มีเงินหนึ่งพันบาทอุ้มก็สามารถนั่งรถไฟมากราบหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธที่จ.ขอนแก่นได้
ด้วยความที่เชื่อมั่นในการรถไฟแห่งประเทศไทย สำหรับการเดินทางมาจ.ขอนแก่นคนเดียวจะปลอดภัยเป็นอย่างยิ่ง ก็เลยเป็นที่มาของเอนทรี่ฉบับคุณาลัย-อาจารย์ใหญ่ หลวงพ่อคูณ ปุริสุทโธเจ้าค่ะ ด้วยความที่เคยไปให้หลวงพ่อคูณเขกกะโหลกตั้ง 2 ทีน่ะค่ะ ดังนั้น เมื่ออุ้มทราบข่าวว่าวันที่ 29 มกราคม 2562 จะมีพิธีพระราชทานเพลิงศพครูใหญ่เป็นกรณีพิเศษ พระเทพวิทยาคม (หลวงพ่อคุณ ปริสุทโธ) แต่วันนั้นอุ้มมาไม่ได้ พอทราบว่าข่าวจะมีการฟังสวดพระอภิธรรมงานหลวงพ่อคูณวันที่ 21-30 มกราคม 2562 ในใจก็รำลึกนึกถึงพระคุณของหลวงพ่อคูณว่าถ้าหนูมีบุญขอให้หนูได้มากราบท่าน พอเคลียคิวว่างลงตัวที่วันที่ 24-25 มกราคม 2562 อุ้มจึงถามอากู๋ (กูเกิ้ล) ว่า รถไฟจะไปจังหวัดขอนแก่นมีเที่ยวเย็นรอบดึกมีกี่โมง แล้วราคาเท่าไหร่ ได้ความว่าประมาณสองทุ่ม ราคา 200 กว่าบาท เพราะฉะนั้นเสร็จจากงานเปิดตัวยูเซอรินเสร็จ รีบแจ้น(ไปจองตั๋ว)นั่งรถเมล์สาย 14 มาลงป้ายประปาฯ เดินอีกนิดหน่อยก็ถึงสถานีรถไฟสามเสน พอถึงสถานีรถไฟสามเสนขอซื้อตั๋วรถไฟเที่ยวที่ดึกที่สุด จึงได้ตั๋วรถไฟไปขอนแก่นขบวนที่ 133 เวลา 20.59 น. BINGO โชคดีที่มีที่นั่งว่างพอดี ราคาตั๋วรถไฟชั้น 3 พัดลม ราคา 187.-บาท (ถูกกว่าที่อากู๋บอก) ใช้เวลาเดินทาง 9 ชั่วโมง จะตีตั๋วกลับวันที่ 25 มกราคม 2562 พร้อมกัน พนักงานฯ บอกว่าให้ไปดูอีกทีที่ขอนแก่นดีกว่า (คงคิดว่าเดี๋ยวอุ้มเกิดติดลมฟังสวดพระอภิธรรมยาว) แต่ไม่เป็นเช่นนั้นดอกคิวเดินสายอุ้มวางยาวไปจนถึง 31 มกราคม 2562 ไม่มีคิวโดด โชคดีที่เตรียมการณ์มาอย่างดี มีเสื้อแขนยาวพร้อมหมอนผ้าห่ม BLOGGANG เผื่ออากาศเย็น อากาศเย็นมากจริงๆ ขอ-บอก ถ้าจะมารถไฟแบบอุ้มให้เตรียมแบบอุ้มเลยนะคะ (เพราะมีพี่ผู้หญิงมาคนเดียวอายุ 61 ปี มาชุดเดียวเสื้อแขนสั้นสีขาวกางเกงขาว บ่นอุบเลยว่า รู้งี้น่าจะหอบเสื้อหนาวใส่ถุงมาด้วย น่าสงสารแกนอนหนาวทั้งคืน) เนื่องจากเป็นขบวนรถไฟสายสั้นๆ ผู้คนนั่งเต็มพอดีไม่มียืน (เนื่องจากไม่ใช่วันหยุด) มีป้ายกั้นไว้สำหรับที่นั่งพระภิกษุสงฆ์ด้วยค่ะ...เดี๋ยวนี้ขึ้นรถไฟจะต้องนั่งตามเลขที่นั่งนะคะ จะมามั่วนั่งแบบแต่ก่อนไม่ได้ คืนนั้นอุ้มก็เห็นหลายคนพอเห็นที่นั่งว่างนั่งเลยไม่สนใจ พอเจ้าของที่นั่งมาก็จะต้องลุกให้..