ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พาเที่ยวจังหวัดอ่างทองและจังหวัดสิงห์บุรี เมืองรองที่ไม่ควรมองข้ามไป



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวจังหวัดภาคกลาง
ในทริปนี้ ณ จังหวัดอ่างทองและจังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ได้นำคณะสื่อมวลชนมาเที่ยว
ในระหว่างเส้นทางก่อนที่จะเข้าจังหวัดอ่างทองเราก็แวะที่จุดท่องเที่ยวพุทธศาสนา
นั่นคือ หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ที่พุทธอุทยานมหาราช อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เป็นจุดท่องเที่ยวที่ร่มเย็น
ถ้าเราเราขับรถยนต์ผ่านมาในถนนเส้นทางสายเอเซียที่จะขึ้นไปทางภาคเหนือ
ก่อนที่จะเข้าสู่จังหวัดอ่างทองก้จะเห้นหลวงปุ่ทวดองค์ใหญ่อยู่ข้างทาง
หากแวะเข้ามาเที่ยวชมก็จะเป็นพุทธอุทยานและจะมีตลาดชาวบ้านตลาดหลวงปู่ทวด
จะมีสินค้าชาวบ้านสินค้าหัตถกรรม อาหารการกิน และพืชผักต่างๆ มาจำหน่าย
ภายในก็จะมีความร่มเย็น ร่มรื่นก็มาเที่ยวชมกันได้นะครับ



พุทธอุทยานมหาราช
แต่เดิมพื้นที่บริเวณนี้ในอดีตเป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ด้วยเหตุนี้เองจึงเป็นที่มาของชื่อ "พุทธอุทยานมหาราช"
เปิดให้ชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น.



พุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด
ตั้งอยู่ที่ถนนสายเอเชีย บริเวณหลัก ก.ม.ที่ 44 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
บนเนื้อที่กว้างขวางกว่า 200 ไร่
โดยตั้งอยู่บนพื้นที่รอยต่ออำเภอบางปะหันและอำเภอมหาราช จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
และต่อเนื่องกับอำเภอป่าโมก อำเภอเมืองของจังหวัดอ่างทอง





ภายในบริเวณได้สร้างรูปเหมือนของพระสงฆ์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก
นั่นก็คือ สมเด็จหลวงพ่อทวดเหยียบน้ำทะเลจืด
เป็นพื้นที่ประวัติศาสตร์เส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
จึงได้ตั้งชื่อโครงการเป็น “พุทธอุทยานมหาราช”
โดยเกิดจากความตั้งใจของนายวัชรพงศ์ ระดมสิทธิพัฒน์ ประธานมูลนิธิพระเทวราชโพธิสัตว์
ร่วมกับคณะสงฆ์ ได้มีแนวคิดที่จะดำเนินการที่จะดำเนินโครงการให้สำเร็จ
จึงได้ทำการซื้อที่ดินจำนวน 200 ไร่ เพื่อสร้างวัดและโรงเรียนในพื้นที่เดียวกัน
และทางวัดตั้งใจว่าจัดโครงการนี้เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9
และเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมชินีนาถ
ปัจจุบันนี้ได้ตั้งเป็นวัดแล้ว ชื่อ “วัดวชิธรรมาราม”
โดยมีเจ้าประคุณสมเด็จพระวันรัตรักษาการเจ้าอาวาสรูปแรก



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า หลังจากพุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวดเลยมาอีกนิดหนึ่ง
ก็จะเขตจังหวัดอ่างทองก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งที่น่าสนใจ
"อุทยานสวรรค์อ่างทองหนองเจ็ดเส้น" เป็นพื้นที่ในโครงการตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9
เป็นโครงการแกล้มลิงที่ใช้เป็นพื้นที่เก็บน้ำนะครับ และยังเป็นสวนสาธารณะใช้สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ
สามารถมาออกกำลังกาย และที่นี่ยังมีศูนย์เรียนรู้เกี่ยวกับพันธุ์ไม้ป่าชื้นเมืองร้อน
โดยเฉพาะเฟิร์นพันธุ์ต่างๆ สามารถมาหาความรู้ได้จากที่นี่เป็นการท่องเที่ยวเชิงเกษตรได้ครับ



การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
โดยนายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง ททท. พร้อมคณะ
ได้นำสื่อมวลชนมาเยี่ยมชมโครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้น
โดยมีนายพงษภัทร คงเจริญ นักวิชาการส่งเสริมการเกษตรชำนาญการ สำนักงานเกษตรจังหวัดอ่างทอง
ให้การต้อนรับและนำเยี่ยมชมภายในโครงการฯ เจ็ดเส้น
โครงการพัฒนาพื้นที่แก้มลิงหนองเจ็ดเส้น ตั้งอยู่ที่หมู่ที่ 6 ตำบลสายทอง อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง
สามารถเดินทางเข้าทางพุทธอุทยานมหาราช หลวงปู่ทวด ถนนสายเอเชีย
ตรงหลักกิโลเมตรที่ 44 ทางหลวงหมายเลข 32
หรือเลี้ยวซ้ายตรงแยกที่เข้าตัวอำเภอเมืองอ่างทองไปประมาณ 1 กิโลเมตร เห็นป้ายวัดจันทรังษี
ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร
และเส้นทางจากอำเภอป่าโมกเลี้ยวขวาเข้าทางภูธรอ่างทอง ตรงเข้าไปประมาณ 3 กิโลเมตร



