ตอนที่ 1 : สีสันรสชาดของชีวิต ณ สะพานไม้ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี
หลังจากที่พ่อแบตหมด เนื่องจาก Alert พ่อไม่นอนมาสองวันสองคืนตามประสาของโรคอัลไซเมอร์ ว่าแล้วจัดการเรื่องสุขภาพ-วัดความดัน-วัดปรอท-หาข้าว-หายา-เรียบร้อย ตอนนี้คุณพ่อก็หลับ ก็เลยได้เวลา Up Blog ชีวิตช่วงนี้เป็นแบบนี้ตลอด อดหลับอดนอนเป็นปกติวิสัยสามัญ พออ่อนล้าเหนื่อยมากๆ ก็เลยต้องขออนุญาตลากิจ ขอตัวและหัวใจไปชาร์ปแบตให้ตัวคุณนายอุ้มเองแบบคนเดียวซะหน่อย หลังจากที่พี่อ้อมเคลียคิวว่าง 28-30 พฤศจิกายน 2557 คุณนายอุ้มสีเลยติดปีกไปอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี อยากไปตั้งแต่สะพานไม้พัง เพราะฝนตกหนักจนซ่อมแซมกลับมาใช้การได้แล้ว งานนี้ต้องขอขอบพระคุณ พี่อ้อม คนผ่านทางมาเจอ & พี่อ้อ เริงฤดีนะ อย่างสูงสุด วันที่ 28 พฤศจิกายน 2557 ตื่นออกจากบ้านในเวลา 05.00 น. นั่งรถ Taxi มาลงอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ในราคามิเตอร์ 50 บาท คิวรถตู้ที่จะไปจ.กาญจนบุรีจะอยู่เยื้องๆ กับร้านแซกโซโฟนผับน่ะค่ะ (ฝั่งที่ไปมาบุญครอง) ซื้อตั๋วในราคา 110.-บาท รถตู้ไปเมืองกาญจน์มีหลายสายมากค่ะทุกสายราคา 110.-บาท (กรุงเทพฯ-กาญจนบุรี) เนื่องจากระยะทางไกลไม่มีรถตรงไปสังขละฯ เพราะฉะนั้นเราต้องไปต่อที่เมืองกาญจน์น่ะค่ะ โชคดีที่ตัดสินใจถูกที่ตื่นเช้ามาขึ้นรถได้คิวแรก รถออกเดินทางทันทีค่ะ ทั้งคันมีผู้โดยสาร 4 คนเอง (เดินทางไปเดี่ยวๆ กันทุกคนเป็นชาย 2 หญิง 2) ถ้านับคนขับเป็น 5 คน อุ้มจะชอบนั่งหน้าคุยกับคนขับไปชมวิวไป บรรยากาศยามเช้าหมอกหนาใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็ถึงเมืองกาญจน์ พอดีได้ข้อมูลมาแบบเก่าๆ ไม่ update ว่านั่งรถตู้มาต่อรถบัส (กาญจนบุรี-สังขละ) (เพราะปัจจุบันเขาไฮเทคแล้วนั่งรถตู้มาต่อรถตู้สะดวกและรวดเร็วทันใจ) ดังนั้น เมื่อมาถึงสถานีขนส่งจังหวัดกาญจนบุรีในเวลา 09.00 น. ตาอุ้มกวาดแบบพาโนราม่า พอลงจากรถตู้ปุ๊บเห็นรถบัสโดยสารสังขละ-กาญจนบุรีออกพอดีก็วิ่ง 4Xสร้อยขึ้นเลยค่ะ ที่ตั้งใจว่าจะไปดื่มน้ำ-ปัสสาวะก่อนแล้วไปหาข้อมูลที่ ททท.กาญจนบุรีแล้วค่อยไปอ.สังขละบุรี ขานำสั่งการก่อนสมองอั้นฉี่ไปหาป้ายหน้าละกันเน๊าะตัวเอง พอนั่งรถบัสโชคดีที่ว่างติดหน้าต่างตีตั๋วเหมือนตั๋วรถเมล์ยาวเป็นหางว่าวเลย ราคาตั๋วรถบัสโดยสารกาญจนบุรี-สังขละฯ 130.