จะมาบอกว่าฉันมาก่อนได้เลือกก่อนใช้ไม่ได้นะคะพี่น้อง เพราะด่านแรกแค่พนักงานมาตรวจตั๋ว.. ถ้าเขารู้ว่าไม่ใช่ที่นั่งของคุณพนักงานจะบอกทันทีเลยค่ะ พนักงานรถไฟใส่ใจผู้โดยสารเป็นอย่างดี งานนี้อุ้มเตรียมพาวเวอร์แบ๊งหอบมา 2 ก้อน หูฟังพร้อม ยูทูปพร้อม เรียกว่าขนทุกอย่างใส่เป้ ได้เวลารถไฟออกก็ใส่หูฟังเพลงที่ตัวเองโหลดไว้แค่นี้เดินทางคนเดียวก็มีความสุข เสบียงอาหารกินระหว่างก็พร้อม กินง่ายขนมกอบแกบถุงใหญ่ น้ำเปล่าขวดใหญ่ กาแฟตุนไว้ 2 กระป๋อง CUT ไว้ถึงสถานีรถไฟจังหวัดขอนแก่นในเวลา ตีห้าครึ่งตามเวลาที่บอกในตั๋ว แล้วอุ้มก็เดินไปที่จำหน่ายตั๋วล่วงหน้าตีตั๋วกลับไว้เลยว่ากลับคืนนี้ 25 ม.ค. 62 เที่ยวสามทุ่ม มีไหมคะ ...โชคดีมีอีกส่งบัตรประชาชนให้...ได้ตั๋วกลับแล้วก็หาปั้มน้ำมันอาบน้ำอาบท่าแปรงฟัน สอบถามว่าจะมีรถบัสฟรีไปส่งที่มหาวิทยาลัยขอนแก่นฟรีแต่เที่ยวแรกเวลา 08.00 น. นี่เพิ่งจะตีห้าครึ่งเอง... เพราะฉะนั้นในสมองอุ้มคิดอยู่สองอย่างคือหาข้าวเช้ากินกับไปไหว้ศาลหลักเมืองก่อนเป็นลำดับแรก ถามเจ้าหน้าที่ว่ามีรถไปตลาดไหม เจ้าหน้าที่บอกมีรถบัสติดแอร์ราคา 15 บาทตลอดสายติดแอร์วิ่งรอบเมือง ขอบคุณเสร็จก็เดินเลี้ยวขวามีรถจอดคนรอขึ้นรถเต็มพอดี รถวิ่งมาจอดที่ บขส.ที่ให้ลงมาขึ้นรถฟรีที่จะไปกราบหลวงพ่อคูณ แต่เพิ่งหกโมงเช้าไปหาข้าวกินก่อน (หาอะไรทำดีกว่ามารอรถมาแปดโมงเช้า) พอรถบัสวิ่งผ่านประตูเมืองจำได้คลับคลาว่าเคยมาจังหวัดขอนแก่นเมื่อ 10 ปีที่แล้วนี่นา จำได้รางๆ ว่าเดี๋ยวก็จะถึงศาลหลักเมืองแวะสักการะที่ศาลหลักเมืองก่อนกินข้าวดีกว่า ว่าแล้วอุ้มก็กดกริ่งลงที่ศาลหลักเมืองเลยค่ะ ประวัติของศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น เดิมอยู่บ้านโนนเมือง อ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น ซึ่งอยู่ห่างจากตัวอำเภอชุมแพ 1 กิโลเมตรบริเวณโดยรอบเป็นเนินดินสูงมีพื้นที่ประมาณ 20 ไร่ ล้อมรอบด้วยคลองสองชั้นมีสะพานข้ามและมีทางเข้าออกทางเดียว ชาวอำเภอชุมแพ เรียกพื้นที่ตรงนี้ว่า "กู่ ก่อนจะไปถึงกู่จะมีรูปพระนอนสลักลงบนหิน ปัจจุบันบริเวณนี้เป็นวัดป่า เมื่อปี พ.ศ.2498 ประมาณเดือน 4 มีคนแก่มาเล่าให้พระราชสารธรรมมุนี(หลวงพ่อกัณหา) เจ้าคุณเจ้าคณะจังหวัดขอนแก่น วัดศรีนวล คนแก่คนนั้นเล่าว่ามีอยู่วันหนึ่งเขาได้ไปนอนพักที่โรงนาฝันประหลาด ฝันเห็นคนแก่นุ่งห่มชุดขาวบ่นว่า "อยากจะไปอยู่ในเมือง คืนที่สองฝันอีกว่า "อยากจะไปอยู่ในเมือง และพูดต่อว่า "อยากจะไปอยู่เป็นมิ่งขวัญของเมือง พอคืนที่สามก็ได้ฝันลักษณะเดิมอีก จากนั้นพอตื่นขึ้นก็รู้สึกว่าร้อนรนอยู่ไม่ได้นอนไม่ได้ ไม่รู้จะไปเล่าให้ใครฟังได้ ก็เลยเดินทางเข้าในเมืองมาเล่าความฝันให้ท่านเจ้าคุณฟัง เมื่อท่านเจ้าคุณได้ฟังแล้วจึงได้ถามไปว่า ที่ลักษณะตรงนั้นเป็นอย่างไร คนแก่ตอบว่า เป็นกู่เก่ามีป่าขนาดใหญ่ ต้นไม้ขึ้นหนาทึบมีเสาหิน และใบเสมาเป็นจำนวนมาก ท่านเจ้าคุณก็เลยออกปากว่า ถ้าเป็นมิ่งเป็นขวัญของเมือง