สืบเนื่องจากพื้นที่บริเวณหนองเจ็ดเส้นเป็นพื้นที่ราชพัสดุไม่ได้ใช้ประโยชน์
และรกร้างว่างเปล่า ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก
จังหวัดอ่างทองจึงได้น้อมนำพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9
น้อมนำโครงการตามพระราชดำริแก้มลิงมาใช้
ซึ่งถ้าหากสามารถขุดลอกคลองก็จะสามารถเก็บน้ำไว้ในฤดูน้ำหลากได้จะบรรเทาความเดือดร้อนได้
และในช่วงฤดูแล้งก็สามารถนำน้ำให้เกษตรกรในพื้นที่ข้างเคียง
ได้ใช้ประโยชน์ในการอุปโภค บริโภค และการเกษตรได้
พื้นที่รอบหนองเจ็ดเส้นสามารถพัฒนาเป็นแหล่งเรียนรู้ตามแนวพระราชดำริ
โดยได้พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว
และเป็นการอนุรักษ์แหล่งเพาะพันธุ์ปลาและแหล่งน้ำธรรมชาติให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับชุมชน
โดยเริ่มดำเนินโครงการในปี 2537-2550 ในการขุดลอกและทำการพัฒนาแหล่งน้ำธรรมชาติ
และปี 2551 ถึงปัจจุบัน และได้พัฒนาพื้นที่โดยรอบหนองเจ็ดเส้นอย่างที่เห็นเป็นรูปธรรมในปัจจุบัน



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า
หลังจากนั้นภายในตัวเมืองก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อีกมากมายไม่ว่าจะเป็นเรื่องของวัด
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของศาสนา นั่นก็คือ วัดชัยมงคล ที่ตั้งอยู่ในอำเภอเมือง
จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าจะไปสักการะบูชาเป็นอย่างยิ่งครับ



ททท.ภูมิภาคภาคกลาง พามาเปิดทรัพย์รับโชครับปีใหม่กับงานฝังลูกนิมิตที่วัดชัยมงคล จ.อ่างทอง
เบอร์โทร.วัด 0-3586-0343
วัดชัยมงคล ตั้งอยู่ที่ถนนเทศบาล 5 ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง
เป็นวัดที่ตั้งหันหน้าสู่แม่น้ำเจ้าพระยาที่มีภูมิทัศน์ที่สวยงาม
เนื่องจากด้านหน้าวัดเป็นคุ้งแม่น้ำ สามารถมองเห็นโค้งของแม่น้ำทั้งสองด้าน
และเป็นวัดที่มีอุโบสถหลังใหญ่ สวยงาม ตั้งอยู่ไม่ไกลจากเมืองอ่างทอง
ประวัติของวัดชัยมงคลแห่งนี้เป็นวัดที่สร้างเมื่อปลายรัชกาลที่ 4
เดิมชื่อ วัดใหม่ท้ายเมือง ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น “วัดชัยมงคล”
เนื่องจากวัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และมีบริเวณหน้าวัดเป็นแนวตรง
ชาวบ้านจึงนิยมมาแข่งเรือยาวกัน โดยกำหนดจุดเส้นชัยอยู่ตรงหน้าวัด
อันเป็นเหตุให้ได้ชื่อ “วัดชัยมงคล”
ภายในวัดมีอาคารปริยัติธรรมที่สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง
เป็นอาคาร 2 ชั้นแบบตรีมุข ลายฉลุไม้ประกอบอาคารสวยงามมาก



ออกจากวัดชัยมงคล อำเภอเมือง จังหวัดอ่างทอง
ททท.ภูมิภาคภาคกลางก็พามาแวะที่ร้านอาหารนิรมิตเป็นทั้งร้านอาหารและร้านขายของฝาก
มาเยือนจังหวัดอ่างทองต้องแวะมากินผัดไทยกุ้งสด ปูหลน ไก่นิรมิตและต้มยำปลาคังใช้คำว่าต้องมากินค่ะ
ร้านนิรมิต ร้านนี้ติดอันดับที่คุณต้องแวะมากินถ้ามาเที่ยวจังหวัดอ่างทอง
ตั้งอยู่บ้านเลขที่ 39/3 ซอยวัดนางใน ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
มาไม่ถูกโทร.0-3563-1052 หรือโทร.08-1852-4777



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง ขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวจังหวัดภาคกลาง
ในทริปนี้ ณ จังหวัดอ่างทองและจังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลางได้นำคณะสื่อมวลชนมาเที่ยวในระหว่างเส้นทางที่จะเข้าจังหวัดอ่างทอง
และในจังหวัดอ่างทางก็จะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นชุมชน นั่นก็คือ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง
ซึ่งอยู่ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง มาดูตลาดเก่าโบราณที่มีวิถีชีวิตดั้งเดิมอยู่
และต้องมาสักการะศาลเจ้าพอกวนอูวิเศษชัยชาญ ซึ่งเป็นศาลเจ้าเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองของชาววิเศษชัยชาญนะครับ