-บาท ซึ่งต่อมาในภายหลังเพิ่งรู้ว่ามีรถตู้จากเมืองกาญาจน์ไปสังขละบุรี แบบนี้แหละเขาถึงเรียกว่าโง่มาก่อนฉลาดเจ้าค่ะ ไม่เป็นไรด้วยความที่เดินทางคนเดียว เพราะฉะนั้นไม่มีใครบ่นเรื่องความไม่รู้ ที่รู้ก็จากการนั่งคุยตอนกินข้าวจากปากคนขับรถโดยสารบอกนี่แหละ เพราะเขาเล่าให้ฟังว่าที่ผู้โดยสารหายเพราะหนีไปขึ้นรถตู้ราคาก็เท่ากันด้วย ในใจคิดเก็บสแปร์ข้อมูลไว้เพราะขากลับฉันจะกลับรถตู้ แหล่มเลย มองโลกในแง่บวกของการขึ้นรถบัสกาญจนบุรี-สังขละ ก็ได้บรรยากาศชิลชิลดีเห็นชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยงหน้าตาแปลก ฟังภาษาแปลกไป (เพราะทั้งรถเราเป็นตัวประหลาดคนเดียวที่เป็นคนไทย) มีฝรั่งขึ้นมา 2 คน แต่เขาลงไทรโยคน้อย พอวิ่งไปได้ชั่วโมงก็ถึงด่านตรวจบัตรประชาชนของทหาร คุณนายอุ้มสีก็เลยเดินไปบอกคนขับว่า ขอตัวลงไปปัสสาวะสักแป๊บเพราะอั้นไม่ไหวแล้ว ค่อยโล่งอกแล้วจากนั้นเราใช้เวลา 2 ชั่วโมงกว่าก็วิ่งมาถึงสถานีขนส่งอำเภอทองผาภูมิ รถโดยสารส่งผู้โดยสารที่เป็นชาวมอญ ชาวกะเหรี่ยงลงหมดเหลืออุ้มคนเดียว แล้วรถก็วิ่งออกมาต่อ พอมาถึงตรงนี้รถโดยสารก็เลี้ยวแล้วก็จอด...คุณนายอุ้มก็ถามว่าจอดทำไม(คะ) คนขับรถบอกว่าจอดกินข้าวแป๊บหนึ่ง ว่าแล้วรถก็จอดข้างๆ ห้องสมุดประชาชนทองผาภูมิตรงนี้ ป๊าดติโถ่ ท่องเที่ยวไป 101 เจ็ดย่านน้ำเพิ่งเคยเจอจอดรถกินข้าวกลางทาง ในใจคุณนายอุ้มคิด..นี่ฉันนั่งรถโรงเรียนมาหรือเปล่าจ๊ะมีการจอดพักกินข้าว ว่าแล้วก็คิดว่านี่โชคดีนะ ที่มารถเช้าเที่ยวแรกถ้ามาเที่ยวบ่ายจะเป็นยังไงกันนี่ ???? ก็ต้องเลยตามเลยเพราะปักหลักจอดอย่างนี้แล้ว...กินก็กิน(ค่ะ) คุณนายอุ้มจำต้องเดินลงจากรถไปสั่งอาหารตามสั่งที่ร้านนี้ที่มีอยู่ร้านเดียวที่รถจอดอยู่ ข้าวกะเพราหมูไข่ดาว 35 บาท ถั่วลิสงถุงละ 10 บาท สปอนเซอร์ขวด 10 บาท อิ่มล่ะก็โน้นใช้เวลาจอดรถแช่ที่นี่จนถึงเวลา 13.00 น. ล้อถึงได้หมุนไปอ.สังขละบุรี ไกลจริงๆ ขอ-บอก และแล้วเราก็มาถึงอ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีในเวลา 15.00 น. มีหวาดเสียงตรง กม.7-9 ก่อนจะเข้าอ.สังขละบุรีที่โค้งลงเขา ประมาณว่าคนขับต้องฝีมือสุดสุด เพราะต้องเชนเกียร์ต่ำตลอดและห้ามเปลี่ยนเกียร์ (ไม่งั้นรถไหลตกหน้าผาแน่นอน) พอผ่านโค้งน่ากลัวบริเวณนี้ก็ถึงสถานีขนส่งอำเภอสังขละบุรี..ไชโย..