อยากห้ามความรัก โถมันห้ามยากนะคุณ ปล่อยให้ผมว้าวุ่น รักคุณต่อไปเถิดหนา
Group Blog
 
 
เมษายน 2549
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
30 
 
19 เมษายน 2549
 
All Blogs
 
ดื่มเบียร์ให้อร่อยแบบต้นตำรับ...ต้องทำไง (ตอน3)

ดื่มเบียร์อย่างไรจึงอร่อย

คำตอบที่ถูกต้องที่สุดคือดื่มแบบที่คุณว่าอร่อย เช่นถ้าคุณชอบกินไอติมเบียร์ ก็จงดื่มเบียร์จากร้านที่เขาโฆษณาว่ามีเบียร์วุ้นขาย บางคนว่าดื่มเบียร์ต้องอย่าจิบ แต่ควรดื่มเป็นอึก อย่าไปเชื่อ จงดื่มในลักษณาการที่คุณคิดว่าได้รสชาติถูกใจคุณเป็นใช้ได้ ก็เงินคุณไม่ใช่หรือที่จ่ายไปสำหรับค่าเบียร์

แต่หลังจากดื่มเชอร์เบทเบียร์มานานแล้ว ลองเปลี่ยนวิธีดื่มเป็นอย่างอื่นดูบ้าง แล้วอาจจะเห็นกลิ่น, รสที่แตกต่างจากที่เคย ถ้าชอบก็เปลี่ยน ถ้าไม่ชอบก็อย่าไปเปลี่ยน

เบียร์นั้นเขาดื่มอะไรกัน ไม่ใช่แอลกอฮอล์เพียงอย่างเดียวแน่ เพราะถ้าอย่างนั้นไปซื้อเอทธีลแอลกอฮอล์มาหยดน้ำดื่มก็ได้ เมาเหมือนกัน และถูกกว่ากันมากเลย

คอเบียร์ฝรั่งเขาว่า เบียร์มีคุณสมบัติ ๖ อย่างให้เสพ คือ สี, ฟองปากแก้ว, รสชาติซึ่งเกิดจากคุณภาพของส่วนผสม, กลิ่น (ของมอลต์, ฮอป, ส่า และการผสมทางเคมี), สมดุล และความรู้สึกที่ได้หลังดื่ม (ฝรั่งเรียกว่า finish)

สีต้องตรงกับคุณสมบัติของเบียร์ ไม่ใช่เบียร์จะต้องใสเพียงอย่างเดียว ที่ควรจะใสก็ใส ที่ควรจะข้นก็ข้น ที่ไม่ควรมีตะกอนลอยแขวนก็ไม่ควรมี ที่ควรมีก็มี ในเมืองไทยเรานิยมดื่มเบียร์ลาเกอร์ตระกูลพิลสเนอร์ ก็ควรมีคุณสมบัติใส สีออกไปทางสีทองเข้มพอสมควร เมื่อรินลงไปแล้วก็จะเห็นเม็ดของคาร์บอนไดออกไซด์ลอยขึ้นเป็นทิว นี่เป็นการเสพเบียร์ทางตาที่สำคัญ เหตุฉะนั้นภาชนะสำหรับการดื่มเบียร์ที่ดีคือแก้วใสนี่แหละครับ ไม่จำเป็นต้องใช้จอกหูกระเบื้องหรือพิวเตอร์ (mug)

ฟองก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญของการดื่มเบียร์ วิธีรินเบียร์ให้เป็นฟองไม่ใช่เทลงไปที่ก้นแก้วแรงๆ กระทุ้งให้เกิดฟองขึ้น เพราะฟองอย่างนั้นไม่ใช่ฟองคุณภาพที่แท้จริง จะเห็นได้ว่าฟองที่ได้มาด้วยวิธีรินแบบนั้นจะเป็นฟองหยาบ เหมือนฟองผงซักฟอก กินไปจนหมดแก้วแล้วก็ไม่เกิดคราบฟองที่ริมแก้วให้เห็น

