ตอนที่ 2.2 ห้องนิทรรศการป้อมพระจุลจอมเกล้า ใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์แห่งเอกราชและเสรีภาพ
| | | | คลิกเข้าไปดูตอนที่ 2.1 พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งเอกราชและเสรีภาพ
ป้อมพระจุลจอมเกล้า อยู่ในอำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ เวลาทำการโดยเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 8.00 - 20.00 น. เจ้าค่ะ เป็นพิพิธภัณฑ์เปิดไม่เก็บค่าเข้าชมนะคะ ชมฟรี เมื่อเรามาถึงป้อมพระจุลฯ สิ่งแรกที่จะพบเห็นและนับเป็นจุดสนใจที่สำคัญประการหนึ่งก็คือ พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งองค์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเ งดงามเด่นเป็นสง่าอยู่บริเวณหน้าป้อมปืน โดยพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าอยู่หัว สร้างจากปลอกกระสุนปืนน้ำหนักกว่าสามตัน ใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เป็นห้องนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า และเหตุการณ์ในสมัย ร.ศ.122
ความเป็นมาแห่งป้อมพระจุลจอมเกล้า หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่าป้อมพระจุลฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯได้เสด็จขึ้นครองราชย์แล้วทรงมีพระราชปรารภว่า ป้อมที่มีอยู่ที่เมืองสมุทรปราการ ซึ่งใช้เป็นที่มั่นป้องกันอริราชศัตรูที่จะเข้ามาทางทะเลนั้นเก่าเกินไป อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถใช้ในการป้องกันราชอาณาจักรได้เลย และประเทศทางยุโรปกำลังล่าอาณานิคมอยู่ในญวณ เขมร ลาว พม่า รวมทั้งสิงคโปร์ มาเลเซีย และก็คงต้องคิดยึดครองดินแดนประเทศสยามในขณะนั้น ด้วยเหตุการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ จึงทรงสั่งให้จัดสร้างป้อมปราการที่ทันสมัยขึ้นที่ปากแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นการเร่งด่วน โดยได้ลงมือก่อสร้างเมื่อต้นปี พ.ศ. 2427 และเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2436 และปีเดียวกันนั้นเอง ชื่อของป้อมแห่งนี้จึงมีชื่อว่าป้อมพระจุลจอมเกล้า
ก่อนที่จะเข้าชมห้องนิทรรศการฯ จะต้องถอดรองเท้าก่อนนะคะ แล้วก็จะเจอภาพทั้ง 2 ฝั่งนี้เลยค่ะ
จากนั้นคุณนายอุ้มเข้าไปกราบสักการะพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวก่อนนะคะ แล้วจากนั้นก็มาเล่าถึงที่มาของเหตุการณ์ รศ.112 ซึ่งในขณะนั้นสยามประเทศเราเป็นราชอาณาจักรใหญ่ที่อุดมสมบูรณ์ มีพืชพันธุ์ธัญญาหารบริบูรณ์ ภายใต้ร่มพระบารมีของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงเป็นที่หมายปองจากฝรั่งเศส ที่มองว่าหากครอบครองสยามได้จะเป็นการเพิ่มแสนยานุภาพของตัวเองในเอเชียให้เป็นที่น่าเกรงขาม
หลังจากป้อมพระจุลฯ ได้เปิดใช้เพียง 2 เดือนเศษ ก็เกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 เป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในวันที่ 13 กรกฏาคม พ.ศ. 2436 โดยเรือรบฝรั่งเศสได้ล่วงล้ำอธิปไตย ทางฝ่ายไทยก็ดำเนินการยิงเตือนและยิงสกัด ส่งผลให้เรือเยเบเซย์ ซึ่งเป็นเรือนำร่องให้เรือรบฝรั่งเศสเกยตื้นที่แหลมลำพูราย ส่วนเรือแองคองสตังค์หรือเรือโคแมต สามารถฝ่าแนวป้องกันที่ปากน้ำได้ และทอดสมออยู่ที่หน้าสถานทูตฝรั่งเศส ซึ่งทำให้เกิดเหตุการณ์ ร.ศ. 112 ขึ้นค่ะ
วันที่ 13 กรกฎาคม 2436 ฝรั่งเศสจึงส่งเรือรบ 2 ลำเข้ามาทางปากแม่น้ำ โดยทางรัฐบาลไทยได้ทำการประท้วง แต่ฝรั่งเศสก็ทำเฉย จึงเกิดการยิงกันขึ้นที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า เป็นผลทำให้ฝ่ายไทยตาย 15 คนและฝ่ายฝรั่งเศสตาย 2 คน ในที่สุด รือรบฝรั่งเศสก็แล่นเข้ามาถึงกรุงเทพฯ และจอดทอดสมออยู่ที่หน้าสถานฑูต และในวันที่ 2 กรกฎาคม 2436 ฝรั่งเศสได้ยื่นคำขาดให้รัฐบาลไทย ยอมยกดินฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงให้ โดยให้เวลาที่ไทยจะต้องตอบภายใน 24 ชั่วโมง