ถึงเสียที โอ้ววว แม่เจ้า..ก้นระบม ขามาทริปนี้กทม.-สังขละบุรี ใช้เวลา 10 ชั่วโมงค่ะ ตรงนี้มีวินมอเตอร์ไซด์รับจ้างมี 2 วินเลยค่ะ ต้องขอชมว่าที่นี่มีมอเตอร์ไซด์รับจ้างบริการสะดวกมากเรียกว่าซอยไหนก็เห็นเจ้าค่ะ ขอนินทาจ.เชียงใหม่สักหน่อยแบบว่าหามอเตอร์ไซด์รับจ้างยากมาก ส่วนมากจะเห็นเยอะเป็นรถสองแถว คิดดูไปไหนมาไหนต้องจ้างรถสองแถวไปส่ง น้องที่อยู่ลำปางยกมือเห็นด้วย นางมาจากลำปางจะหามอไซด์รับจ้างที่เชียงใหม่ให้มาสถานีขนส่งจังหวัดเชียงใหม่หายากจริงๆ แปลว่าคนเชียงใหม่ชอบนั่งสองแถวมากกว่าเน๊าะ แล้วอุ้มออกจากคิวรถสังขละฯ บอกมอไซด์รับจ้างไปส่งโรงแรมสวนแมกไม้รีสอร์ทในราคา 20 บาท ขอบอกว่าโรงแรมที่พักให้จองล่วงหน้าดีกว่านะคะจะได้มั่นใจว่ามีที่พักแน่นอน เพราะจะ walk in มาหาที่พักเลยเกรงว่าจะไม่มีที่พัก อย่างช่วงอุ้มไปเต็มทุกโรงแรม โชคดีที่อุ้มจองล่วงหน้าผ่านอโกด้า ว่าแล้วต้องขอบคุณพี่อ้อมที่ออกค่าที่พักให้ แต่จะไม่พูดถึงที่พักที่สวนแมกไม้รีสอร์ท อุ้มไม่ชอบวิธีการไล่แขก ที่อ.สังขละบุรี เช็คอินเที่ยงและเช็คเอ้าท์ก่อนเที่ยง วันที่อุ้มจะออก วันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 ปิดทีวีไล่แขกตั้งแต่เวลา 11.20 น. ถ้าโทรขึ้นมาบอกหรือเจอหน้าบอกกันอุ้มจะไม่เสียความรู้สึกเลย จริงๆ ก็ไม่ได้ดูทีวีดอกค่ะเปิดทีวีให้เป็นเพื่อนเท่านั้นแต่ไม่ชอบที่ปิดทีวีไล่แขกดอกค่ะ แต่มารยาทของผู้ให้บริการโทรมาบอกก็ได้ อุ้มเลยประชดลงมาตอนเที่ยงซะเลย ดีนะที่ไม่ปิดแอร์ อุ้มก็เลยไม่ happy ที่จะพูดถึงที่พักที่สวนแมกไม้รีสอร์ท ถ่ายรูปมาลบทิ้งหมดเลยไม่ชอบ พูดแล้วของขึ้นไปลบรูปที่เฟชบุ๊คทิ้งดีกว่า พอหายเมื่อยแล้วอาบน้ำสระผมออกไปสัมผัสสะพานมอญกันดีกว่าให้สมใจที่อยากมา เกริ่นย้อนหลังซะหน่อยค่ะ จากเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2557 อุทกกภัยได้ทำให้สะพานอุตตมานุสรณ์หรือ สะพานมอญ ซึ่งเป็นสะพานข้ามแม่น้ำซองกาเรีย ตั้งอยู่ใน ต.หนองลู อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี พังถล่มตรงช่วงกลางของสะพานสาเหตุมาจากฝนตกติดต่อกันหลายวัน ตอนนี้สะพานไม้ได้กลับคืนสู่ความแข็งแรงกลายเป็นสะพานเชื่อมต่อมิตรภาพไทย-มอญ ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2557 อุ้มมีความใฝ่ฝันว่าจะมาเดินบนสะพานอีกครั้งหนึ่งหลังจากเมื่อคราว 