ฟองที่มีคุณภาพต้องได้มาจากการรินเบียร์ไปที่ข้างแก้ว แรงของแก้วที่ไหลลงไปป่วนกันในแก้วก็เพียงพอที่จะทำให้เกิดฟองขึ้นแล้ว ฟองแบบนี้จะเป็นฟองละเอียด ค่อนข้างเหนียว ยอดฟองมักไม่ค่อยราบเรียบแต่มีลักษณะเหมือนเนินเขา เมื่อกินเบียร์หมดแก้วแล้วก็จะยังเห็นคราบฟองติดอยู่ตามผนังแก้ว (รวมถึงหนวดและริมปากงามของผู้หญิงด้วย)

แต่คุณผู้อ่านจะพบว่า รินเบียร์อย่างนี้ในเมืองไทยไม่ค่อยได้ฟอง หรือได้ฟองที่บางมาก

ก็จริงครับ ทั้งนี้เพราะเราดื่มเบียร์ในอุณหภูมิที่เย็นจัดเกินไป จึงทำให้ไม่เกิดฟอง นอกจากนี้ เบียร์ตลาดซึ่งไม่ค่อยมีคุณภาพก็มักให้ฟองน้อยโดยธรรมชาติอยู่แล้ว (ยกเว้นที่เขาใส่สารเร่งคาร์บอนไดออกไซด์ในตอนบ่ม ซึ่งทำให้รสเบียร์เสียไปอีก) จึงทำให้เกิดฟองคุณภาพได้ยาก

เหตุดังนั้นผมจึงไม่ชอบเลยที่ร้านอาหารส่วนใหญ่จะสั่งพนักงานเสิร์ฟไว้ว่า จงรินเบียร์ในแก้วของลูกค้าหน้าโง่อย่าให้พร่องเป็นอันขาด เพื่อทางร้านจะได้ขายเบียร์ได้มากๆ หมดแล้วก็รีบเปิดขวดใหม่ บังคับให้ต้องดื่มอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมเห็นว่าการดื่มเบียร์ให้หมดแก้วแล้วรินใหม่ จะได้ทัศนียภาพของเบียร์แก้วใหม่ ซึ่งเป็นของอร่อยในการเสพ หมดขวดแล้วค่อยสั่งใหม่ เปิดป๊อกก็รินเลย ไม่ใช่เปิดมาทิ้งราไว้ข้างๆ เป็นนาน

รสชาติของเบียร์เกิดจากส่วนผสมหลายอย่าง โดยเฉพาะมอลต์ของบาร์เลย์ และธัญพืชอื่นๆ รวมทั้งฮอปซึ่งให้รสขม เบียร์อเมริกันเป็นเบียร์ปร่าๆ ไม่ใช่เพราะเบียร์อเมริกันมีแอลกอฮอล์น้อยกว่าเบียร์ยุโรปหรือเบียร์ไทย แต่เพราะเบียร์อเมริกันเป็นเบียร์ชั้นเลว จึงไม่มี ตัว หรือที่ฝรั่งเรียกว่า body ไม่ได้รสมอลต์ แทบไม่มีกลิ่นฮอป เป็นต้น เบียร์จะมีแอลกอฮอล์มากหรือน้อยไม่ได้อยู่ที่ว่ามัน จืด หรือไม่ ส่วนใหญ่ของเบียร์ในเมืองไทยมีปริมาณแอลกอฮอล์พอๆ กัน แต่รสชาติต่างกันเท่านั้น

ฉะนั้นเวลาดื่มเบียร์จึงควรปล่อยให้มันไหลซาบซ่าไปทั่วลิ้น เพื่อจะได้สัมผัสรสชาติที่แท้จริงของเบียร์ไปด้วย ผมเข้าใจว่ารสที่คอเบียร์เมืองไทยเรียกว่า มัน ก็คือรสของส่วนผสมที่ไม่ขาดไม่เกินของเบียร์ยี่ห้อนั้นนั่นเอง คือมีทั้งตัวและมีทั้งรสครบบริบูรณ์