ก็ต้องเป็นหลักเมือง ประกอบว่าจังหวัดขอนแก่นยังไม่มีหลักเมือง ท่านเจ้าคุณจึงเรียนให้ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น คือ หลวงพินิจ และได้มอบหมายให้ฝ่ายพระมหาสุคนธ์ พระอีกจำนวนหนึ่งพร้อมปลัดจังหวัด ไปอัญเชิญหลักเมืองออกมาจากกู่ แต่เกิดอาเพทฝนตกหนักมีฟ้าผ่าลงมาโดนเสาหลักเมือง (ปัจจุบันเป็นเสาหลักเมืองอำเภอชุมแพ) รถเกิดติดหลุ่มไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ ก็เลยพูดกันว่า "เฮาเป็นผู้น้อย ผู้ใหญ่บ่ได้มาเพิ่นเลยบ่ไป จึงได้อัญเชิญหลักเมืองลงไว้ที่วัดพระนอน แล้วกลับมาเล่าเหตุการณ์ให้ท่านเจ้าคุณฟัง ท่านเจ้าคุณเลยไปอัญเชิญด้วยตัวท่านเอง ได้นำหมอลำ หนัง มาฉลองที่วัดพระนอน 1 คืน แล้วค่อยอัญเชิญออกมาสี่หลัก หลักที่หนึ่งอยู่ที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองขอนแก่น หลักที่สองอยู่ที่ศาลหลักเมืองอำเภอชุมแพ ส่วนอีกสองหลักที่เหลืออยู่ที่หน้าโบสถ์วัดศรีนวล จังหวัดขอนแก่น ลักษณะหลักเมืองเป็นเสาหินทราย รูปทรง 8 เหลี่ยม สูงประมาณ 3 เมตร มีลายสลักตัวหนังสือขอม พิธีตั้งเสาหลักเมือง ได้มีการนิมนต์พระมาสวดยกตั้งตามแบบพิธีพุทธ ณ ที่สนามศาลาสุขใจ ท่านเจ้าคุณได้ตั้งชื่อว่า "ศาลเทพารักษ์หลักเมือง มีนามย่อว่า "อินทร์ตา การก่อสร้างได้ร่วมกันสร้างทั้งคนจีนและคนไทย นอกจากนี้ได้อัญเชิญอากงอาม่าอยู่รวมกันกับหลักเมือง คนจีนเรียกว่า "ศาลหลักเมืองกง คนไทยเรียกว่า "ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง ที่นี่อุ้มเคยเพิ่งจะเห็นเซียมซีมีหลายสี ปกติจะเห็นแต่สีแดงเท่านั้นเนาะ Amazing ไทยเท่ ว่าแล้วก็ซะหน่อยค่ะอุ้มเสี่ยงได้หมายเลขที่ 13 จำได้ว่าถ่ายภาพมา สงสัยว่าให้ป้าๆ กดไล่ดูภาพที่อุ้มถ่ายมาทั้งหมด ท่านคงมือลั่นลบ..ภาพกระดาษเซียมซีใบที่ 13 อุ้มแน่ๆ...หาภาพไม่เจอ ออกจากศาลหลักเมืองโบกรถสองแถวไปตลาดบางลำพู ค่ารถ 10 บาทไปหาข้าวเช้ากินค่ะเริ่มหิวล่ะ ถึงตลาดบางลำพู เห็นตั้งของขายตามริมถนน แวะชมสักหน่อยเพราะหิวข้าวมาก ใจจริงอยากกินดักแด้มากแต่เขายังไม่ได้ต้มเลยอด เห็นไข่มดแดง เห็นผักอยากกินแกงไข่มดแดงจัง คนหิวเห็นอะไรก็หิวหมด ว่าแล้วเจอข้าวจี่อันละ 5 บาท ซื้อ 2 อัน มีแบบข้าวเหนียวธรรมดาและข้าวเหนียวก่ำ ซื้อมาอย่างละอัน สองอันราคา 10 บาท แล้วเดินหาข้าวกินใจจริงอยากกินโจีกมากเลยค่ะ ว่าแล้วอุ้มก็แวะร้านนี้ค่ะโจ๊กน้ำฝน ที่ตลาดบางลำพู อ.เมือง จ.