จังหวัดอ่างทองตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์สันนิษฐานว่า
อ่างทองเป็นชุมชนโบราณขนาดเล็กตั้งแต่สมัยทวาราวดีในสมัยกรุงศรีอยุธยา
อ่างทองเป็นชานเมืองของกรุงศรีอยุธยา มีชื่อเดิมว่า “แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ”
ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่นำ้น้อย
พระราชพงศาวดารในสมัยกรุงศรีอยุธยา
บทบาทความสําคัญของเมืองอ่างทองเป็นเมืองหน้าด่านที่สําคัญของกรุงศรีอยุธยาในการสู้รบกับกองทัพพม่า
ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากทําเลที่ตั้งของเมืองอ่างทอง และสภาพภูมิประเทศที่เป็นที่ราบ
มีแม่นำ้สายสําคัญไหลผ่าน คือ แม่นำ้เจ้าพระยา
ทําให้เมืองอ่างทองกลายเป็นเส้นทางเดินทัพ เมื่อพม่ายกทัพเข้าตีกรุงศรีอยุธยา
และบางครั้งกลายเป็นสมรภูมิที่ทั้งสองฝ่ายใช้ประลองยุทธ์กัน
ชาวอ่างทองได้พลีชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อชาติไทยยามที่บ้านเมืองมีภัยสงคราม
เช่น การกอบกู้เอกราชของชาติไทยในสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
พม่าได้ใช้แขวงเมืองวิเศษชัยชาญ เป็นที่ตั้งค่ายตีกรุงศรีอยุธยา
และเกิดการสู้รบครั้งสําคัญที่จารึกไว้ในประวัติศาสตร์ไทย คือ ศึกบางระจัน ที่บ้านบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
ซึ่งชาวอ่างทองได้ร่วมสู้รบกับกองทัพพม่าอย่างห้าวหาญ
ดังนั้นอ่างทองจึงสมควรได้รับการขนานนามว่าเป็นเมืองแห่งวีรไทยใจกล้า



ศาลเจ้าพ่อกวนอูวิเศษชัยชาญมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานนับร้อยปี
นับตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี ครั้งที่จังหวัดอ่างทองถูกเรียกขานว่าเป็นแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ
เทพเจ้ากวนอูเป็นเทพสัญลักษณ์แห่งความซื่อสัตย์ ความกตัญญูรู้คุณ ความจงรักภักดี และความกล้าหาญ
การเคารพสักการะเทพเจ้ากวนอูนั้น เป็นประเพณีที่นิยมทำกันมาหลายพันปีแล้ว ซึ่งคติความเชื่อนั้นก็แตกต่างกันไปตามแต่ละท้องถิ่น



เทพเจ้ากวนอูหรือเทพเจ้าแห่งความซื่อสัตย์
ผู้คนนิยมมาไหว้ขอพรท่านเพื่อความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ได้เป็นเจ้าคนนายคนและให้มีลูกน้องบริวารที่ดี
ส่วนคนที่อยากมาขอพรให้ลูกๆ ของตัวเองว่านอนสอนง่ายอยู่ในโอวาสจะเอาผักบุ้งหรือผักกาดมาไหว้เทพเจ้าม้า



ตลาดศาลเจ้าโรงทองอยู่ตรงข้ามกับวัดนางใน
เดิมตลาดแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า บ้านไผ่จำศีล ภายหลังจึงมีการเปลี่ยนชื่อเป็น ตลาดศาลเจ้าโรงทอง
ช่วงปี พ.ศ. 2420 มีการก่อสร้างศาลเจ้าไว้เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและเป็นสถานที่สักการะ
โดยสร้างด้วยศิลปะสวยงามตลาดศาลเจ้าโรงทองเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น.
ไว้ว่างเมื่อไร ไปเดินเล่นตลาดย้อนวันวานหาของกินอร่อยๆ ที่ตลาดศาลเจ้าโรงทอง







ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง ตั้งอยู่หมู่ที่ 5, หมู่ที่ 6 ตำบลศาลเจ้าโรงทอง อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง
นับเป็นชุมชนที่มีความสำคัญมาตั้งแต่เมื่อครั้งที่กรุงศรีอยุธยายังเป็นราชธานี
สมัยนั้นจังหวัดอ่างทองเป็นแขวงเมืองวิเศษชัยชาญ
ซึ่งที่แห่งนี้เคยเป็นเมืองที่เป็นทั้งสนามรบ ทางเดินทัพ และแหล่งเสบียงอาหาร
ก่อนจะเกิดเป็นชุมชนและย่านการค้าซึ่งคนไทยจีนมาจับจองและสร้างตึกแถวเพื่อทำการค้า
กระทั่งถึงปัจจุบันตัวอาคารบ้านเรือนเหล่านี้ซึ่งจัดได้ว่าเป็นโบราณสถานที่ยังคงสภาพเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองจึงถือเป็นอัตลักษณ์ชุมชนที่สำคัญ
เพราะชาวบ้านในชุมชนยังคงหวงแหนขนบธรรมเนียมโบราณ
ด้วยความรักและความภาคภูมิใจในแผ่นดินบ้านเกิด มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่งดงาม
สิ่งที่ต้องห้ามพลาดอย่างเด็ดขาด นั่นก็คือแวะชิมขนมที่เลื่องชื่อของจังหวัดและสร้างชื่อเสียงให้
ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทอง
นั่นก็คือ ขนมเกสรลำเจียก ซึ่งเป็นขนมโบราณ มีมาตั้งแต่ต้นรัตนโกสินทร์ ปัจจุบันมีขายอยู่หลายเจ้า
ซึ่งชาวชุมชนเขามีการพัฒนารูปแบบการขายให้ทันสมัยขึ้นแต่ความอร่อยยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
มาหาชิมได้ที่นี่ที่เดียวถือเป็นซิกเนเจอร์ของตลาดศาลเจ้าโรงทองเลยค่ะ