แต่แปลกที่คอเบียร์ในเมืองไทยส่วนใหญ่ไม่ชอบรสขมของเบียร์ จึงพยายามทำลายรสนี้เสียด้วยการเอาเบียร์ไปแช่จนกลายเป็นเกร็ดน้ำแข็ง ความเย็นจัดนี้ไม่ได้ทำลายปุ่มรับรสขมบนลิ้นเท่านั้น แต่ทำลายทุกปุ่มบรรดามีไปหมดจนไม่ได้รสชาติอะไรของเบียร์เลย ดื่มแล้วดูเหมือนจะสดชื่น แต่ถ้าอย่างนั้นเอาโซดาไปแช่แข็งบ้างก็คงจะได้ความรู้สึกสดชื่นเท่ากัน ซ้ำถูกสตางค์กว่าอีกด้วย

รสขมนี้เป็นรสสำคัญสุดของเบียร์เลยนะครับ ถ้าเบียร์ไม่ขมก็ไม่รู้จะดื่มไปทำไม เช่นถ้าเบียร์มีรสหวานเหมือนน้ำขวด ผมเชื่อว่าคุณคงไม่สามารถดื่มเบียร์ทั้งลังข้ามคืนได้ ถ้าขืนทำป่านนี้ก็คงตายด้วยโรคหัวใจวายไปแล้วด้วย

แต่ขมก็มีหลายพรรณนะครับ ขมอร่อยกับขมไม่อร่อยแตกต่างกันแน่ ขมไม่อร่อยเป็นอย่างไรก็ลองเอาเบียร์ที่ถูกแช่แข็งแล้วมาละลายจนได้อุณหภูมิที่เหมาะสมแล้วดื่มดูสิครับ จะพบว่ารสขมของเบียร์จะเปลี่ยนเป็นลักษณะขมปี๋ ออกขื่น และเปรี้ยวนิดๆ ด้วย ไม่ได้เป็นสรรพรสเลย

อันที่จริงการเอาเบียร์ไปแช่ในตู้เย็นไว้นานๆ ก็ไม่ดี ถึงไม่แข็งก็ไม่ดี เพราะทำให้รสเบียร์เปลี่ยนไปเป็นขมปี๋ออกขื่นอย่างว่าได้เหมือนกัน ถึงได้ออกไงครับว่า สั่งเบียร์ที่ไหนก็ให้สั่งยี่ห้อที่คนอื่นๆ ในแถวนั้นเขานิยมกันนั่นแหละดี มันจะได้ไม่ถูกแช่เย็นไว้นานเกินไป

กลิ่นนี้ยิ่งมีความสำคัญใหญ่ ไม่น้อยไปกว่ารสเลย

เบียร์ที่ดีจะให้กลิ่นของมอลต์และฮอปที่พอเหมาะ คือไม่ฉุนเกินไปจนเอียน แต่เรื่องนี้ไม่น่าห่วงเท่ากับมีกลิ่นน้อยเกินไป โดยเฉพาะเบียร์ตลาดที่เราดื่มในเมืองไทยนั้น ให้กลิ่นจางเกินไป (ยกเว้นตอนอ้วก ซึ่งเป็นกลิ่นเบียร์ที่บูดเสียแล้ว) เบียร์ดีบางยี่ห้อนั้น แค่รินลงแก้วก็ได้กลิ่นหอมออกมาแล้วโดยยังไม่ทันดื่ม

สมดุลคือส่วนผสมที่ลงตัวของรสชาติและกลิ่น เช่นได้ส่วนผสมที่พอเหมาะและไม่เปลี่ยนแปลงในการดื่ม ได้กลิ่นที่ลงตัวของมอลต์และฮอป เป็นต้น เรื่องสมดุลนี้เป็นศิลปะสำคัญที่สุดของ brewmaster หรือศิลปินหมักเบียร์เลยนะครับ แต่ละอย่างจะมีสัดส่วนอย่างไร หมักในอุณหภูมิเท่าไร บ่มในอุณหภูมิเท่าไร เป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่เขากำหนดมาไว้ในเบียร์ของเขา

