ตอนที่ 2.1 พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งเอกราชและเสรีภาพ ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการ
| | | | คลิกที่นี่ย้อนกลับไปชมพระสมุทรเจดีย์ ตอนที่ 1
ย้อนกลับไปเมื่อ 15 ปีที่แล้ว ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้า จ.สมุทรปราการแห่งนี้ เป็นสถานที่ที่ทำงานต่างจังหวัดแห่งแรกของคุณนายอุ้มที่ออกงาน OUT DOOR เป็นการเปิดหูเปิดตาและได้เรียนรู้การทำงานจนเป็นแบบอย่างของการทำงานที่ดีของอุ้ม และเมื่อ13 กรกฎาคม 2555 ครบรอบ 119 ปี รำลึกวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 คุณนายอุ้มหล่อนมีหรือจะพลาดงานนี้ต้องไปร่วมรำลึกความหลังสถานที่ประวัติศาสตร์ชาติไทย เป็นภาพที่อุ้มถ่ายเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 2555 เป็นความภาคภูมิใจในการนำเสนอเป็นอย่างยิ่ง
ป้อมพระจุลจอมเกล้า ตั้งอยู่บริเวณริมปากแม่น้ำเจ้าพระยา ตำบลแหลมฟ้าผ่า ตั้งอยู่ห่างจากแยกพระสมุทรเจดีย์ไปตามถนนสุขสวัสดิ์ หากใช้เส้นทางหลวงก็วิ่งมาทางหลวงหมายเลข 303 ประมาณ 6.5 กิโลเมตร จะอยู่ริมถนนทางซ้ายมือเลี้ยวซ้ายเข้ามาเลย หรือจะเดินทางโดยรถโดยสารประจำทางปรับอากาศสาย 20 ป้อมพระจุลฯ-ท่าดินแดงค่ะ แต่เนื่องจากอุ้มแวะมาสักการะพระสมุทรเจดีย์ก่อน พอเสร็จอุ้มเลยขึ้นรถสองแถวที่ท่ารถสองแถว ซึ่งจะมีรถสองแถวจากท่าเรือพระสมุทรเจดีย์ไปสุดสายที่ป้อมพระจุลจอมเกล้าเลยค่ะ ไม่แน่ใจว่า 4 บาท หรือ 6 บาทจำไม่ได้แล้วค่ะ แก่แล้ว อิอิอิ
ป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพ และเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อ พ.ศ. 2536 เพื่อเป็นราชานุสรณ์และรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่านที่ทรงมีคุณูปการอันยิ่งใหญ่ ต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ โดยกองทัพเรือได้จัดเป็นพิพิธภัณฑ์เปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี และนับเป็นแหล่งท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการที่ไม่ควรพลาดเลยนะคะ
119 ปี เมื่อ ร.ศ. 112 (วันที่ 13 ก.ค. 2436) พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงเห็นว่า ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศสกำลังแสวงหาเมืองขึ้น บรรดาประเทศต่างๆ ที่อยู่ติดเขตแดนไทย ต่างถูกประเทศทั้งสองเข้าครอบครองไปหมดแล้วนับเป็นภัยใหญ่หลวงสำหรับประเทศเล็กๆ อย่างประเทศไทย พระองค์ท่านจึงได้ทรงหาวิธีป้องกันต่างๆ นานัปการโดยเฉพาะในเรื่องการป้องกันทางน้ำ ด้วยทรงดำริว่าควรปรับปรุงป้อมต่างๆ ที่อยู่ทางปากน้ำให้มีประสิทธิภาพ โดยการจ้างชาวต่างประเทศที่ชำนาญการทางทหารเรือมาเป็นที่ปรึกษา เพื่อวางแผนการปรับปรุงกิจการทหารเรือให้ทันสมัยทัดเทียมอารยนานาประเทศ
ป้อมพระจุลจอมเกล้า เป็นป้อมปราการทางน้ำที่สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2427 ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เพื่อป้องกันการรุกรานจากอังกฤษและฝรั่งเศส ตั้งอยู่ที่ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งเป็นชัยภูมิเหมาะสม ซึ่งถ้าหากมีเรือรบของข้าศึกบุกเข้ามาทางปากน้ำ โดยสร้างเป็นป้อมปืนใหญ่แบบตะวันตกมีการติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรอง 155 มม. จำนวน 7 กระบอกเ อันป็นอาวุธหลักที่สำคัญของป้อม (ไว้ค่อยชมภาพในลำดับถัดไปอุ้มถ่ายมาเยอะ) นับเป็นป้อมปราการของสยามที่ทันสมัยมากที่สุดในเวลานั้นค่ะ
เมื่อมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ ทางกองทัพเรือได้จัดเตรียมดอกกุหลาบดอกโตพร้อมธูปเทียน พร้อมทั้งมีตู้บริจาคเงินค่าดอกไม้แล้วแต่ศรัทธาค่ะ
พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวฯ พระองค์ทรงทรงฉลองพระองค์ในชุดจอมทัพเรือ พระหัตถ์ถือกระบี่ค่ะ