ชอบบรรยากาศที่ชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองมากค่ะ ถ่ายภาพไปชาวบ้านออกมาคุยด้วยทุกที่คุยไปกินไป
เป็นชุมชนที่น่ารักและอบอุ่น บรรยากาศดี ของกินเยอะ อุ้มยังเดินไม่ครบไว้ต้องมาอีกค่ะ



นอกจากนี้ ชุมชนยังมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นที่เคารพศรัทธานั่นก็คือ หลวงพ่อนุ่ม
พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดอ่างทอง
รูปหล่อของท่านประดิษฐานอยู่ในวัดนางในธัมมิการาม
ซึ่งเป็นวัดเก่าแก่ สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ.2393 ชาวบ้านเรียกสั้นๆ ว่าวัดนางใน
ทุกๆ ปี วัดนางในจะมีงานประจำปีตรงกับเทศกาลตรุษจีน
ซึ่งทางวัดจะเปิดให้ประชาชนเข้าปิดทองรูปหล่อหลวงพ่อนุ่ม
ซึ่งจะมีพุทธศาสนิกชนหลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศร่วมงานนับหมื่นคนทุกปี



การเดินทางโดยรถยนต์จากจังหวัดอ่างทอง
ให้ใช้ถนนสาย 3064 แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนหมายเลข 3195 เพื่อมุ่งหน้าไปยังอำเภอวิเศษชัยชาญ
เมื่อถึงตัวอำเภอวิเศษชัยชาญให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดนางใน
จะเจอตลาดวิเศษชัยชาญจะอยู่ตรงกันข้ามวัดนางใน



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
ยังกล่าวเพิ่มอีกว่า ที่วัดขุนอินทประมูลก็จะมีพระนอนองค์ใหญ่ มาสักการะขอพร
และมาเที่ยวชมและถ่ายภาพสวยๆ กันได้นะครับ





ในฐานะที่อุ้มเกิดวันอังคาร รู้สึกปิติมากที่ได้มากราบพระนอนที่วัดขุนอินทประมูล ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 4 ค่ะ
จากนั้นเมื่อเวลา 17.00 น. ก็เข้าที่พักวันนี้เราพักกันที่โรงแรมไชยแสงวิลล่า



โรงแรมไชยแสงวิลล่า
เลขที่ 11/1 ม.6 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง , อำเภอเมืองสิงห์บุรี, บางพุทรา, สิงห์บุรี
โทร: 036-520-904-5
ชอบโรงแรมนี้มากค่ะแอร์เย็นเสมอและที่สำคัญปลั๊กไฟเยอะดีค่ะ





จากนั้นกินข้าวเย็นกันที่ร้าน Young Story
ร้าน Young Story จะอยู่แถวตำบล ต้นโพธิ์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรี
ร้าน Young Story จะอยู่ในซอยหลังโรงเรียนสิงหพาหุ ริมถนนเห็นโลโก้ร้านเด่นชัด
ถ้ามาไม่ถูก โทร: 0922719645



เป็นร้านอาหารเปิดใหม่เป็นร้านกาแฟสดกึ่งคาเฟ่ ช่วงเช้าทางร้านจะให้บริการเป็นร้านกาแฟสด
ส่วนช่วงเย็นถึงค่ำจะเป็นเครื่องดื่มประเภทแอลกอฮอร์หรือเบียร์สด
เป็นร้านที่เล่นดนตรีสดโดยเจ้าของร้านมาร้องเองด้วย อุปกรณ์ดนตรีมี 3 ชิ้น



ร้านเป็นร้านเปิดใหม่ ร้านอยู่ในซอยหลังโรงเรียนสิงหพาหุ Free-WIFI แอร์เย็นฉ่ำมาก
นับเป็นอีกร้านหนึงบรรยากาศดี ดนตรีไพเราะ อาหารอร่อย ห้าทุ่มกลับที่พักนอน