10 ปีก่อนเคยมาค่ะ สะพานอุตตมานุสรณ์ หรือชาวบ้านเรียกกันว่าสะพานมอญ เป็นสะพานไม้ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาว 850 เมตร และเป็นสะพานไม้ที่ยาวเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานไม้อูเบ็งในประเทศเมียนมาร์ ซึ่งหลวงพ่ออุตตมะ อดีตเจ้าอาวาสวัดวังก์วิเวการาม ดำริให้จัดสร้างขึ้นโดยใช้แรงงานชาวมอญ เพื่อใช้สัญจรไปมาของชาวมอญและชาวไทยในพื้นที่ และปัจจุบันได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอีกแห่งหนึ่งของ จ.กาญจนบุรี สะพานไม้แห่งนี้สร้างข้ามลำน้ำซองกาเลีย โดยใช้แรงงานคนประมาณ 1,000 คน ใช้เวลาก่อสร้าง 10 ปี โดยสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 มาแล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2531 เนื่องจากนั่งรถมานานเลยพักที่โรงแรมกว่าจะออกมาก็เวลา 16.00 น. พระอาทิตย์เริ่มตก-ลับสะพานไปแล้วค่ะ แต่อุ้มก็มีความสุขที่มาเดินเล่นบนสะพานไม้สมใจ ตามสไตล์เดิมของการมาเที่ยวคนเดียว เพราะฉะนั้นต้องหน้าด้านเข้าไปให้เขาถ่ายภาพให้ไม่งั้นไม่มีภาพตัวอุ้ม เหมือนเดิมที่ไหนมีนักท่องเที่ยวเยอะที่นั่นมีภาพอุ้มเยอะ อิอิอิ บรรยากาศมองไปยังสะพานลูกบวบที่สร้างชั่วคราวตอนที่สะพานไม้พัง สวย สะพานลูกบวบก็เลยกลายเป็นที่จอดเรือพาไปดูวัดจมน้ำที่มีอยู่ 3 วัดน่ะค่ะ เรือที่พาไปลำละ 300 บาท/ลำ อุ้มก็ไปมาด้วยล่ะแต่ไปวัดเดียวคือวัดบ้านเก่า ไว้ค่อยเล่าในลำดับต่อไปเน๊่าะ แม้พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วแต่บรรยากาศที่สะพานมอญยังสวยเสมอ ใจยังสู้เที่ยวคนเดียวไม่กลัว กลัวไม่ได้เที่ยวมากกว่าค่ะ ส่งท้ายวันแรกของการมาตะลอนทัวร์ฉายเดี่ยว ณ อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรีด้วยภาพนี้ ตอนหน้าเป็นภาพเช้าวันที่ 29 พฤศจิกายน 2557 ไปใส่บาตรที่สะพานไม้ค่ะ ขอบคุณที่เข้ามาคอมเม้นท์นะคะไว้ว่างๆ จะไปเยือน BLOG ค่ะVIDEO ขอขอบคุณ BG : คุณป้าเก๋า ชมพร / กรอบ : น้อง KungGuenter เพลง : รักติดปีก : น้าจ๊อบ บรรจบ กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat / โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
Create Date : 11 ธันวาคม 2557
Last Update : 5 มีนาคม 2561 23:04:36 น.
43 comments
Counter : 4488 Pageviews.
กับการเดินทาง การท่องเที่ยว