มื่อฝรั่งเศสไม่ได้คำตอบ ดังนั้นในวันที่ 26 กรกฎาคม 2436 ฝรั่งเศสจึงสั่งให้เอกอัคราชฑูตออกจากประเทศไทย และเพื่อเป็นการรักษาดินแดนส่วนใหญ่ของสยามประเทศเอาไว้ รัฐบาลไทยจึงต้องยอมตามที่ฝรั่งเศสเรียกร้อง โดยได้มีการตกลงทำสนธิสัญญาระหว่างไทยกับฝรั่งเศสในวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2436
ผลจากสนธิสัญญาฉบับนี้ ทำให้ไทยต้องเสียสิทธิในการปกครองประเทศลาว ซึ่งจะรวมทั้งบรรดาเกาะแก่งทั้งหลายในแม่น้ำโขงแม้จะห่างจากฝั่งไทยเพียง 1 เมตร ก็ให้ถือว่าเป็นดินแดนของลาวจนถึงปัจจุบัน กรมหลวงประสิทธิ์ศิลปาคมจึงต้องย้ายกอบัญชาการลาวพวนลงมาอยู่ที่เมืองอุดรธานี นอกจากนั้น ฝรั่งเศสยังได้เรียกร้องเงินค่าปรับจำนวนหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงใช้เงินที่เรียกว่าเงินถุงแดง มอบให้กับฝรั่งเศส เงินถุงแดงนี้เป็นเงินซึ่ง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ทรงได้กำไรมาจากการทำการค้ากับต่างประเทศ โดยเฉพาะกับเมืองจีน แล้วรัชกาลที่ 3 พระองค์ได้เก็บเงินเหล่านั้นไว้ในถุงแดง ครั้นวิกฤติการณ์ รศ. 112 ครั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวพระองค์ทรงนำเงินถุงแดงดังกล่าวออกมาเพื่อชดใช้ค่าเสียหาย ให้ฝ่ายฝรั่งเศสรวมกับเงินที่เรี่ยไรจากข้าราชบริพาร รวมเป็นเงินจำนวน 3 ล้านบาท
ซึ่งเงินกำไรที่สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้มาเป็นเงินส่วนพระองค์นี้ พระองค์ทรงนำมาใส่ถุงแดงแยกเป็นถุงๆ ละ 10 ชั่ง ตีตราปิดปากถุง เก็บไว้ในหีบกำปั่นข้างห้องพระบรรทม ส่วนหนึ่งทรงเก็บไว้เพื่อสร้างและทำนุบำรุงวัดวาอารามต่างๆ ทั้งในพระนครและนอกพระนคร โดยอีกส่วนหนึ่งพระองค์ทรงยกให้แผ่นดินโยทรงมีมีพระราชดำรัสตรัสไว้ว่า "เอาไว้ไถ่บ้านไถ่เมือง" หมายถึงว่าถ้าต้องเพลี่ยงพล้ำกับข้าศึกศัตรูแล้วจะได้นำเงินนี้ออกมาใช้กอบกู้บ้านเมือง ซึ่งการณ์ต่อมาจนถึง ร.ศ. 112 ก็เกิดเป็นความจริงขึ้นมาจริงๆ เมื่อสยามประเทศถูกฝรั่งเศสปรับโทษเป็นเงิน 3 ล้านบาท จนท้องพระคลังมีเงินไม่พอก็ได้เงินถุงแดงมาสมทบไถ่บ้านเมืองเอาไว้ได้จริงๆ ค่ะ
เหตุการณ์ รศ.112 นี้ สร้างความเจ็บช้ำน้ำพระราชหฤทัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างยิ่ง ถึงขนาดทรงเสียพระราชหฤทัย บางบันทึกแสดงไว้ว่าพระองค์จะปลงพระชนม์ชีพพระองค์เอง และเหตุการณ์ รศ.112 กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์เจ็บแค้นเป็นอย่างมาก ถึงกับทรงสัก "ตราด 112" ไว้ที่บริเวณพระอุระเพื่อเตือนใจ และทหารเสือกรมหลวงชุมพร ก็คือนักเรียนนายเรือรุ่นแรกที่กรมหลวงชุมพรก็ทรงสักหน้าอกนักเรียนทุกคนด้วยพระองค์เอง
หากมาถึงป้อมพระจุลจอมเกล้าห้ามพลาดที่จะลงมาชมนะคะ
จะได้รับรู้เรื่องราวในคราวนั้นเป็นอย่างดีเลยล่ะค่ะ
หากต้องการเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชมสถานที่ ต้องทำเป็นหนังสือก่อนนะคะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.0-2475-6109, 0-2475-6259, 0-2475-8845 และ 0-2475-6357
เอาไว้ BLOG หน้าตอนที่ 3 จะพาพี่น้องผองเพื่อนเช้าไปในป้อมพระจุลจอมเกล้ากันต่อค่ะ ซึ่งเป็นป้อมที่มีประวัติเก่าแก่ที่สร้างมาตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี สมัยนั้นยังเป็นป้อมที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า เพื่อป้องกันข้าศึกศัตรูที่จะมาทางทะเล ป้อมเหล่านี้เมื่อมีเหตุการณ์ฉุกเฉินเกิดขึ้น ครั้นสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดฯ ให้ปรับปรุงป้อมฯ ด้วยเงินส่วนพระองค์ค่ะ และส่งท้ายรูปจำลองด้วยปืนเสือหมอบในห้องนิทรรศการป้อมพระจุลฯ
ขอขอบคุณ BG : คุณยายเก๋า ชมพร banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter เพลง : ลาสาวแม่กลอง : โจ้ วงพอช กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า ที่มาของข้อมูล : กองทัพเรือ และชมรมคนรักษ์ป้อมพระจุลจอมเกล้า
| | | | |
Create Date : 30 ตุลาคม 2555 |
|
54 comments |
Last Update : 6 พฤศจิกายน 2555 22:55:33 น. |
Counter : 5187 Pageviews. |
|
|
|