ขอนแก่น แต่วันนี้โจ๊กไม่ขาย ซึ่งเข้าทางอุ้มเลยเพราะพอเห็นข้าวจี่ (ขนมปังญวน) อุ้มก็เปลี่ยนใจอยากกินข้าวจี่ (ขนมปังญวน) ในบัดดลคู่ละ 20 บาท สั่งมากินทันทีค่ะ เรียกว่าถ้ามาภาคอีสานล่ะก็ไม่แคล้วที่จะต้องสั่งไข่กะทะมากินด้วย ราคา 30 บาท ก็จัดไป มื้อเช้านี้คิดค่าเสียหายรวมกาแฟด้วย ชุดนี้จัดไปราคา 70 บาท อิ่มเลยค่ะ เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้องก็จัดเผื่อเป็นเสบียงระหว่างไปไหว้หลวงพ่อคูณ ซุปมะเขือ 20 บาท ข้าวเหนียว 2 ห่อ ตับย่าง 2 ไม้ รวมเป็นเงิน 50 บาท จากนั้นถามคนขายต่อว่าจะไป บขส.เพื่อจะขึ้นรถบัสฟรีไปไหว้หลวงพ่อคูณไปยังไง ได้ความว่านั่งรถสองแถวสีฟ้าสาย 4 ราคา 10 บาท ฝั่งเดียวกับร้าน อุ้มขอบคุณนะคะ เมื่อรถสองแถวมาจอดที่ บขส. มองหาป้ายนี้เลยนะคะพี่น้อง "ที่จอดรถและบริการรับ-ส่งฟรี" อุ้มก็เพิ่งทราบว่า ที่ฟังสวดพระอภิธรรมอยู่ในมหาวิทยาลัยขอนแก่นกับที่นกหัสดีลิงค์จะอยู่กันคนละที่ อ้าว...หลายคนนึกว่าอยู่ที่เดียว...รวมทั้งอุ้มด้วยล่ะ นกหัสดีลิงค์จะอยู่สถานที่ฌาปนสถานชั่วคราว วัดหนองแวงพระอารามหลวง ภายในเกาะกลางน้ำ ซึ่งจะอยู่ด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน ริมถนนสายเลี่ยงเมืองขอนแก่น-กาฬสินธุ์ ต.ศิลา อ.เมือง จ.ขอนแก่น ห่างออกไปประมาณ 4 กิโลเมตร จะเป็นสถานที่สำหรับการประกอบพิธีถวายเพลิงครูใหญ่ หลวงพ่อคูณ โชคดีที่อุ้มเผื่อเวลาไว้ มีพี่ป้าน้าอาหลายคนที่มาแบบเดียวกับอุ้มชล่าใจนึกว่าอยู่ที่เดียวกันก็แวะโน้นนี่ก่อน ส่วนป้าอีกคนมารถ บขส.นึกว่าอยู่ที่เดียวกัน ป้าเลยได้แค่สวดพระอภิธรรมไม่ได้มาวางดอกไม้จันทน์ที่นกหัสดีลิงค์ เป็นหลายคนเลยนะคะ สำหรับการแต่งกาย ขอให้แต่งกายสุภาพน่ะค่ะ อุ้มเห็นมีแบบใส่ชุดขาวมาทั้งชุด หรือไม่ก็เสื้อขาวกางเกง/กระโปรงดำ หรือชุดดำทั้งชุดแบบอุ้ม ถึงแล้วค่ะ ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษก มหาวิทยาลัยขอนแก่น จะมีจิตอาสาเป็นทหารและน้องนักศึกษาคอยบอกทางเข้าว่าให้เดินไปทางซ้ายมือก่อน พอดีอุ้มเห็นรถยนต์จอดอยู่ที่ด้านหน้าศูนย์ประชุมฯ ก็เลยถามน้องทหารว่ารถอะไร นี่คือรถยนต์ที่จะบรรทุกพระอาจารย์ใหญ่หลวงพ่อคูณ ปริสุทโธก็เลยถ่ายภาพมาฝาก จากนั้นเดินลงมาจากศูนย์ประชุมฯ เดินตรงมาแล้วเลี้ยวซ้ายจะเจอป้ายบอกว่า "รับ-ส่งไปพุทธมณฑลอีสาน" เพราะเราจะไปวางดอกไม้จันทน์ ณ ฌาปนสถานชั่วคราวที่มีนกหัสดีลิงค์ เพราะเจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้รถยนต์ส่วนตัวทุกชนิดเข้าไปภายในพุทธมณฑลอีสาน หรือนำรถยนต์ส่วนบุคคลเข้ามาภายในฌาปนสถานเด็ดขาด เพราะฉะนั้นสะดวกที่สุดก็คือนั่งรถบัสแอร์เย็นๆ ที่ทาง มข.จัดรถรับ-ส่งนะคะพี่น้อง เมื่อมาถึงฌาปนสถานชั่วคราววัดหนองแวงพระอารามหลวง บริเวณด้านหลังพุทธมณฑลอีสาน เดินตรงมารับดอกไม้จันทน์ที่นี่เลยค่ะ จากนั้นเลี้ยวซ้ายจะบริจาคสมทบเข้ากองทุนหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ สร้างอนุสรณ์สถานหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธก็แล้วแต่ศรัทธาค่ะ ดร.