เมื่อมาสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์ให้สังเกตที่ฐานของพระบรมราชานุสาวรีย์ จะมีแผ่นป้ายเนื้อความในพระราชหัตถเลขาของพระองค์ท่านเมื่อวันที่ 10 เมษายน ร.ศ.112 ความตอนหนึ่งว่า "ถ้าความเปนเอกราชของกรุงสยามได้สิ้นสุดไปเมื่อใด ชีวิตรฉันก็คงจะสุดสิ้นไปเมื่อนั้น" สมเด็จกรมดำรงราชานุภาพทูลคำเตือนถวายพระสติ
ในเรือใหญ่ ถ้ากัปตันว้าเหว่ลังเลที่จะสู้พายุใหญ่เบื้องหน้า นายท้าย นายกล (ลูกเรือ) ก็จะหวาดระแวง ทรงเปรียบเปรยเป็นคำร้อยกรอง (กาพย์) ว่า "ธรรมดามหาสมุทร มีคราวหยุดพายุผัน มีคราวสลาตัน ตั้งระลอกกระฉอกฉาน ผิวพอกำลังเรือ ก็แล่นรอดไม่ร้าวราน หากกรรมจะบันดาล ก็คงล่มทุกลำไป" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงตั้งพระสติได้และหันมาเสวยโอสถบำรุงพระวรกาย แล้วหันไปดำเนินพระราชกุศโลบายด้านต่างประเทศ และในที่สุดพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นผู้นำชาติเพียงพระองค์เดียวในภูมิภาค ที่ทรงนำพารัฐนาวาสยามประเทศรอดพ้นจากเงื้อมมือของนักล่าอาณานิคมมาได้ ไทยจึงเป็นไทยอย่างทุกวันนี้ค่ะ
เป็นการแสดงให้เห็นถึงความหนักพระราชหฤทัยอย่างแน่วแน่ ในการนำพาสยามประเทศให้รอดพ้นจากการถูกยึดเป็นอาณานิคมของชาวต่างชาติ เป็นเหตุให้พระองค์ท่านทรงพระประชวรและไม่ทรงยอมเสวยพระกระยาหาร และแม้การที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปอยู่หลายคราว ก็มิได้เสด็จไปเพื่อจะทรงพระสำราญไม่ หากแต่เป็นการดำเนินการทางการทูตเพื่อที่จะดำรงรักษาความเป็นเอกราชของชาติเอาไว้ให้มั่นคงค่ะ
โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างป้อมแห่งนี้ขึ้นเมื่อปี 2436 เมื่อสร้างป้อมสำเร็จแล้ว พระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงทำพิธีเปิดป้อมด้วยพระองค์เอง และพระราชทานนามป้อมแห่งนี้ว่า "ป้อมพระจุลจอมเกล้า"
วิกฤตการณ์ รศ.112 นับเป็นอีกเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ที่ สะท้อนความสัมพันธ์ทางการเมืองระหว่างประเทศของสยาม และชาติตะวันตกอย่างฝรั่งเศส เย็นวันที่ 13 กรกฎาคม พ.ศ.2436 ปรากฏเรือฝรั่งเศสเข้ามาปิดปากอ่าวสยาม บริเวณปากน้ำเจ้าพระยา โดยมีเรือ เย.เบ.เชย. แล่นนำหน้า ตามด้วยเรือรบติดอาวุธมีเรือแองกองสตังค์และเรือโกเมต จึงเกิดการยิงต่อสู้กันขึ้นที่ป้อมพระจุลฯ ทหารไทยพลีชีพไป 8 นาย บาดเจ็บ 40 นาย ส่วนทหารฝรั่งเศสตาย 3 นาย บาดเจ็บอีก 3 นาย การต่อสู้นี้แม้สยามจะทำเพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติและยิงเตือนผู้รุกรานไปก่อนตามกติกาสากล แต่อย่างไรก็เป็นผู้เสียเปรียบอยู่วันยังค่ำ จึงต้องเป็นฝ่ายชดใช้ค่าปรับสงคราม จนนำมาสู่การเสียดินแดนลาวเกือบทั้งหมดรวมทั้งแคว้นสิบสองจุไทยไปเป็นอาณานิคมของฝรั่งเศส
ณ ป้อมพระจุลจอมเกล้าแห่งนี้จึงเป็นสถานที่รำลึกวิกฤติการณ์ ร.ศ. 112 เป็นปีที่ 119 ที่รำลึกเหตุการณ์สำคัญในสมัยรัชกาลที่ 5 จนนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลงนานัปการของสยามประเทศ และเป็นการสดุดีวีรกรรมของเหล่าวีรชนผูกล้าที่ได้เสียสละชีวิตเพื่อปกป้องอธิปไตยของของประเทศค่ะ
1
2
ว่าแล้วคุณนายอุ้มก็ไม่แคร์สื่อ เปิดตัวแฟนทหารเรือในบัดดลค่ะ เป็นไงคะเท่เหลือหลายเน๊าะ
BLOG หน้าตอนที่ 2 เป็นภาพใต้ฐานพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์แสดงประวัติความเป็นมาของป้อมพระจุลจอมเกล้า และเหตุการณ์ในสมัย ร.ศ. 122 ขอขอบคุณ : ที่มาของข้อมูลมาจากกองทัพเรือและชมรมคนรักษ์ป้อมพระจุลจอมเกล้าค่ะ
ขอขอบคุณ BG : คุณยายเก๋า ชมพร banner : คุณ no filling กรอบ : น้อง KungGuenter กล่องเขียนคอมเม้นท์ : คุณ lozocat เพลง : ลาสาวแม่กลอง : แช่ม แช่มรัมย์ โค้ดแต่ง BLOG : ป้ามด & น้องดอกหญ้าเมืองเลย ของแต่ง BLOG : คุณชมพร & น้องญามี่ & คุณเนยสีฟ้า
| | | | |
Create Date : 25 ตุลาคม 2555 |
|
77 comments |
Last Update : 30 ตุลาคม 2555 23:04:41 น. |
Counter : 4708 Pageviews. |
|
|
|