ในอังกฤษแม้จนถึงทุกวันนี้ เขาไม่ได้นับปริมาณของแอลกอฮอล์ในเบียร์เป็นเปอร์เซ็นต์ต่อน้ำหนักหรือปริมาตร แต่เขานับกันตาม แรงโน้มถ่วงเดิม หมายความว่ามีสัดส่วนของสารที่สามารถหมักขึ้นได้ต่อปริมาณน้ำเท่าไร เช่นถ้าเบียร์ที่มีสัดส่วนของแรงโน้มถ่วงเดิมเท่ากับ ๑๐๔๐ ก็แปลว่ามีสารที่หมักขึ้นได้อยู่ ๔๐ ส่วนในปริมาณน้ำ ๑๐๐๐ ส่วน ยิ่งมีสัดส่วนของสารที่หมักขึ้นได้มาก ก็มีแนวโน้มว่าจะมีแอลกอฮอล์สูงขึ้น

ทั้งนี้แสดงให้เห็นว่า ความสมดุลเฉพาะเรื่องของส่วนผสมเพียงอย่างเดียว มีความสำคัญขนาดไหน เราในฐานะผู้ดื่มหรือผู้ขายเบียร์จึงไม่ควรไปเปลี่ยนสมดุลนี้อย่างง่ายๆ เช่นไม่ควรเอาน้ำแข็งหย่อนลงไปในแก้วเบียร์เป็นอันขาด เพราะจะทำให้ค่าของแรงโน้มถ่วงเดิมเสียไปทันที เนื่องจากน้ำแข็งละลายน้ำให้เพิ่มขึ้น

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แต่เบียร์ที่ถูกทำให้เป็นวุ้นหรือแข็งแล้ว แม้เอามาละลายใหม่ก็ทำให้เสียสมดุลไปเหมือนกัน เพราะรสชาติเสียไปอย่างที่กล่าวแล้วข้างต้น ผมเรียกเบียร์วุ้นหรือเบียร์แช่แข็งเป็นเบียร์ที่เสียแล้วเสมอ ไม่ควรเอามาเสิร์ฟลูกค้าหรือเพื่อนเป็นอันขาด ผมอยากเดาว่า เมื่อเบียร์ถูกทำให้เป็นน้ำแข็ง ก็คือแยกส่วนของน้ำและส่วนผสมอื่นซึ่งเคยผสมกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับน้ำออกจากกัน แม้เอามาละลายอีก ก็ไม่สามารถผสมกลมกลืนกับน้ำได้เหมือนเดิม คือเสียสมดุลไปแล้วนั่นเอง

finish หรือความรู้สึกที่ได้หลังดื่มเป็นเรื่องอธิบายยาก ดื่มลงไปแล้วรู้สึกสดชื่น, อร่อย, กินอาหารอื่นลงไปแล้วก็ไม่รู้สึกพะอืดพะอม ฯลฯ พูดสั้นๆ ก็คือดีล่ะครับ

คราวนี้ก็ถึงเรื่องของอุณหภูมิในการดื่มเบียร์

อุณหภูมิของเบียร์นั้นมีหลายระดับ แล้วแต่ว่าเป็นเบียร์ชนิดไหน ที่คนอังกฤษมักดื่มเบียร์ในอุณหภูมิ ห้อง ก็เพราะเบียร์ของเขาเป็นพวกเอลซึ่งต้องการอุณหภูมิในการดื่มสูงกว่า เบียร์ดีๆ บางยี่ห้อจะบอกอุณหภูมิสำหรับดื่มไว้ที่ข้างขวดเลย บ้านเราผลิตเบียร์ลาเกอร์ตระกูลพิลสเนอร์เป็นส่วนใหญ่ เบียร์ประเภทนี้ควรดื่มที่อุณหภูมิ ๑๐ องศาเซลเซียส (ต่ำกว่าเบียร์อื่นๆ อีกหลายประเภท)

แต่อย่าเคร่งครัดนักนะครับ เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน ก็อาจแช่เย็นให้ต่ำกว่านี้ไปอีกสักหนึ่งหรือสององศา กะว่าเมื่อรินเบียร์แล้วดื่มไปสัก ๑/๔ แก้ว เบียร์ที่เหลือจะอยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสมพอดี ถ้าไปดื่มเบียร์ยอดดอยในหน้าหนาว ก็อาจไม่ต้องแช่เลยก็ได้