กิติสันต์ ศรีรักษา และนายภราดร เสมาเพชร 2 อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ผู้ออกแบบและวิจัยค้นคว้านกหัสดีลิงค์เทินบุษบกบนยอดเขาพระสุเมรุ ตามความเชื่อเรื่องชาติภพในดินแดนสุวรรณภูมิจำลองขึ้นเป็นป่าหิมพานต์บนยอดเขาพระสุเมรุ ดร.กิติสันต์ ศรีรักษา อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เปิดเผยว่า เจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ต้องการให้จัดงานศพอย่างเรียบง่าย ดังนั้น คณะศิลปกรรม มข. จึงได้ออกแบบให้มีการผสมผสานกับวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสาน เน้นความเป็นอิสระเพื่อให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของหลวงพ่อคูณ โดยมี รศ.นิยม วงศ์พงษ์คำ คณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์ มข. เป็นประธานออกแบบและฌาปนกิจ คอยอำนวยการและตรวจตราในทุกขั้นตอน โดยเราสร้างเมรุลอยนกหัสดีลิงค์ ตามประเพณีโบราณที่จัดขึ้นเฉพาะการฌาปณกิจศพเจ้านายชั้นสูง หรือพระเถระชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งนอกจากงานจะมีศิลปกรรมที่สวยงามแล้ว ขั้นตอนของการฌาปนกิจจริง ก็จะต้องคำนึกถึงตำนานป่าหิมพานต์ด้วย สำหรับตำนานของนกหัสดีลิงค์นั้น เริ่มจากตํานานโบราณของนครตักกะศิลาเชียงรุ้งแสนหวีฟ้ามหานครที่ต่อกันมาว่า เมื่อพระมหากษัตริย์แห่งนครนั้นถึงแก่สวรรคตต้องอัญเชิญพระศพออกไปฌาปนกิจที่ทุ่งหลวง จากนั้นนกหัสดีลิงค์ที่เป็นนกขนาดใหญ่ ตัวโตเท่าช้าง เรียกชื่อตามเจ้าของภาษาว่า หัตถลิงคะสะกุโณ เป็นสัตว์ในป่าหิมพานต์ เป็นนกที่มีหัวเป็นช้าง มีหางเป็นหงส์ มีพละกําลังดั่งช้างเอราวัณ 3-5 เชือกรวมกัน บินโฉบลงมาเอาพระศพไป เมื่อพระมหาเทวีเห็นเช่นนั้นก็ประกาศให้คนดีเข้าต่อสู้เพื่อเอาพระศพคืนมา นางสีดาจึงเข้ารับอาสาต่อสู้นกหัสดีลิงค์โดยใช้ศรอาบยาพิษยิงนกหัสดีลิงค์ถึงแก่ความตาย ตกลงมาพร้อมพระศพ พระมหาเทวีจึงโปรดสั่งให้ช่างทําเมรุ คือหอแก้วบนหลังนกหัสดีลิงค์ แล้วถวายพระเพลิงไปพร้อมกัน หลังจากนั้นมาจึงถือเอาประเพณีทํานกหัสดีลิงค์ประกอบเมรุของชั้นเจ้านาย ตามความเชื่อที่ว่านกหัสดีลิงค์สามารถนําดวงวิญญาณของผู้ตายไปสู่สวรรค์ได้ ในการณ์นี้ได้ใช้เวลาศึกษาและออกแบบนานกว่า 2 ปี และได้รับการปรึกษาทางผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้านเพื่อให้ได้ถึงศิลปกรรมที่เรียบง่าย สวยงาม และมีเรื่องราวตามประวัติความเป็นมาของนกหัสดีลิงค์เทินบุษบกอย่างแท้จริง นอกจากนี้ ยังนำเสนอศิลปกรรมถ้องถิ่นของภาคอีสานเข้ามาด้วย เนื่องจากศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่นอีสานได้รับอิทธิพลมาจากอาณาจักรเขมร ผสมผสานเข้ากับศิลปะล้านนาและศิลปะล้านช้างในภูมิภาคไทย ซึ่งมีรายละเอียดไม่วิจิตรเทียบเท่ากับงานหลวงของภาคกลาง แต่ถือเป็นรากเหง้าที่แสดงออกถึงความเป็นอีสานได้อย่างชัดเจน ดร.