วันนี้วันที่ 19 มกราคม 2563 เราตื่นกันตีสี่เพราะเวลา 04.30 น.ล้อหมุนมาที่วัดโพธิ์เก้าต้น อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี
เพราะวันนี้คณะกรรมการของตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ตลอดทั้งพ่อค้าแม่ค้า ร่วมแรงร่วมใจกันจัด
กิจกรรม “วิ่งตามรอยปู่ย่า นักสู้ผู้กล้าบ้านระจัน”
โดยมี นายชำนาญวิทย์ เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรี เป็นประธานในพิธี
พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ นายสรกฤช เทียนถาวร นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสิงห์บุรี
นายวุฒิกร สุขขีนัย นายอำเภอค่ายบางระจัน วัฒนธรรม จ.สิงห์บุรี พระพุทธศาสนา จ.สิงห์บุรี ท่องเที่ยวและกีฬา จ.สิงห์บุรี
และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี
รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆ สนับสนุนในกิจกรรมครั้งนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 1



การจัดกิจกรรมในนครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดหาทุนในการจัดกิจกรรมสดุดีบรรพชนค่ายบางระจัน
โดยมีทั้งหมด 6 กิจกรรมหลัก คือ เป็นการส่งเสริมให้เกิดความรักชาติ รักแผ่นดิน
กระตุ้นให้ประชาชนเยาวชนได้รับรู้ถึงวีรกรรมของวีรชนค่ายบางระจัน
ยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวให้กับตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันและชุมชนใกล้เคียง
เพื่อสร้างรายได้ให้กับชุมชนตลอดทั้งเป็นการกระตุ้นให้มีการออกกำลังกายเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีอีกด้วย



และวันนี้นายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เป็นหัวหน้าทีมพร้อมทั้งเจ้าหน้าที่ ททท.ภูมิภาคภาคกลางและสื่อมวลชน
ลงวิ่งแข่งขัน ว๊าว...สุดยอดเลยค่ะทีมนี้





และมีนักวิ่งมาเข้าร่วมกิจกรรมเป็นจำนวน 3,200 คน
โดยมี พระครูวิชิต วุฒิคุณ เจ้าคณะอำเภอค่ายบางระจัน เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น คอยปะพรมน้ำมนต์
ให้กับนักวิ่งเพื่อเป็นสิริมงคล



แม้ว่าปีนี้จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 1 น้ำ อาหาร และผลไม้เพียงพอ
การจัดงานทุกอย่างเรียบร้อยลงตัว เป็นที่ประทับใจแก่นักวิ่งทุกคน และจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีต่อไป
นับเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี ที่จัดได้ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม
Amazingไทยเท่ ภาคกลางเที่ยวใกล้แค่ไหนก็สนุกจริงๆ ค่ะ



นายไพรัชช์ ทุมเสน
ผู้อำนวยการ กองตลาดภาคกลาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
เปิดเผยว่า
ในส่วนของจังหวัดสิงห์บุรีในช่วงของวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563 มีกิจกรรมพิเศษ
เป็นการจัดวิ่งคือเป็นการจัดวิ่งครั้งแรกของของจังหวัดสิงห์บุรี
“วิ่งตามรอยปู่ย่า นักสู้ผู้กล้าบ้านระจัน” เป็นครั้งที่ 1 ก็จะจัดต่อเนื่องกันไปทุกปีในปีหน้าก็จะจัดในช่วงเดือนมกราคมของทุกปี
นักวิ่งในวันนี้เป็นจำนวน 3,200 คน ซึ่งเป็นการจัดครั้งแรกถือเป็นที่น่าภูมิใจที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ
โดยเส้นทางวิ่งก็เป็นเส้นทางวิ่งประวัติศาสตร์ของทหารในยุคสมัยกรุงศรีอยุธยาของชาวบ้านบางระจันที่สู้รบกับพม่า
เมื่อเราวิ่งเสร็จแล้วเราก็จะสามารถเที่ยวตลาดชุมชนของบ้านระจัน เป็นตลาดย้อยนยุค
จะมีสินค้าหัตถกรรมของชาวบ้านในชุมชนบ้านระจันเองมาจำหน่าย พ่อค้าแม่ขายแต่งย้อนยุคในสมัยโบราณ
สามารถมาเที่ยวชมบรรยากาศได้
และที่นี่ยังมีการแสดงย้อนประวัติศาสตร์ชาติไทยที่สู้รบกับพม่า
ผมก็ขอเชิญชวนทุกท่านมาเที่ยวภาคกลางกันนะครับ ในเส้นทางของจังหวัดอ่างทอง-สิงห์บุรี
ผ่านมาจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาก็มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายหลายแห่ง
ขอเชิญชวนมาเที่ยวกันครับ



สิ่งหนึ่งที่ขอชมสำหรับกิจกรรม “วิ่งตามรอยปู่ย่า นักสู้ผู้กล้าบ้านระจัน”
นอกจากจะเสื้อวิ่งสวยแล้ว เหรียญก็สวยยังอยากได้เลย (ถ้าเหลือส่งมาให้อุ้มก็รับนะคะ)
ยังมีปลอกแขนสำหรับช่างภาพสื่อมวลชนก็สวย ตอนเห็นข่าวในงานแถลงข่าวยังคิดในใจว่าถ้ามีบุญขอให้ได้งานวิ่ง
แล้วอุ้มก็ได้มางานนี้จริงๆ พอลงทะเบียนได้ปลอกแขนอันนี้สวยมากค่ะ Amazingไทยเท่