อุณหภูมิระดับนี้คอเบียร์เมืองไทยจะบอกว่าเย็นไม่พอ (ส่วนใหญ่ถ้าไม่นับเบียร์วุ้นแล้ว คอเบียร์เมืองไทยจะดื่มเบียร์ที่ประมาณ ๔ องศา หรือต่ำกว่านั้น) แต่ขอให้คุณลองดื่มเบียร์ในอุณหภูมิ ๑๐ องศาดูสักครั้งเถิดครับ แล้วสังเกตให้ดีว่า คุณได้กลิ่นของมอลต์และฮอปดีขึ้น และรสชาติก็มีความหลากหลายมากกว่าขมเพียงอย่างเดียว

ข้อแนะนำคอเบียร์และเจ้าของร้านขายเบียร์อีกอย่างหนึ่งก็คือ ซื้อเบียร์มาเป็นลังแล้ว อย่าเพิ่งรีบเอาแช่ตู้เย็น จะกินเบียร์หรือขายเบียร์ตอนเย็นก็แช่ก่อนดื่มสัก ๒-๓ ชั่วโมง ทยอยไหลเวียนเข้าตู้เย็นไปเรื่อยๆ เพราะอย่างที่บอกแล้วว่าเบียร์แช่เย็นไว้นานๆ นั้นเสียรสเสียกลิ่น ส่วนที่ยังไม่ดื่มหรือยังไม่ได้ขาย ก็เก็บไว้ในลังให้มิดชิด ไม่เปิดให้แสงเข้า วันหลังจะดื่มใหม่ค่อยแช่ใหม่



Create Date : 19 เมษายน 2549
Last Update : 19 เมษายน 2549 18:35:40 น. 28 comments
Counter : 3990 Pageviews.

 
ผมจะพยายามลองทุกแบบตามที่ว่าเลยครับ

ได้ผลไงแล้วจะกลับมาอีกทีครับ


โดย: นายอร วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:19:32:53 น.  

 
โปรเบียร์ตัวจริงเลยเนี่ย


เลิกกินแล้วค่ะ
เห็นแคลอรี่ละหัวใจจะวาย

เมื่อก่อนขอหนึ่งแก้ว ตามด้วยไอติมอีกลูก หลับซาบาย

กลับไปคิดถึงตอนนั้น.....
ถึงว่า...เอวหลามๆมันมาจากไหน


โดย: PADAPA--DOO วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:19:55:59 น.  

 
นับถือเลย ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ


โดย: ชาจัง IP: 124.120.17.131 วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:20:46:30 น.  

 
ระดับเทพเรื่องเบียร์ แต่ว่าแบบนี้มีคนเลี้ยงท่าจะดีนะเนี่ย จะได้ดื่มอย่างเป็นสุข


โดย: Markabyte วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:21:30:09 น.  

 
วันนี้แวะมาสองรอบ.เมาเบีร์ยเลยค่ะ...ในความฝันนะค่ะ..goodnight..ค่ะขึ้นนอนแล้วค่ะ..



โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:21:31:51 น.  

 
อืมม...ๆๆๆไม่สันทัดจริงๆด้วย
มาอ่านเป็นความรู้รอบตัวนะคะ อิอิ


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 19 เมษายน 2549 เวลา:22:52:42 น.  

 
กินเบียร์แล้วอ้วน? จิงเด่ะ ต้องบอกเพื่อน ๆ แล้วล่ะ แต่เราน่ะไม่ชอบมันเลยจิง ๆ ก็มันขมนี่นา


โดย: Cutetetsu วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:6:54:40 น.  

 
กำลังเลิกแล้วเหมือนกัน เพราะรู้สึกว่าจะบวมขึ้นๆ ทุกที
แต่ที่เคยกินมานะ ชอบรถชาติของเบียร์ที่โรงเบียร์เยอรมันที่สุดเลย
กินง่ายแล้วก็ไม่เมา...

แค่ตอนนี้เลิกแล้วค่ะ .. หนูเลิกแล้วค่ะ


โดย: lovetree วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:11:07:04 น.  

 
เชียร์บอลเงียบๆ มา 6 ปีแล้วจ้า

หมายเหตุ...เพื่อนๆเลิกคบไปหมดแล้วค่า


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:11:46:29 น.  

 
หวัดดี..บ่ายเริ่มแก่ๆ..ค่ะ....ขอบคุณมากค่ะแวะหาเราเสมอ..จนกลายเป็นอะไรที่ต้องคอย..