กิติสันต์ ศรีรักษา อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า..ความเรียบง่ายในบางครั้งก็ไม่ธรรมดา เฉกเช่นตัวหลวงพ่อคูณที่ความเรียบง่ายคืออัตลักษณ์ความบริสุทธิ์ทางการกระทำต่างๆ จึงได้สื่อออกมาเป็นสีขาว นายภราดร เสมาเพชร อาจารย์ประจำคณะศิลปกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า โครงสร้างของตัวนกหัสดีลิงค์เป็นไม้เนื้อแข็งสูง 22.6 เมตร ได้ใช้ไม้ไผ่ประกอบเป็นโครงด้านนอก แปะรอบด้วยประติมากรรมกระดาษเปเปอร์มาเช่ โดยภายในบรรจุเตาเผาฟืนไว้ประดิษบนฐานแปดเหลี่ยมกว้าง 16 เมตร มีตัวนาคหันหน้าไปแต่ละทิศ มีความยาว 5 เมตร 12 ตน และรายล้อมด้วยสัตว์หิมพานต์ 32 ตน บนสระอโนดาษที่จะเพิ่มลูกเล่นใส่ควันไอน้ำ ซึ่งทั้งหมดจะถูกเผาไปพร้อมกับร่างของหลวงพ่อคูณ ปุริสุทโธ ก่อนจะนำอังคารของท่านไปลอยแม่น้ำโขง ที่จ.หนองคาย ตามเจตจำนง จากนั้นอุ้มก็นั่งรถบัสกลับมาที่ศูนย์ประชุมเอนกประสงค์กาญจนาภิเษกมหาวิทยาลัยขอนแก่น แต่แวะเก็บตกใส่ท้องก่อนนะคะ มีมาออกโรงทานเยอะมาก อาหารไม่แคล้วตำบักหุ่ง หรือว่าส้มตำนั้นแหละค่ะ คิวยาวเลยไม่ว่าจะตำปูหรือว่าตำไทย ขนม อาหารแจกให้กินเยอะค่ะ เพราะอุ้มจะมาฟังสวดพระอภิธรรมในเวลา 17.00 น.น่ะค่ะ คราวนี้เป็นบุญของอุ้มที่ทางเจ้าหน้าที่ได้เปิดให้เข้ามานั่งในด้านหน้าอีก 2 แถว อุ้มเลยได้นั่งแถวหน้าสุด 2 คนแรก อุ้มเลยได้ฟังพระอภิธรรมอย่างใกล้ชิดและที่สำคัญหากใครนั่งแถวหน้าก็จะกรวดน้ำด้วยเป็นบุญจริงๆ ในระหว่างมีพิธีการเจ้าหน้าที่ไม่ให้ใช้กล้องส่วนตัวถ่ายภาพน่ะค่ะ เราจะบันทึกภาพได้เฉพาะเมื่อเสร็จพิธีเท่านั้นนะคะ รู้สึกว่าเป็นบุญมากเลยค่ะที่ได้มา..แต่ก็ขอบอกว่าแอร์เย็นมากค่ะ เมื่อฟังสวดพระอภิธรรมเสร็จก็จะได้รับภาพขาวดำของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธค่ะ เสร็จพิธีในเวลาใกล้จะจะ 19.00 น. พอมีเวลาเลยแวะหาข้าวกินที่โรงทานรอบๆ ศูนย์ประชุมฯ สรุปค่าใช้จ่าย ดังนี้ : ค่ารถเมล์ 9 บาท ค่ารถใต้ดินจากบ้านมาขึ้นสถานีรถไฟ 30 บาท ค่ารถไฟ 187X187 = 374 บาท ค่ารถโดยสารรอบเมือง 15 บาท ค่าซื้อดอกไม้ที่ศาลหลักเมือง 20 บาท ค่าเซียมซี 1 บาท ค่ารถสองแถวมาตลาดบางลำพู 10 บาท ค่าข้าวจี่ 10 บาท ค่าอาหารเช้า 70 บาท ค่าเสบียง 50 บาท บริจาคให้หลวงพ่อคูณ 200 บาท ค่ารถตุ๊กตุ๊กมาสถานีรถไฟขอนแก่น 80 บาท ค่ารถใต้ดินกลับบ้าน 30 บาท รวมเป็นเงิน 899.