เมื่อตอนสายของวันอาทิตย์ที่ 19 มกราคม 2563
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลางโดยนายไพรัชช์ ทุมเสน ผู้อำนวยการกองตลาดภาคกลาง ททท. พร้อมคณะ
นำสื่อมวลชนมาเดินชมตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันอยู่ฝั่งตรงข้ามของพิพิธภัณฑ์กับอนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน
ซึ่งตั้งอยู่ในวัดโพธิ์เก้าต้น ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันแห่งนี้ทำโดยวัดโพธิ์เก้าต้น
โดยท่านเจ้าอาวาสดำริเพื่อเป็นพื้นที่ให้ชาวบ้านได้มีแหล่งทำมาหากินและต้อนรับนักท่องเที่ยว
มีความเป็นเอกลักษณ์มาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพื้นที่ อาหารการกิน สินค้าที่ขายตลอดจนการแต่งกายของชาวบ้านพ่อค้าแม่ค้า
ตลอดจนการพูดการจาเป็นที่ยอมรับและสร้างความประทับใจให้แก่นักท่องเที่ยวเป็นอย่างยิ่ง



จนกระทั่งในปี พ.ศ.2562 การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานลพบุรี
ได้นำตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันนั้นเข้าสู่กระบวนการนำเสนอพื้นที่เพื่อรับรางวัลกินรี
หรือ Thailand Tourism Awards หรือรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย
ที่จัดทำขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันได้รับรางวัลสามารถชนะใจคณะกรรมการ
ด้วยราคาอาหารที่ไม่แพง รสชาติบ้านบ้าน มีการต้อนรับแบบเจ้าบ้านที่ดีอย่างบ้านระจันอย่างแท้จริง
ถ้าคุณต้องการหาแหล่งท่องเที่ยวบ้านบ้าน ตลาดบ้านบ้านตลาดชุมชนจริงๆ ที่มีเสน่ห์อย่างไรขอเรียนเชิญที่ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน



พระครูวิชิตวุฒิคุณ เจ้าอาวาสวัดโพธิ์เก้าต้น และเจ้าคณะอำเภอค่ายบางระจัน
เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จทั้งมวลของตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันอย่างแท้จริง
พระผู้เป็นศูนย์รวมจิตใจและที่พึ่งทางใจของชาวบ้านระจันทุกคน
โดยพระครูวิชิตวุฒิคุณ เล็งเห็นถึงช่วงสองสามปีที่ผ่านมาชาวบ้านประสบปัญหาความยากจนเนื่องจากภัยแล้ง
ต่อมาพอจะทำการเพาะปลูกได้ ราคาผลผลิตก็ตกต่ำลงไปอีกส่งผลให้ชาวบ้านที่เป็นคนชนบทไม่มีทางเลือกในการประกอบอาชีพมากนัก
ก่อให้เกิดปัญหาการมีรายได้และปัญหาหนี้สิน



ดังนั้นจึงมีความคิดที่จะสร้างรายได้ให้กับชุมชนบริเวณรอบๆ วัดและพื้นที่ไกล้เคียง
จึงได้เริ่มให้จัดงานอนุรักษ์วัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบโบราณในงานสดุดีวีรชนค่ายบางระจัน
เมื่อปี พ.ศ. 2558 ณ บริเวณสระน้ำศักดิ์สิทธิ์
ซึ่งเป็นงานแสดงแสงสีเสียงและกินอาหารแบบไทยใช้ซื่องานว่า "นุ่งโจงห่มสไบ กินสำรับไทยสมัยบ้านระจัน"
และมีตลาดวัฒนธรรมแต่งตัวแบบโบราณ ซึ่งเป็นตลาดกลางคืนใช้เบี้ยหอยในการซื้อขายชื่อว่าตลาดบ้านระจัน
ผลตอบรับดีมากสำหรับกับตลาดยามค่ำคืน พระครูวิชิตวุฒิคุณ ได้เล้็งห็นถึงแนวทางการพัฒนาตลาดต่อไป
จึงได้มีการพูดคุยกับคณะทำงานที่ใกล้ชิดในการรวบรวมจัดทำร้านค้าชุมชน
โดยให้ชาวบ้านที่มีภูมิปัญญาทางอาหารไทยพื้นบ้านอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น
ช่วงนั้นมีประมาณ 20 ร้านที่สนใจเข้ามาจัดทำตลาดพื้นบ้านบริเวณสระน้ำศักดิ์สิทธิ์
บริเวณด้านหน้าของวัด เมื่อตลาดเปิดดำเนินการได้ระยะหนึ่งจึงมีผู้ให้ความสนใจจำนวนมาก



พุทธศาสนิกชนที่มาไหว้พระที่วัดโพธิ์เก้าต้นจึงได้มีที่พักผ่อนหย่อนใจ
และได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยือนเป็นประจำโดยเฉพาะในช่วงเสาร์อาทิตย์
ด้วยความร่วมมือของอบต.ค่ายบางระจัน,กศน.ค่ายบางระจันและ กศน.สิงห์บุรีรวมถึงจิตอาสาในก่อตั้งตลาด
และสื่อมวลชนแขนงต่างๆ ช่วยกันเสนอข่าวและได้ทำการเปิดตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันขึ้นเมื่อกลางปี พ.ศ.2559 อย่างเป็นทางการ



