยังกะเอ็นไซโคลปิเดีย แต่คอมพิวเตอร์เป็นรุ่น Pentium - 233 เร็วจังเลย แถม FloppyDisk ก็ใช้ได้บ้างไม่ได้บ้าง (แต่ก่อนยังไม่มี FlashDrive)จอฟ้าเป็นกิจวัตร อินเตอร์เน็ทก็ไม่มี (ช่วงแรกๆ LAN ยังไม่มีเลย) แถมยังต้องแทบขี่คอกันนั่งใช้งาน เนื่องจากนโยบาย 3 คนต่อ 1 เครื่อง - -"
ที่วิทยาลัยแห่งนี้ คุณรู้ไหมว่าสิ่งต่างๆไม่พร้อมเท่าที่ควร ที่สหกรณ์ไม่มีกระทั่ง Future Board ขาย (พลาสติกลูกฟูกที่เอาไว้ใช้ทำงานนิทรรศการ หรืองาน Present) พวกผมต้องขับมอไซค์เข้าไปใน ตัวจังหวัดอุดรธานี 25 กิโลเพื่อไปซื้อมาทำ ยังดีที่ช่วงหลังๆเริ่มมีการสั่งซื้อเข้ามาบ้างจึงทำให้ไม่ต้องลำบากกันต่อไปอีก
จึงทำให้เกิดการ Anti เล็กๆจากหลายๆคนรวมทั้งผม เนื่องจากบางครั้งพวกเราคิดว่ามันไม่ยุติธรรม กับการกระทำของแก แต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ เข้าห้องเรียนช้าไป 2 นาทีแกก็เช็คขาด บางครั้งเราก็ไม่ทราบได้ว่าแกจะให้พวกผมเรียนที่ไหน โรงอาหาร บ้านพักครู หรือในห้องเรียน ต้องวัดดวงเอาทุกครั้ง มาช้าหาไม่เจอก็โดนด่า ซวยไป
แต่บางครั้งแกก็เกิดใจดีขึ้นมาซะงั้น บางวันไม่สอน เอากีต้าร์มานั่งเล่นให้ฟัง แกจะเล่นเพลงที่แกแต่งเองเท่านั้น เล่นเพลงคนอื่นไม่ได้ (หรือไม่ยอมเล่นก็ไม่รู้) กีต้าร์แกจะมีคาร์โป้ ทำให้คีย์กีต้าร์สูงขึ้น โดยใช้ ปากกามารัดกับหนังยางไว้ที่ Bar 2 ของคอกีต้าร์ ดูๆไปก็ขำดีเหมือนกัน
อันนี้เป็นเพลงที่แกแต่งไว้ครับ เพราะดีเหมือนกัน (หาคอร์ดไม่ได้)
------------------------------------------------ ห่างไกลช่างร้ายเหลือ คิดถึงเมื่อครั้งสรวลเส ห่างบ้านห่างเพื่อนเพ ยิ่งหว้าเหว่ดวงกมล
ฟากฟ้าไกลสุดลิบ คิดถึงทิพยสถาน ทั้งคนรักที่เคยพบพาน คงสราญยิ้มรื่นรมณ์
จากมาด้วยหน้าที่ ก็คงมีคนเข้าใจ หากมีวันนั้นเมื่อไหร่ จะกลับไปให้พบพาน -------------------------------------------------
บางคาบอารมณ์ดีก็นั่งเล่าเรื่องตลกให้ฟัง แกเล่าให้ฟังว่าตอนแกเมา แกก็เอารองเท้าแตะมาหั่นทำ ยำปลาหมึกให้เพื่อนๆแกกิน บางทีก็เล่าความดุของเมียแกว่าดุมาก (ซึ่งผมก็ยังไม่เคยเห็นเมียแกสักที) ดุขนาดกินขี้เขียง พวกผมก็งงว่าดุแบบ "กินขี้เขียง" เป็นไง แกเลยเฉลยว่า เคยไปตลาดมั้ย เวลาพ่อค้าเขาหั่นหมูเสร็จ เขาจะปาดพวกเศษเนื้อบนเขียงทิ้ง อันนั้นแหละเขาเรียกว่า ขี้เขียง แล้วจะมีตัวที่วิ่งมากินขี้เขียง ซึ่งก็คือหมานั่นเอง สรุปว่าแกจะบอกพวกผมว่าเมียแกดุยังกับหมา - -"
<< ตอนที่แล้ว | ตอนต่อไป >>
Create Date : 29 มิถุนายน 2550 |
|
5 comments |
Last Update : 23 พฤษภาคม 2551 10:05:33 น. |
Counter : 717 Pageviews. |
|
|
|