มายได้ทำเกี่ยวกับเกษตร..ค่ะ...ส่วนมากรู้เพราะลักจำจากเขาสนทนากัน..คนใกล้ตัวเรา..เขาชอบ..กล้วยไม้...ชอบเลี้ยงสัตว์..เราไงก็ได้..ถ้าเขาชอบไรเราก็มายขัด..ความสุขเขา..เราชอบทำอะไรที่ได้เงินเร็ว..เกษตร..ต้องใช้เวลานาน.แต่เขาชอบเลยปล่อยให้เขาอยู่กับสิ่งที่เขารัก...เรามายชอบเกษตร..แต่เราชอบดอกไม้สวยๆๆหอมๆๆ...เราทำอุตสากรรมนะค่ะ..ดูแลเองหมด...แต่เราเรียนรู้อะไรเร็ว.ปรับตัวเข้าได้ทุกสถานการณ์..คนเก่งก็งี้...แถม..น่ารักอีก..5555..แต่..กำ..ลัง..จะ..ตาย...แล้ว..!!





โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:14:09:38 น.  

 
พ่อบอกว่า ตอนเด็กๆ ช้อนชาฯ เอาช้อนโต๊ะ ตักฟองเบียร์กินเล่น


แต่คิดว่าตั้งแต่จำความได้ ไม่เคยรู้สึกว่า เบียร์อร่อยตรงไหนเลยอะ


โดย: ช้อนชาสีน้ำเงิน วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:14:52:40 น.  

 
อื้อฮือ...สุนทรีย์ในการดื่มเบียร์ . . . O_O

ว้า...ไม่มีสุนทรีย์ในการดื่ม "รากเบียร์ (รูทเบียร์)" มั่งเหรอ...ไม่ดื่มเบียร์อ่า =_=

อืม...ใช่...เบียร์ขม >_< ว่าสะเดาขมแล้วเชียว แต่เบียร์ขมกว่า ถึงว่า...ทำไมคนนิยมเบียร์มากกว่าสะเดา ;P


โดย: ล ม ห า ย ใ จ ...อุ่ น อุ่ น วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:17:49:09 น.  

 
ดืมให้อร่อย...

ก้อต้องดืมกับคนรู้ใจ
อร่อยจนหยดสุดท้ายจริงๆครับ


โดย: superjack วันที่: 20 เมษายน 2549 เวลา:19:07:05 น.  

 
คนที่บ้านจะชอบทานแบบเบียร์หิมะค่ะ

เวลาเข้าช่องฟรีซคือ หกโมงเย็นของทุกวัน
เวลาทานคือ สองทุ่มครึ่งเป็นต้นไปค่ะ

เอาน้ำแข็งใส่แก้ว
พอรินเบียร์มาโดนน้ำแข็ง
เบียร์ก็จะกลายเป็นเกล็ดน้ำแข็ง
พุ่งออก พุ่งออก ต้องรีบรองไว้ในแก้ว

เค้าทำอย่างนี้เป็นกิจวัตรจนจำขึ้นใจแล้ว


โดย: mungkood วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:0:25:31 น.  

 
มะได้ดื่มมานานมากละ
...
ดื่มอย่างอื่นแทน...
ช้อคโกแลตปั่น... กะลังติดงอมแงมเลย เลิกยากจัง
...
...
ฝันดีนะคะ


โดย: Serendipity_t วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:1:07:28 น.  

 
ได้แต่เก็บความรู้ ไม่มีโอกาสลอง


โดย: แ ม ง ป อ วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:2:20:42 น.  

 
วันนี้..ว่างค่ะ.....เลยแวะมาทักทาย...



โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 21 เมษายน 2549 เวลา:10:05:37 น.  

 
อ๋อความรู้ใหม่



โดย: เม IP: 58.147.124.154 วันที่: 22 เมษายน 2549 เวลา:13:14:57 น.  

 
แวะมาไถ่ถาม สารทุกข์สุกดิบจ้า
มีความสุข อ้วนท้วนสมบูรณ์ดีอ๊ะป่าว


โดย: เสือจ้ะ วันที่: 22 เมษายน 2549 เวลา:14:03:52 น.  