พระครูวิชิตวุฒิคุณ ดำริให้จัดงานลอยกระทงแบบโบราณ ชื่อ”ทีปะวารี ณ บ้านระจัน วันเพ็ญ”
ขึ้นในบริเวณชายน้ำบ้านระจัน ซึ่งเป็นพื้นที่รกร้างของโครงการเดิม
มีการจัดให้มีขบวนแห่อย่างสวยงามและมีการจุดเทียนถวายความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9
ในบรรยากาศความสงบและความเศร้าทำให้บริเวณงานมีมนต์ขลังอย่างยิ่ง
และพื้นที่โดยรอบจะมีร้านค้าที่สร้างเป็นวิถีชุมชนโดยย้ายร้านค้าจากบริเวณตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจันเดิม
ได้เข้ามาอยู่ทางด้านหลังของวัดซึ่งติดกับคลองประวัติศาสตร์บ้านระจัน



หลังงานลอยกระทง มีผู้คนเข้ามาเยี่ยมชมจำนวนมาก
จึงได้มีการขยายตลาด โดยใช้พื้นที่รกร้างพ่อค้าแม่ค้าในชุมชนต่างมาช่วยกันถากถางและสร้างร้านแบบเพิงพักสมัยสู้รบ
มีร้านค้าที่สนใจเข้ามาร่วม 100 กว่าร้าน ช่วยกันสร้างกิจกรรมตามดำริหลวงพ่อ
เพื่อทำให้ตลาดไทยย้อนยุคไม่นิ่ง มีชีวิตตลอดเวลา



ส่งผลให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้พิจารณาให้ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
เป็นหนึ่งในอันซีน ทัวร์ ไทยแลนด์
ซึ่งนำมาซึ่งความภาคภูมิใจของชาวตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน
สืบมาจนถึงปัจจุบันกลับกลายมาเป็นตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน มีร้านค้ากว้า 300 ร้านค้า
ในพื้นที่ประมาณ 5 ไร่เศษด้านหลังของวัดซึ่งติดกับคลองประวัติศาสตร์บางระจัน
ปัจจุบันตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก
ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ มีงานทำสามารถเลี้ยงครอบครัวได้
สิงห์บุรีกลับกลายเป็นเมืองรองที่มีนักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้ามาในวันหยุดอย่างมากมาย



จากนั้น ททท.ภูมิภาคภาคกลางพาแวะกินข้าวเที่ยงสั่งลาจังหวัดสิงห์บุรีที่ร้านบ้านสวนแม่ลาการ้อง
ที่มีแม่น้ำแม่ลาอยู่ด้านหน้าของร้านค่ะ
ร้านอาหารบ้านสวนแม่ลาการ้อง ตั้งอยู่ที่ 1/3 ม.2 ต.แม่ลา อ.บางระจัน จ.สิงห์บุรี (พิกัด 133.76 km)
อำเภอบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี
หาร้านไม่เจอ โทร.036 587 077



แกงคั่วหอยขม เมนูประจำทริป ถ้าใครเป็น FC อุ้มจะเห็นแกงคั่วหอยขมแทบจะทุกทริปของ ททท.ภาคกลางค่ะ
กะทิคั้นเอง กลมกร่อมน้ำพริกก็ตำเอง รสชาติก็จะไม่เผ็ดโดดไม่หวานมัน อร่อยกำลังดี



ซิกเนเจอร์ประจำจังหวัดสิงห์บุรี ปลาช่อนแม่ลา



ปลาช่อนทอดน้ำปลา





แกงป่ารสจัดจ้านมากค่ะ



ปิดท้ายด้วยกุ้งแม่น้ำเผา อร่อยเลิศค่ะ ขอบคุณ ททท.ภูมิภาคภาคกลางที่ชวนอุ้มมาค่ะ



ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานลพบุรี
การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคภาคกลาง
เพลง : เที่ยวเมืองไทยกันเหอะ...ดีกว่าเยอะ / อิน บูโดกัน
BG : คุณลักกี้ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat / Banner : คุณ oranuch_sri
ของแต่ง BLOG : ป้ามด + น้องดอกหญ้าเมืองเลย + ป้าเก๋า ชมพร + น้องญามี่ + คุณเนยสีฟ้า




Create Date : 23 มกราคม 2563
Last Update : 25 มกราคม 2564 9:58:23 น. 17 comments
Counter : 2768 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณTui Laksi, คุณhaiku, คุณสองแผ่นดิน, คุณSai Eeuu, คุณเริงฤดีนะ, คุณThe Kop Civil, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณJinnyTent, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณKavanich96, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณnonnoiGiwGiw, คุณmultiple, คุณทนายอ้วน, คุณtoor36, คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า


 
ขอแสดงความยินดีกับสายสะพายใหม่
ของคุณอุ้มด้วยนะคะ


โดย: Tui Laksi วันที่: 23 มกราคม 2563 เวลา:15:18:51 น.  