-บาท เงิน 1000 บาท แวะมาไหว้หลวงพ่อคูณเหลือเงิน 101.-บาท คุ้มจริงๆ ค่ะ จากนั้นออกมายืนรอรถสองแถวตั้งแต่ 19.30 น. ไม่มีสักคัน ยืนไปได้สักครึ่งชั่วโมงเริ่มมองหาคนถามทางมองหาตำรวจ สรุปรถสองแถวหมดตั้งแต่ทุ่มหนึ่งล่ะ เอาล่ะสิ มอเตอร์ไซดรับจ้างก็ไม่มี แท็กซี่ก็ไม่มี รถตุ๊กตุ๊กก็ไม่เห็นมาสักคัน ทำไงล่ะทีนี้คุณนายอุ้มสี ว่าแล้วก็นึกถึงหลวงพ่อคูณเลยค่ะ อุ้มพูดออกมาเลยค่ะ หลวงพ่อคะหนูตั้งใจมาทำบุญกับหลวงพ่อแล้ว หลวงพ่อโปรดเมตตาหารถให้หนูไปสถานีรถไฟให้ด้วยนะคะ (แต่ถ้าอุ้มตกรถมาไม่ทันก็จะโทรไปหาเพื่อนที่เป็นเกษตรกรดีเด่นในจังหวัดขอนแก่น หรือไม่ชีก็จะโทรหาน้องที่เป็น รศ.ดร.ที่ม.มหาสารคามมารับ หรือไม่ก็จะมีเพื่อนเป็นครูอีกคน...แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่อยากกวนใครน่ะค่ะ อีกอย่างมีงานต้องกลับมาทำที่ กทม. ด้วยยังไงก้ต้องกลับ กทม.ให้ได้) ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ปาฏิหาริย์มีจริง รถตุ๊กตุ๊กโผล่มาจากไหนไม่รู้มารับไปส่งสถานีรถไฟ ไกลจริงๆ ค่ะจากมหาวิทยาลัยขอนแก่นมาสถานีรถไฟขอนแก่น คิดอุ้ม 80 บาท พอขึ้นรถไฟได้เจอป้าอีกคนมาคนเดียวเหมือนอุ้ม (แต่ตอนขามาป้านั่งรถ บขส.มา หารถไม่ได้ ก็นึกถึงหลวงพ่อเหมือนกัน เสียค่ารถตุ๊กๆ ไป 120 บาท) ส่วนพี่อีกคนหนึ่งก็เสียค่ารถตุ๊กตุ๊กมาขึ้นรถไฟไป 100 บาท ดีที่พี่เขาออกมาไวตั้งแต่หกโมงเย็น ป้าเธอมาทันก่อนรถออก 3 นาที คุยกับป้าๆ ที่มาคนเดียวเหมือนกันสักชั่วโมงแล้วอุ้มก็หลับ รถไฟเข้าตามเวลากลับมาหลับสนิทถ้าไม่มีใครมาปลุกเพราะทำสปาเก็ตตี้ให้กินอุ้มคงยังไม่ตื่นเลยค่ะ ถ้าให้พูดตามตรง BLOG นี้เอนทรี่นี้เป็น BLOG สุดยอดในชีวิตของคุณนายอุ้มสี เป็น BLOG ที่ฝากไว้ในแผ่นดินเลยค่ะ นับเป็นทริปท่องเที่ยวสายบุญที่มีความสุขมากเลยค่ะเอาบุญมาฝากค่ะ หมายเหตุ : จะมีทริปเดินทางไปวัดบ้านไร่ จ.นครราชสีมา ขอเคลียคิวก่อนนะคะพี่น้อง (เพราะมีคิวจองตัว ราชบุรี-ปราจีณบุรี-สงขลา-อุทัยธานี) VIDEO ขอขอบคุณ : เพลง : หลวงพ่อคูณ / วงคาราบาว ที่มาของข้อมูล : จากหนังสือพิมพ์ข่าวสด BG : ญามี่ / กล่องเขียนคอมเม้นท์ : lozocat / Banner : oranuch_sri ของแต่ง BLOG : ป้ามด + ดอกหญ้าเมืองเลย + ชมพร + ญามี่ + เนยสีฟ้า
Create Date : 28 มกราคม 2562
Last Update : 18 กุมภาพันธ์ 2562 20:01:29 น.
37 comments
Counter : 2904 Pageviews.
ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณเรียวรุ้ง , คุณpoepum , คุณเกศสุริยง , คุณJinnyTent , คุณnewyorknurse , คุณวลีลักษณา , คุณตะลีกีปัส , คุณเริงฤดีนะ , คุณที่เห็นและเป็นมา , คุณKavanich96 , คุณกะว่าก๋า , คุณหอมกร , คุณสาวไกด์ใจซื่อ , คุณสันตะวาใบข้าว , คุณauau_py , คุณภาวิดา คนบ้านป่า , คุณhaiku , คุณญามี่ , คุณSai Eeuu , คุณInsignia_Museum , คุณคนผ่านทางมาเจอ , คุณkatoy , คุณโอน่าจอมซ่าส์ , คุณสองแผ่นดิน , คุณอาจารย์สุวิมล , คุณฟ้าใสวันใหม่ , คุณจารุพิชญ์ , คุณสายหมอกและก้อนเมฆ , คุณSweet_pills , คุณkae+aoe , คุณtoor36 , คุณก้นกะลา
โดย: เรียวรุ้ง วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:10:33:16 น.
โดย: เกศสุริยง วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:10:51:04 น.
โดย: JinnyTent วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:11:45:06 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:19:17:00 น.
โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:19:35:25 น.
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 28 มกราคม 2562 เวลา:20:17:44 น.
โดย: Kavanich96 วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:3:03:50 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:6:38:20 น.
โดย: หอมกร วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:8:27:32 น.
โดย: auau_py วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:16:50:06 น.
โดย: ภาวิดา (คนบ้านป่า ) วันที่: 29 มกราคม 2562 เวลา:21:53:22 น.
โดย: Sai Eeuu วันที่: 30 มกราคม 2562 เวลา:14:35:01 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:6:22:01 น.
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:11:30:43 น.
โดย: จารุพิชญ์ วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:12:42:32 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:12:50:18 น.
โดย: JinnyTent วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:18:28:41 น.
โดย: Sweet_pills วันที่: 31 มกราคม 2562 เวลา:23:24:16 น.
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:6:53:43 น.
โดย: kae+aoe วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:9:08:59 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:16:51:30 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:17:37:14 น.
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:17:38:23 น.
โดย: ก้นกะลา วันที่: 1 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:22:51:24 น.
โดย: IFINDNOI (Ces ) วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2562 เวลา:5:47:25 น.
ไปก็เป็นบุญแล้วครับ