 
โอ้ว ได้ความรู้เยอะเลยค่ะว่าแล้วขอตัวไปเปิดเบียร์ดื่มสัก 1 ขวดก่อนนะคะ


โดย: อพันตรี IP: 203.113.45.198 วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:12:17:57 น.  

 
พักผ่อนบ้างนะค่ะ..บางครั้ง..ชีวิตเราก็มีค่า..ถนอมไว้บางก็ดี..อย่าคิดว่าเรายังมีแรงอยู่....แรงใจดี..ก็ดีค่ะ...แต่แรงกายไม่ไหว..เราก็หมดแรงใจนะค่ะ...

อย่างคุณ..อย่างไรเสียก็ประสบความสำเร็จค่ะ...

เป็นกำลังใจให้เสมอ....

สีโปรดค่ะ..ม่วงๆๆ..บล็อกจะได้สวย...เราให้ได้แค่นี้จ๊ะ...



โดย: catt.&.cattleya.. (catt.&.cattleya.. ) วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:16:48:02 น.  

 
ชอบจัง แบบเนี้ย มีอีกมั้ย ชอบบบบบบบบบ ขอบอก


โดย: หมูน้อยกลางสายฝน (pippojuve ) วันที่: 23 เมษายน 2549 เวลา:16:56:28 น.  

 
โอ้ น่าสนใจจริง ๆ .....น่าเสียดายมาก ที่เลิกดื่มแอลกอฮอล์ มานานพอสมควรแล้ว ...ไม่งั้น คงได้ใช้สูตรนี้มั่ง


โดย: POL_US วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:2:52:04 น.  

 
มืออาชีพจริงๆครับ


โดย: นายเบียร์ วันที่: 24 เมษายน 2549 เวลา:23:30:50 น.  

 
dek-chem.น่ารักทุกคน


โดย: polla IP: 203.146.63.184 วันที่: 22 พฤศจิกายน 2550 เวลา:18:37:59 น.  

 
ว้าววว ความรู้ใหม่ อยากถามนิดเบียร์

ทำให้อ้วน จริงเหรอ ? ?

หรือเพราะ เรากินกับแก้มตอนกลางคืน เลยอ้วน

รบกวนตอบทีครับ


ปล. ขอบคุณจ้าของกระทู้ ไว้นะที่นี้ด้วยครับ


โดย: HEAVY IP: 58.9.24.201 วันที่: 9 ตุลาคม 2553 เวลา:14:35:08 น.  

 
พอดีผมสนใจนำบทความนี้ไปลงตรง "แวดวงเบียร์" ในเว็บ //www.คนรักเบียร์.com หนะครับ รบกวนด้วยนะครับ ไม่ทราบจะอนุญาติไหมครับ เดี๋ยวลงเครดิตให้ ถ้ายังไงติดต่อกลับด้วยครับ sumpaiyo@hotmail.com


โดย: คนรักเบียร์ IP: 124.121.166.174 วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:9:19:23 น.  

 
พอดีผมสนใจนำบทความนี้ไปลงตรง "แวดวงเบียร์" ในเว็บ //www.คนรักเบียร์.com หนะครับ รบกวนด้วยนะครับ ไม่ทราบจะอนุญาติไหมครับ เดี๋ยวลงเครดิตให้ ถ้ายังไงติดต่อกลับด้วยครับ sumpaiyo@hotmail.com


โดย: คนรักเบียร์ IP: 124.121.166.174 วันที่: 11 ธันวาคม 2553 เวลา:9:19:23 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หากผมรักคุณจะผิดมากไหม
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




คนบางคนอยากมีเงินเท่าทะเล
เขาจึงมีความทุกข์เท่าทะเล......
เพียงเพราะต้องดิ้นรน........
หาเงินให้เท่ากับทะเล

คนบางคนอยากมีเพียงเบ็ดสักคัน
เพียงเพื่อหาปลาตัวนึง....จากทะเล
กลับไปเป็นอาหารเย็น
และมีความสุขกับ....การนอนนับดาว
ยามค่ำคืนบนชายหาดที่สงบเงียบ

Friends' blogs
[Add หากผมรักคุณจะผิดมากไหม's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.