 
พรุ่งนร้กลับมาโหวตนะครับ

วันนี้ตามมาเที่ยวก่อน ^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 23 มกราคม 2563 เวลา:17:31:19 น.  

 
แวะมากราบเจ้าพ่อกวนอู
ป้องปักษ์รักษาตนเองและครอบครัว
สาธุ


โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 23 มกราคม 2563 เวลา:19:07:29 น.  

 
ชิม ช้อบ ใช้ เอาไปใช้ที่อ่างทองด้วย เข้าไปอุดหนุนแม่ค้าที่ศาลเจ้าโรงทองด้วยจ้า


โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 23 มกราคม 2563 เวลา:20:28:59 น.  

 
ตลาดนี่ น่าเอาไปสร้างหนังละครนะคะ


โดย: Sai Eeuu วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:3:39:49 น.  

 
ยินดีกับสายสะพาพี่ยด้วยครับ


โดย: The Kop Civil วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:7:17:46 น.  

 
กลับมาโหวตครับผม ^^


โดย: จันทราน็อคเทิร์น วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:9:32:57 น.  

 
สวัสดียามสายค่ะ คุณอุ้มสี
ขอบคุณที่ไปเยี่ยมกันเสมอนะคะ



โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:10:16:04 น.  

 
ยินดีกับสายสะพายด้วยค่ะพี่อุ้ม


โดย: JinnyTent วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:10:30:45 น.  

 
ขอบคุณที่แบ่งปัน


โดย: Kavanich96 วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:11:01:24 น.  

 
ผมชอบถ่ายภาพในศาลเจ้าเช่นกันครับพี่
ชอบศิลปะจีนครับ



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:11:07:45 น.  

 
เอาไว้จะหาโอกาสไปตามรอยนะคะพี่อุ้ม

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ภาวิดา คนบ้านป่า Pet Blog ดู Blog
khimyo Travel Blog ดู Blog
haiku Art Blog ดู Blog
กะว่าก๋า Photo Blog ดู Blog
Rinsa Yoyolive Review Travel Blog ดู Blog
อุ้มสี Travel Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:13:19:01 น.  

 
ขอตามพี่อุ้มไปเที่ยวด้วยคนค่ะ
เห็นขนมเกสรลำเจียกแวบๆ
อยากกินเลยค่ะ


โดย: nonnoiGiwGiw วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:13:42:24 น.  

 
ชอบไปเที่ยวที่แบบนี้ ตลาดแบบนี้
เพราะบรรยากาศเก่าๆ ย้อนยุคดี
มีของกินโบราณ หากินยากด้วย

มีโอกาส จะตามลายแทงนี้ไปนะครับ

ปล. คนที่กระโดด ถ่ายรูปในกล่องคอมเม้นท์นี่ อย่าบอกว่าคุณอุ้มนะครับ เสียว ข้อเข่าแทนเหลือเกิน แฮ่ๆ555



โดย: multiple วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:20:09:27 น.  

 
ขอบคุณที่ร่วมแสดงความยินดีด้วยนะครับ


โดย: ทนายอ้วน วันที่: 24 มกราคม 2563 เวลา:22:09:04 น.  

 
หลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ดีครับ น่าไปสักการะสักครั้ง ไปตลาดก็จะมีพวกของกินให้เลือกซื้อหามากมาย

เหมือนว่าผมจะยังไม่ได้มาร่วมแสดงความยินดีกับสายสะพายเลย ถึงจะช้าไปหน่อยแต่ก็ต้องขอบอกว่า ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 25 มกราคม 2563 เวลา:0:10:29 น.  

 

สวัสดียามเช้าครับพี่อุ้ม



โดย: กะว่าก๋า วันที่: 25 มกราคม 2563 เวลา:5:42:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุ้มสี
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 118 คน [?]






ผล BlogGang Popular Award #16
จากวันที่ 1 ม.ค. 63 - 31 ธ.ค. 63
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี


ผล BlogGang Popular Award #15
จากวันที่ 1 ม.ค. 62 - 31 ธ.ค. 62
ขอบคุณนะคะที่โหวตให้อุ้มสี



ขอบคุณหัวใจ 266 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.60





ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 12
ปี พ.ศ.2560


ขอบคุณหัวใจ 499 ดวง
ที่แปะให้อุ้มตลอดเดือน ก.พ.59


ขอบคุณผลโหวต
BlogGang Popular Award # 11
5 มีนาคม 2559



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2558
กราบขอบพระคุณทุกท่าน
แปะหัวใจให้ถึง 351 ดวง


ปี พ.ศ. 2558
BlogGang Popular Award # 10


ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน



กิจกรรมในเดือนแห่งความรัก
ตลอดเดือนกุมภาพันธ์ 2557
กราบขอบพระคุณทุกท่านค่ะ

คลิกที่นี่:: Interview .. the Blogger :: ~ อุ้มสี ~



ปี พ.ศ.2557
BlogGang Popular Award # 9
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




ปี พ.ศ.2556
BlogGang Popular Award # 8
ขอบคุณทุกคะแนนโหวตค่ะ
ซาบซึ้ง อบอุ่น ตื้นตัน




Group Blog
 
<<
มกราคม 2563
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
23 มกราคม 2563
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add อุ้มสี's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.